Am I a God – ฉันเป็นพระเจ้า - ตอนที่ 196
Chapter 196 หารือและจัดการ
ความหวาดกลัวพวกผู้หลบหนีหายไป
นับจากที่จับกุมอะพอสเซิล 3 ใน 4 คนไปในวันนั้น ทางรัฐบาลก็ไม่เคยตึงเครียดเท่านี้อีกเลย
แรกเริ่ม ความพยายามในการปกปิดความจริงไม่เป็นอย่างที่พวกเขาหวังไว้ รัฐบาลประกาศว่าเหตุเกิดจากแก๊สรั่วและหัวจ่ายน้ํามีปัญหาจึงเกิดการระเบิด แต่ก็มีข่าวลือต่างๆนานาแพร่กระจายทางออนไลน์อยู่ดี
และแม้ว่าร่างกาฝากหลายร่างจะถูกจับกุม แต่ร่างที่แท้จริงของราชาแห่งความตายยังคงเป็นปริศนา ซึ่งเป็นเรื่องน่าหงุดหงิดและหวั่นใจอย่างมาก ความสงสัยและเคลือบแคลงเริ่มแผ่กว้างราวกับเป็นพิษร้ายที่ส่งผลต่อเพื่อนร่วมงานที่ไว้ใจกัน
สิ่งเดียวที่ปลอบประโลมจิตใจได้คือซุนเหมิงถูกคุมขังไว้อย่างแน่นหนา สารวัตรโฮพยายามเกลี้ยกล่อมให้อีกฝ่ายเผยที่อยู่แร็กดอลล์ทั้งสามของเธอ ปรากฎว่าพวกมันอยู่ใกล้พวกเขามากกว่าที่คิดเผื่อว่าซุนเหมิงต้องการความช่วยเหลือ
และด้วยการช่วยเหลือจากแมว เหล่าผู้ที่ตกอยู่ในอาการโคม่าก็คืนสติกลับมา
เหตุการณ์อาจจบลง แต่ผลกระทบที่ตามมากลับกระจายเป็นวงกว้าง ฝั่งรัฐบาลบางกลุ่มใช้เรื่องนี้เป็นเหตุผลให้เปลี่ยนกฎระเบียบสําหรับควบคุมซูเปอร์แคทและอะพอสเซิลให้เข้มงวดและรุนแรงมากขึ้น
เป็นเหตุให้จาวเหยาที่นั่งอยู่ในออฟฟิศของสารวัตรโฮกําลังลูบคางอย่างใช้ความคิด
“ถ้ารู้ว่าเรื่องจะบานปลายขนาดนี้ไม่น่าเข้ามาเกี่ยวด้วยเลย” เขานึกเสียใจ
สายตามากมายกําลังจับจ้องเขา หลายคนรู้ว่าเขามีพละกําลังมากแค่ไหน แต่นั่นไม่ใช่ลางดีเมื่อรู้ว่าเขา เป็นคนปราบอะพอสเซิลคนอื่นๆได้
แม้คนอื่นจะรู้เรื่องพลังของเขาก็ไม่มีอะไรต้องกังวล เพียงภาพลวงตาของอลิซาเบธก็ช่วยจัดการกับคนอื่นได้กว่า 99% แล้ว รวมกับพลังหยุดเวลาของมัจฉะ มิติพิเศษของลูกฝุ่น และเกราะพลังของแอรสทําให้ไม่มีใครสามารถแตะต้องเขาได้
แต่จาวเหยาก็ไม่อาจโชว์ไฟทั้งหมดในมือ
หากศัตรูล่วงรู้พลังของเขา อีกฝ่ายอาจพยายามหาหนทางที่สามารถเอาชนะเขาได้ในสักทาง
“อย่างน้อยก็ไม่มีคนรู้เรื่องพลังหยุดเวลาและการบิดเบือนเวลาที่เกิดขึ้น”
