อั่งเปาทะลุโลก (发个红包去未来 ) - ตอนที่ 394
CF:บทที่ 394 เริ่มการประจัญหน้า
อู่ฮาวเหรินได้เอาอาวุธต่อต้านออกมาจัดเรียงใหม่, เขาจําเป็นที่จะต้องศึกษาแผนที่บริเวณนี้, แล้วจึงวางอาวุธต่อต้านเอาไว้ในภูเขานี้
แน่นอนว่า มีอาวุธจู่โจมที่เขาจะต้องจัดวางไว้อยู่ด้วย,เหล่านี้คือมาตรการที่ใช้ป้องกันที่นี่แต่ก็อาจจะไม่ได้ใช้มันก็ได้เพราะพวกมันคงไม่ถูกใช้ถ้าพวกมันไม่สามารถแสดงผลได้ตามที่เขาต้องการ
บางทีเพราะทุกคนกําลังสนใจเรื่องเหตุการณ์ในญี่ปุ่นกันอยู่จึงไม่ได้สนใจเรื่องของฟิวเจอร์กรุ๊ปมากนักแม้แต่ความสนใจของทางรัฐเองก็ยังกลายเป็นอดีตไปแล้ว
ในภูเขาที่อยู่ใกล้ๆกับฟิวเจอร์กรุ๊ป, มีตึกโลหะที่กําลังก่อสร้างอยู่,เหล่าหุ่นยนต์กําลังยุ่งอยู่กับที่นี่
นี่คือโรงเรียนที่กําลังสร้าง, รูปร่างดูแปลกตามาก,ทั้งตึกมีรูปร่างเหมือนกับเพชร,มันเหมือนกับหินที่ตั้งอยู่แลดูเหมือนกับตึกกําลังลอยอยู่ยังไงอย่างงัน
8 เส้นทางเดินที่ยื่นออกมาเพื่อเชื่อมต่อเข้าไปยังทั้ง 8 อาคาร
ตึกทั้งหลังนั้นมีรูปร่างคล้ายกับยานอวกาศ,จริงๆแล้วอู่ฮาวเหรินคิดจะสร้างให้เห็นยานอวกาศจริงๆ,แต่ยังขาดเทคโนโลยีบางอย่าง,จึงยังไม่ได้ทําในปัจจุบัน
สถาบันอาวุธที่อยู่ด้านในนั้นมีรูปร่างแปลกตายิ่งกว่า,ภูเขารอบๆถูกขุดออกไปจนเกิดเป็นหลุมขนาดใหญ่และติดตั้งอุปกรณ์ที่ดูเหมือนกล้องโทรทัศน์ติดตั้งเอาไว้แทน
จริงแล้วๆ, มันคืออาวุธต่อต้านที่อู่อ่าวเหรินได้จัดเตรียมเอาไว้,ตราบเท่าที่เขามีพลังงานเพียงพอจ่ายให้ในอนาคต,เอาจะสามารถที่สกัดกั้นการโจมตีของมิสไซล์ได้ทุกรูปแบบ, และสอยเครื่องบินรบที่กล้าบุกเข้ามา
น่าเสียดายที่, ยังไม่สามารถผลิตอาวุธต่อต้านบนท้องฟ้าได้ในปัจจุบัน,ถ้าเขามีอาวุธต่อต้านแบบนั้นได้,ก็เชื่อได้ว่าคงไม่มีประเทศไหนมากล้ายุ่งกับเขาอีกแน่
ขณะที่อู่ฮาวเหรินกําลังทําการศึกษาเรื่องของฐานทัพลับของเขาอยู่นั้นเองอีกทางด้านหนึ่งการโจมตีของญี่ปุ่นก็ได้ทวีความรุนแรงมากขึ้นเรื่อยๆ
ญี่ปุ่นได้เริ่มเคลื่อนไหวแล้ว,และแน่นอนว่าสหรัฐก็ได้โดนดึงเข้ามาร่วมกับญี่ปุ่นด้วย, ในเวลามีเพียงประเทศเล็กๆเท่านั้นที่ไม่ได้เข้าร่วม
เรื่องในครั้งนี้, ทางรัฐบาลจีนเองก็ไม่ได้ออกมาประนีประนอม,ราวกับว่าถ้าพวกคุณอยากจะเริ่มสงคราม,ทางเราก็พร้อมที่จะสู้กับพวกคุณ
