Almighty Coach – โค้ชอหังการ - ตอนที่ 263
ตอนที่ 263 อดีตที่ยากจน
เมีวัลเลบหลีไต้คง ในตอนเที่ยงอัลเลนไปรับหลีไต้แล้วพาไปที่สนามฝึกของเขาตามปรกติเพราะยังไงถ้าไม่มีอัลเลนหลีไม่กล้าไปเฉียดพื้นที่ชุมชนคนผิวสีคนเดียวแน่ๆ
แต่วันนี้อัลเลนดูเศร้าๆผิดปรกติ
“อัลเลน เป็นอะไร ? ป่วยเหรอ? นายดูหงอยๆนะ” หลี่ไต้ถาม
“หลี่ ฉันจะไม่อยู่ในLAประมาณ2-3วันนะ”อัลเลนพูด
“นายจะกลับเวอร์จิเนียเหรอ?”หลี่ไต้ถาม “มีปัญหาอะไรกับการสมัครเข้ามหาลัยเหรอ?”
อัลเลนพยักหน้า “แม่ฉันมาที่นี้เพื่อมาหามหาลัยดีๆ แต่กลับกลายเป็นว่าไม่มีมหาลัยไหนรับฉัน แถมยังปฏิเสธแบบที่ไม่ให้ฉันมีโอกาสได้ลองด้วย”
“งั้นนายจะทําอะไรต่อละ?”หลี่ไต้ถามต่อ
“ฉันก็คงกลับไปที่ฝั่งตะวันออกละมั้ง แล้วก็ไปลองเสี่ยงดวงที่เมสซาชูเซสดูเผื่อว่าจะมีมหาลัยรองๆลงมายื่นทุนให้ฉันบ้าง”อัลเลนถอนหายใจก่อนพูด“เปลี่ยนเรื่องนิดนึง ไปห้างด้วยกันกับฉันหน่อยซิรีบไปก่อนห้างจะปิด”
“จะไปซื้ออะไรละ? หรือว่ามีพวกลดราคาช่วงนี้?”หลีใต้ถาม
หลี่ได้มาอยู่ที่อเมริกาได้ซักพักแล้วเขาเลยรู้วัฒนธรรมอเมริกาบ้างแล้ว ผู้บริโภคชาวมะกันเป็นคนที่ค่อนข้างมีเหตุผลกับการซื้อของมาก
คนอเมริกาส่วนมากมักจะเลือกที่จะไปซื้อของช่วงที่มีลดราคาเพราะโปรโมชั่นลดราคาของห้างร้านนั้นมันยั่วยวนใจเสมอช่วงคริสมาสต์จะมีพวกเทศกาลแบล็คฟรายเดย์ที่จะเป็นช่วงลดราคาใหญ่มากซึ่งคนส่วนมากก็จะซื้อของไปตุนในช่วงนี้เป็นเวลาหลายเดือนจนถึงขึ้นทุนเป็นปีเลยก็มี
“ไม่ได้มีลดอะไรหรอก ฉันจะไปซื้อตุ๊กตาบาร์บี้หน่ะ”
“บาร์บี้เหรอ ของผู้หญิงไม่ใช่เหรอ”หลี่ไต้ไม่คิดว่าคนหน้าเหี้ยมอย่างอัลเลนจะมีรสนิยมแบบนั้น
“จะบ้าหรอ! ฉันซื้อไปให้น้องสาวฉันโว้ย ฉันสัญญากับเธอไปแล้วว่าเอาของขวัญไปให้” อัลเลนพูด
“มีน้องสาวด้วยเหรอ ไม่เคยได้ยินนายพูดถึงเลย”หลี่ได้ถามอย่างแปลกใจ
อัลเลนพยักหน้าแล้วหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาแล้วหารูป ในรูปนั้นเป็นเด็กสาวอายุ15-16ปียืนด้านซ้ายของอัลเลนและเธอก็อุ้มเด็กสาวตัวน้อยๆอายุ3-4ขวบไว้ในอ้อมแขน
“นี้น้องสาวฉันชื่อแบรนดี้ เธอพึ่งเข้าม.ปลายนี้เองและนี้ก็คือน้องสาวคนสุดท้องชื่อลซ่าเธอพึ่งจะ4ขวบปีนี้นี่เองฉันเลยอยากจะซื้อตุ๊กตาบาร์บี้ให้เธอหน่ะ”อัลเลนอธิบาย
“เธอน่ารักมากเลย”หลี่ไต้ชม