สารวัตรโฮนั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามกับเขา ลอบมองสีหน้าของจาวเหยาที่เปลี่ยนไปมาจนบอกได้ว่าอีกฝ่ายนั้นกําลังกังวล
“ไม่ต้องคิดมากน่า” เขาเกริ่น “ก็จริงที่หลายคนรู้ว่านายเป็นคนเอาชนะอะพอสเซิล 4 คนนั้น แต่ไม่มีใครรู้ว่านายทําได้ยังไง แม้แต่อาเว่ยที่อยู่ตรงนั้นยังบอกไม่ได้ว่าเรื่องมันเป็นมายังไง หรืออาจจะไม่รู้ด้วยซ้ําว่านายทําอะไร นายมีอะไรอยากจะเล่าให้ฉันฟังไหม”
จาวเหยาเม้มปากก่อนส่งรอยยิ้มอย่างมีเลศนัยกับคําถามนั้น
“เดี๋ยวคุณก็ไปสอบปากคําซุนเหมิงอยู่ดี ผมแน่ใจว่าเธอน่าจะเล่าได้เป็นฉากๆเลยละ” เขาว่า
เขารู้สึกโล่งใจจากคําพูดของสารวัตร เพราะเนสซี่ทําให้พื้นที่โดยรอบปกคลุมไปด้วยน้ําแทบตลอดเวลา ทําให้พยานไม่อาจเห็นสิ่งที่เกิดขึ้นข้างในได้อย่างชัดเจน
“บางที่พวกเขาอาจคิดว่าเราเป็นพวกอมตะ เทเลพอร์ตหรือไม่ก็พลังชงสารแบบเฮอร์คิวลีสอะไรเทือกนั้น”
เขาคาด
สารวัตรโฮกรอกตา
“ไอ้เด็กคนนี้ ก็เพราะคนอื่นอธิบายได้ไม่ดีเท่านายยังไงล่ะ” เขาว่า
จาวเหยาเกาหลังหูอย่างไม่ใส่ใจและไม่ได้ตอบคําถามนั้น
“อย่าเฉไฉเลย ให้ผมมาที่นี่ทําไมกัน ธุรกิจของผมกําลังรุ่ง ให้ผมมาด้วยเรื่องแค่นี้มันเสียรายได้นะครับ คุณต้องชดใช้นะ”
“ไอ้เด็กนี่” สารวัตรโฮ จ้องอีกฝ่ายตาเขม็ง “ไม่รู้หรือไงว่าไอ้การผจญภัยของนายมันส่งผลยังไงบ้าง เกิดการจลาจลที่สํานักงานใหญ่ ทุกคนต่างต้องการรู้ว่านายคือใคร แล้วก็มีอีกหลายคนที่อยากจับนายขังไปซะ รวมถึงยึดแมวและร้านของนายด้วย ที่มันยังไม่เป็นแบบนั้นก็เพราะคนตรงหน้านายนี่ยังไงละ”
แน่นอนว่าสารวัตรเล่าเพียงบางส่วนเท่านั้น ความเป็นจริงซับซ้อนกว่านั้นมาก
เรื่องที่จาวเหยาดูเหมือนจะเป็นอมตะจุดชนวนการโต้แย้งอย่างรุนแรงในหมู่เจ้าหน้าที่ระดับสูงของรัฐ บางคนอ้างว่าเพียงเท่านี้ก็พิสูจน์ได้แล้วว่าจาวเหยาเป็นภัยต่อประเทศชาติ ซูเปอร์แคทของเขาจะต้องถูกส่งตัวให้รัฐบาลดูแล
นี่เป็นเพียงก้าวแรก พวกเขามีแผนที่ใหญ่กว่านั้น พวกเขาหวังจะใช้กฎระเบียบเข้มงวดควบคุมเหล่าอะพอสเซิลให้อยู่ในเงื้อมมือของตนเอง และหวังจะพรากแมวไปจากพวกอะพอสเซิลอีกด้วย
แน่นอนว่าสารวัตรโฮต่อต้านความคิดนั้น