ส่วนเรื่องของการขอให้ลงโทษจีนนั้น,หลายๆประเทศพบว่าถ้าพวกเขาทําแบบนี้ต่อไป, การเงินของพวกเขาจะได้เป็นฝ่ายล้มก่อนแน่
ประเทศจีนซึ่งมีจํานวนประชากรเป็น 1 ใน 5 ของทั้งโลก,จึงกลายมาเป็นเป็นตัวขับเคลื่อนเศรษฐกิจของหลายประเทศเพราะจํานวนประชากรที่มากนี้
ถ้าเกิดไม่มีการบริโภคจากจีนขึ้นมา,ทั้งเศรษฐกิจระหว่างประเทศและตลาดการเงินคงได้ล่มอย่างแน่นอนโดยที่จีนไม่ได้รับผลกระทบกระเทือนอะไร
ด้วยจํานวนประชากรที่มากของจีนนี้,
ต่อให้ไม่ซื้อของจากนอกประเทศ,ก็สามารถที่จะอุดหนุนของที่ผลิตในประเทศแทนได้
ในเรื่องของการบริโภคแล้ว,จีนคือผู้มีอํานาจอย่างแท้จริง
เมื่อทางสหรัฐและญี่ปุ่นได้ทราบเรื่องนี้เข้า พวกเขาจึงได้คิดหาทางที่จะปฏิบัติการในน่านน้ําจีนแทน
ทุกๆวัน, จะมีเรือรบญี่ปุ่นและอเมริกาแล่นอยู่รอบๆน่านน้ําจีน,เพื่อรอก่อกวนจีน
จนกระทั่งเช้าวันนี้, อู่ฮาวเหรินก็ได้ทราบข่าวในทันทีที่เขาตื่นขึ้นมา,ทางสหรัฐและญี่ปุ่นได้ประกาศว่าถ้าจีนไม่มอบเทคโนโลยีหุ่นยนต์ออกมา,พวกเขาจะส่งกองกําลังทางทหารวิ่งอยู่รอบๆจีนเพื่อให้มั่นใจว่าจะไม่มีการโจมตีแบบนั้นเกิดขึ้นมาอีก
เมื่อเห็นวิดีโอแถลงการณ์ของทั้งสองประเทศนั้น,โดยเฉพาะใบหน้าที่น่าเกลียดของสหรัฐและญี่ปุ่น,อู่ฮาวเหรินจึงได้บอกให้จี้ปล่อยข้อมูลบางอย่างออกมาก่อน
“ดูนี่สิ, นี่มันอะไรกัน?”
“ฐานทัพลับของญี่ปุ่นถูกโจมตีเพราะงานวิจัยนี้อย่างงั้นเหรอ”
“อาชญากรรม, ในฐานทัพลับญี่ปุ่นนั้น,พวกเขากําลังทําบ้าอะไรกันอยู่?ไม่รู้จะพูดยังไงเลย”
“มีใครที่รู้เรื่องที่ฐานทัพลับนี้กําลังศึกษาอะไรอยู่บ้างมั้ย?เห็นว่าทั้งภูเขาทั้งลูกโดนถล่มในตอนนั้น”
“จากข่าวนี้ จะเห็นได้ชัดว่าทางการจีนไม่ใช่คนที่ทําเรื่องนี้แน่,อาจจะเป็นองค์กรอะไรซักอย่างที่ค้นพบเรื่องของการวิจัยนี้ในฐานทัพลับของญี่ปุ่นเข้าแล้วจึงได้เข้ามาถล่มซะ”
“พอพูดเรื่องนี้แล้วผมก็นึกถึงข่าวที่เคยออกมาก่อนหน้านี้,ที่มีบางประเทศได้ออกมาบอกว่ามีองค์กรลึกลับที่หนุนหลังฟิวเจอร์กรุ๊ปอยู่,ถ้ามีองค์กรลึกลับแบบนั้นอยู่จริง, ผมคิดว่าก็อาจจะเป็นพวกเขานี่แหละที่ถล่มฐานทัพลับญี่ปุ่นก็เป็นได้”
“ฉันไม่รู้หรอกนะว่าข่าวนี้จะเป็นจริงหรือไม่แต่ตอนนี้ดูเหมือนว่าจะมีอะไรเกิดขึ้นแล้วล่ะ?”