“แต่น่าเสียดาย ที่เธอเป็นโรคหัวใจโดยกําเนิด”อัลเลนพูดพร้อมความเศร้าสร้อยในดวงตา
หลีไต้คิดซักพักก่อนจะเข้าใจความหมายของคําว่า “โรคหัวใจโดยกําเนิด”
หลี่ไต้เลยถามต่อมันเป็นโรคที่รักษายากมากใช่ไหม”
“ใช่ หมอบอกว่าลิซ่ามีอายุอยู่ได้แค่ไม่ถึง20ปีด้วยซ้ํานอกจากเธอจะไปผ่าตัด” อัลเลนกําหมัดแน่น
อัลเลนถอนหายใจออกมายาวๆก่อนจะพูดต่อ “ตอนที่แม่มีฉัน เธอพึ่งจะอายุ15เอง และหลังจากที่ฉันเกิดไม่นานพ่อจริงๆของฉันก็ทิ้งฉันไปแล้วหลังจากนั้นแม่ก็แต่งงานใหม่กับพ่อเลี้ยงฉันแล้วก็มีลูกสาวด้วยกัน2คน”
หลี่ได้พยักหน้า มันค่อนข้างเป็นเรื่องธรรมดาในอเมริกาโดยเฉพาะในสังคมคนผิวสี
“พ่อเลี้ยงของฉันเป็นคนดีนะ เขาอยากที่จะช่วยเหลือครอบครัว แต่เขาก็หางานที่มั่นคงทําไม่ได้เพราะว่าติดประวัติอาชญากรรมและเข้าคุกบ่อย แม่ของฉันเลยต้องทํางานแทบจะทุกอย่าง ที่ๆเราอยู่ก็นับว่าแย่มากๆ เราไม่มีตังจ่ายค่าไฟ ไฟบ้านเราเลยโดนตัด เราไม่มีตั้งหาอาหารกินด้วยเหมือนกันเราเลยแทบจะหิวตลอดค่าน้ำก็ไม่มีตังจ่าย บางครั้งเราก็หาเงินจ่ายค่าเช่าบ้านไม่ทันจนโดนไล่ที่บางครั้งเราก็ต้องไปนอนข้างถนน”
หลี่ได้พยักหน้า เขาเคยอ่านข่าวเรื่องแบบนี้อยู่เหมือนกัน สิ่งที่อัลเลนต้องเจอตั้งแต่ในวัยเด็กนั้นมันเต็มไปด้วยความยากลําบาก
“น้องสาวฉันลิซ่าเธอโตมาด้วยสุขภาพที่ย่ําแย่ เธอพึ่งตรวจเจอว่าเป็นโรคหัวใจไม่นานนี้เองและเธอเองก็ไม่ได้มีประกันสุขภาพอะไรด้วยก็นะเราไม่มีตังจ่ายค่าประกัน รวมไปถึงค่าผ่าตัดของลิซ่าหรอก”อัลเลนพูดด้วยเสียงเบาๆก่อนจะพูดต่อ“อีกอย่างลิซ่ายังเด็กอยู่ด้วยโอกาสสําเร็จมันจะสูงขึ้นถ้าผ่าตัดโดยผู้เชี่ยวชาญในโรงพยาบาลดีซึ่งมันแพงมากๆ”
ในอเมริกา ถ้าไม่มีประกันสุขภาพ ค่ารักษาโรคเล็กน้อยก็เป็นภาระหนักหนาได้แต่คนจนหลายๆคนในอเมริกาก็ยังไม่มีตังจ่ายค่าประกันอยู่ดี
ค่ายา ค่าตรวจค่าผ่าตัดในอเมริกามันแพงแบบฆ่ากันให้ตายทางอ้อม แค่ตรวจเลือดก็ราคารวมไปกันไป100ดอลล่าร์แล้ว เรียกรถพยาบาลฉุกเฉินก็ล่อไป1000ดอลล่าร์ และถ้าค้างในโรงบาลรวมรักษานั้นนี้มันก็จะลากยาวยัน40000-50000ดอลล่าร์มันก็เป็นเรื่องปรกติที่เข้าห้องผ่าตัดที่นึ่งก็ต้องเสียเป็นแสนหยวนดังนั้นคนธรรมดาหาเช้ากินค่ําไม่มีทางจ่ายค่ารักษาได้โดยที่ไม่มีประกัน
