อัศวินดำคุงไม่อยากเป็นเซ็นไต - ตอนที่ 68 ความซื่อสัตย์และการล้างแค้น
คัตสึมิ โฮมุระได้หายตัวไป
แม้จะใช้กล้องทั่วโตเกียวก็ตามร่องรอยเขาไม่พบ
สภาพไม่ต่างอะไรกับตอนที่เขาเป็นอัศวินดำเมื่อ 3 ปีก่อน
เบื้องหลังของเมืองที่เต็มไปด้วยแสงไฟ
เขาคือชายผู้ปกครองความมืดมิดเพื่อให้แสงสว่างคงอยู่
ตอนที่ฉันได้เห็นเขาเป็นครั้งแรกก็เกิดความตกใจที่ว่าทำไมหมอนี่ถึงใช้โปรโตสูทได้
ว่ากันตามตรงที่ตกใจกว่าก็คือการที่เขาผ่านระบบการรักษาความปลอดภัยภายในห้องทดลองของบริษัทโดยที่ไม่มีใครรู้ตัวเลยเนี่ยแหละ แถมยังเอาสูทสุดอันตรายออกไปด้วยอีก
มองย้อนกลับไปฉันว่าเจ้าโปรโตคงจะทำการแฮ็กระบบรักษาความปลอดภัยและเรียกเขาเข้ามาแหง ทว่าตัวฉันในอดีตไม่มีทางนึกถึงเรื่องพวกนี้ออก
ฉันมองว่าเป็นไปไม่ได้เลยที่มนุษย์โลกจะสามารถใช้งานโปรโตสูทได้ ไม่สินอกจากคัตสึมิ โฮมุระแล้วไม่มีใครบนโลกนี้สามารถใช้สูทที่ดึงเอาพลังชีวิตของผู้ใช้ออกไปได้เหมือนเขาหรอก
นอกจากโปรโตสูทแล้วก็ยังมีลูปัสไดรฟ์เวอร์อีก
นั่นจึงเป็นเหตุผลที่อัศวินดำคือสิ่งที่น่าสนใจมากที่สุดตลอดช่วงชีวิตอันยาวนานของฉัน
เข้าใช้งานมันอยู่ทุกวันและก็แสดงผลลัพธ์ที่เกิดกว่าฉันคาดไว้เสมอ
เพื่อจะติดต่อกับเขาฉันจึงพยายามทุ่มเททรัพยากรทั้งหมด ทว่ามันก็ยังไม่เป็นผลอยู่ดี
แถมมีการแทรกแซงจากอัลฟ่าอีกหัวจะปวด ทว่าสิ่งสำคัญที่สุดก็คงจะเป็นความเชื่อใจในเพื่อนมนุษย์ของเขา เพราะเขาไม่จับหรือใช้พวกอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์อย่างโทรศัพท์หรือคอมเลย เทคโนโลยีของฉันมันก็เลยไร้ประโยชน์แทน
ไม่น่าเชื่อว่าวิทยาศาสตร์ที่ก้าวหน้าไปไกล จะต้องกลับมาใช้พลังแบบยุคอะนาล็อก
กลับมาที่ปัญหาตอนนี้ละกัน
ถึงอยากจะตามตัวก็ดันตามหาไม่เจอ
คาดไม่ถึงจริงๆ ว่าฟังก์ชันหลากหลายที่ติดใส่โปรโตเชนเจอร์ X เพราะความสนุกมันจะสร้างปัญหายุ่งยากให้ฉันในภายหลัง
「……เฮ้อ」
หลังจากคิดจนหัวหมุน ฉันก็เอนตัวพิงเก้าอี้
สามวันแล้วที่คัตสึมิหายตัวไป
ฉันที่ตามกลิ่นของเขาไม่ได้เลยก็รู้สึกหัวจะปวด ว่าแล้วก็พยายามเขียนไดอารี่เพื่อระดมความคิด
「นึกย้อนกลับไปก็น่าทึ่งจริงๆ แหละ」
เขาเกิดมาเหมือนเด็กธรรมดา ไม่มีอะไรพิเศษ
ทว่าเขากลับเข้ากันได้กับโปรโตและลูปัส
แถมยังเป็นก่อนจะเจอกับอัลฟ่าอีก