เมื่อเผชิญเข้ากับข่าวนี้, ทางการญี่ปุ่นจึงได้รีบออกมาแถลงการณ์ว่าพวกเขาไม่ได้ยุ่งเกี่ยวอะไรกับการทดลองนี้,บอกว่าเรื่องนี้เป็นการกล่าวหาโจมตีญี่ปุ่น
จากนั้นไม่นาน ก็ได้เริ่มมีการรายงานเรื่องนี้ผ่านสื่อใหญ่ๆ,ซึ่งเป็นแผนการของรัฐบาลจีน
ส่วนในรัฐบาลญี่ปุ่น, มีเจ้าหน้าที่บางคนที่กําลังเป็นกังวล,พวกเขากังวลว่าความลับที่อยู่ในฐานทัพลับนั้นจะถูกเปิดเผยออกมา
เจ้าหน้าที่คนหนึ่งก็ได้พูดขึ้น”ตราบเท่าที่พวกเรายืนกรานไม่ยอมรับ,ก็ไม่มีหลักฐานอะไรบ่งบอกได้ว่าสิ่งที่เกิดในฐานทัพลับนั้นเป็นเรื่องจริง,ดังนั้นคุณควรที่จะลืมเรื่องของฐานทัพลับเสียและอย่ายอมรับมันก็พอ
นายกอั้นเป๊ยจินซัน, ก็ได้ถามขึ้นว่า”แล้วได้จัดการอย่างไรกับคนที่รู้เรื่องนี้ไปแล้วบ้าง?”
“จัดการไปเรียบร้อยแล้วครับ ท่านนายก,พวกเขาเลือกที่จะฆ่าตัวตายหมดแล้วครับ”
“ดีมาก, ทําดีกับครอบครัวของพวกเขาด้วย,ยกย่องให้เป็นฮีโร่ของจักรวรรดิญี่ปุ่นของเรา
“ท่านนายกครับ, ผมเกรงว่าหุ่นยนต์ตัวนั้นจะบุกเข้ามาเพื่อเก็บข้อมูลของพวกเราไปแล้วในตอนที่บุกเข้ามาฐานทัพไปแล้วนะครับ”
“ไม่เป็นไร, จงจําไว้ว่า, พวกไม่รู้ไม่เห็นอะไรเกี่ยวกับเรื่องนี้ทั้งนั้น,ข้อมูลทั้งหมดที่ออกมาเป็นการให้ร้าย เป็นข่าวปลอม”
เมื่อเห็นการตอบสนองของญี่ปุ่นและการสนับสนุนของสหรัฐ,อู่ฮาวเหรินได้ปล่อยข้อมูลบางอย่างออกไปเพิ่มอีก
คราวนี้, มีทั้งรูปภาพ, ข้อมูลอธิบายและแนะนําบุคลากรในฐานทัพนั้น
เมื่อเจอเข้ากับข้อมูลพวกนี้แล้ว,เหล่าพลเมืองเครือข่ายก็ได้เป็นเดือดขึ้นมาในทันที, มีหลายคนที่เห็นว่าพวกเขานั้นกําลังที่จะใช้มนุษย์รวมเข้ากับหุ่นยนต์เพื่อศึกษาเรื่องปัญญาหุ่นยนต์,พวกเขาต่างก็รู้สึกว่าเรื่องแบบนี้มันบ้าไปแล้ว
“เป็นเรื่องจริงเหรอเนี่ย?”
