เทพอสูรสยบโลกา - ตอนที่ 719
ตอนที่ 719 ฝึกภาษา
“ท่านปู่รอง แล้วท่านมิต้องไปอารักขาท่านพ่อหรอกหรือ?” เด็กสาวกล่าวอย่างสงสัย เพราะปู่รองจื่อเจียงนั้นมีหน้าที่หลังเกษียณตนเองจากกองทัพส่งมอบหน้าที่แม่ทัพให้แก่บุตรชายจื่อหมิง แล้วมันก็มารับหน้าที่เป็นหัว หน้าองครักษ์หลวง ซึ่งตามปกติในสถานการณ์เช่นนี้มันควรจะอยู่อารักขาจักรพรรดิปีศาจจึงจะถูก แต่ดูแล้วตอน นี้ทหารองครักษ์มาปักหลักอยู่ที่หอโอสถแทบทั้งหมด ที่นี่จึงเป็นสถานที่ที่ได้รับการคุ้มกันแน่นหนาที่สุดภายใน เมืองหลวงปีศาจมากยิ่งกว่าราชวังที่พํานักของจักรพรรดิเสียอีก
จ๋อเจียงเพียงยิ้มพลางรูปหัวเด็กสาวอย่างเอ็นดู หาได้ตอบคําถามกลับไปไม่
แท้จริงแล้วเหตุที่จอเจียงนําทหารองครักษ์เกือบทั้งหมดมาปักหลักอยู่หอโอสถในตอนนี้ก็เพราะเด็กสาวคือ บุคคลสําหรับที่สุดเป็นอันดับแรกของเผ่าปีศาจยิ่งกว่าผู้ใดมากกว่าจักพรรดิผู้เป็นบิดา ใครสามารถสิ้นชีพได้แต่ มิใช่นาง! ผู้เป็นความหวังของเผ่าปีศาจ!!!
เด็กสาวเมื่อไม่ได้รับคําตอบหันไปมองหน้าเฒ่าโอสถด้วยความสงสัย
“เทพโอสถ ยาบํารุงที่ท่านสั่งกําลังได้ที่เลยขอรับ” ตอนนั้นเองเหล่าหูหัวหน้าพ่อครัวกล่าว
“อ-โอ้ ได้เวลาพอดี อันเอ๋อร์เจ้าทานเสร็จแล้วใช่ไหม ถ้างั้นช่วยยกยาบํารุงนี่ไปให้พ่อหนุ่มนั่นหน่อยสิ” เฒ่าโอสถหลบสายตากล่าวละล่ําละลัก
การแสดงออกของสองเฒ่ามีพิรุธอย่างชัดเจน แต่เด็กสาวจะรู้ถึงเรื่องที่พวกมันปิดบัง? แน่นอนย่อมไม่
ไม่รอช้าเหล่าหยกถ้วยยาส่งถึงมือน้อยๆของเด็กสาว
นางกําลังมึนงงสับสนกับปู่ที่เคารพทั้งสองนํายาไปให้หลินหยางอย่างมึนงง
ทันทีที่เด็กสาวเข้าไปในหอโอสถ ประตูบานใหญ่ถูกปิดลงทันที
“พี่ใหญ่ ตอนนี้จักพรรดิปีศาจและพวกท่านอ๋องกําลังรอท่านอยู่ในห้องประชุม” จ่อเจียงกล่าวด้วยน้ําเสียงจริงจัง
“ข้าทราบแล้ว น้องรอง ที่นี่ฝากเจ้าด้วย” เทพโอสถกล่าวรับ ลุกจากเก้าอี้เดินห่างออกมาราวหนึ่งก้าว พลางกระโดดลอยตัวขึ้นสูงก่อนที่ปีกของมันจะสยายกว้าง ออกเดินทางมุ่งหน้าไปยังราชวังทันที
“เหล่าหู เก็บโต๊ะ” จ่อเจียงกล่าวหลังมองพี่ชายตนลับตาไปไกล มันเดินไปยังข้างประตูหอโอสถจับง้าวยาวเล่มหนึ่งที่วางพาดไว้ข้างกําแพง หมุนควงก่อนจะดีดตัวบินดิ่งมุ่งตรงไปยังกําแพงเมือง
ก๊อก
เหม่อมองเพดานบางคราหลับตานึกย้อนความทรงจําที่เลือนราง มีเสียงรบกวนปลุกตื่นจากภวังค์ หลินหยางเอียงคอมองไปยังทางเข้าออกห้อง เป็นเด็กสาวนามผิงอันถือชามใบนึงเดินมาหามันอย่างช้าๆระมัดระวังประคองรักษาสมดุลถ้วยชามในมือจนมาถึงข้างเตียง
“พี่หลินหยาง นี่เป็นยาบํารุงร่างกายที่ท่านปู่ใหญ่ทําขึ้นมาให้ท่านได้ดื่มเพื่อฟื้นฟูร่างกาย” เด็กสาวกล่าว พลางนั่งลงข้างเตียง
????
