Almighty Coach – โค้ชอหังการ - ตอนที่ 248
ตอนที่ 248 แลกทุกอย่างเพื่อชัยชนะ
ขาที่3ของการแข่งนั้นแทบจะเรียกได้ว่าเป็นขาที่สําคัญที่สุดในการแข่งวิ่งผลัด4×100เมตร ถ้าเทียบกับขานๆ ขาที่3เป็นขาที่เข้าโค้งนานที่สุด และต้องเจอกับการส่งไม้ครั้งสุดท้ายซึ่งต้องใช้เทคนิคที่ดีที่สุด
อีกอย่างหนึ่งคือขาที่3นั้นจําเป็นที่จะต้องทนรับแรงกดดันเพราะว่าจะต้องเจอกับโค้งสุดท้าย พวกเขาอยากที่จะส่งไม้ต่อให้เร็วที่สุดที่ทําได้แต่ถึงอย่างนั้น ยิ่งกดดันมากเท่าไร ก็ยิ่งพลาดได้ง่ายเท่านั้น
ส่วนนักวิ่งคนที่4นั้นในทางกลับกันให้ความสนใจอยู่แค่อย่างเดียวก็พอ คือการรับไม่ให้ได้แล้ววิ่งให้เร็วที สุด! และเพราะแบบนี้ทําให้พวกเขามีความกดดันที่น้อยกว่า
หลีไต้เลือกเฉินเค่อหนานมาเป็นขาที่3เพราะว่าเขาวิ่งทางโค้งได้ดีและเขามีประสบการณ์ที่สูง
เขารู้เทคนิคการวิ่งทางโค้งมากมาย ก็แหงละ พอนักกีฬามาถึงจุดที่อายุพอๆกับเฉินเค่อหนานแล้ววิ่งมาเป็น10ปี ถึงแม้พวกเขาจะวิ่งได้ไม่ได้ดีมากนักในทางโค้ง แต่พวกเขาก็มีประสบการณ์มากพอที่จะวิ่งอย่างมีประสิทธิภาพด้วยประสบการณ์ที่มี
และสําหรับในเรื่องประสบการณ์ เฉินเค่อหนานก็นับว่าเป็นนักวิ่งที่มีประสบการณ์ในการวิ่งสูงมาก ตอนที่เขายังหนุ่ม เขาก็เป็นนักวิ่งที่ยอดเยี่ยมที่เคยได้รางวัลในการแข่งระดับชาติต่างๆมากมาย
พอคนเราถึงอายุ30แล้วถึงแม้จะเป็นคนหยาบช้าก็กลายเป็นคนใจเย็นได้ อย่างน้อยก็ในจังหวะแบบนี้ก็ไม่ต้องกังวล
“ส่งไม้!”เฉินเค่อหนานตะโกนขณะยื่นไม้ออกไป
“รับ!”เฉียนดงรับได้ทันที แล้วพึ่งไปด้วยความเร็วสูง มันเป็นการรับส่งไม้ที่สมบูรณ์แบบลื่นไหลและรวดเร็ว
ถ้าเทียบกับทีมอื่นๆแล้วการส่งไม้ของทั้งคู่นับว่าเร็วกว่าและลื่นกว่ามาก คนนอกจากจะไม่สังเกต แต่ในสายตาของมืออาชีพ นี้มันแทบจะเป็นเหมือนผลงานชิ้นโบแดง
“ยอดเยี่ยม!”ซูหลี่พูดชมการส่งไม้ของเฉินเค่อหนาน
ถ้าจะตัดสินการแข่งวิ่งผลัด นักกีฬาที่เป็นคนส่งไม้นั้นไม่ได้เป็นแค่คนริเริ่ม แต่เป็นการคุมขั้นตอนการส่งไม้ทั้งหมดเลยด้วย
ในขาที่3ของการแข่งเฉินเค่อหนานทําหน้าที่นี้ได้ที่สุด ถ้านับเรื่องเวลาโดยรวมไปถึงช่วงส่งไม้ด้วย ถึงแม้เขาจะวิ่งได้ไม่เร็ว แต่ในเวลาแบบนี้ เขากลายเป็นนักวิ่งผลัดที่ดีที่สุดเท่าที่มีในสนาม
ทีมเวิร์คที่แม่นย่าทําให้เฉียนดงเป็นคนแรกที่ได้พุ่งออกจากจุดเปลี่ยนไม้สุดท้าย เขาเร่งความเร็วขึ้นแล้ว เขาก็สามารถคงความได้เปรียบนี้แล้วขึ้นนําเป็นคนแรกได้ อย่างน้อยก็ในระยะ10เมตร
