เทพอสูรสยบโลกา - ตอนที่ 718
ตอนที่ 718 ปราการสุดท้าย
หลินหยางคงสติเลือนราง ร่างกายอ่อนเพลียเนื่องด้วยพลังงานส่วนใหญ่ถูกดึงไปเพื่อรักษาอาการบาดเจ็บแสนสาหัสแต่มันไม่ยอมปิดเปลือกตามองกวาดไปทั่วห้องเริ่มไตร่ตรองสถานการณ์
ห้องสี่เหลี่ยมขนาดไม่เล็กไม่ใหญ่ทําขึ้นจากไม้อย่างปราณีต แม้จะไม่มีความรู้เกี่ยวกับมันแต่เขาก็พอจะมองออกว่ามันเป็นไม้ชั้นดีเพียงมองจากลายไม้ผิวเรียบเนียนสวยงามที่ผ่านการตัดโดยไม่มีร่องรอยตําแหน่งใดๆบ่งบอกว่าอย่างน้อยเมืองแห่งนี้ต้องมีช่างฝีมือดีและอุปกรณ์สําหรับการก่อสร้างอยู่
ซึ่งหากเทียบกับหัวหน้าทีมก่อสร้างของเขา ในด้านของฝีมือหลิวเจียเองก็มิได้ด้อยไปกว่ากัน แต่ปัญหาก็คือวัสดุที่ใช้สําหรับการก่อสร้างเอื้ออํานวยความสะดวก
แถมเมื่อครู่ อุปกรณ์ทางการแพทย์ที่เฒ่าโอสถใช้ มีทั้งมีดขนาดเล็ก กรรไกร เข็ม ด้ายรวมถึงผ้าพันแผลที่มีรูระบายอากาศซึ่งเป็นผ้าพันแผลจริงๆมิใช่เศษเสื้อเศษกางเกงสิ่งของพวกนี้ตั้งแต่ก้าวข้ามประตูมาหลินหยางยังไม่เคยเห็นเมืองแห่งนี้ทั้งการก่อสร้างและวัสดุทั้งอุปกรณ์ต่างรุดนําหน้าเมืองของเขาไปไกลริบ
จากเท่าที่รู้ในความทรงจําเขานึกไม่ออกเลยว่าตนเคยเห็นหรือรู้จักเมืองที่มีความเจริญถึงขนาดนี้…
อย่างน้อยในระยะร้อยกิโลเมตรล้วนไม่มีเมืองที่เจริญล้ําหน้าเมืองอื่นในระแวกได้ถึงเพียงนี้เมืองที่เขาเห็นว่ามีความก้าวหน้ามากที่สุดก็คือเมืองของฉือเฉียวศัตรูในอดีตผู้ที่อยู่ในผืนหญ้ากว้างไกลมาก่อนหนึ่งปีเต็มนั่นเองในครานั้นเมืองของมันมีรถขว้างหิน เครื่องตีเมืองนั่นคือความน่าเกรงขามที่สุดสําหรับเมืองทรงอํานาจเมือง
หนึ่งพึงมีในสายตาหลินหยางในเวลานั้น ซึ่งอุปกรณ์และแบบแปลนส่วนใหญ่ได้ถูกแลกมาจากร้านค้าด้วยเหรียญสีดําที่ได้มาจากมอนสเตอร์
อย่างไร ของพวกนี้ย่อมไม่สามารถผลิตขึ้นมาเองได้แน่ๆ หลินหยางครุ่นคิด ทั้งไม้เนื้อดีและอุปกรณ์ทั้งหลายที่เห็นล้วนเป็นสิ่งที่วัฒนาการของเมืองผู้เริ่มต้นในปัจจุบันยากจะสร้างขึ้นมาเองได้
“ถ้าอย่างงั้นมันคือสิ่งที่ได้มาจากการแลกเปลี่ยนด้วยเหรียญดํางั้นหรือ? หนึ่งในข้อสันนิษฐานของชายหนุ่มซึ่งมันก็อาจเป็นไปได้เพราะข้อมูลเกี่ยวกับร้านค้าปริศนาหลินหยางก็พอจะรู้มาบ้างซึ่งสิ่งที่อยู่ภายในร้านค้าลึกลับนี้มีแม้กระทั่งแก้วแหวนเครื่องประดับเพชรพลอยหากมันจะมีอุปกรณ์ทันสมัยแปลกใหม่และวัสดุชั้นดีก็คงไม่แปลก
หลินหยางนอนกระพริบตาปริบๆมองเพดาน คิดไปต่างๆนาๆตอนนี้เขายังคงคิดว่าตนยังอยู่ในพื้นที่ราบกว้างไกลที่แสนคุ้นเคย ในสถานที่ที่อ้างนามว่าสวรรค์นั่นแล
