Am I a God – ฉันเป็นพระเจ้า - ตอนที่ 197
Chapter 197 ลบความจํา และกลับบ้าน
จาวเหยาพยายามเสนอสิ่งต่างๆ เท่าที่ทําได้ แต่หน้าภารกิจก็ยังไม่ปรากฏ
คิ้วของสารวัตรเลิกสูงขึ้นเรื่อยๆ จาวเหยารู้ตัวว่าต้องหยุดก่อนจะโดนสงสัย
เขาเม้มปากพลางคิดในใจ “หรือเครื่องหมายตกใจนั่นจะไม่เกี่ยวกับภารกิจ?”
จาวเหยาส่ายหน้า ถอนหายใจยอมแพ้ เพราะเขายังมีเรื่องให้ต้องคุยอีกมาก
“จริงด้วย ร้านของผมโดนลูกหลงจนพังเละ ผมจําเป็นต้องซ่อมร้าน” เขาพูดขึ้น
สารวัตรโฮส่งยิ้มให้เขาอย่างรู้ทัน “ฉันรู้ว่านายต้องพูดถึง ฉันจัดหาอินทีเรียกับทีมก่อสร้างที่ดีที่สุดในเจียงไฮให้แล้ว พวกเขายังพร้อมทํางานนอกเวลาเพื่อทําให้ร้านของนายดูดีกว่าเดิม นายอยากขยายสาขาไปยูนิตใหม่ไหมล่ะ”
“แน่นอนอยู่แล้วครับ ผมอยากจะเปิดคาเฟ่แมวที่ดีที่สุดในโลก!” จาวเหยารีบตอบในทันทีก่อนส่งยิ้มกว้างให้ กับสารวัตรที่ไม่รู้เบื้องลึกเบื้องหลังของเขา ที่เขาอยากขยายร้านก็เพราะเรื่องของกําไรทั้งนั้น ยิ่งกําไรมากก็ยิ่ง ได้รับค่าประสบการณ์มาก จาวเหยาต้องการเพียงเท่านั้น
“วันนี้ทรงผมคุณดูดีนะครับ” จาวเหยาเอ่ย
สารวัตรโฮหรี่ตามอง เขาไม่มีผมบนศีรษะสักเส้น ไม่มีทรงอะไรให้ต้องเอ่ยถึงทั้งนั้น
“ไม่ต้องมาทําเป็นชมเลยนะ” เขาพูดเสียงนิ่ง
จาวเหยากลับเข้าใจผิดว่าเป็นสัญญาณให้เขายอต่อไป
“ก็สารวัตรตาดี มองการไกลเก่งนี่ครับ ทั้งรูปลักษณ์ก็ดี มีพรสวรรค์ จะรสนิยม ทักษะ หรือสติปัญหา แรงจูงใจ ความเก่งกาจ…”
“พอเลย พอเลย ไม่ต้องพูดแล้ว” สารวัตรโฮยกมือห้าม “ทีมจะแจ้งนายอีกทีถ้าร้านปรับปรุงเสร็จแล้ว จบเรื่อง นายไปได้”
“แล้วแมวของผม?”
“ไปชั่วนพากลับบ้านไปหมดแล้ว”
ทันทีที่จาวเหยาออกมาจากห้อง เขาก็ล้วงเอาโทรศัพท์ออกมาส่งข้อความหามัจฉะเพื่อให้แน่ใจว่าพวกนั้นโอเคดี จากนั้นเขาก็ขึ้นรถพานาเมร่าเพื่อกลับไปเอาสัมภาระที่ร้าน
เมื่อใกล้ถึงร้าน จาวเหยาเห็นเต็นท์ขนาดใหญ่ตั้งอยู่ตรงทางเข้า ข้างในอัดแน่นไปด้วยผู้คนที่กําลังยืนล้อมใครบางคนหรือบางสิ่งอยู่ แต่ละมุมของเต็นท์มีชายชุดดํายืนอยู่ ทุกคนต่างสวมแว่นอิเล็กโทรนิกส์ ดูเหมือนคน พวกนี้เป็นคนของอาเว่ย
อาเว่ยอยู่ตรงกลางของกลุ่มคน กําลังตะโกนให้ทุกคนได้ยิน “ผมทราบดีว่าเหตุการณ์ระเบิดที่เกิดขึ้นในวันนี้ ทําให้ทุกท่านไม่สบายใจ ทุกท่านช่วยใกล้เข้ามากันหน่อยครับ รัฐบาลจะช่วยเหลือทุกท่านในวันนี้เอง”
“ไม่เป็นไรครับ ไม่ต้องเขินอายไป! เข้ามาใกล้ๆ อีกครับทุกคน!”