「อันที่จริงตัวอัลฟ่านี่ก็แอบพิเศษกว่าปกติวุ้ย」
อัลฟ่าคือตัวตนที่เกิดมาจากอัลฟ่าและโอเมก้า
「ลักษณะพิเศษที่ไม่ควรจะสืบทอดมาได้ทันที ทั้งที่ควรเป็นแบบนั้น…..」
ตามเอกสารที่ฉันหยิบติดมือมาจากองค์กรตอนหลบหนี ลักษณะพิเศษของอัลฟ่าและโอเมก้าจะไม่ส่งต่อไปยังอัลฟ่าตัวลูกตั้งแต่เกิด แต่จะให้ตัวลูกเรียนรู้ด้วยตัวเองเพื่อปลุกพลัง
ทว่าอัลฟ่าที่เกิดมากลับใช้พลังติดตัวได้ตั้งแต่เกิด แถมยังเป็นความสามารถในการเปลี่ยนแปลงการรับรู้ระดับสูงสุดๆ อีกต่างหาก
「….ก็ได้ยินมาว่าอัลฟ่าคนก่อนตายไปแล้วอยู่หรอก…」
หรืออัลฟ่าตัวแม่จะทำอะไรสักอย่างกับเธอ?
ความลึกลับของสิ่งมีชีวิตที่อธิบายไม่ได้เหรอ?
ไม่สิต้องคิดไปตั้งแต่ที่ว่าอัลฟ่าตัวก่อนมันตายไปได้ยังไง?
「ยิ่งคิดก็ยิ่งมีแต่เรื่องแปลกวุ้ย」
ทำไมโอเมก้าถึงรับรู้ถึงตัวตนขององค์กรได้กัน
「…ทั้งที่พยายามเรียบเรียงความคิด แต่เหมือนสมองจะยิ่งหมุนกว่าเดิมวุ้ย」
ไม่เข้าใจสักนิด…
ตอนนี้คงต้องหาคัตสึมิคุงได้เจอก่อนละกัน
「……หือ? 」
มีคนติดต่อเข้ามาในเทอร์มินัลของฉัน
4 ทุ่มแล้วยังจะมีเรื่องอะไรอีกนะ
ชายโสดแบบฉันก็ไม่มีใครมาติดพันด้วยขณะที่คิดก็เปิดเทอร์มินัลดูเพื่อจะรับสายก่อนพบว่าเป็นชื่อ คิราระ อามัตสึกะ หรือก็คือเยลโล่แห่งจัสติสครูเซเดอร์
「แปลกแฮะ」
ฉันไล่พวกสามสาวที่วุ่นวายใจตลอด 3 วันที่ผ่านมาเพราะเรื่องคัตสึมิคุงกลับบ้านไปเพื่อให้พักผ่อนแท้ๆ ทำไมถึงโทรกลับมาล่ะ
「เยลโล่มีอะไรเหรอ ถ้าเป็นคัตสึมิคุงทางนี้ยังไม่มีเบาะแสหรอก」
『ประธาน』
「……หรือเกิดเรื่องขึ้น? 」
น้ำเสียงของเธอดูผิดปกติไปทำเอาฉันรู้สึกเครียด ก่อนจะวิ่งไปเปิดคอมเพื่อตรวจสอบความผิดปกรอบๆ บ้านของเยลโล่ว่าโดนพวกเอเลี่ยนมันบุกไหม
ทว่าพอตรวจดูก็ไม่เจออะไรผิดปกติ
「เอ้าก็ไม่มีอะไรนี่? หรือจะมาปรับทุกข์เฉยๆ? 」
『คะ ใครจะไปคิดปรับทุกข์กับคนแบบคุณกัน เอ่อ เอาเป็นว่ามีเรื่องที่อยากจะบอกให้ประธานรู้น่ะ』
「ฉันเหรอ? 」
ท่าทางจะไม่เกี่ยวอะไรกับพวกเอเลี่ยนที่บุกมา แต่คงเกิดเรื่องบางอย่างจากฝั่งเธอแหง
『ก่อนอื่นฟังแล้วช่วยเหยียบไม่ให้อากาเนะกับอาโออิรู้ด้วยนะ』
「ไหงงั้น? 」
『เพราะถ้าพวกเธอรู้ได้เกิดการนองเลือดขึ้นภายในกลุ่มจัสติสครูเซเดอร์แหง』
「การนองเลือด!? 」
เดี๋ยวสิฟะ มันเกิดอะไรขึ้นกับเธอกันแน่?!