หน้าหลินหยางมีแต่เครื่องหมายคําถาม
“อ๊ะ เด็กสาวฉุกคิด วางถ้วยยาไว้ข้างหมอนก่อนจะขยับตัวออกมายืนกลางห้อง ทําท่ายกถ้วยอากาศดื่มและวิ่งพลางกระโดดรอบห้องอย่างกระปรี้กระเปร่า ใช้ภาษากายสื่อสารอันเรียบง่าย
หลินหยางมองตามครุ่นคิดชั่วครู่ ก่อนจะผงกหัวรัวๆเป็นคําตอบว่ามันเข้าใจความหมาย ทั้งสองราวกับเล่นเกมส์ตอบคําถาม…
เด็กสาวไม่รอช้าป้อนยาให้ตามคําสั่งของปู่ตน ส่วนหลินหยางก็ทานไปอย่างว่าง่าย ตอนนี้มันไม่สนแล้วว่าคนมีปีกเหล่านี้เป็นมิตรหรือศัตรูกันแน่ ไม่หวาดระแวงว่าในถ้วยยานี้จะมียาพิษหรือสิ่งใดก็ตาม เพราะด้วยสภาพที่เป็นอยู่ หากฝ่ายตรงข้ามอยากจะทําร้ายปลิดชีวิตตน ก็ทําได้ง่ายแสนง่ายแค่มีดเล่มเดียวหรือจะบีบคอให้มันขาด อากาศหายใจก็สิ้นชีวิต ไม่จําเป็นต้องทําให้เรื่องมันยุ่งยากใช้ทรัพยากรเปลืองอย่ายาพิษ
“ขอบคุณ” หลินหยางกล่าวขอบคุณเด็กสาวที่คอยปรนนิบัติตน
หลังป้อนยาให้เสร็จสรรพเด็กสาวยิ้มอย่างร่าเริงนําถ้วยเปล่าวิ่งออกจากห้อง ไม่นานนักนางก็กลับมาพร้อมกับหนังสือเล่มหนาหลายสิบเล่มวางไว้บนพื้น
หลินหยางที่ถูกบังคับให้นอนอยู่กับที่และขยับได้เพียงแค่ส่วนคอขึ้นไปก็ทําได้เพียงแค่มองเด็กสาวเดินเข้าออกห้อง ขนหนังสือมาเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆนํามากองเป็นภูเขาขนาดย่อมๆไว้ริมนึงของห้อง
ผ่านไปกว่าสิบนาที
ตอนนี้หนังสือทั้งหนาและบางภายในห้องมีมากกว่าร้อยสองร้อยเล่มเข้าไปแล้ว เมื่อขนหนังสือล็อตสุดท้าย เข้ามาเด็กกําลังหน้านิ่วคิ้วขมวดง่วนอยู่กับกองหนังสือพลางบ่นเสียงพึมพําในลําคอ ค้นกองหนังสือจนกระจัด กระจายเกะกะเรี่ยราดจนภายในห้องแทบจะไม่มีทางเดินเลยทีเดียว ยิ่งค้นยิ่งขมวดคิ้วไม่นานนักเด็กสาวก็ลุกวิ่งออกไปจากห้อง
หลินหยางนอนอยู่บนเตียงได้ยินเสียงเด็กสาวและชายผู้หนึ่งตะโกนสนทนากันแว่วเป็นพักๆ
ผ่านไปอีกสิบนาที เสียงหัมเพลงของสาวน้อยแสดงถึงความอารมณ์ดีของนาง เสียงฝีเท้าน้อยๆเดินเข้ามา ภายในห้องพร้อมกับหนังสือเล่มใหญ่ขนาดบางที่วางทับซ้อนกันราวห้าเล่ม
เด็กสาวดึงออกมาเล่มหนึ่งจากห้าพลางชี้ให้ดูหนังสือภายในมือของเธอ หน้าปกเต็มไปด้วยรูปภาพสัตว์น่ารักคล้ายตัวการ์ตูนหลากสีสัน
หลินหยางแสดงความสนอกสนใจทันที แม้มันไม่รู้ว่าหนังสือเล่มนี้เกี่ยวกับอะไรก็ตาม เด็กสาววิ่งมานั่งข้างเตียงพร้อมกับเปิดหน้าหนังสือไปหนึ่งหน้าให้ดูตัวอักษรขนาดใหญ่เขียนอยู่ด้านบนที่ละตัวที่ละตัว
หลินหยางขมวดคิ้วทําสีหน้างุนงง
เด็กสาวเมื่อเห็นปฏิกิริยาเช่นนั้นนางจึงอ่านทีละตัวอย่างช้าๆ