“เราจะแจ้งเรื่องที่รัฐบาลจะชดเชยให้กับทุกท่านนะครับ ก่อนอื่นดูที่แมวตัวนี้สิครับ!”
“อะไรกันล่ะนั่น” จาวเหยาบ่นอุบ รีบเข้าไปยังฝูงชนทันที “ทําไมคนเยอะขนาดนี้”
ตอนนี้เขาได้ยินเสียงของอาเว่ยแล้ว แต่เขาก็ยังไม่เห็นตัวอาเว่ยหรือแมวใดๆ
วินาทีต่อมา คนกลุ่มหนึ่งต่างล้มลงพื้นที่เหลือก็ล้มลงตามกันเหมือนโดมิโน ทันทีที่พวกเขาล้มลงก็หมดสติไปในทันที
จาวเหยาหยุดเดิน ดวงตาเบิกกว้าง ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น เขาผงะเมื่อเห็นแมวแร็กดอลล์ตัวหนึ่ง มันเดินนวยนาดอย่างสง่าท่ามกลางกลุ่มคนที่กําลังนอนอยู่ พร้อมวางอุ้งเท้าแตะตัวทุกคนที่มันเดินผ่านมา
เขารีบมองไปรอบๆ พบว่ามีแร็กดอลล์อีก 2 ตัวอยู่ในเต็นท์ พวกมันยืนอวดขนเงางามท่ามกลางแสงแดด ทั้งสามไม่เหมือนแมวทั่วไป เป็นแมวพันธุ์ที่ได้รับการดูแลมาอย่างดีแน่นอน
จาวเหยาหันไปมองอาเว่ย
“นี่มันอะไรกัน ชายชุดดํา 4 คน? แล้วนั่นซูเปอร์แคทเหรอ”
“คุณจาว” อาเว่ยทักเสียงเข้ม
เขาพูดกับจาวเหยาด้วยน้ําเสียงที่ต่างไปจากเดิม “ใช่แล้ว แมวพวกนี้เป็นซูเปอร์แคทของซุนเหมิง เจ้าตัวนี้ทําให้คนหลับได้ด้วยการมองพวกเขา ส่วนตัวนี้ลบความทรงจําได้ ฉันเพิ่งสั่งให้เจ้าพวกนี้ใช้พลังกับผู้เห็นเหตุการณ์ในวันนี้ทั้งหมด”
จาวเหยาพยักหน้า นั่นเป็นเหตุผลที่พวกเขาต้องใส่แว่นอิเล็กโทรนิกส์นั่น
“แล้วเจ้าแมวนี่ลบความทรงจําได้มากแค่ไหน? อาจมีบางคนนึกเหตุการณ์ขึ้นมาได้ก็ได้นะ” เขาถาม
“ก็เป็นไปได้ แต่ก็ไม่เป็นปัญหา เพราะตอนนี้ต้องลบความทรงจําของผู้คนให้มากที่สุดเท่าที่จะทําได้ ฝ่าย IT กับคนดูแลเว็บจะจัดการข่าวลือและเรื่องเล่าในโลกออนไลน์ด้วยเช่นกัน เท่าที่พวกเขาจะทําได้น่ะนะ ต่อให้มีใครเล็ดรอดออกไปก็คงไม่ถึงขั้นสร้างปัญหา”
จาวเหยาพยักหน้าอีกครั้งอย่างเข้าใจ “เข้าใจละ อย่าลืมดูเรื่องลูกค้าของผมด้วยละ ผมไม่อยากให้พวกเขาจําเรื่องในวันนี้ได้”
“แน่นอน”
ทัศนคติของอาเว่ยที่มีต่อจาวเหยาเปลี่ยนไปอย่างมาก
เขาประจันกับพวกผู้หลบหนีซึ่งๆหน้า ซึ่งการเอาชนะพวกนั้นได้ถือเป็นความสําเร็จ แม้จาวเหยาจะไม่ได้ทําเหมือนเป็นเรื่องใหญ่ แต่เขาก็รู้สึกนับถืออีกฝ่ายขึ้นกว่าเดิมมาก
เขาเองก็แอบตัวสั่นเล็กน้อยเมื่อนึกขึ้นได้ว่าเคยอยากเปิดศึกกับจาวเหยามาก่อน
อีกด้าน ครอบครัวแร็กดอลล์กําลังพูดคุยกัน
ซีซาร์ผู้เป็นพ่อเอ่ยปากบ่นอย่างไม่หยุดหย่อน “เมื่อไหร่จะหมดสักทีเนี่ย”
แคทเธอรีนผู้เป็นแม่เองก็เช่นกัน “เจ้ามนุษย์พวกนี้ใช้งานแมวแบบนี้ได้ยังไงกัน”
“แม่ พ่อ หยุดบ่นได้แล้วน่า จําไว้ว่าพวกเราเป็นแมวพันธุ์แท้ที่สง่างามนะ ต่อให้ทํางานหนักก็ต้องทําตัวสง่า และสุขุมเข้าไว้”
จาวเหยาผู้เป็นคนเดียวที่เข้าใจบทสนทนาของแมวทั้งสามได้แต่ลอบกรอกตาเงียบๆ
เขารีบโบกมือลาอาเว่ยก่อนกลับเข้าไปที่ร้าน หยิบสัมภาระและตรงกลับบ้าน
ทันทีที่ก้าวเท้าเข้าบ้าน เจ้าก้อนส้มก็พุ่งตัวมาอยู่ข้างหน้า พร้อมทั้งมุดหัวกับอกของเขา
“จาวเหยา!” มัจฉะร้อง “ฉันหิวมาก! ไปชั่วนไม่ยอมทําอาหารให้เรา!”