ฉันชักจะแอบขนลุกแล้วสิว่าเธอไปทำอะไรมา?!
『อันที่จริงแล้ว ที่บ้านของ——』
『โฮ้ย คิราระ!』
『หือ!? มะ มีอะไรเหรอ!? 』
เสียงผู้ชาย
ฉันถึงกับนิ่งไปครู่หนึ่งเพราะเป็นเสียงที่คุ้นเคยเหลือเกิน
คิราระตอบกลับเสียงอีกฝ่ายด้วยความสับสนด้วยสิ ทว่าไม่นานนักเสียงชายคนนั้นก็พูดขึ้นมาอีก
『หือ? โอ้ โทษที คุยสายอยู่เหรอ? 』
『อะ อื้อ ดะ เดี๋ยวก็จะวางแล้ว』
『อ้า แม่เธอฝากให้ฉันมาเรียกน่ะ』
『อื้อ เข้าใจแล้ว』
「……」
『……ก็แบบนี้แหละค่ะ』
หัวของฉันแทบจะตามสิ่งที่เกิดขึ้นไม่ทัน ก่อนจะพยายามรันความคิดใหม่อีกที
โอเค เข้าใจแจ่มแจ้ง เยลโล่อยู่ในสถานการณ์สุดเหลือเชื่อเข้าแล้ว
「แปลว่าเขาอยู่บ้านเธอใช่ไหม? 」
『……ค่ะ』
「อัลฟ่าล่ะ? 」
『กำลังจ้องฉันอยู่เลยค่ะ』
อัลฟ่าก็เอากับเขาด้วย……!?
ทั้งที่ทุ่มระบบสุดล้ำของบริษัทตามตัวเขาทั้งเมืองแท้ๆ แต่สุดท้ายดันมาอยู่บ้านของเยลโล่เนี่ยนะ!!
「แล้วคัตสึมิคุงไปอยู่บ้านเธอได้ยังไง? 」
『น้องสาวฉันไปเจอเข้าแล้วพากลับมาค่ะ』
น้องสาวของเยลโล่นี่ไม่โหดเกินไปหน่อยเหรอฟะ?
เทียบกันแล้วเธอแพ้น้องสาวในหลายๆ ความหมายนะ
「…เดี๋ยวสิ พ่อกับแม่เธอไม่ว่าอะไรเหรอ? 」
『เห็นบอกว่าเหมือนฝันเลยค่ะ……』
「หา? 」
『พวกเขายอมรับกันได้อย่างง่ายดายเพราะเหมือนอยากจะซ่อนตัวใครสักคนมานานแล้วค่ะ』
「……เดี๋ยว……ฉันชักไม่เข้าใจที่เธอพูดแล้วสิยังไงนะ? 」
『ฉันก็ไม่เข้าใจเหมือนกันค่ะ……』
พอกลับมาลองคิดดูแล้ว เรื่องของเยลโล่ในอดีตมันก็แปลกเหมือนกัน เพราะพ่อแม่ของเธอยินยอมให้เธอเป็นจัสติสครูเซเดอร์อย่างง่ายดาย
ทั้งที่เธอเป็นเพียงเด็กสาวธรรมดา แต่ฉันเข้าใจแล้วครอบครัวของเธอมันผิดปกตินี่เอง
「อะ เอาเป็นว่าฉันดีใจนะที่เธอเป็นคนเจอ เพราะหากเป็นเรดหรือบลูไม่มีทางจะติดต่อฉันมาแหง」
『ส่วนตัวก็อยากทำแบบนั้นค่ะถ้าเป็นไปได้….』
ฉันมั่นใจว่าถ้าเป็นยัยสองคนนั้นไม่มีวันจะเปิดปากบอกฉันแหง
นึกภาพออกเลยถ้ายัยสองคนเจอเขาจะออกมาภาพไหน
