Astral Pet Store ร้านขายอสูรดวงดาว - ตอนที่ 306
หลังจากฆ่าทั้งแปดคนแล้วซูผิงก็ได้ยินเสียงของระบบประกาศว่าภารกิจค้นหาผู้ร้ายตัวจริงเสร็จสิ้นแล้ว
หลังจากที่เขาได้ยินข้อความ เจตนาฆ่าในดวงตาของเขาก็ค่อยๆจางหายไป ดูเหมือนว่าครั้งนี้ตระกูลโจวจะเริ่มรู้ตัว พวกเขาไม่กล้าท้าทายเขาอีก
“ท่าน ท่าน…”
นักรบอสูรกิตติมศักดิ์ทั้งสามทำสีหน้าไม่ถูกเนื่องจากทั้งแปดคนเสียชีวิตอย่างน่าเศร้าต่อหน้าต่อตาพวกเขา พวกเขาทำให้ตระกูลโจวเสื่อม เพราะพวกเขาเป็นคนที่มอบทั้งแปดคนนี่ให้กับซูผิงเอง
แต่เนื่องจากพวกเขาเต็มใจทำทุกอย่างเพื่อรักษาชีวิตของหัวหน้าตระกูล พวกเขาจึงต้องทนกับความอัปยศนี่
ชายชราโค้งคำนับซูผิง และถาม แต่ยังคงหวาดกลัว“ทุกคนที่เกี่ยวข้องกับเหตุการณ์นี้ต่างได้รับโทษแล้ว ตอนนี้ท่านได้โปรด…ปล่อยผู้นำตระกูลของเราได้ไหม?”
ในขณะที่ชายชราร้องขอ นักรบอสูรกิตติมักดิ์อีกสองคนก็หันมาหาซูผิงเช่นกัน รอคำตอบของเขาอย่างประหม่า
พวกเขาปล่อยให้ซูผิงฆ่าสมาชิกในตระกูล หากปรากฏว่าซูผิงเพียงแค่คาดคั้นพวกเขา และคิดฆ่าผู้ตระกูลอยู่แล้ว นั่นคงไม่สามารถยอมรับได้อีกต่อไป ความเกลียดชังนั้นจะไม่มีอะไรมากั้น พวกเขาจะต่อสู้กับซูผิงจนกว่าฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งจะตายกันไปข้าง!
แน่นอนว่าในกรณีนี้ พวกเขาจะต้องระดมทุกอย่างที่ตระกูลโจวมี หากพวกเขาฆ่าซูผิงไม่ได้ ความแข็งแกร่งของตระกูลโจวอาจย่อยยับ ตระกูลโจวอาจต้องออกจากเมืองฐานหลงเจียง หรือจบลงด้วยการที่อีกสี่ตระกูลใหญ่มาเอาเปรียบ
ไม่ว่าจะด้วยวิธีใดก็ไม่ใช่สิ่งที่ตระกูลโจวต้องการ
นอกจากนี้พูดตามตรง พวกเขาไม่แน่ใจว่าจะฆ่าซูผิงได้ เหนือสิ่งอื่นใด พวกเขายังไม่รู้ชัดเจนเกี่ยวกับความแข็งแกร่งของซูผิง
ซูผิงมองนักรบอสูรกิตติมศักดิ์สามคนที่อยู่ตรงหน้าเขา ทันใดนั้นเขาก็แสยะยิ้มและถามว่า“ พูดสิ ฉันทำให้ตระกูลโจวอับอาย หลังจากนี้พวกแกจะกลับมาเล่นงานฉันไหม?”
นักรบอสูรกิตติมศักดิ์ทั้งสามดูเหมือนจะหวาดกลัว พวกเขารีบโบกมือ “ ไม่ ไม่แน่นอน ไม่มีทางครับ!”
ชายชรานักรบอสูรกิตติมศักดิ์ที่ขอโทษซูผิงก่อนให้คำมั่นสัญญาว่า“ ผมสัญญาว่าจากนี้ไปจะไม่มีใครในตระกูลโจวมารุกรานท่าน หรือร้านค้าของท่าน ครั้งนี้เราทำผิดพลาดโดยไม่รู้ตัว และทำให้ท่านไม่พอใจ แต่คนเหล่านั้นตายแล้วและพวกเขาสมควรได้รับมัน การลงโทษของท่านเหมาะสมแล้ว ผมขอสาบานด้วยชื่อของผม โจว เทียนกวง !”