ความอบอุ่นและความสุขที่ซึมอยู่ในหัวใจของจาวเหยาหายไปในทันที เขาโยนเจ้าแมวยิงออกไปอย่างไม่ลังเล นึกว่าเจ้ามัจฉะจะเป็นห่วงเขาเสียอีก
แมวตัวอื่นๆ ที่อยู่ในห้องนั่งเล่นหันมามองเขาเช่นกัน
“เจ้านาย เป็นยังไงบ้างครับ สารวัตรว่ายังไงบ้าง” ไปJชั่วนเอ่ยถาม
เขาเป็นคนเดียวที่ถามถึงเรื่องของจาวเหยา
“ทุกอย่างโอเคแล้ว นายก็รู้ว่าฉันเป็นใคร เรื่องเล็กๆพวกนี้ไม่เป็นปัญหาหรอก” จาวเหยาตอบนิ่งๆ “ที่ จริงฉันให้พวกเขารีโนเวทร้าน แถมยังได้ขยายร้านเพิ่มด้วยแหละ”
“สุดยอดไปเลย!” ไปช่วนตอบกลับมาอย่างตื่นเต้น “คุณน่าจะหิวแล้ว เดี๋ยวผมทําอาหารให้คุณเอง”
จาวเหยาพยักหน้าก่อนทิ้งตัวลงโซฟา ก่อนมองแมวที่อยู่รอบๆ
โรโพลิ่นอนแอ้งแม้งอยู่หน้าประตูห้องครัว ซึ่งน่าจะเพราะความหิว มันแทบไม่ขยับเขยื้อนตัวเลยสักนิด
เค้กข้าว ลูกฝุ่น และแมงโกเล่นไล่จับกันอย่างเคย พวกมันวิ่งไปทั่วบ้าน พลังงานเต็มเปี่ยม แมงโก้กระโดดหลบขึ้นไปอยู่บนโต๊ะ ส่วนลูกฝุ่นมุดเข้าไปอยู่ใต้โซฟา
ส่วนพวกแมวจรก็อยู่ในห้องที่เคยเป็นของพวกมัน ทั้งยังส่งเสียงร้องให้ได้ยินเป็นระยะ
มัจฉะกลิ้งเข้าไปในครัว ร้องให้ไปช่วนทําอาหารให้มัน
จาวเหยารู้สึกผ่อนคลายเต็มที่เมื่อเห็นพวกแมวต่างกําลังสงบสุข
“ไม่ต้องสนใจโลกแบบพวกนายนี่ดีจังนะ” เขาพึมพําราวกับต้องการพูดกับตัวเอง
วันนี้เป็นวันที่หนักหนา เขาโล่งใจที่ทําข้อตกลงกับทางการได้ ทั้งได้ช่วยแมวของเขาและได้ร่วมมือกับทางการต่อไป แม้เขาจะรู้ว่าด้วยพลังของเขาทําให้ต่อรองได้มากกว่านี้ แต่จาวเหยาไม่ต้องการเอาภาระมาใส่อกเพิ่ม เขาชอบในตอนนี้ที่เขาเป็นอยู่
“ไม่รู้เหมือนกันว่าต่อไปโลกจะเป็นไปยังไง อะไรจะเกิดก็ต้องเกิด ฉันต้องแข็งแกร่งขึ้นกว่านี้ เป็นทางเดียวที่ฉันจะปกป้องตัวเองและมัจฉะกับพวกแมวได้”
ขณะที่กําลังใช้ความคิด อลิซาเบธเดินเข้ามาหาเขาเงียบๆ
“เด็กคนนั้น ซุนเหมิงน่ะ ตอนนี้เป็นยังไงบ้างงั้นเหรอ” มันถาม
“ซุนเหมิง?” เขานึก “ก็นะ ถูกจับตัวอยู่ หลังพิจารณาคดีคงโดนตัดสินจําคุกตลอดชีวิตละมั้ง อย่างร้ายที่สุดก็ประหาร”
เขาหันไปมองอลิซาเบธ “รู้จักด้วยเหรอ”
“เธอเป็นเจ้าของฟาร์มแมวที่ฉันโตมาน่ะ ฉันรู้จักเธอตั้งแต่ยังไม่มีพลังพิเศษ”
จาวเหยาเลิกคิ้ว เขาไม่คิดว่าอลิซาเบธจะรู้จักหรือมีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับซุนเหมิงมาก่อน
“แล้วพวกแร็กดอลล์ที่อยู่กับเธอล่ะ พวกนั้นเป็นยังไงบ้าง” อลิซาเบธถามต่อ
“ทางการไม่กําจัดซูเปอร์แคทหรอก” จาวเหยาตอบ “พวกนั้นเกี่ยวข้องกับเธอหรือเปล่า?”