หน้าหอโอสถ เวลาปัจจุบันอยู่ในช่วงหกถึงเจ็ดโมงของยามเช้า
เหล่าองครักษ์และทหารรักษาการณ์ทั้งหลายที่ตื่นตัวเตรียมพร้อมเมื่อได้ยินเสียงกรีดร้องของเด็กสาวก่อนหน้า ตอนนี้กลับสู่เหตุการณ์ปกติดังเดิมยืนเฝ้าระวังเป็นระเบียบ
โต๊ะอาหารที่ยังทานไม่เสร็จดีของสองเฒ่าตอนนี้มีสมาชิกใหม่มาเพิ่มนั่นก็คือหลานสาวของพวกมันทั้งคู่องค์หญิงผิงอันนั่นเอง
สํารับอาหารเก่าถูกนําออกไปแทนที่ด้วยอาหารชุดใหม่ที่พึ่งปรุงสุกถูกเสริฟโดยหัวหน้าพ่อครัวหลวงเหล่าหูให้ผู้สูงศักดิ์ทั้งหลายนั่งรับประทานกันอย่างเอร็ดอร่อย อาหารมื้อแรกของวันอาจจะวุ่นวายไปเสียหน่อยจากความชุลมุนที่ผู้ป่วยของเฒ่าโอสถฟื้นสติอย่างไม่ทันคาดหมาย
“ท่านปู่ ข้างนอกมันเกิดอะไรขึ้นงั้นหรอ? แล้วทําไมถึงมีทหารองครักษ์มากขนาดนี้” เด็กสาวขณะรับประทานอาหารกล่าวถามอย่างไร้เดียงสา ตอนเย็นวานนางจําได้ว่าเหล่าทหารยามที่ยืนอยู่รอบหอโอสถมิได้มีจํานวนมากขนาดนี้ซึ่งอาจน้อยกว่าตอนนี้นับสิบเท่าเลยกระมั่งนี่ยังไม่รวมถึงการเฝ้าระวังบนอากาศจากทหารหลวงที่ล้อมรอบเป็นวงกลมต่อกันเป็นชั้นๆอีกนับไม่ถ้วนไม่เพียงเท่านั้นเครื่องแต่งกายของพวกมันก็ครบชุดทั้งเกราะ หมวก อาวุธ ราวกับจะไปออกศึกที่ไหน
“…” เฒ่าจอเจียงหัวหน้าองครักษ์ขณะกําลังตักอาหารเข้าปาก มันชะงักเล็กน้อย พลางเหลือบตามองผู้เป็นพี่ชายอย่างเฒ่าโอสถคล้ายถามความเห็นปรึกษากันทางสายตาหลานสาวผู้เป็นธิดาพระองค์เดียวของจักรพรรดิปีศาจและเป็นผู้ถือครองปัญญาแห่งเทพอสูรแม้ศักดิ์ของนางจะยิ่งใหญ่ไม่น้อยทว่านางเองก็ยังคงเป็นเด็กที่ อายุเพียงสิบสามปีเท่านั้นจ๋อเจียงไม่ทราบควรบอกข่าวใหญ่ที่เป็นภัยต่อความมั่นคงของเผ่าพันธุ์นี้ต่อหลานสาวผู้ไร้เดียงสาของตนหรือไม่
เฒ่าโอสถลังเลเล็กน้อย ก่อนที่มันก็พยักหน้าเป็นสัญญาณ แม้ตอนนี้จะปิดได้แต่ก็ปิดบังได้เพียงวันเดียวกันพรุ่งเท่านั้น สงครามย่อมไม่จบในเพียงวันสองวันนี้ สุดท้ายไม่ว่าทางใดทางหนึ่งเด็กสาวต้องรับรู้บางทีอาจจะดี ซะอีกที่ให้เด็กสาวผู้ครอบครองเมล็ดพันธ์แห่งปัญญาของเทพอสูรผู้ชอบเที่ยวเล่นสนุกตามประสาให้รับรู้ถึงความตึงเครียดระหว่างสองเผ่าตั้งแต่เยาว์เพื่อให้นางในวัยที่โตขึ้นเปลี่ยนนิสัยใช้พลังแห่งปัญญาเพื่อเป็นกําลังหลักแก่เผ่าปีศาจ
แพทย์ นักรบหรือนักวางกลยุทธ์บัชชาการเหล่าทัพ ไม่ว่านางจะเลือกหนทางใดล้วนแล้วแต่เป็นประโยชน์ต่อเผ่าทั้งสิ้น