ถึงเรดจะขาดๆ เกิดๆ ไปบ้างแต่ก็ไม่น่าจะทำอะไรแปลกๆ ที่น่ากลัวสุดคงเป็นบลูนี่แหละที่ฉันมองไม่ออกเลยว่ามีอะไรอยู่ในหัวของเธอไหนจะเรื่องทำเรื่องบ้าๆ บอๆ แล้วบอกมันคือวิทยาศาสตร์อีก
「สำหรับตอนนี้เธอก็……」
『ค่ะ จะพยายามโน้มน้าวให้คัตสึมิคุงกลับไปที่สำนัก———』
「ไม่อ่ะ ตอนนี้ยังดีกว่า」
『ค่ะ? 』
หากพาเขามาที่นี่กะทันหันคงจะสร้างผลเสียแทนมากกว่า
ในฐานะอัศวินดำแล้ว ฉันเข้าใจว่าเขาระวังตัวแค่ไหน หากพลาดไปเขาจะหายไปจริงๆ แน่
ดังนั้นให้เขาอยู่ในจุดที่ฉันตรวจสอบการเคลื่อนไหวได้จะเหมาะสมกว่า
「เยลโล่ให้คัตสึมิคุงอยู่บ้านเธอต่อละกัน」
『จ-จะดีเหรอคะ? 』
「อย่าลืมรายงานให้ฉันรู้ด้วยล่ะ แล้วก็ใช้เครื่องเปลี่ยนสัญญาณด้วยจะได้ไม่โดนจับได้」
『ดะ ได้ค่ะ! อ๊ะ เดี๋ยวเถอะอัลฟ่า?! อย่ามาหยิกท้องของฉันเล่นสิยะ?!』
ดูเหมือนอัลฟ่ากำลังแกล้งเยลโล่อยู่สินะ
เอาเป็นว่าให้คำแนะนำเธอแถมท้ายละกัน
「อีกอย่างที่เธอควรรู้ไว้…」
『คะ? 』
「อย่าจับเขากินล่ะ」
『ใครจะไปทำยะ!? 』
การสื่อสารถูกตัดไป
หลังตรวจสอบสถานการณ์เสร็จ ฉันก็เอนตัวพิงเก้าอี้อีกครั้งก่อนถอนหายใจ
「เรื่องบังเอิญนี่มันน่ากลัวจริงๆ แต่ตอนนี้ก็รู้แล้วว่าคัตสึมิคุงอยู่ไหน」
พูดตามตรงว่าฉันดีใจจริงๆ ที่เป็นเยลโล่
เพราะหากเรดกับบลูเป็นคนเจอเข้าละก็…
「ปัญหาที่น่าปวดหัวก็ได้รับการแก้ไขไปบ้างแล้วดังนั้น….」
ฉันหมุนเก้าอี้ไปอีกฝั่ง
แกนพลังงานสีทองถูกเก็บเอาไว้ภายในแคปซูลของห้องทดลอง
「SAGITTAEIUS ช่วยแสดงแสงสว่างให้ฉันเห็นอีกครั้งได้ไหม….」
ไม่คิดเลยว่าจะได้เจอกันอีก
ทว่าสิ่งที่ฉันเคยทอดทิ้งมันไปจะยอมรับหรือจดจำฉันได้ไหม…เรื่องนั้นฉันไม่อาจคาดเดาได้เลย
***
ลำดับแห่งดวงดารา
มันคือลำดับชั้นของพลังภายในองค์กร
ยิ่งตัวเลขน้อยก็ยิ่งแข็งแกร่ง
———และลำดับแห่งดวงดาราไม่เคยมีการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ขนาดนี้มาก่อน
สถานการณ์ปัจจุบันขององค์กรที่ปกครองทั่วทั้งกาแล็กซี่กำลังเสื่อมกำลังทางการทหารเพียงเพราะดาวดวงเดียว ถือว่าเป็นเรื่องผิดปกติมาก
ทว่าฉันไม่คิดว่ามันคือปัญหาอะไรหรอก