แย่ยิ่งกว่านั้นคนอเมริกาบางคนก็ไม่ได้มีนิสัยที่ต้องประหยัดอะไรด้วย พวกเขาใช้บัตรเครดิตเพื่อซื้อหุ้นซื้อนี้ไม่ว่าจะของแพงของถูกใช้เงินจากอนาคตซื้อไว้ตลอดดังนั้น พอป่วยขึ้นมาทีก็ถึงขั้นที่ว่าล้มละลายทันที
ในอเมริกาถ้าเกิดอยากจะหาหมอในโรงพยาบาลของรัฐสิ่งที่ทําได้อย่างเดียวเลยคือต้องรอค่ารักษาของโรงบาลรัฐจะถูกกว่าแต่ต้องนัดล่วงหน้าอย่างน่อย2-3เดือนและเวลาผ่านไปแบบนั้น อาการต่างๆก็ยิ่งแย่ลงหรือไม่ก็หายไปได้เองแล้ว
มันเป็นเรื่องปรกติมากที่คนป่วยที่ต้องการการรักษาโดยด่วนจะไม่ไปรักษาได้เป็นวัน หมอนั้นมีทรัพยากรและแรงงานมากพอที่จะรักษาอาการป่วยแบบปางตายเท่านั้น ถ้าเป็นที่จีนถ้าลงทะเบียนตอนเช้าก็สามารถได้รับการตรวจและรักษาได้ในวันเดียวกัน ในกรณีที่ต้องเข้าแลปผู้ป่วยก็สามารถได้รับผลได้ในวันถัดไป
บางครั้งในจีน ผู้ป่วยที่มีอาการสาหัสสามารถเข้ารับการรักษาในศูนย์ฉุกเฉินได้เลย แต่ทั้งหมดที่เป็นความดีงามนั้นแทบจะเป็นไปไม่ได้ในโรงพยาบาลรัฐ
อีกทั้งหมอเก่งๆทั้งหลายในอเมริกาก็ทํางานอยู่ในโรงพยาบาลเอกชนกันหมด ศูนย์การแพทย์จํานวนมากที่สามารถทําการวิจัยได้มักจะเต็มไปด้วยหมอเก่งๆทั้งนั้น
ดังนั้นหมอในโรงพยาบาลเอกชนเลยเก่งกว่าหมอในโรงพยาบาลรัฐเยอะ แต่ค่ารักษาก็สูงกว่ามากเช่นกันในโรงพยาบาลเอกชนนั้นตราบใดที่จ่ายไหว ก็จะสามารถได้รับการรักษาในทันที
ค่ารักษาพยาบาลของโรงพยาลาลเอกชนนั้นจัดได้ว่าพูดเลือดขูดเนื้อเลยก็ได้ ทั้งหมดต้องพึ่งประกันชีวิตที่ผู้ป่วยมีอย่างเดียว ส่วนบริษัทประกันก็ได้ทําสัญญากับโรงพยาบาลผู้ป่วยที่มีประกันราคาแพงนั้นจะได้รับการรักษาอย่างดีที่สุดในโรงพยาบาลเอกชน
อัลเลนพูดต่อ “ลิซ่าไม่ได้มีประกัน ถ้าเธอรับการผ่าตัดตอนนี้เราอาจจะต้องจ่ายไปมากกว่า1ล้านเหรียญธรรมดาแค่เงินกินเงินใช้ยังจะไม่พอเลย มีหนทางเดียวที่ฉันจะทําเงินได้มากขนาดนั้นคือการไปเป็นนักกีฬามืออาชีพไม่ว่าจะเป็นNFL หรือ NBA ตราบใดที่ฉันไปเป็นดาราดวงใหม่ได้ ฉันก็ได้ตั้งมากพอจะรักษาลิซ่าได้ไม่งั้นลิซ่าก็ต้องตาย…”
“ฉันมันเป็นไอ้โง่เองแหล่ะถ้าฉันไม่ไปมีเรื่องตอนนั้นป่านนี้ฉันคงได้มีโอกาสไปเป็นผู้เล่นใน NFLแล้วและถ้าฉันเล่นฟุตบอลต่อไม่มีทางที่โค้ชมหาลัยจะไม่รับฉันเลยฉันจะได้มหาลัยดีๆได้ทุนดีๆ ….เชี่ยเอ้ยที่ฉันทําลงไปตอนนั้นมันโง่ยิ่งกว่าโง่อีก!” อัลเลนส่ายหัวแล้วพูด“เพราะงั้น ฉันเลยสาบานต่อชีวิตของฉันว่าฉันจะไม่สู้กับใครอีกแล้ว!”