ชื่อเจียงค่อยๆเล่าให้เด็กสาวฟังอย่างละเอียด มันเกริ่นย้อนไปตั้งแต่สงครามครั้งแรกเมื่อหลายพันปีก่อนค่อยๆเล่าวีรกรรมของเผ่าปีศาจและอสูร ความบาดหมาง การรุกรานพื้นที่ ความโหดร้ายของเผ่าอสูรมันเล่าทุกเหตุการณ์ตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบันสภาพที่เป็นอยู่และสถานการณ์ภายนอกกําแพง
“แต่เจ้าไม่ต้องกังวล อย่างไรเผ่าปีศาจเราย่อมเหนือกว่าสัตว์เดรัจฉานเผ่าอสูรอยู่แล้ว” จบการเล่าเรื่องของจ๋อเจียง
“อืมห์” เด็กสาวที่รับฟังเรื่องราวอันตรึงเครียดกล่าวบางเบา พลางมองออกไปเหนือท้องฟ้ารับฟังเสียงจอแจของชาวบ้านโดยรอบวานนี้ยังเป็นวันที่สงบสุขมีชีวิตอันเรียบง่ายสนุกสนานแต่เพียงคืนเดียว…
การศึกต่อเผ่าอสูรที่นับพันปีจะมีสักคราซึ่งคืนที่ผ่านมาสามารถเรียกได้ว่าเป็นการเปิดสงครามระหว่างทั้งสองเผ่าทําให้เกิดความวุ่นวายเล็กน้อยภายในเมืองที่ต้องเร่งระดมพลรวบรวมอาวุธยุทโธปกรณ์รวบรวมอุปกรณ์สําหรับสงครามทั้งการสร้างค่ายทหาร วัตถุดิบเสบียงทั้งหลายแหล่จัดวางตําแหน่งออกคําสั่งแก่เหล่าทัพ
ไม่เพียงแต่ทหาร พ่อครัวและหน่วยแพทย์เท่านั้นที่วุ่นมาทั้งคืนมีเสียงประกาศแจ้งเตือนความปลอดภัยอยู่ทั้งคืนกระจายข่าวสารการศึกรายงานผลการต่อสู้ของนักรบ เหล่าชาวบ้านก็ไม่ด้อยไปกว่ากันแน่นอนพวกมันย่อมไม่สามารถข่มตาหลับได้เมื่อเมืองที่ตั้งถูกบุกรุกโดยศัตรู
อุดมณ์การของเผ่าปีศาจอาจเรียกได้ว่าชาตินิยม เป็นพวกรักชาติยิ่งชีพบางครัวเรือนทําอาชีพตีเหล็กซ่อมดาบผลิตอาวุธบางครอบครัวทําขนมปรุงอาหารขายเป็นอาชีพ เมื่อทราบว่าเผ่าอสูรรุกราน พวกมันล้วนระดมสิ่งส่งมายังกองบัญชาการทั้งอาวุธและอาหารบางส่วนก็ส่งบุตรชายบ่าวรับใช้มาช่วยเป็นส่วนหนึ่งของกองกําลังรบพ่อค้าแม่ค้าผู้มั่งมีระดมเงินทุนโดยที่มิต้องร้องขอ
มิใช่เพียงเฉพาะผู้อยู่อาศัยภายในเมืองหลวงเท่านั้น ตามหัวเมืองต่างๆ หมู่บ้าน ชนเผ่านอกจากเหล่านายทหารในกองกําลังส่วนตน ยังส่งช่างฝีมือ พ่อครัวแม่ครัว หมอ สตรีตั้งแต่หญิงสาวจนถึงยายเฒ่าแม่บ้านแม่เรือนทั้งหลายมาเพื่อช่วยอํานวยความสะดวกให้แก่กองทัพทั้งซักผ้าทําความสะอาดดูแลบ้านปู่ย่าตายายให้แก่เหล่าทหารที่ช่วยตนเองไม่ได้ ส่งบุรุษมาช่วยแรงงานก่อสร้างค่ายทหารซ่อมอุปกรณ์ส่งวัสดุทั้งเหล็ก หินบาง เมืองส่งสัตว์ภาหนะรูปร่างประหลาดทั้งม้า ช้าง วัว ควายหรือกระทั่งภาหนะทางอากาศดังนกยักษ์ก็มีมาไม่ขาดสายทั้งคืนจนถึงรุ่งเช้าขบวนขนส่งที่มาจากเมืองต่างยังมีมาตลอดเวลา หน่วยประสานงานส่งข่าวอย่างม้าเร็วงบกและอากาศเคลื่อนที่สวนกันไปมาให้ว่อนไม่ลดน้อยลงแถมยังจะมากขึ้นเรื่อยๆ
เรียกได้ว่าตอนนี้เมืองหลวงปีศาจเป็นแหล่งรวบรวมอํานาจของเผ่าปีศาจทั้งหมดไว้ด้วยกัน