ทั้งซูเปอร์แคทและอะพอสเซิลต่างมีจํานวนมากเกินไปที่รัฐบาลจะจัดการไหว
เป็นเหตุผลที่ทางรัฐบาลของอเมริกาไม่ประกาศสงครามกับเหล่าอะพอสเซิลไม่ว่าพวกเขาจะสร้างปัญหามากเพียงใด แม้พวกเขาเอาชนะอะพอสเซิลทุกคนได้ ซึ่งไม่อาจทําได้จริง ก็ต้องแลกมาด้วยราคาที่ต้องจ่ายจนไม่อาจบอกได้ว่าจะส่งความเสียหายต่อประเทศมากขนาดไหน
ขณะที่การโต้เถียงกําลังตึงเครียด ผู้อาวุโสจวงก็ได้พูดขึ้นจนจบการประชุมลงได้
เขาต่อต้านการปกครองแบบเผด็จการอย่างเด็ดขาดในการควบคุมเหล่าอะพอสเซิล เป็นเหตุให้จาวเหยาชนะในเรื่องนี้ไป
“ฉันต้องโทรหาเหล่าคนสําคัญทุกคนที่ฉันรู้จักเพื่อให้เขาเมตตานาย”
มันได้ผล
จาวเหยามองเขาอย่างกังวล
“ขอบคุณ” เขาพูดจากใจ “แล้วคุณจะไม่เป็นไรเหรอ ไม่ส่งปัญหากับหน้าที่การงานหรือเรื่องเลื่อนตําแหน่งของคุณเหรอ”
สารวัตรโฮยิ้มออกมา หายากที่จาวเหยาจะแสดงความชื่นชมกับเขาจนเผลอเพลิดเพลินไปกับมัน
“นี่ฉันหูแว่วไปหรือเปล่า นายขอบคุณฉัน?” เขายิ้มกว้าง “แต่นายก็รู้ว่าฉันคงปกป้องนายตลอดไปไม่ได้ นายจะต้องเข้าร่วมกับเรานับจากนี้ เมื่อนายเป็นหนึ่งในพวกเราจะไม่มีใครทําร้ายนายได้ พลังของนาย ตัวตนของนาย และบันทึกผลงานทั้งหมดจะถูกจัดเป็นข้อมูลลับระดับสูง มีแค่เจ้าหน้าที่ระดับสูงเท่านั้นที่มีสิทธิ์เข้าถึงข้อมูลได้”
จาวเหยาหรี่ตา
“แต่อาเว่ยกับเสี่ยวฉีอยู่ใช่ไหม พวกนั้นเป็นหนึ่งใน เจ้าหน้าที่ระดับสูง” ที่คุณว่าหรือเปล่า?” เขาถาม พลางขยับนิ้วตามคําพูดในอากาศ
สารวัตรโฮกระแอม
“ฉันคุยกับพวกเขาแล้ว ไม่ต้องกังวล พวกเขาจะไม่เปิดปากพูด เชื่อในตัวเจ้าหน้าที่ของเรา” เขาตอบนิ่งๆ
“โอเค” จาวเหยาน้ําเสียงลังเล “แล้วผมต้องทํายังไง”
“เอาล่ะ นายต้องการอะไรล่ะ ถ้าอยากเปิดร้านต่อก็ย่อมได้ ขึ้นอยู่กับกับนายเลย แต่หากเกิดปัญหานายต้องจัดมัน”
“ฟังดูไม่เลว” จาวเหยาพยักหน้า “แล้วเรื่องค่าตอบแทน? ผมช่วยคุณจัดการพวกคนน่ากลัวไปตั้ง 4 คน ผมก็น่าจะได้รางวัลสักหน่อย เอาเป็นเงินล้านนึงก็ดูเข้าท่า”
ข้อตกลงเจ้าเล่ห์ที่เขากําลังเสนอถูกคั่นด้วยการอัพเดทตารางภารกิจ
ขึ้นว่า “ปลดล็อคภารกิจเจ้าพนักงาน!!