“มันดูเหมือนของจริงมาก,ถ้ามันเป็นเรื่องจริงขึ้นมาญี่ปุ่นก็ต้องบ้าไปแล้วแน่ๆถึงได้คิดอะไรแบบนี้ขึ้นมาได้?”
“พวกคุณลองตรวจสอบยืนยันข้อมูลของบุคลากรดูซิว่าเจ้าหน้าที่และนักวิจัยเหล่านี้เกี่ยวข้องกับญี่ปุ่นมั้ย?”
“มีบางคนที่หาข้อมูลไม่พบ, แต่ถ้าคนพวกนี้ทั้งหมดเกี่ยวข้องกับญี่ปุ่น,มันก็น่าจะเป็นเรื่องจริง”
เมื่อเผชิญเข้ากับข้อมูลเหล่านี้, ผู้คนต่างก็กลายเป็นนักสืบขึ้นมาทันใดและเริ่มทําการสืบค้นข้อมูลผู้คนที่อยู่ในข้อมูลนี้
ไม่นานนัก, พวกเขาก็พบว่าผู้คนทั้งหมดในรายชื่อบุคลากรที่ประกาศมานี้ล้วนแล้วแต่เป็นSDF, และเจ้าหน้าที่เหล่านี้ไม่นานนี้ ก็ได้เสียชีวิตเป็นจํานวนมาก
แล้วตัวตนของนักวิจัยเหล่านั้นก็ได้ถูกขุดคุ้ยขึ้นมา, พวกเขาพบว่านักวิจัยคนนี้เป็นพวกเพี้ยนๆ และเป็นคนที่เสนอการวิจัยเรื่องของหุ่นยนต์แบบนี้
อย่างไรก็ตาม, นักวิจัยคนนี้ก็ได้หายตัวไปอย่างลึกลับมากกว่า 10 ปีมาก่อน และหลายคนต่างก็บอกว่าเขาได้ตายไปแล้ว
เมื่อเผชิญเข้ากับหลักฐานเหล่านี้, และทางญี่ปุ่นยังออกมาไม่ยอมรับ, แต่ยืนยันว่าข้อมูลเหล่านี้เป็นข้อมูลปลอม, แล้วเจ้าหน้าที่เหล่านั้นก็เป็นเหยื่อจากเหตุการณ์ในครั้งนั้น
แต่ทว่า, จากข้อมูลที่ได้ขุดค้นขึ้นมา, ก็ได้ทําให้บางคนเริ่มเชื่อแล้วว่าการวิจัยนี้ถูกทดลองขึ้นที่ในฐานทัพลับจริง เพราะข้อมูลที่ได้มาพวกนี้มันแทบจะตรงกัน, แล้วอู่ฮาวเหรินก็ปล่อยหลักฐานออกมาเพิ่มอีก
ข้อมูลเหล่านี้ สามารถชักจูงให้คนอื่นให้เชื่อว่าฐานทัพลับนั้นกําลังวิจัยอยู่โดยเฉพาะบางประเทศในตะวันออกกลางก็ได้ออกมาเดือดดาล เมื่อพวกเขาทราบว่าผู้ลี้ภัยมากมายที่ได้เข้าไปอยู่ในญี่ปุ่นนั้นได้ถูกส่งไปที่ฐานทัพนี้เพื่อทําการทดลองนี้
พวกเขารู้สึกว่าญี่ปุ่นนั้นได้ทําตัวแย่ยิ่งกว่าพวกผู้ก่อการร้ายเสียอีก, และพวกเขาก็ได้เรียกร้องให้รัฐบาลญี่ปุ่นออกมาแถลงการณ์เรื่องนี้และให้ทางสหประชาชาติเข้าตรวจสอบให้เรื่องนี้
เมื่อเผชิญเข้ากับข้อมูลนี้ ทางรัฐบาลญี่ปุ่นก็ยังยืนกรานว่าเขาไม่รู้เรื่องพวกนี้ และบอกว่าเป็นเพียงข่าวลวง
แต่น่าเสียดายที่, อู่ฮาวเหรินได้ปล่อยข้อมูลออกมาอีกซึ่งทําให้พวกเขาต้องเงียบไปในทันที