ชื่อของนักรบอสูรมีค่ามาก เนื่องจากชื่อนั้นจะแสดงถึงเกียรติยศของพวกเขา การสาบานด้วยชื่อหมายความว่าเขาพูดจริง
อย่างไรก็ตาม ซูผิงไม่เชื่อในสัญญาที่ไม่มีผลผูกพันทางกฎหมาย เขาไม่มีทางเชื่อใจอีกฝ่าย แม้ว่าอีกฝ่ายจะสาบานด้วยชื่อพ่อแม่หรือบรรพบุรุษอะไรก็ตาม นับประสาอะไรกับชื่อตัวเอง
เมื่อผู้คนตัดสินใจที่จะคืนคำ คำสัญญาก่อนหน้านี้จะไม่มีความสำคัญใดๆ โจวเทียนกวงแสดงท่าทีอ่อนน้อมก็จริง แต่เขาเป็นนักรบอสูรกิตติมศักดิ์ในเมืองฐานหลงเจียง เพียงเขาพูดแค่คำเดียวก็ทำให้หลายๆคนล้มละลายได้ เมื่อเขาจัดงานวันเกิด ตระกูลใหญ่หลายตระกูลจะมาเพื่อแสดงความยินดีกับเขา เขาเป็นคนที่กุมชะตาชีวิตของใครหลายคนเอาไว้
ซูผิงไม่มีวันเชื่อคำสัญญาของคนเช่นนี้
และเขาแน่ใจว่าคนๆนี้จะต้องการหาทางแก้แค้นเขา
กระนั้นซูผิงก็ยังคงหยุดการฆ่า ทั้งๆที่เขาแน่ใจในข้อเท็จจริงเหล่านั้น
ในอากาศ โครงกระดูกน้อยได้รับคำสั่งของซูผิง กลิ่นอายชั่วร้ายที่พลุ่งพล่านรอบ ๆ โครงกระดูกน้อยถูกดูดซึมกลับเข้าร่างกายของมันอย่างสมบูรณ์ เป็นอีกครั้งที่โครงกระดูกน้อยทำท่าเงอะงะเหมือนเดิม โครงกระดูกน้อยเดินกลับไปหาซูผิง กระโดดเกาะบนหัวของอสรพิษม่วงและยืนอยู่ข้างๆซูผิง
มังกรเพลิงนรกค่อยๆบินลงมาช้าๆ หยุดอยู่ข้างอสรพิษม่วง ดวงตาของมังกรเพลิงนรกเต็มไปด้วยความรุนแรง เย็นชา ป่าเถื่อนและความสงบในคราวเดียว มังกรเพลิงนรกจับจ้องไปที่นักรบอสูรกิตติมศักดิ์ทั้งสาม หากพวกเขามีพิรุธมังกรเพลิงนรกจะโจมตีทันที
ขณะที่โครงกระดูกน้อยถอนตัว โจวเทียนหลินก็รู้สึกเหมือนภูเขาที่คอยบดบังแสงแดดโดนลบหายไป เขากลับมาหายใจได้อีกครั้ง รับรู้ถึงความอบอุ่นของโลกที่มีต่อเขา
เขาได้ยินทุกคำพูดในบทสนทนาระหว่างนักรบอสูรกิตติมศักดิ์ทั้งสาม ซึ่งเป็นรากฐานที่สำคัญของตระกูลโจวกับซูผิง ท้ายที่สุด โจวเทียนหลินเองก็เป็นนักรบอสูรกิตติมศักดิ์ ตราบเท่าที่เขามีความตั้งใจ เขาจะได้ยินเสียงมดคลานในรัศมีพันเมตร
เขารู้สึกได้ว่าหลังของเขาเปียกชุ่มไปด้วยเหงื่อเย็น หัวใจของเขายังคงเต้นรัวด้วยความกลัว เขาไม่เคยคิดว่าชีวิตของเขาจะต้องมาเสี่ยงในวันเสาร์ธรรมดาเช่นนี้
การแสดงออกบนใบหน้าของเขาอมทุกข์ เขาดูแย่มาก เขาค่อยๆบินลงมา เพื่อเข้าร่วมกับนักรบอสูรกิตติมศักดิ์ทั้งสามคน
เขาเหลือบมองโครงกระดูกที่ยืนอยู่ข้างซูผิง โจวเทียนหลินยังคงกลัวมัน ในไม่ช้า โจวเทียนหลินก็หันไปหาซูผิงและยิ้มขมขื่น “ ท่าน ขอบคุณสำหรับความเมตตา!”