เพราะตราบใดที่รูอินจังยังอยู่องค์กรบ้านี่ก็ไม่มีทางล่มสลาย
「ว่าแล้วเชียวคัตสึมิจังนี่จริงๆ เลย」
เขาคือชายที่ทำให้รูอินจังเคลื่อนไหวได้
ส่งผลทำให้สถานการณ์ในจักรวาลที่เคยหยุดนิ่งไปเคลื่อนไหวอีกครั้ง
「ดูเหมือนความทรงจำของนายยังไม่ฟื้นเต็มที่ แต่ตอนนี้ของจริงกำลังจะเริ่มขึ้นแล้ว」
พลังของเขาในฐานะอัศวินดำช่างน่าประทับใจมากจริงๆ แม้กับฉันที่อยู่ในลำดับที่ 3
ร่างสุดยอดที่มีเพียงเขาสามารถใช้ได้ ทั้งพลังทำลายล้างและความเร็วที่ยากจะต้านทาน ทว่าเมื่ออยู่ต่อหน้ารูอินจังเขาก็พ่ายแพ้
「ฉันแน่ใจว่าเธอก็คงรู้งานลับๆ ที่ฉันทำอยู่แล้ว ดังนั้นฉันคงจะเป็นหนึ่งในหมากบนกระดานเธอละมั้ง」
เด็กคนนี้มีนิสัยแปลกประหลาด เกลียดการได้รับความนอบน้อมและเชื่อฟัง สนใจแต่ผู้ที่ต้องการความท้าทาย
ดังนั้นคอสโม่จังก็เลยถูกปัดตกไปในฐานะคนที่น่าสนใจ
「เลโอจังเหมือนจะพาเธอไปหามาสเตอร์ตามที่ฉันแนะนำเลยแฮะ หวังว่าคอสโม่จังจะเปลี่ยนแปลงในทางที่ดีขึ้นน้า」
『เอ็งนี่มันกวนประสาทชาวบ้านเขาเก่งจริงๆ เลยน้า ไอ้สันขวานเอ้ย』
หุ่นยนต์ที่มีรูปร่างเหมือนนกบินวนไปมารอบตัวฉันก่อนพ่นคำพูดหยาบคายออกมา
นกเมก้าเบิร์ดจังตัวนี้ก็ไม่ใช่ใครอื่นแต่เป็นคู่หูของฉันเอง ทั้งที่เสียงน่ารักขนาดนี้แท้ๆ แต่ทำไมถึงชอบพูดจาหยาบคายกันน้า…
「เห้อ ทั้งที่ Virgo คือตัวแทนแห่งสาวน้อย ความรัก ความเมตตา และพลังแท้ๆ 」
『ความรักมันก็มีหลากหลาย แถมเอ็งไม่ใช่สาวน้อยด้วย ส้นตึกจริงๆ 』
「ถ้ายังพูดจาหยาบคายแบบนี้ต่อไปเดี๋ยวจะโดนลงโทษเอานะ」
ตอนนี้พวกฉันอยู่กันตรงสวนสาธารณะร้างห่างไกลจากตัวเมือง
ซึ่งฉันกำลังนั่งเล่นอยู่ตรงม้านั่งของสวนที่มีแสงไฟจากข้างถนนส่องเข้ามา
『ว่าแต่ทำไมวันนี้เอ็งถึงมานั่งหัวโด่ตรงนี้กัน』
「ก็เพราะวันนี้ต้องออกมาต้อนรับแขกที่จะมาเยือนดาวโลกนี่นา…เอ้ากลุ่มแรกมากันแล้ว』
แสงสว่างปริศานาโผล่ขึ้นกลางสวนก่อนจะปรากฏร่าง 3 ร่างขึ้น
คนที่ปรากฏออกมาคือหญิงสาวผมสีบลอนด์ที่กำลังลากคือเสื้อชายผมสีบลอนด์ ตามมาด้วยหญิงสาวผมสีครีมที่เดิมตามผู้ชายคนนั้นมา
