อั่งเปาทะลุโลก (发个红包去未来 ) - ตอนที่ 393
CF:บทที่ 393 การพัฒนา
สถานการณ์ยิ่งแย่ลงเรื่อยๆ, มีบางประเทศที่จะอาศัยโอกาสนี้เพื่อที่จะเอาเทคโนโลยีหุ่นยนต์จึงได้เริ่มมาเข้าร่วมด้วย
เพื่อที่จะทําให้ทุกคนเชื่อว่าการโจมตีในครั้งนี้เป็นความผิดของรัฐบาลจีน ญี่ปุ่นจึงได้สร้างหลักฐานต่างๆขึ้นมาซึ่งบางอย่างก็ออกจะดูตลกไปหน่อย
การต่อสู้บนโลกอินเตอร์เน็ทก็ทวีความรุนแรงมากขึ้น, พลเมืองเครือข่ายจีนต่างก็ต่างก็มีความคิดเห็นที่ต่างกันออกไป, โดยที่ด้านหนึ่งก็หวังว่าจีนจะเป็นคนทําจริงๆ, เพราะพวกเขาก็ต้องการที่จะเห็นจีนนั้นกลับมาแข็งแกร่งและพร้อมที่จะเผชิญหน้ากับประเทศอื่นๆ
ในขณะที่อีกทางด้านหนึ่ง, พวกเขานั้นไม่ต้องการที่จะให้จีนทําแบบนี้ เพราะในตอนนี้มีหลายประเทศที่มาเข้าร่วมเพื่อร่วมกันต่อต้านจีน,เผชิญหน้ากับการจับมือกันของประเทศต่างๆ, จีนในตอนนี้ยังคงนิ่งเฉยอยู่
“แม่เจ้าโว้ย, เพียงเพราะต้องการหุ่นยนต์ของจีน, ประเทศพวกนี้ช่างไร้ยางอายกันจริงๆ”
“ผมหวังว่าทางการจีนจะออกมาบอกว่าเป็นคนทําเองจริงๆ, เพราะถ้าเป็นเช่นนั้นก็จะเป็นการแสดงให้เห็นว่ากองทัพจีนนั้นแข็งแกร่งมาก”
“ฮ่า ฮ่า, คิดว่าจีนไม่กล้าสู่รึไง, ไอ้พวกที่มาร่วมกันต่อต้านจีนเนี่ย, น่าฆ่าให้ตายพร้อมกันทั้งหมดเนี่ย”
“ข้าละหวังว่ารัฐบาลจะออกมาต่อต้านไอ้พวกนี้แล้วฆ่าไอ้พวกนี้ซะให้หมด”
“บ้าจริง, ผมเพิ่งไปเจอคนที่นับถือและประจบประแจงพวกต่างชาติมา,ถ้าผมรู้นะว่าคนๆนี้เป็นใครผมจะไปฆ่ามันทั้งเป็นเลย,ในสายตาของหมอนั่นพวกต่างชาตินั้นสุดยอดและดูถูกของในประเทศตัวเองต่อหน้าพวกต่างชาติ, แล้วคิดว่าตัวเองสูงส่งกว่าคนอื่น,คนพวกนี้มันช่างโง่เขลาเสียจริงๆ”
“อีม, มันติดปัญหาอยู่ที่นโยบายของรัฐบาลนี่แหละ, ดูนโยบายที่เอื้อให้พวกปีศาจต่างชาติพวกนั้นสิ,แล้วยลก็คือมีกลุ่มคนไร้สมองที่ทําแบบเดียวกัน,คนพวกนี้มีแต่ขี้เลื่อยเต็มหัวแน่ๆถึงได้ตัดสินใจที่จะเปิดร้านเหล้าฟ รีให้คนต่างชาติ,แล้วยังให้สิทธิพิเศษและเงินเดือนที่สูงแก่พวกต่างชาติอีก”
“ยังดีที่ยังมีบริษัทอย่างฟิวเจอร์กรุ๊ป, พวกเขาคิดถึงคนภายในประเทศก่อน, และจํากัดสิทธิต่างๆของพวกต่างชาติ,พวกบริษัทจีนควรที่จะเรียนรู้จากเขามั่งนะ”
ในความเป็นจริงๆ, ภายใต้ความอัปยศของชาวญี่ปุ่น, มีคนบางคนที่มีคําถามบางอย่างเกี่ยวกับเรื่องนี้
เช่นว่า, มีหุ่นยนต์มาบุกฐานทัพลับญี่ปุ่นได้อย่างไร? เทคโนโลยีหุ่นยนต์ของจีนนั้นดีถึงขนาดนั้นจริงๆเหรอ?