ในฐานะผู้แพ้ เขาไม่สามารถพูดอะไรได้อีก
เบื้องหน้าของเขา ร่างไร้วิญญาณของคนที่ถูกส่งมอบให้ซูผิงยังคงนอนแผ่หราอยู่บนพื้น แต่ถึงกระนั้น โจวเทียนหลินก็ต้องยิ้ม
ในขณะนี้ โจวเทียนหลิน – ชายผู้สามารถควบคุมชะตาชีวิตของผู้อื่น ชายผู้นั่งอยู่บนสุดของเมืองฐานหลงเจียง กลับต้องยอมสิโรราบ
ผู้อ่อนแอเป็นเหยื่อของผู้แข็งแกร่ง โดยปกติแล้ว โจวเทียนหลิน เป็นคน“ แข็งแกร่ง” แต่วันนี้ เขากลับต้องสวมบทบาทผู้อ่อนแอ
ผู้อ่อนแอไม่มีศักดิ์ศรีให้เพลิดเพลิน ดังนั้นแม้ว่าเขาจะยืนอยู่ข้างศพของสมาชิกในตระกูล แต่ โจวเทียนหลิน ก็ยังต้องยิ้มและกล่าวขอบคุณซูผิง
“ ฉันเป็นคนมีเหตุผล”
ซูผิงมองไปที่ทั้งสี่ เขาเข้าใจได้ว่าทั้งสี่รู้สึกอัปยศอดสู แต่เขาไม่สนใจ
“ ไม่มีหนี้ใดที่ไร้เจ้าหนี้ ไม่มีความเกลียดชังโดยไม่มีสาเหตุ”
“ ตระกูลของพวกแกทำให้ฉันขุ่นเคืองก่อน มีเป้าหมายที่จะทำให้ร้านของฉันเสื่อมเสียชื่อเสียง ฉันมาที่นี่เพื่อหาทางแก้แค้น และนั่นคือสาเหตุเดียว พวกเขาตาย การแก้แค้นของฉันจบลงแล้ว ข้อพิพาทระหว่างเราถือเป็นอันจบลง แกคุ้มครองสมาชิกในตระกูลอย่างไม่มีเหตุผล ไม่คำนึงถึงการกระทำผิดๆของพวกมัน ดังนั้น ตอนนี้ความอัปยศที่เกิด คือผลกระทบที่แกสมควรได้รับ ฉันไม่สนใจว่าแกคิดอย่างไรเกี่ยวกับเรื่องนี้ แต่ในส่วนของฉัน นั่นคือสิ่งที่ผ่านมาในชีวิตและจบลงไปแล้ว ถ้าแกต้องการเอาคืน ประตูร้านฉันจะเปิดอยู่ตลอดเวลา แต่อย่าลืม…แกต้องรับผลการตัดสินใจนั่นให้ได้”
เมื่อเขาพูดถึงประโยคสุดท้าย เสียงของซูผิงก็หนักแน่น เขายิ้มออกมาเล็กน้อย
รอยยิ้มนี้แปลกประหลาด ดูเหมือนรอยยิ้มเยาะ ในขณะเดียวกันก็มีความรุนแรงและเย็นชา
โจวเทียนหลิน และนักรบอสูรกิตติมศักดิ์ทั้งสามลดหัวลง ไม่กล้ามองซูผิง พวกเขาทั้งหมดกัดฟันด้วยความเกลียดชัง
ซูผิงบุกเข้ามาในอาณาเขตของพวกเขา ฆ่าคนของพวกเขาจำนวนมาก อ้างว่าเขามีเหตุผล?
ร้านขายอสูรพิกซี่และตระกูลหลิวเป็นร้านค้าที่แข่งขันตั้งแต่เริ่ม เราไม่ได้ทำอะไรเลยนอกจากเติมเชื้อเพลิงให้กับไฟที่มีอยู่แล้ว เราไม่ได้ฆ่าใครในตระกูลของแก แต่แกมา ไม่หยุดจนกว่าจะฆ่าคนของเรา เหตุผลแบบนี้มันคืออะไร?!