「ว้าว เรมจังได้ร่างใหม่มาแล้วเหรอ ดูน่ารักจังเลยน้า」
「ว่าไง! ซันนี่! มารอทักทายกันตรงนี้เลยสินะ!!」
ลำดับแห่งดวงดาราที่ 7 ดาราแฝดเรม
เธอควรจะเป็นกลุ่มก้อนพลังงานที่มีความนึกคิดแท้ๆ ตอนนี้กลับมีร่างกายเหมือนชาวโลกมาก
สาเหตุก็คงจะมาจากน้องชายของเธอที่ถูกลากคอเสื้อมาด้วย
「ปะ ปล่อยฉันนะเรม! ทั้งที่บอกแท้ๆ ว่าจะอยู่บนยานแล้วซ่อนตัวรอ จะได้ไม่มีใครตามตัวเจอแท้ๆ!!」
「เจ็ม นายเป็นคนออกแบบไอโอสูทนี้นะ ดังนั้นหากนายไม่อยู่ด้วยแล้วใครจะเป็นคนปรับปรุงสูทของฉันล่ะ!!」
「หล่อนก็กลับมาที่ยานสิฟะ!!」
「ไม่เอาอ่ะ ยุ่งยาก」
ลำบากน่าดูน้า
แต่สำหรับเรมจังแล้ว เขาเป็นเพียงครอบครัวคนเดียวของเธอก็คงอยากจะให้อยู่เคียงข้างแหละ
「MEI! ทำไมหล่อนเอาแต่ยืนมองฟะ!!」
「ค้นหา→เมนูแนะนำของดาวโลก」
「เนี่ยเหรอสาเหตุที่หล่อนขอให้ฉันติดตั้งเซ็นเซอร์รับรส?!」
คุณน้องชายนี่ลำบ้างจังน้อ
แต่ถึงจะพูดจาหยาบคายออกมาก็ใช่ว่าเขาจะเกลียดพวกเธอจริงๆ
「งั้นซันนี่ เราไปหาสร้างฐานลับกันดีกว่า」
「อย่าทำอะไรรุนแรงนักล่ะ เพราะเราไม่ได้จะมาทำลายโลก」
「อื้อ เรื่องนั้นฉันรู้อยู่แล้วน่า」
ในขณะที่เธอกำลังจะเดินจากไป เรมจังก็หันมาหาฉันอีกรอบแล้วยิ้มให้กับฉัน ซึ่งมันเป็นรอยยิ้มที่หากเป็นร่างพลังงานคงไม่มีทางเห็น
「อัศวินดำแข็งแกร่งไหม? 」
「……ฮ่าๆๆ ก็แข็งแกร่งนะ คงจะสามารถสู้กับเธอได้สบายเลย」
「ฟุฟุฟุ แบบนั้นก็ดี ถ้างั้นเจ็ม พวกเรารีบไปสร้างฐานลับกัน」
「ทำไมถึงมีแต่ฉันที่ต้องมาเจอเรื่องแบบเน้……」
「นายท่าน เขาเรียกว่าชะตากรรมค่ะ」
เธอเดินจากไปด้วยอารมณ์ที่ดีกว่าเดิม
ลำดับสูงๆ เริ่มจะมาที่โลกมาขึ้นแล้ว
สงสัยจังเลยนะว่าดวงดาวเล็กๆ นี้จะสามารถต้านทานพวกเธอได้ไหม ถึงส่วนตัวฉันจะเชียร์ให้ไหวก็เถอะ
『นี่เจ้าโง่ จะมีใครมาอีกเหรอ』
「ลำดับที่ 23 น่ะ …โอ้ ดูเหมือนจะมาแล้วสิ」
ระหว่างที่กำลังตอบเวอร์โก้ ใจกลางของสวนก็ปรากฏแสงสว่างขึ้นอีกครั้ง
ลำดับที่ 23 ขนาดตัวควรจะใหญ่กว่านี้หน่อยนะ…
ผิดคนหรือเปล่า?