แล้วถ้าเป็นเช่นนั้นจริง, จีนจะไม่ครองโลกไปเลยเหรอ?
คงไม่มีใครที่กล้าต่อต้านจีนแน่ ถ้าเกิดมีกลุ่มหุ่นยนต์ออกมาถล่มฐานอาวุธนิวเคลียร์ของประเทศต่างๆ
ยิ่งไปกว่านั้น, จีนคงไปมาโจมตีกองทัพญี่ปุ่นโดยไม่มีเหตุผลแน่, ถ้าเกิดจีนคิดจะโจมตีจริงๆ,สู้ทําลายกองเรือบรรทุกเครื่องบินของอเมริกาไม่ดีกว่าเหรอ?
คําถามที่มีเหตุมีผลเหล่านี้
แน่นอนว่ามันยังอ่อนเกินไป, เพราะทางรัฐนั้นต้องการที่จะอาศัยโอกาสนี้หาผลประโยชน์จึงได้ทําข่าวชวนเชื่อมาโดยตลอด
ทางสหรัฐเองก็ได้ยืนอยู่ข้างญี่ปุ่น, ตามมาด้วยประเทศทางแถบยุโรปและเอเซียตะวันออกเฉียงใต้ที่หนุนหลังสหรัฐอยู่
ประเทศเหล่านี้ต่างก็ออกมาเรียกร้องให้ลงโทษจีนถ้าจีนไม่ยอมส่งเทคโนโลยีหุ่นยนต์มา
การกระทําของประเทศเหล่านี้ไม่รู้ว่าออกมาจากหัวสมองหรือเปล่า
แต่ถึงแม้ว่าจะถูกกระทําใส่แบบนี้, แต่ในปัจจุบันทางการจีนยังคงนิ่งเฉยไม่ทําอะไรอยู่
“ท่านผู้นําครับ, สถานการณ์ในตอนนี้ไม่ค่อยเป็นผลดีกับจีนมากเลยครับ, พวกเราควรจะแก้ไขอย่างไรดี?”
“ปล่อยไปก่อนและคอยดูว่าพวกเขาจะลงโทษพวกเราอย่างไร ตอนนี้จีนไม่ได้เป็นเหมือนเมื่อก่อนแล้ว”
เมื่อเผชิญกับจีนที่สนใจเลยแม้แต่น้อย, หลายประเทศจึงได้เริ่มที่จะชะงัก, พวกเขานั้นไม่กล้าที่จะลงโทษแบบเดียวกับรัสเซีย, มิเช่นนั้นแล้วพวกเขาคงได้สูญเสียเรื่องของการค้าด้วยฝีมือตัวเองแน่
ยิ่งไปกว่านั้น, หากฟิวเจอร์กรุ๊ปที่เข้ามายุ่งเกี่ยวกับเหตุการณ์ในครั้งนี้, มันจะได้กลายเป็นไม่รู้ใครโทษใครกันแน่
เทคโนโลยีทางการแพทย์ของฟิวเจอร์กรุ๊ปนั้นได้กลายมาเป็นพระผู้ช่วยให้รอดชีวิตของผู้ป่วยโรคมะเร็ง มากมาย, หากฟิวเจอร์กรุ๊ปได้ถูกตัดขาดเพราะการลงโทษในครั้งนี้ล่ะก็ เหล่าผู้ป่วยโรคมะเร็งคงได้บ้าคลั่งเป็น แน่
นี่คืออิทธิพลของสุดยอดบริษัท, ถึงแม้ว่าตัวเขาจะไม่ได้ยุ่งเกี่ยวหรือเข้าร่วมกับเรื่องของการต่างประเทศของจีน แต่ตัวตนของเขาก็มีผลกระทบกับสถานะเรื่องระหว่างประเทศของจีน
ในเวลานี้เอง, อู่อ่าวเหรินเองก็กําลังรอโอกาสเหมาะๆอยู่, เขารู้สึกว่าตอนนี้ยังไม่ใช่เวลาที่จะประกาศอะไรออกไป
เขาไม่รู้ว่า, ประเทศเหล่านี้จะทําหน้ากันอย่างไร หากรูปภาพและข้อมูลที่อยู่ฐานทัพนั้นได้ถูกเผยแพร่ออกไป?