แน่นอนพวกเขากล้าตะโกนคำเหล่านั้นภายในใจเท่านั้น พวกเขาเพียงแค่หวังว่าปีศาจตนนี้จะออกไปโดยเร็วที่สุด ซูผิงโผเข้าหาพวกเขาและยิ้มอีกครั้ง เขาสัมผัสได้ถึงความโกรธและเจตนาฆ่าที่ซ่อนอยู่ภายในพวกเขา เขาตระหนักดีถึงความคิดของพวกเขา แต่นั่นไม่เกี่ยวข้องกับการตัดสินใจและสิ่งที่เขาทำ เช่นเดียวกับที่เขากล่าวว่าไม่มีหนี้ใดที่ไร้เจ้าหนี้ไม่มีความเกลียดชังโดยไม่มีสาเหตุ
สำหรับตระกูลโจวเนื่องจากเขาทำให้พวกเขาขุ่นเคือง ทางออกที่ดีที่สุดคือการฆ่าพวกเขาทั้งหมดเพื่อกำจัดต้นตอของปัญหา ตามที่กล่าวไว้ ตระกูลโจวมีประวัติศาสตร์เก่าแก่กว่าหนึ่งศตวรรษในเมืองฐานหลงเจียง ในแง่หนึ่งคงยากที่จะทำลายล้างพวกเขาทั้งหมด ในอีกด้านหนึ่งคือมีทั้งคนดีและคนเลวในตระกูลใหญ่นี้
มันอาจมีผู้บริสุทธิ์ในตระกูล คนที่เกิดในตระกูลโจวไม่จำเป็นต้องรับผิดชอบด้วย บางคนออกจากตระกูลโจวไปนานแล้ว แม้ว่าพวกเขาจะยังมีเลือดของตระกูลโจวไหลเวียนอยู่ก็ตาม
คนที่ต้องการกวาดล้างทั้งตระกูล อาจเป็นพวกโรคจิตหรือไม่ก็ฆ่าคนบ้า
ซูผิงไม่ใช่ทั้งสอง
สมองของเขาบอกเขาว่าการตัดสินใจแบบไหนที่เป็นประโยชน์สุดสำหรับเขา และในขณะเดียวกันเขาก็มีมาตรฐานทางศีลธรรมเพียงพอที่จะตัดสินว่าเขาต้องเลือกแบบไหน
สำหรับการตอบโต้ในอนาคตจากตระกูลโจว…จากปฏิกิริยาของนักรบอสูรกิตติมศักดิ์ทั้งสี่คนนั่น ซูผิงรู้สึกได้ว่าแม้พวกเขาจะเกลียดและโกรธเขาอย่างเห็นได้ชัด แต่พวกเขาก็คงรู้ตัวว่าไม่สามารถทำอะไรซูผิงได้จนกว่าจะมั่นใจจริง
การคิดและการกระทำนั้นแตกต่างกัน
เป็นเรื่องที่เข้าใจได้ว่าพวกเขาต้องการเอาคืนหลังซูผิงฆ่าคนของพวกเขา
นอกจากนี้ตระกูลใหญ่ทุกตระกูลยังมีผู้คนมากมายนับไม่ถ้วน บางคนจะสร้างปัญหาอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ และบางครั้งปัญหาเหล่านั้นอาจเป็นเรื่องยุ่งยาก อย่างไรก็ตาม นั่นไม่ได้หมายความว่าตระกูลโจวจะต้องต่อสู้กลับเหมือนหมาบ้าทุกครั้งที่พวกเขาเจอปัญหายากลำบาก คนแบบนั้นก็เหมือนพวกอันธพาล มันต้องตัดทิ้ง ไม่งั้นตระกูลคงรักษาประวัติศาสตร์อันยาวนานไว้ไม่ได้
นั่นเป็นสาเหตุที่ตระกูลใหญ่ทั้งห้าไม่ค่อยมีส่วนร่วมในการต่อสู้นองเลือด แม้พวกเขาจะมีความขัดแย้งกันเองบ่อยครั้ง ท้ายที่สุดหมาป่าที่บาดเจ็บจะไม่เป็นนักล่าอีกต่อไป มันกลายเป็นเกมของนักล่าคนอื่น
นอกจากนี้มันยังอธิบายได้ว่าทำไมตระกูลโจวจึงเต็มใจให้ซูผิงฆ่าสมาชิกทั้งแปดคน พวกเขายอมเสียศักดิ์ศรีมากกว่าผู้นำตระกูล
ผู้นำตระกูลเป็นศูนย์กลาง และสายเลือดของตระกูล
พวกเขาทนได้ไม่ว่าขนและหนังจะเจ็บแค่ไหน แต่ต้องไม่ถึงกระดูก!
บาดแผลที่ผิวหนังสามารถหายได้ แต่บาดแผลที่กระดูกจะไม่สามารถฟื้นตัวได้ง่ายๆ!