ตงเฉียนเป็นนักกีฬาที่มีความสามารถคู่ควรกับการแข่งในรอบชิงจริงๆ เพราะว่าความสามารถของเขาในตอนนี้ เร็กยิ่งได้ว่าเป็นคนที่เร็วที่สุดในทีมฮันเบก็ไม่ได้พูดเกิดจริงไป แต่ประเด็นมันอยู่ตรงที่ว่าทีมอื่นๆทุกทีมก็ส่งนักวิ่งที่เร็วที่สุดมาเหมือนกัน
ทั้งหยางฉือจี้ ฮาวหยูอี้ ฉือจี้จน เหว่ยซื้อเต๋ 2คนแรกก็เป็นแชมป์เอเชี่ยนเกมแล้ว ส่วนอัก2คนที่เหลือก็เคยได้แชมป์การแข่งกีฬาระดับชาติมาเยอะมาก
เฉียนตงก็ไม่ได้วิ่งเร็วเท่าพวกเขาหรอก แถมเขายังไม่มีไม่ให้ส่งเอาความได้เปรียบมาอีกแล้วด้วย ตอนนี้มันขึ้นอยู่กับเขาคนเดียว ตอนนี้เขาต้องอาศัยความได้เปรียบจากการเปลี่ยนไม้สุดท้ายนั้นและความเร็วของตัวเอง เพื่อวิ่งให้เร็วที่สุดจนเข้าเส้นชัยให้ได้
ตอนนี้มันเป็นขาสุดท้ายแล้ว ทุกคนวิ่งเร็วเต็มที่กันหมด ถ้าใครพลาดแม้แต่ก้าวเดียว คนๆนั้นก็จะถูกทิ้งรั้งท้ายทันที
ฉือจี้จนจับไม้แน่นแล้ววิ่งให้ไวที่สุดเท่าที่ทําได้
ในฐานะนักวิ่งตัวเด็งทีมชาติ เขาไม่รู้ว่าเขาต้องมาวิ่งตามคนอื่นแบบนี้ มันไม่ได้อยู่ในความคิดของเขาเลย ด้วยซ้ํา อาจจะตามหยางฉือจี้ ฮาวหยูอี้ หรือไม่ก็เหว่ยชื่อเต๋เพื่อนเก่าของเขา
แต่ตอนนี้ฉือจนพบว่าตัวเองกําลังตามใครอยู่ก็ไม่รู้
เฉียนตงนั้นค่อนข้างเป็นนักกีฬาชื่อดังในเขตชั้นเบ แต่เขาไม่ได้ดังในระดับประเทศ ก็ไม่แปลกที่นักกีฬาตัวท็อปอย่างฉือจี้จุนจะไม่รู้จักเขา
มันเป็นไปได้เหรอวะ ที่ใครก็ไม่รู้มานฉันอยู่เนี่ย? ลืออี้จนมองไปข้างหน้าอย่างไม่สบอารมณ์
โชคยังดีที่เขาไม่ได้เร็วไปกว่าฉันหรอก พอเขาคิดอย่างนั้นได้ เขาก็เริ่มวิ่งแบบเป็นหนึ่งเดียวกับแสง
ระยะห่างของทั้ง2คนเริ่มกระชั้นชิดมากยิ่งขึ้น ฉือจี้จุนเริ่มเห็นความหวัง
แต่นักวิ่งคนนั้นก็ใกล้ถึงเส้นชัยแล้วเหมือนกัน ทันใดนั้น ฉือจี้จุนก็เริ่มรู้สึกว่าตัวเองไม่น่าวิ่งตามเฉียนลงได้ ทันก่อนที่จะเข้าเส้นชัย
ฉันเร็วกว่าไอ้นั้นตั้งเยอะ แต่ทําไมฉันยังตามหลังมันวะ นี้ฉันจะแพ้ใครก็ไม่รู้เหรอ ไม่มีทาง ฉันจะให้มันเกิดเรื่องแบบนั้นไม่ได้
ตอนนั้นเองที่ฉือจนกลายเป็นปีศาจ เขามีความเร็วของปีศาจที่พุ่งทยานพยายามเข้าเส้นชัย
หยางฉือจี้ก็ไม่แพ้กัน มันเป็นโอกาสที่สําคัญของหยางฉือจี้ที่ได้ที่1ในการแข่งเอเชียนเกมมา
ตอนนี้หยางฉือจี้โตขึ้นกว่าเก่าเยอะมากแล้วจากตอนที่แข่งเอเชี่ยนเกมครั้งล่าสุด เขาถือความเป็นแชมป์นานที่สุดเท่าที่เขาเคยทําได้ เขาจะไม่ปล่อยโอกาสนี้ไปเด็ดขาด แต่ตอนนี้เขาดันเจอใครก็ไม่รู้ที่วิ่งช้ากว่าเขามาอยู่ข้างหน้า สิ่งเดียวที่เขาทําได้คือเร่งความเร็วขึ้น
เฉียนตงยังคงเป็นที่มีอยู่ แต่ระยะห่างนั้นใกล้เขามาเรื่อยๆ จนเฉียนตงรู้สึกเสียวสันหลังจากแรงอมหิตของหยางฉือจี้และฉือจี้จุนจากข้างหลัง
ฉือจี้จนอยู่ทางซ้าย เฉียนตงรู้สึกได้ หมายความว่าเขาเข้ามาใกล้มากๆแล้ว