โดยเฉพาะญี่ปุ่น, ซึ่งทําข่าวชวนเชื่อมาตลอดช่วงนี้, หลักฐานปลอมมากมายที่พวกเขาสร้างขึ้นมาจนถึงตอนนี้, จะลงเอยได้แย่ขนาดไหนกันนะ
แน่นอนว่า, ในปัจจุบันอู่อ่าวเหรินยังไม่ได้ทําอะไร, เขาต้องการที่จะให้ญี่ปุ่นลากสหรัฐลงไปในน้ําด้วยกัน,จากการออกตัวของอเมริกาในตอนนี้ยังไงไม่เพียงพอ, เขาจะต้องรอให้อเมริกาออกตัวมามากกว่านี้แล้วถึงจะลงมือเพื่อเป็นการตบหน้าสหรัฐ
ในห้องออฟฟิศของอู่ฮาวเหริน, อู่อ่าวเหรินมองมายังหลิงเหยา ซึ่งอยู่ในสภาพทรุดโทรม
“เกิดอะไรขึ้น? ไม่ไปที่กองทัพเหรอ, มาทําอะไรที่นี่?”
“น้องเขย, หินนี้มันเปลี่ยนสีแล้ว”
อู่ฮาวเหรินมองดูที่หินและพบว่าพลังงานของหินนั้นถูกใช้หมดไปแล้ว, เขาจึงได้เปิดห้องเก็บสมบัติและหยิบหินอีกชิ้นออกมา
“เอ้านี่, รับไปสิ”
หลิงเหยารับหินนั้นมา, และเปลี่ยนอย่างระมัดระวัง แล้วเก็บหินที่หมดพลังงานแล้วนั้นเอาไว้
“มีอะไรอีกรึเปล่า?”
“น้องเขย, คุณได้ทําการศึกษาเรื่องของหุ่นยนต์และอาวุธบ้างรึเปล่า?”
อู่ฮาวเหรินรู้สึกอึ้งไปชั่วขณะแล้วถามกลับอย่างสงสัย “ทําไมคุณถึงมาถามผมเรื่องนี้ล่ะ?”
“มีอะไรบางอย่างเกิดขึ้นกับบริษัทของผม, การวิจัยด้านอาวุธของบริษัทผมไม่สามารถตามการพัฒนาด้านเทคโนโลยีของประเทศในปัจจุบันได้, ดังนั้นผมจึงอยากจะถามว่าฟิวเจอร์กรุ๊ปนั้นมีการวิจัยอะไรในด้านนี้บ้างไหม,ถ้าเกิดมีล่ะก็ผมจะยกบริษัทให้กับคุณและทําหน้าที่ผลิตอาวุธให้กับฟิวเจอร์กรุ๊ป, ผมเหนื่อยที่จะต้องวิ่งวุ่นทุกวันแล้ว”
“คุณหมายความว่ายังไง, คุณต้องการที่จะรวมบริษัทของตระกูลคุณเข้ากับฟิวเจอร์กรุ๊ปอย่างงั้นเหรอ?”