ดังนั้นในสถานการณ์ที่ยากลำบากเช่นนี้ แม้พวกเขาจะโกรธ แต่ก็ทนต่อการดูถูกได้เช่นกัน พวกเขาต้องทนจนถึงวันหนึ่งที่พวกเขาแข็งแกร่งกว่าคู่ต่อสู้และมั่นใจว่าพวกเขาสามารถเอาชนะคู่ต่อสู้ได้ นั่นคือเวลาที่พวกเขาจะลงมือ
นั่นคือวิธีที่ตระกูลใหญ่ใช้ในโลก
ซูผิงรู้ดีว่าตราบใดที่เขาสามารถรักษาความแข็งแกร่งไว้ได้ ตระกูลโจวก็จะหวาดกลัวเขาไปตลอด
ในขณะเดียวกันถ้าตระกูลโจวโง่เขลา จนมาเอาคืนเขาทันที ซูผิงก็คงไม่ว่าอะไร เขามีจุดอ่อนเล็กน้อย แม่และพ่อของเขาสามารถอยู่ในเขตปลอดภัยของร้านได้ น้องสาวที่ไม่น่ารักของเขาจะได้เข้าเรียนในสถาบันที่ดีที่สุดในทวีปหลังจากลีกนักรบ ด้วยความแข็งแกร่งของตระกูลโจว พวกเขาจะไม่สามารถใช้อิทธิพลใด ๆ ที่นั่นได้
นอกจากนี้รองอาจารย์ใหญ่จะดูแลซูหลิงเยวี่ยในขณะที่เธออยู่ในสถาบัน รองอาจารย์ใหญ่เป็นนักรบอสูรกิตติมศักดิ์ขั้นสูงสุด เขามีพลังน้อยกว่าปรมาจารย์ดาบเท่านั้นและยะงมีโอกาสที่จะไปถึงระดับตำนาน เขาเป็นหนึ่งในนักรบอสูรที่ดีที่สุด เขาคนเดียวสามารถเอาชนะตระกูลโจวทั้งหมดได้!
“ ท่าน ไม่ต้องพูดแบบนั้น เราเป็นฝ่ายผิด…เราคงไม่กล้าคิดแก้แค้น อันที่จริงเราต้องขอบคุณที่ท่านช่วยกำจัดเนื้อร้ายในตระกูลเรา”โจวเทียนกวงประจบ
โจวเทียนหลิน ซึ่งยืนอยู่ข้างๆเขารู้สึกว่าปากของเขากระตุก แต่เขาก็ไม่ได้พูดออกไป เขาเข้าใจว่าเขาต้องยอมรับความพ่ายแพ้ในขณะนี้ ในฐานะหัวหน้าตระกูลการพูดคำเหล่านั้นคงไม่เหมาะสม ดังนั้นจึงต้องเป็น โจวเทียนกวง ที่พูด
ซูผิงตอบด้วยรอยยิ้มและส่ายหัว
โดยธรรมชาติแล้วเขาจะไม่ปฏิบัติต่อคำพูดเปล่า ๆ เหล่านั้นอย่างจริงจัง
“ แล้วเจอกัน…” ซูผิงพูด ทันใดนั้นอสรพิษม่วงก็เริ่มสะบัดหาง แล้วมันก็จากไป
โจวเทียนหลิน และคนอื่น ๆ รู้สึกโล่งใจที่ซูผิงจากไป และโกรธที่เขาพูดว่า“ เจอกัน” ในตอนท้าย
“เจอกัน?
“ ไม่เจอ!”