เมื่อแสงหายไป ก็ปรากฏร่างของเด็กหนุ่มผมสีแดงก้าวออกมา
「หืม? เธอลำดับที่ 11 สินะ……」
「ครับ! ลำดับแห่งดวงดาราที่ 11 เซไคเซ็นไต มอทัลเรด!!」
เซไคเซ็นไตคือกลุ่มคนที่ควรจะปกป้องสันติภาพแห่งจักรวาลถ้าในความหมายปกติ
แล้วทำไมหัวหน้าทีมถึงโผล่มาแทนล่ะ?
「คนที่มาควรจะเป็นลำดับที่23ไม่ใช่เหรอ? 」
「คือว่าถ้าลำดับที่ 30-21 ตอนนี้พวกเขา….」
มอทัลเรดเกาแก้มเขินๆ ก่อนจะพูดต่อ
「พอดีว่าพวกพ้องของผมอดใจกันไม่ไหวแล้วก็เลยไปฆ่าพวกมันจนหมดเพื่อให้ถึงตาของตัวเองเร็วๆ น่ะครับ….คือว่าต้องขอโทษด้วยจริงๆ!!」
「…งั้นเหรอ รู้ตัวไหมว่าทำเรื่องแย่ลงไป? ทีหลังก็เตือนๆ กันด้วยล่ะ」
「ครับผมจะจำเอาไว้แล้วจะเตือนพวกเขาให้ดีกว่าเดิม!!」
ฆ่าทิ้งเหรอ
ดูเผินๆ ก็เหมือนมอทัลเรดจะขอโทษสำนึกผิดจริงๆ แต่ฉันรู้ถึงนิสัยพวกนี้ดี
พวกโรคจิต 5 ตัวที่ผ่านสนามรบมามากมาย
ดูภายนอกอาจจะเหมือนคนปกติ แต่ภายในของพวกมันบิดเบี้ยวจนน่าแขยง
เจ้าพวกตัวยุ่งโผล่มาซะแล้วสิ เอายังไงต่อดีน้า
「โย้ช! ถ้าอย่างงั้นขอตัวกลับยานเพื่อเตรียมเริ่มงานเลยก็แล้วกันครับ!!」
「อื้ม ไปดีมาดีจ้า」
ฉันมองไปที่มอทัลเรดก่อนที่ร่างของอีกฝ่ายจะหายไป
พวกมันกำลังจะมาบุกโลกในไม่ช้า
เครื่องจักรสังหารที่ติดอาวุธระดับทำลายล้างมาด้วย
『ไอ้พวกน่าขยะแขยง』
「นี่แหละจุดจบของพวกนักรบที่สูญเสียหัวใจและความภาคภูมิใจในฐานะผู้พิทักษ์ดวงดาวไป ว่ากันตามตรงพวกมันคือขั้วตรงข้ามของสาวๆ ดาวโลกอย่างแท้จริงเลย」
『จากมุมมองของข้าถ้าให้เลือกอยู่ด้วยข้าว่าพวกจัสติสครูเซเดอร์ภาษีดีกว่า』
「โห้? แล้วถ้าคัตสึมิจังล่ะ เธอมองประมาณไหน? 」
ฉันถามเวอร์โก้ซึ่งแต่เดิมเคยเป็นอัลฟ่าดู
เธอบินขึ้นมาบนหัวของฉันก่อนจะพูดต่อ
『โดยพื้นฐานแล้วก็คงต้องมองถึงความเข้ากันได้ก่อนแหละนะ เพราะอัลฟ่าแต่ละคนก็มีความต่างกันไปด้วย ส่วนตัวข้าชอบคนที่ตรงไปตรงมา ดังนั้นหมอนั่นข้าให้ผ่าน』
「พูดมาขนาดนี้อยากจะเปลี่ยนเจ้าของไปเป็นคัตสึมิจังหรือเปล่าน้า? 」
『ข้าเคยบอกแบบนั้นตอนไหน เจ้าสัตว์ประหลาดนี่』
「เอ็งว่าใครเป็นสัตว์ประหลาดวะ!? 」
ฉันหมดความอดทนกับคำพูดของเจ้าไก่นี่แล้วสิ!