อู่ฮาวเหรินรู้สึกตกใจเล็กน้อย, คนๆนี้กําลังคิดอะไรอยู่กันแน่? บริษัทของตระกูลของเขานั้นเป็นตัวตนที่พิเศษมากที่แม้แต่พวกเบื้องบนยังไม่กล้าเข้ามายุ่มย่าม, แต่ตอนนี้กลับบอกว่าต้องการที่รวมเข้ากับฟิวเจอร์กรุ๊ป
“เฮ้อ, ถ้าไม่ใช่เพราะน้องสาวของฉัน, กับคุณปู่และคุณย่า ผมคงยอมแพ้ไปนานแล้ว, คนอื่นอาจจะเห็นผมยิ้มอยู่ตลอด, ทํางานหนัก, เผชิญหน้ากับทุกสิ่งอย่างกล้าหาญ, บริหารบริษัทให้ดีขึ้น, และเรียนรู้จากผู้อื่น,แต่จริงๆแล้วผมเองก็มีความฝันของผมเหมือนกัน,ผมอยากจะเป็นจิตรกร”
อู่ฮาวเหรินมองดูสีหน้าที่เปลี่ยนไปของเขา, และคิดถึงสิ่งที่เกิดขึ้นกับเขา, หรือแม้แต่ในสายตาของคนอื่น,เขาคือตัวตนที่หลายคนอิจฉา แต่กลับไม่มีใครที่รู้จักตัวตนจริงๆของเขาเลย,สิ่งที่คนๆนี้เก็บซ่อนเอาไว้
ถ้าอู่อ่าวเหรินไม่ปรากฏตัวขึ้นมา, คนๆนี้คงได้ซ่อนตัวเองไปตลอดชีวิตของเขาแน่, บางที่อาจไม่มีใครที่รู้เลยว่าเขาต้องการอะไร, จริงๆแล้ว เขานั้นมีปัญหามากมายที่ไม่อาจบอกใครได้
อู่ฮาวเหรินนิ่งคิดอยู่พักหนึ่งแล้วพูดขึ้น “ไม่ต้องรวมเข้ากับฟิวเจอร์กรุ๊ปหรอก, ผมมีข้อมูลด้านการวิจัยอาวุธบางอย่างอยู่นี่, ซึ่งน่าจะไปกันได้กับบริษัทผลิตอาวุธของตระกูลคุณ, ผมจะให้มันแก่คุณละกัน”
คนในบริษัทของตระกูลหลิงนั้นเป็นที่รู้กันว่ามีความสามารถ แต่พวกเขาสามารถศึกษาและวิเคราะห์ข้อมูลพวกนี้ได้, ก็จะสามารถพัฒนาและผลิตอาวุธต่อๆไปได้ในอนาคตอย่างแน่นอน
หลิงเหยาพูดขึ้นด้วยสีหน้าเศร้าๆ “ไม่เอาน่า รวมบริษัทกันไปเลยเถอะ, คิดซะว่าเป็นสินสมรสของน้องสาวของผมก็ได้ น้องเขย, ผมนะอยากที่จะออกจากบริษัทไปเป็นจิตรกรแล้วออกทําตามความฝันแล้ว”
หมอนี่มันจริงๆเลย, อู่ฮาวเหรินรู้สึกอยากจะเตะเขามาก, แต่ก็น่าสงสารอยู่ที่เขาไม่สามารถทําตามความฝันได้
“บริษัทน่ะปล่อยให้คนอื่นจัดการก็ได้, ถ้าคุณอยากที่จะเป็นจิตรกรจริงๆ, คุณก็จงเป็นจิตรกรเถอะ,ไม่มีใครห้ามคุณได้หรอก, นอกจากนี้ บริษัทของคุณนั้นเป็นตัวตนที่พิเศษเกินไปที่จะมากังวลว่าใครจะมาคิดอะไรนะ”
อู่ฮาวเหรินส่งที่เก็บข้อมูลที่เขาดาวน์โหลดมาไว้ในมือของหลิงเหยาแล้วพูดขึ้น “เอามันกลับไปและให้คนในบริษัทของคุณศึกษามันให้ดี, แล้วปล่อยให้พวกเขาจัดการกันเองไม่ต้องเข้าไปยุ่ง,ข้อมูลเรื่องอาวุธที่อยู่ ในนั้น ทางรัฐจะต้องซื้อมันอย่างแน่นอน”
“ก็ได้, ผมจะเอาข้อมูลนี้กลับไปให้นักวิจัย แล้วผมจะกลับออกมาเพื่อเป็นจิตรกร, ผมพบว่าของหลายๆอย่างในฟิวเจอร์กรุ๊ปนี้ดูสวยไปหมด”
มองดูหลิงเหยาที่รีบออกไป,อู่อ่าวเหรินก็ส่ายหัวและเริ่มจัดการงานของเขาต่อ