ทุกคนแยกเขี้ยวด้วยความขุ่นเคือง
เมื่ออสรพิษม่วงหันกลับ นักรบของกองทัพโจวที่ยืนเฝ้าก็กลับมามีสติ และรีบหลงทางด้ยความกลัว
เนื่องจากหัวหน้าตระกูลของพวกเขาและคนระดับสูงไม่ได้พูดอะไรสักคำ นักรบเหล่านั้นจึงรีบก้าวหลบให้ซูผิง
ผู้สังเกตการณ์ที่เหลือพากันหลบอย่างทุลักทุเล
ชายที่ยืนอยู่บนหัวงูจะสร้างความประทับใจให้กับสมาชิกตระกูลโจวตลอดไป
หลังจากที่ซูผิงออกจากบ้านตระกูลโจว โจวเทียนหลิน และ โจวเทียนกวง ก็รู้สึกว่าพวกเขาหายใจได้ในที่สุด
ขณะที่พวกเขาผ่อนคลาย พวกเขาก็สังเกตว่าร่างกายของพวกเขาเจ็บ
พวกเขาดีใจที่ชายหนุ่มไม่ได้สังหารทั้งตระกูล ถ้าซูผิงบ้าคลั่งไม่หยุดจนกว่าความปรารถนาในการฆ่าของเขาจะหายไป ตระกูลโจวก็คงถึงวาระแล้ว ต่อให้ซูผิงไม่กวาดล้างทั้งตระกูล ตระกูลโจวตระกูลโจวก็ต้องจ่ายด้วยราคามหาศาล เมื่อพวกเขาสูญเสียอย่างหนัก ตระกูลโจวก็ยังต้องรับมือกับอีกสี่ตระกูลใหญ่ที่จ้องพวกเขาเหมือนหมาป่าหิวโหย
“ ปิดปากให้สนิท ห้ามใครพูดถึงเรื่องในวันนี้เด็ดขาด!” โจวเทียนหลินกวาดมองทุกคนอย่างเย็นชา เขาเห็นผู้คนจำนวนมากมารวมตัวกันซึ่งยังอยู่ในอาการตกใจและสับสน
โจวเทียนหลิน รู้สึกอายตอนคิดสภาพเหมือนหมาข้างถนนของตัวเอง
การรุกรานครั้งนี้ได้ทำลายศักดิ์ศรีของตระกูลโจว เรื่องนี้ต้องได้รับการจัดการอย่างดี พวกเขาต้องพยายามอย่างเต็มที่เพื่อไม่ให้ข้อมูลหลุดออกไป มิฉะนั้นพวกเขาจะกลายเป็นตัวตลก นั่นจะสร้างความเสียหายอย่างมากในทุกแง่มุมที่เกี่ยวข้องกับตระกูลโจว ราคาหุ้นของพวกเขาจะตกลงมาก
“ครับ” ชายชราสวมเสื้อคลุมสีน้ำตาลพยักหน้า เขาเข้าไปดูศพคนๆหนึ่ง มันคือโจวเฟิง คราวนี้ตระกูลโจวต้องสูญเสียนักรบอสูรกิตติมศักดิ์!
นักรบอสูรกิตติมศักดิ์แต่ละคนถือเป็นรากฐานที่สำคัญของตระกูล การเสียคนหนึ่งไปหมายถึงการเสียเสาหลักที่ค้ำจุนฐาน
โชคดี นักรบอสูรกิตติมศักดิ์ที่ทรงพลังสุดยังมีชีวิตอยู่ พวกเขาสามารถจัดการให้ตระกูลดำเนินต่อไปได้
“ ท่านคะ พวกเรา…จะปล่อยเรื่องนี้ไปงั้นเหรอคะ?” นักรบอสูรกิตติมศักดิ์ผู้หญิงถาม เธอยังไม่เต็มใจที่จะยอมรับความจริง
คนอื่น ๆ ไม่พอใจที่ได้ยินคำพูดของเธอ เธอกำลังขยี้แผลที่เพิ่งหาย ดวงตาของ โจวเทียนหลิน เปล่งประกายความเย็นชา
“ แล้วเธอคิดว่าเราทำอะไรได้?”
ก่อนที่ โจวเทียนหลินจะตอบ โจวเทียนกวงที่ช่วยชีวิตของโจวเทียนหลินไว้ก็ตวัดสายตาจ้องผู้หญิงคนนั้น “ เธอไม่เห็นเหรอว่าเขาน่ากลัวขนาดไหน? เขาต้องเป็นนักรบอสูรกิตติมศักดิ์ขั้นสูงสุดแน่ มีใครนอกจากคนแก่ที่เกษียณแล้วถึงกล้าต่อกรกับเขา? นอกจากนี้ใครจะบอกได้ว่าเบื้องหลังเขามีคนที่แข็งแกร่งกว่านี้ไหม? โดยธรรมชาติแล้วนักรบที่แข็งแกร่งจะมีคนที่เก่งพอกันหนุน เธอคิดว่าเราจะทำอะไรเขาได้?!”