นั้นมันฉือจี้จนนี้ ไม่อยากจะเชื่อเลยว่าเขาจะตามหลังฉันอยู่
ฉือจุนนับว่าเป็นนักวิ่งตัวท็อปของประเทศนี้ และนับว่าเป็นนักวิ่งตัวอย่างของคนในประเทศ
เฉียนตงนั้นใฝ่ฝันอยากที่จะได้แข่งในสนามเดียวกันกับฉือจี้จนมานานมากแล้ว แต่ฉือจี้จุนส่วนมากจะไปแข่งแต่ในรายการใหญ่ๆ รายการที่เฉียนตงไม่ผ่านรอบคัดเลือก
ส่วนทางขวาของเขา หยางฉือจี้เริ่มปรากฏตัวขึ้นมา
นั้นหยางฉือจีน แชมป์เอเชียนเกมหยางฉือจี้เฉียนตงจําได้เมื่อหลายเดือนก่อน เขานั่งอยู่หน้าทีวีแล้วมองดูหยางฉือจีได้ที่1ในกีฬาเอเชียนเกม ทําให้เขาอิจฉามากๆ
เฉียนดงเคยคิดว่าเขาไม่มีทางได้มาแข่งกับหยางฉือจีแบบนี้แน่ๆ
แล้วยิ่งทั้งฉือจี้จุนและหยางฉือจี้กําลังอยู่ในการแข่งเดียวกัน แล้วฉันมีโอกาสชนะด้วย มีโอกาสเดียวเท่านั้น นี้มันโอกาสเดียวในตลอดชีวิตของฉันแล้ว
อีกแค่ไม่ถึง10เมตรจากเส้นชัย
เฉียนตงรู้ว่านี้มันเป็น10เมตรที่สําคัญที่สุดในชีวิตของเขาแล้ว
ฉันต้องชนะให้ได้ ไม่ว่าจะยังไงก็ตาม ฉันต้องชนะ!
เฉียนตงโน้มหัวและตัวไปข้างหน้า เขาวิ่งเร็วจนร่างกายของเขาเสียสมดุล เขาโถมน้ําหนักตัวเองไปด้านหน้าแล้วยื่นแขนออกมา แปลง่ายๆว่า ตอนนี้เขาเปลี่ยนจากการวิ่งเข้าเส้นชัยเป็นการกระโดดพุ่งหลาวล้มเข้าหาเส้นชัยแทน
หลายๆคนคิดว่ามันเป็นการโกงที่พุ่งเข้าเส้นชัยแบบนั้น แต่เอาในความเป็นจริง ไม่มีกฎข้อไหนห้ามไม่ให้ทําแบบนั้น ตามกฎแล้ว การวัดจะขึ้นอยู่กับตัวของนักกีฬา (ไม่นับส่วนหัวคอขาขามือหรือเท้า)เข้าเส้นชัย คนแรกที่ เข้าเส้นชัยคือผู้ชนะ ถ้ามันไม่ได้เป็นการขัดขวางคนอื่น การพุ่งล้มเข้าเส้นชัยก็ไม่ใช่ปัญหา
แต่จะให้พูดคือ ท่าแบบนี้มันไม่ค่อยดีต่อสุขภาพนักกีฬาเท่าไร เพราะนักกีฬาที่พุ่งล้มแบบนี้ก็มักจะบาดเจ็บ ด้วยความที่พวกเขาวิ่งมาเร็วมาก และส่วนมากจะไม่ใช่แค่ถลอกแต่รวมไปถึงความเป็นไปได้ที่จะกระดูกหักหรือเส้นเอ็นขาด ซึ่งอาจจะมีผลที่จะทําให้ปิดฉากอาชีพนักวิ่งได้เลย ดังนั้น นักกีฬาเลยไม่ค่อยเลือกที่จะเสี่ยงเอาอาชีพของพวกเขามาแขวนไว้กับการกระโดดเข้าเส้นชัยแบบนี้
แต่วันนี้เฉียนดงยอมแลกทุกอย่างเพื่อชัยชนะ เขาพุ่งเข้าเส้นชัยแบบไม่มีการยั้งคิดใดๆทั้งสิ้น เขาอยากที่จะชนะให้ได้ ไม่ว่าเขาจะแลกมาด้วยอะไรก็ตาม
วินาทีต่อมาคือเฉียนตงล้มลงไปกับพื้นอย่างแรงแล้วไถลไปกับพื้นด้วยความเร็วตามหลักฟิสิกข์
คําถามเดียวที่อยู่ในหัวเฉียนตงคือ
ชนะไหม?
เขาเลยหน้าขึ้นพยายามหาคนที่ยืนยันได้ เขาหันหัวไปมาอย่างสับสนก่อนที่จะเห็นหลี่ได้ชูมือขึ้นอย่างดีใจ
“ฉันชนะ!”เฉียนตงรู้สึกได้ถึงชัยชนะ ขณะที่เขากําาลังกองอยู่กับพื้น