Am I a God – ฉันเป็นพระเจ้า - ตอนที่ 129
Chapter 129 มายากล
อลิซาเบธก็ตะลึงเมื่อรู้ตัวว่าขนด้านบนถูกดึงออกไป มันจินตนาการไม่ออกว่ามีคนมากมายขนาดไหนกำลังมองตัวเองอยู่
ในจังหวะคับขันก็ได้ยินเสียงจาวเหยาในหัว “รีบใช้พลังของเธอทำให้ทุกคนมองไม่เห็นเร็ว!”
อลิซาเบธรีบทำตามทันที มันทำให้ทุกคนเห็นแต่ความมืด และจาวเหยาก็รีบใช้พลังหยุดเวลาตาม
เมื่อจาวเหยาย้ายไปใช้พลังของมัจฉะ สกินของแมวทุกตัวก็หายไป แต่ความช่วยเหลือของอลิซาเบธทำให้ทุกคนมองไม่เห็นอะไรนอกจากความมืด
“ฉันมีเวลาแค่ 6 วินาที ต้องจัดการทุกอย่างให้เสร็จ!”
จาวเหยาเริ่มคิดหาทางแก้ไขสถานการณ์ เขาอาจยังไม่เชี่ยวชาญพลังของอลิซาเบธมากนักแต่สามารถเคลื่อนไหวได้ว่องไวในช่วงหยุดเวลา เขารีบหยิบเส้นขนออกมาจากมือเด็กสาวก่อนวางกลับลงไปบนหัวอลิซาเบธตามเดิม เวลาเหลือ 2 วินาที
เขารีบปรี่ไปทางโรลี่โพลี่และเห็นพุงย้วยๆ ของมัน ไม่รู้ว่าที่รัดหายไปไหนแต่จะต้องเป็นปัญหาแน่
ทันใดนั้นในหัวของเขาก็มีไอเดียผุดขึ้น เขาวางมือเบาๆ บนท้องของโรลี่โพลี่ มือที่สองค่อยๆ ตบตามไป ตามมาด้วยมือที่สาม มือที่สี่…
เวลากลับมาเดินตามปกติ จาวเหยารีบกลับไปยืนตรงที่เดิม โรลี่โพลี่รู้สึกแปลกๆ อย่างอธิบายไม่ได้ แต่ว่าพุงของมันกลับเข้าที่เดิมเรียบร้อยแล้ว และเสียงหนึ่งก็ดังขึ้นในหัวของมัน
“เจ้าแมวโง่! แขม่วท้องอ้วนๆ ของนายเดี๋ยวนี้!”
โรลี่โพลี่ตัวแข็งทื่อ มันหายใจเข้าลึกแขม่วท้องเข้าไปเพื่อให้ภาพลวงตาของจาวเหยาสมบูรณ์
“จาวเหยา มันอึดอัดอะ!”
“ตั้งใจเข้า!”
หลังจากนั้น จาวเหยารีบสลับไปใช้พลังของอลิซาเบธทำให้ภาพลวงตาของทั้งร้านกลับมาตามเดิม
ในมุมของลูกค้าคือเข้าใจว่าไฟที่ร้านดับไปไม่กี่วินาทีเท่านั้น
จาวเหยายืนขึ้นประกาศ “ขอโทษด้วยนะครับทุกท่าน! เกิดความขัดข้องทางเทคนิคนิดหน่อยเลยทำให้เกิดไฟตกเมื่อสักครู่ครับ”
ซุนเคอเคอยังคงตกใจ เธอขยี้ตาอยู่สองสามครั้งขณะมองโรลี่โพลี่ที่พยายามแขม่วพุงอย่างเต็มที่อยู่ “เมื่อกี้ฉันตาฝาดเหรอ?”
อีกด้าน เด็กหญิงที่หยิบขนอลิซาเบธออกมาก็พบว่าไม่มีอะไรแปลกไป อลิซาเบธไม่ได้หัวล้าน จาวเหยานำขนกลับไปวางตามเดิมก่อนปกปิดด้วยภาพลวงตาเป็นอันเรียบร้อย
“ในที่สุดทุกอย่างก็โอเค” จาวเหยาถอนหายใจเฮือกใหญ่ด้วยความโล่งอก “อย่าให้ใครจับหัวของเธออีกเด็ดขาด” จาวเหยาพูดกับอลิซาเบธผ่านทางโทรจิต
“แต่เด็กพวกนี้จะลูบหัวฉันลูกเดียว จะให้ทำยังไง?”
ขณะที่พูดก็พยายามใช้อุ้งเท้าปัดมือลูกค้าไปมา ส่วนใหญ่คนที่รุมล้อมอลิซาเบธเป็นคนรักแมวกันอยู่แล้ว เมื่อเห็นเธอทำดังนั้นก็เริ่มไม่พยายามจะจับหัวเธออีกต่อไป
หลังจากเรื่องวุ่นวาย จาวเหยาคิดว่าสถานการณ์คืนนี้จะเป็นไปอย่างราบรื่นแล้ว แต่ก็มีเสียงร้องดังขึ้นอีก
“บ้าจริง คราวนี้อะไรอีกล่ะ?” พลังของจาวเหยายังอยู่ในช่วงคูลดาวน์ แล้วก็ไม่สามารถใช้มุกไฟดับไปได้ตลอด
จาวเหยารีบหันไปทางเสียงร้อง เหยียนเสี่ยวฉิงกำลังมองมัจฉะที่อยู่ในอ้อมแขนอย่างหวาดกลัว ครึ่งหัวของมัจฉะร่วงตกไปที่พื้น ขณะที่อีกครั้งห้อยต่องแต่งอยู่กับคอ
“ฉิบ!” จาวเหยาอุทาน หมวกบีนนี่สีเขียวของมัจฉะร่วงลงมาเพราะเหยียนเสี่ยวฉิงเอาแต่ฟัดมัจฉะไม่หยุด หมวกก็เป็นส่วนหนึ่งของภาพลวงตาเลยทำให้เหมือนหัวของมัจฉะขาดครึ่งลงมาเป็นภาพที่น่าสยดสยองในสายตาลูกค้า
มัจฉะที่ยังไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นมองเธออย่างงงๆ “ทำไมยัยเด็กนี่ร้องดังแบบนี้? จาวเหยา! ดูนี่! มีเด็กกรี๊ดฉันอีกแล้ว! ในชีวิตนายคงไม่มีอะไรแบบนี้หรอก!”