โจวเทียนหลิน มองไปที่ โจวเทียนกวง และถอนหายใจ เขาตบไหล่ โจวเทียนกวง “ท่านลุง ครั้งนี้ผมขอบคุณมาก”
โจวเทียนกวงเปลี่ยนท่าทาง ความเศร้าฉายผ่านดวงตา แต่เขาก็ซ่อนมันไว้อย่างดี เขาหายใจเข้าลึก “โจวซูเป็นลูกชายของฉัน ส่วน โจวจื่อก็เป็นหลานของเพื่อนเก่าที่ตายไปแล้วของฉัน พวกเขาไปตอแยผิดคน และเกือบทำให้ตระกูลตกอยู่ในวิกฤต”
“ การตายของพวกเขาได้ยุติเรื่องทั้งหมดนี้แล้ว หวังว่าท่านผู้นำจะไม่ตำหนิพวกเขา และอนุญาตให้ฝังไว้ในสุสานของตระกูลเราได้”
โจวเทียนหลินจ้องโจวเทียนกวง สักพัก “ ตามสบาย” อีกฝ่ายพยักหน้า
หญิงสาวถอนหายใจ แต่ไม่พูดอะไรอีก
นักรบอสูรกิตติมศักดิ์อีกสองคนยังคงเงียบ คราวนี้ผู้เสียชีวิตเกือบทั้งหมดมาจากตระกูลของโจวเทียนกวง เขาสูญเสียลูกชาย ไม่มีใครรู้สึกเจ็บปวดเท่าเขา แต่เพื่อประโยชน์ของตระกูล โจวเทียนกวง เลือกที่จะกลืนความเจ็บปวดเอาไว้
ด้วยความแข็งแกร่งและอำนาจของชายคนนี้ เขาและตระกูลหลิวจะต้องต่อสู้กันในสักวันหนึ่งอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ โจวเทียนกวง คิดลึก สิ่งที่เราต้องทำคือนั่งดูเสือกัดกัน มาดูกันว่าตระกูลหลิวจะทำอะไรร้านเล็ก ๆ นี้ได้หรือไม่ จะดีที่สุดถ้าทั้งสองฝ่ายพังพินาศ หากตระกูลหลิวถูกทำลาย เราก็จะกินของเหลือของตระกูลหลิวเพื่อชดเชยการสูญเสียของเรา
ถ้าร้านเป็นฝ่ายแพ้ … งั้นเราก็จะไปแก้แค้น! โจวเทียนหลิน พยักหน้า
“ มีคนในตระกูลมากมายเห็นเหตุการณ์นี้ ฉันคิดว่ามันคงยากที่จะปกปิดเรื่องนี้” ผู้หญิงคนนั้นเตือน
“ฟังให้ดี ฆ่าใครก็ตามที่ปล่อยข้อมูลนี้!” โจวเทียนหลิน กล่าวอย่างเย็นชา“ พยายามอย่างดีที่สุดเพื่อปกปิดความจริง ถ้าจะพูด ก็ให้บอกคนอื่นว่าผู้ชายคนนั้นกลัวเรา เราไม่สามารถปล่อยให้ตระกูลหลิวรู้เกี่ยวกับความแข็งแกร่งที่แท้จริงของเขาได้ มิฉะนั้น ฉันไม่คิดว่าตระกูลหลิวจะเต็มใจต่อสู้กับสัตว์ประหลาดนั่น แม้ว่าคนนั้นจะเป็นหลิวหยวนก็ตาม!” “ค่ะ”
“ เราสร้างปัญหาให้กับตระกูลหลิวได้ แม้ว่าเราจะแพ้ชายคนนี้ก็ตาม”
ซูผิงออกจากอาณาเขตตระกูลโจว
เขาเก็บมังกรเพลิงนรกและอสรพิษม่วงไป กระโดดขึ้นรถโดยปล่อยให้โครงกระดูกน้อยนั่งที่นั่งผู้โดยสารด้านหน้าแล้วเขาก็ขับออกไป
เขาออกจากเขตราชาอย่างรวดเร็ว ขับรถกลับบ้านไปตามทางหลวง
การเดินทางทั้งหมดนี้ใช้เวลาสี่ถึงห้าชั่วโมง เขาไม่ได้ใช้เวลาอยู่ในอาณาเขตตระกูลโจวนานนัก เวลาส่วนใหญ่เสียไปกับการเดินทาง
ซูหลิงเยวี่ยวิ่งออกมาเมื่อเธอได้ยินเสียงรถ เธอถามซูผิงอย่างอยากรู้อยากเห็น“ นายไปไหนมา?”
ในโอกาสปกติเธอจะไม่ค่อยเห็นซูผิงออกไปข้างนอก เขาจะอยู่ในร้านของเขาอย่างลึกลับ
ซูผิงลูบหัวเธอ “ เก็บหนี้”
“ หนี้?”ซูหลิงเยวี่ยปัดมือของเขาออก “ นายยอมให้ใครติดเงินด้วยหรอ?”
เท่าที่เธอบอกได้ ซูผิงมักจะรับเงินก่อนที่เขาจะจดข้อมูลลูกค้า ใครจะเป็นหนี้คนอย่างเขาได้?