รู้ไหมว่าสาวน้อยจะทนความหยาบคายได้เพียง 3 หน
เตรียมตัวกลายเป็นไก่ย่างได้เลย!!
「…อุ๊ ดูเหมือนจะมีคนมาอีกแล้วสิ」
『หือ? แต่เหมือนคราวนี้จะไม่มีแสงวาร์ปนะ……』
สัญชาตญาณของฉันสัมผัสได้ว่ามีใครกำลังมา ก่อนที่ฉันจะจ้องมองไปยังจุดหนึ่งของสวนสาธารณะ ตรงชิงช้าที่แกว่งไปมาเอง
พลังในการเปลี่ยนแปลงการรับรู้นี่น่าสนใจจริงๆ
แต่ใช้ผิดวิธีไปหน่อยไหม
「อยากจะเล่นซ่อนหาเหรอ? “อาสึ” 」
「ฟุฟุฟุ ว่าแล้วเชียวคนที่หาตัวฉันเจอก็คงมีแต่พวกหลักเดียว ซันนี่」
หญิงสาวผมสีดำปรากฏตัวขึ้นมาจากความว่างเปล่า
หญิงสาวที่ปรากฏตัวออกมานั้นถ้าจะให้พูดถึงรูปร่างหน้าตาก็คงเหมือนกับอัลฟ่าจังที่เกาะติดคัตสึมิจังอยู่ในอีกหลายปีข้างหน้า แม้จะอยู่ในความมืดแต่ความงดงามของเธอกลับไม่ลดน้อยลงเลย
ถึงจะเป็นสาวน้อยด้วยกันเองก็อาจจะเสียท่าให้เธอได้ง่าย ทว่าจิตใจของฉันที่มีเขาคนนั้นอยู่แล้ว สเน่ห์ของเธอจึงใช้ไม่ได้ผล
ทว่าฉันก็อดถอนหายใจกับการกระทำของเธอไม่ได้
「เพราะเธอแท้ๆ เลยน้า รู้ตัวไหม ทุกอย่างเลยยุ่งเหยิงไปหมด? 」
「แต่ว่า…เธอก็เจอกับความหวังแล้วนี่」
「……ช่างเรื่องนั้นก่อน ว่าแต่อยู่บนโลกมานานแค่ไหนแล้วล่ะ? 」
「นั่นสินะ……ราวๆ 10 ปีได้มั้ง」
เธอคือต้นเหตุของความวุ่นวายที่มีขึ้นบนดาวโลก
การกระทำของเธอเรียกได้ว่าเป็นต้นกำเนิดของความชั่วร้าย ที่ชาวโลกต้องเผชิญ
「ทำไมเธอถึงได้กลายมาเป็นอัลฟ่าของดาวนี้ได้กันน้า? 」
「เพื่อการแก้แค้น…ถึงจะล้มเหลวก็เถอะ」
ลำดับแห่งดวงดาราที่ 6 อาสึแห่งความเกลียดชัง
อัลฟ่าผู้เก็บความเกลียดชังที่มีต่อรูอินจังและรอวันจะได้แก้แค้น
เธอคือคนที่เข้ามาแทนที่อัลฟ่าของโลกใบนี้และทำให้โอเมก้าคลั่ง
「แต่ว่าฉันก็ได้เจอกับแสงสว่างบนดาวนี้เข้าให้แล้ว」
เธอยิ้มออกมาอย่างร่าเริง
แม้ฉันจะรู้ดีว่าภายใต้ดวงตาของเธอนั้นเต็มไปด้วยความมืดมิดก็ตาม
————-
Note 1 : มาเม้ามอยหลังอ่านกันได้ที่เพจนะครับ แล้วก็ขอบคุณสำหรับทุกท่านที่ช่วยหารค่าไฟ และสามารถช่วยค่าไฟคนแปลได้ที่ กสิกร 2092612913 หรือ QR Code