“ช่วยไม่ได้ คงต้องโทษตัวเองที่น่ารักเกินไป” มัจฉะยื่นอุ้งเท้าไปหาเหยียนเสี่ยวฉิง “หยุดร้องได้แล้วนะ ฉันจะให้เธอได้สัมผัสอุ้งเท้าอันนุ่มนิ่มของจอร์จมัจฉะเอง”
เหยียนเสี่ยวฉิงยิ่งร้องหนักกว่าเดิมเมื่อเห็นอุ้งเท้ายื่นมาตรงหน้า เธอรีบโยนมัจฉะไปกลางอากาศก่อนเอามือจับหน้าตัวเอง เธอตัวสั่นไปทั้งตัวและมีน้ำตารื้นที่ขอบตา
“เจ้าโง่!” จาวเหยารีบเข้าไปรับมัจฉะ
เหยียนเสี่ยวฉิงไม่ใช่คนเดียวที่เห็นเหตุการณ์ตรงหน้า เพราะลูกค้าเกือบทั้งร้านก็หันมามองด้วย ทุกคนต่างตะลึงกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
“เจ้าแมวโง่เอ๊ย!” อลิซาเบธตะโกนด่าเมื่อเห็นว่ามัจฉะก็คงยังไม่รู้ตัวว่าเกิดอะไรขึ้น
โดยมีโรลี่โพลี่แอบหัวเราะอยู่เงียบๆ “กำจัดคู่แข่งไปได้อีกคน”
ลูกฝุ่นที่นอนอยู่บนโต๊ะเปิดเปลือกตามองก่อนกลับไปนอนตามเดิมอย่างไม่สนใจ
สายตาหลายคู่กำลังมองมา จาวเหยาค่อยๆ ก้มตัวและหยิบส่วนหัว(หมวก)ของมัจฉะขึ้นมาจากพื้นก่อนวางมันกลับไปบนหัว
มัจฉะร้องตะโกน “จาวเหยา! จาวเหยา! นายวางผิดที่! นั่นมันตูดฉัน ไม่ใช่หัว!”
“ก็มันไม่มีเวลา!” ด้วยภาพลวงตาทำให้มัจฉะกลับมาเป็นสก็อตติชโฟลด์ที่น่ารักตามเดิม จาวเหยาอุ้มมัจฉะขึ้นมาเหมือนในเรื่องไลอ้อนคิง
“ท้าดา! ขอบคุณที่รับชมครับ! พอดีผมฝึกมายากลมานิดหน่อย! ทุกคนใจเย็นๆ ก่อนนะครับ! แมวตัวนี้ไม่เป็นอะไร! ดูสิครับ! มันกลับมาเป็นปกติแล้ว!”
ไป๋ช้วนกับเสี่ยวฉือยู่เริ่มปรบมือเชียร์อัพให้ลูกค้าร่วมด้วย
“มายากลเจ๋งมาก!” เสียงเชียร์ดังขึ้นมาจากลูกค้าที่เห็นมายากลอันเหลือเชื่อ
“นักมายากลคนนี้เจ๋งจริงๆ!” เสียงเชียร์ดังขึ้นอีกครั้ง
เหยียนเสี่ยวฉิงเอามือทาบอกพยายามใจเย็น “บ้าจริง แล้วทำไมต้องมาเล่นตอนที่ฉันอุ้มอยู่ด้วยละเนี่ย? ฉันนึกว่าตัวเองเป็นคนทำให้เจ้าแมวนั่นหัวแตกเป็นสองส่วนแล้ว!” เธอมองมัจฉะพลางขมวดคิ้วเล็กน้อย “ทำไมถึงรู้สึกว่าเจ้าแมวนี้แตกต่างจากตอนแรกนิดหน่อย?”
เพราะจาวเหยาพลาดเลยทำให้มัจฉะถูกอุ้มแบบห้อยหัว “จาวเหยา ฉันบอกแล้วว่ามันผิดด้าน! ฉันกลับหัวกลับหางไปหมดแล้ว!” มันบ่น
“หุบปากน่าเจ้าโง่ ถ้าฉันได้ยินนายบ่นอีกละก็ ฉันจะตัดหัวของนายไปแปะตรงตูดเลยคอยดู!”
มัจฉะปิดปากเงียบทันที
แม้จาวเหยาจะใส่หมวกไว้ที่ก้นของมัจฉะแต่ก็ไม่มีใครเห็นความผิดพลาดนั้น เพราะภาพลวงตาสามารถบังคับประสาทการมองเห็นได้ดีอย่างสิ้นเชิง ตราบใดที่ไม่ได้ยื่นมือมาจับก็ไม่สามารถรับรู้ความผิดปกตอ
“เจ้าแมวเอ๋อ เห็นมั้ยว่ามีกี่สายตาที่จ้องนายอยู่ ฉันต้องไปแล้วและหาทางแก้ไขปัญหานี่ หาทางไปห้องน้ำให้ได้แล้วกัน ไปเจอกันในนั้น!”