อลิซาเบธพยักหน้าซ้ําๆ “ดูเหมือนพวกเขาจะเป็นครอบครัวของฉัน”
“ไม่ต้องห่วงไป” จาวเหยาพยายามปลอบ “รัฐบาลดูแลแมวที่มีพลังแข็งแกร่งแบบนั้นอย่างเต็มที่ พวกนั้นไม่เป็นอันตรายแน่นอน คงได้รับการดูแลในที่ที่ลับสุดยอดสักแห่ง ดีไม่ดีเจ้าพวกนั้นได้กินดีอยู่ดีกว่าพวกเธอตอนนี้อีกมั้ง”
อลิซาเบธถอนหายใจ มันไม่ได้ผล
“ฉันเป็นคนหนีออกมา ไม่คิดมาก่อนเลยว่ามันจะเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น” มันว่า
จาวเหยาเริ่มทําอะไรไม่ถูก “เอ่อ เอาเป็นว่า เดี๋ยวฉันจะไปเล่นเกมสักรอบ ถ้ามันหนักหนามากยังไม่ต้องเล่าตอนนี้ก็ได้นะ”
แต่อลิซาเบธพูดต่อโดยไม่สนใจคําพูดของจาวเหยา “ก็ซุนเหมิงจะให้ฉันไปเดทกับแมวโง่ๆ เพื่อให้มีลูกนีjนา! ฉันไม่ชอบเจ้านั่นด้วยซ้ํา! ฉันจะไปทําได้ยังไงกัน”
มันเริ่มเสียงดังขึ้น “เจ้านั่นนะโงก็โง่ แถมไม่มีสติปัญญาด้วยซ้ํา! ที่พอจะไปวัดไปวาได้ก็มีแค่หน้าตาเท่านั้นแหละ!”
“มีใครพูดถึงฉันอยู่หรือเปล่า?” มัจฉะตะโกนมาจากในครัว
จาวเหยาอ้าปากหาวเมื่อต้องจํานนฟังเรื่องราวจากอลิซาเบธ
สรุปได้ว่าซุนเหมิงเคยเปิดฟาร์มแมวมาก่อน โดยตั้งใจจะสร้างแมวที่โดดเด่นยิ่งขึ้นจากแร็กดอลล์แต่ละรุ่น ต่อให้พลังของรุ่นอลิซาเบธตื่นขึ้นมาแล้วก็ยังไม่ยอมลดละ ซุนเหมิงต้องการเพาะพันธุ์ซูเปอร์แคทโดยเริ่มจากจับคู่อลิซาเบธกับแร็กดอลล์หล่อเหลาตัวหนึ่ง
อลิซาเบธยืนกรานจะไม่ทําตามแผน ทั้งคู่ทะเลาะกันยกใหญ่จนจบด้วยอลิซาเบธหนีออกจากบ้านมา มันร่อนเร่โดยใช้ภาพลวงตาปลอมตัวเป็นแมวทั่วไปจนมาถึงเจียงไฮ้
เรื่องของมันทําจาวเหยาหน่ายใจเนื่องจากเห็นพล็อตจากในทีวีมาเยอะ
แต่เขาก็ต้องเบิกตากว้างขึ้นเมื่อเห็นเครื่องหมายอัศเจรีย์โชว์ขึ้นเหนือหัวของอลิซาเบธ