“ฝึกภาษาสําหรับเด็กเล็ก
“ฝึกภาษาสําหรับเด็กเล็ก” หลินหยางทวนคําพลางผงกหัว แต่มันก็ยังไม่เข้าใจความหมายอยู่ดี
พรี่บะ
เด็กสาวเปิดไปอีกหน้าอย่างร่าเริงพบกับภาพกระต่ายน่ารักตัวหนึ่งถูกวาดออกมาในลักษณะที่กําลังนอนอยู่ใต้ภาพนั้นมีตัวหนังสือเขียนไว้ว่านอน
“นอน” เด็กสาวกล่าวพร้อมชี้นิ้วไปที่รูปภาพ
เห็นเช่นนั้นหลินหยางฉีกยิ้มกว้างทันที มองไล่ลงมามีรูปสัตว์ต่างๆในอิริยาบทหลากหลายทั้งทานข้าว – ดื่มน้ํา วิ่ง กระโดด ทั้งยังมีตัวหนังสือเขียนกํากับมันอยู่ด้วย นี่มันคือหนังสือสําหรับฝึกภาษา เป็นหนังสือภาพที่ทําความเข้าใจได้ง่าย
“นอน” หลินหยางกล่าวตาม
สาวน้อยผงกหัวปรบมือให้แก่มัน
นี่มิใช่การฝึกสําหรับหลินหยางเพียงผู้เดียว ทั้งเด็กสาวเองก็ได้เรียนรู้ภาษาของชายหนุ่มไปในตัวด้วยเช่นเดียวกัน ทั้งสองต่างเรียนรู้วัฒนธรรมภาษาของกันและกันอย่างจริงจัง เด็กสาวสอนมันที่ละคํา ที่ละคําทองขึ้นใจ ตัวนางก็จดจําคําแปลจากภาษาของมันไว้ในสมอง ไม่ช้าก็มาถึงหน้าสุดท้าย
ในที่สุดหลินหยางก็จบบทฝึกภาษาสําหรับเด็กเล็กด้วยหนังสือภาพสัตว์แสนน่ารัก ตอนนี้ค่าศัพท์ง่ายๆ เขาพอจะพูดได้เป็นบางคําแล้ว!!!
สาวน้อยยิ้มรื่น รีบเปิดหนังสือเล่มใหม่ที่นํามาบนปกเขียนไว้ว่า”ฝึกภาษาสําหรับเด็กเล็กฉบับที่สอง…..
หลินหยางยิ้มแก้มปริที่ได้ศึกษาเรียนรู้ภาษาใหม่เพื่อใช้สนทนา เนื่องตอนนี้มันไม่รู้อยู่ที่ไหนหนแห่งใด อาการบาดเจ็บของมันเองก็คงไม่หายขาดในเวลาอันสั้น เพราะงั้นแล้วอีกหลายวันนับจากนี้มันคงจะนิ่งเงียบราวกับเป็นใบ้ไม่สื่อสารกับใครเลยก็ย่อมไม่ได้แน่นอน แล้วไหนเมื่อมันเองก็ได้แต่นอนอยู่เฉยๆ ฉะนั้นมิใช้เวลานี้ศึกษา ภาษาและวัฒนธรรม สอบถามหาเคล็ดลับที่สามารถบริหารการปกครองเมืองอันเจริญรุ่งเรืองนี้ไปปรับใช้กับเมืองตัวเองเสียเลยเล่า
ไม่รอช้ มันตั้งสมาธิอ่านหนังสือภาพแต่ละหน้าอย่างใจจดใจจ่อ โดยมีเด็กสาวที่ทําหน้าที่เสมือนครูผู้หนึ่งกํากับอธิบายความหมายของแต่ละคําอย่างละเอียด
เวลาล่วงเลยมาถึงตอนเที่ยง
“ขอบคุณ” หลินหยางกล่าวด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยใบหน้าผุดผ่องอิ่มเอมไปด้วยความรู้
“ฮิฮิ พี่หิวหรือยัง?” เด็กสาวหัวเราะชอบใจที่มันสามารถพูดภาษาของนางได้ถูกต้องพอฟังออก แม้สําเนียงจะแปลกไปบ้างสักหน่อยแต่ก็มิใช่ปัญหา กลับกันเด็กสาวตอบกลับด้วยภาษาที่ชายหนุ่มใช้ นางกล่าวอย่างช้าๆชัดถ้อยชัดคําไม่เคอะเขิน
หลินหยางผงกหัวตอบกลับด้วยรอยยิ้ม
เด็กสาวไม่รอช้วิ่งพลางกระโดดอย่างร่าเริงออกไปจากห้องด้วยความสุข