จาวเหยาเลิกคิ้วอย่างสงสัย เขาไม่เข้าใจความหมายของมันสักนิด แต่เมื่อเขาหันกลับไปหาสารวัตรโฮก็ร้อง อ่อ
“บ้าไปแล้ว” เขาพึมพําใต้ลมหายใจ
เครื่องหมายอัศเจรีย์สีเทาปรากฏขึ้นเหนือศีรษะของสารวัตรโฮ
“ล้านนึง!? นั่นมันเยอะกว่าแผนกฉันใช้ทั้งปีอีก” เขาทวงเสียงดัง
จากนั้นเขาก็หายใจเข้าลึกอย่างต้องการสงบอารมณ์ ก่อนพยายามฉีกยิ้มอย่างดีที่สุด “เราคงมอบเงินนั่นให้ นายไม่ได้ แต่เราจะชดเชยให้ด้วยทางอื่น นายเป็นฮีโร่ของเราแล้ว เป็นหน้าที่ที่ฉันต้องดูแลผู้คุ้มครองเมืองของ พวกเรา”
สารวัตรโฮไม่อยากตามใจจาวเหยามากนัก แต่เขาก็ถือเป็นบุคคลมีค่าต่อทางการ เขาต้องทําให้อีกฝ่ายมีความสุข
สารวัตรโฮกระแอมไอเรียกความสนใจอีกครั้ง
“นายชอบร้านกาแฟของนายใช่ไหม” เขาเริ่ม “มีร้านเสื้อผ้าอยู่บนชั้นสองเหนือร้านของนาย เราจะจัดการ เรื่องโอนกรรมสิทธิ์ให้นายสามารถปล่อยเช่าหรือเปิดร้านทั้งสองชั้นก็ได้”
และสิ่งนั้นเรียกความสนใจจากจาวเหยาได้อย่างดี เขากระพริบตาถี่ๆ อย่างประหลาดใจ
“จริงเหรอ? แจ๋วไปเลย! นี่สุดยอดไปเลยสารวัตร”
จาวเหยารู้มูลค่าของร้านชั้นสองเป็นอย่างดี เหมือนกับร้านของเขาที่ตั้งอยู่ในย่านการค้าหลักระหว่างมหาวิทยาลัยและสถานีรถไฟ ถือเป็นสินทรัพย์ยอดนิยมที่ไม่อาจได้มาด้วยเงิน
สารวัตรโฮยิ้มเมื่อเห็นจาวเหยามีท่าทางพอใจ
“เป็นไง บอกแล้วให้เชื่อใจฉันและสํานักงานของเรา พวกเราจะดูแลนายเอง” เขาเสริม
“ดีสิ นี่มันเยี่ยมมากเลย” จาวเหยาตื่นเต้น “ถ้าผมขยายร้าน กําไรของผมก็จะเพิ่มขึ้น ทีนี้ก็ไม่ต้องห่วงเรื่องลูกค้าแน่นร้านแล้ว คุณมาได้ถูกจังหวะพอดีเลย”
เขายิ้มกว้างขึ้นขณะวาดฝัน “เรื่องดีที่สุดคือฉันไม่ต้องจ่ายค่าเช่า ต่อให้เลิกเปิดร้านกาแฟแล้วปล่อยเช่าทั้งสองยูนิตก็ทําให้มีเงินใช้ไปทั้งชาติ”
ความเพลิดเพลินของจาวเหยาถูกขัดอย่างรวดเร็วโดยเครื่องหมายอัศเจรีย์ที่ยังลอยอยู่เหนือศีรษะของสารวัตร
“นี่สารวัตร คุณต้องการความช่วยเหลืออะไรจากผมหรือเปล่า” เขาลอบถาม
“คุณอยากจะได้บุหรี่สักซองไหม? น้ํา? ข้าวกลางวัน?”
“หรือคณอยากได้แมวผมไปช่วยจับหนให้คณ?”