ซูผิงไม่ได้อธิบาย เขาเข้าไปในร้าน เขย่าถังยู่หรานออกจากม้วนคัมภีร์ “ ถ้าเธอไม่มีอะไรทำก็ไปฝึกกับป้าถังของเธอซะ”
ซูหลิงเยวี่ยยังคงตกตะลึง เมื่อเห็นถังยู่หรานหลุดออกมาจากม้วนคัมภีร์ เธอไม่เคยเห็นอะไรแบบนี้
ถังยู่หรานโกรธที่เขาเขย่าเธอออกมา แต่ก็ตกตะลึงกับคำที่เขาใช้เรียกเธอ
ป้า…ถัง?
ฉันกลายเป็นป้าถังตั้งแต่เมื่อไหร่
ฉันเป็นพี่สาวถังเมื่อไม่กี่วันก่อน วันนี้เป็นป้าถังได้ยังไง!
อืม ผู้ชาย
ซูผิงเหลือบไปมองซูหลิงเยวี่ย เห็นว่าเธอไม่สามารถละสายตาจากม้วนคัมภีร์ได้ เขาโยนม้วนคัมภีร์ให้เธอ “ เป็นเพียงสิ่งประดิษฐ์ชิ้นหนึ่ง เมื่อเธอดูเสร็จแล้วก็เอามาคืนฉัน นอกจากนี้อย่าบอกคนอื่นเกี่ยวกับเรื่องนี้ มันค่อนข้างแพงอย่างน้อยก็มีมูลค่าหลายพันล้าน ฉันไม่ต้องการให้คนอื่นอยากได้สิ่งของของฉัน”
ซูหลิงเยวี่ยเพิ่งจะรับม้วนคัมภีร์มา เมื่อเธอได้ยินตัวเลข“ หลายพันล้าน” มือที่สั่นเทาของเธอเกือบจะทำมันหลุด
ม้วนคัมภีร์นี่มีมูลค่าหลายพันล้าน?
ในโลกของเธอ แม้แต่หนึ่งล้านก็เป็นตัวเลขที่เยอะมากๆ และหลายพันล้านจะเป็น…. ตัวเลขที่เยอะโคตร!
เธอไม่สงสัยในความถูกต้องของสิ่งที่ซูผิงพูด เพราะภาพวาดนี้ทำให้คนอาศัยอยู่ข้างในได้ เธอไม่เคยได้ยินว่ามีของที่สามารถทำเช่นนี้ได้ ไม่แปลกที่มันจะมีมูลค่าหลายพันล้าน เธอตระหนักว่ามีหลายสิ่งในโลกที่เธอไม่รู้
ซูผิงไม่สนใจซูหลิงเยวี่ยหรือผู้หญิงที่จ้องมองเขาด้วยจิตสังหาร เขาแค่ออกคำสั่งกับหญิงสาว “ ฉันจะฝากน้องสาวไว้กับเธอ ไปทำงานของเธอซะ”
เมื่อพูดจบ เขาก็เข้าไปในห้องเก็บของ
ห้องเก็บของเป็นที่เก็บอาหารอสูร
เมื่อปิดประตูห้องนี้ก็จะปิดสนิท โดยไม่ได้รับอนุญาตจากเขา ไม่มีใครสามารถเข้ามาในห้องหรือสัมผัสของในนี้ได้ และนั่นก็รวมถึงโจแอนนาเช่นกัน แม้แต่เทพก็ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงกฎนี้ได้
“ มาดูรางวัลกันดีกว่า” ซูผิงพูดในใจ
การเดินทางไปยังตระกูลโจวเป็นเพราะหลายอย่าง อย่างแรกคือเขาโกรธที่ชายคนนั้นทำร้ายจิ้งจอกสายรุ้ง ข้อสองเขาโกรธที่ชื่อเสียงของร้านของเขาเกือบจะถูกทำลาย ข้อสามเขาต้องทำภารกิจของระบบให้เสร็จ รับเอาทักษะอสูรระดับตำนาน
“ภารกิจเสร็จสมบูรณ์ เจ้าของสามารถเริ่มการสุ่มได้”
ซูผิงสามารถทำสิ่งนี้ได้ตั้งแต่ที่ภารกิจสำเร็จ แต่ตอนนั้นเขายุ่งเกินไป
“ เริ่ม”
ซูผิงจ้องมองรูเล็ตในหัว
ในไม่ช้าคำต่างๆก็หมุนวน นั่นคือทักษะอสูรทั้งหมด “หยุด!”
รูเล็ตค่อยๆลดความเร็วจนหยุด หนังสือที่เปล่งแสงสีเขียวดีดออกมา