ระบบศัลยเเพทย์…ในยุคสิ้นโลก - ตอนที่ 165
ตอนที่ 165 หลังการล่า
ว่าแต่สาวกแก่ๆ ชุดแดงเมื่อสักครู่นี้พูดจาหยิ่งผยองเหลือเกิน! เขาคิดว่าลัทธิหลังความตายหรือบริษัทไล่เฉิงของพวกเขายิ่งใหญ่มาจากไหนกัน
หยิ่งยโสเพราะคิดว่าตัวเองมาจากต่างโลกอย่างนั้นเหรอ… พอคิดว่าตัวเองเป็นพวกต่างโลกก็ข่มเหงรังแกคนอื่นยังไม่เกรงกลัวใคร
เพราะความหยิ่งผยองและความโง่นี้อาจจะทําให้พวกเขาไม่ทันฉุกคิดถึงตัวตนของบุตรแห่งความโชคร้ายที่พวกเขากําลังลบหลู่ดูหมิ่น
การกระทํานั้นจะต้องนําความฉิบหายมาสู่พวกเขาอย่างแน่นอน…เหมือนอย่างในตอนนี้!
ซากศพของสาวกในชุดดําตายเป็นเพื่อและกองอยู่เบื้องหน้าของอู่จวิน
นั่นเป็นหลักฐานได้อย่างดีว่าพวกเขาไม่สามารถตามเกมของบุตรแห่งความโชคร้ายได้ทัน!
สาวกของบริษัทไล่เฉิงเป็นเพียงวิญญาณจากอารยธรรมเก่าแก่ของต่างโลกที่มีจิตสํานึกเพียงแค่เล็กน้อย แม้กระทั่งภาษาพูดในตอนแรกพวกเขายังพูดไม่ได้เลย ดังนั้นพวกเขาจะไปเอาชนะคนแก่เฒ่าที่มีความสามารถประดุจนักปราชญ์อย่าง เฟรดแลนดอน ได้อย่างไร เห็นได้ชัดว่ามันคือมวยคนละคู่กระดูกคนละเบอร์
“เฟรดแลนดอน เขาคือใครกัน คนอื่นไม่รู้แต่จวินนั้นรู้ดี นิมิตของเขาล้วนเกี่ยวข้องกับชายที่ชื่อ เฟรดแลนดอน ไม่ว่าทางใดก็ต้องเป็นทางหนึ่ง
ชายที่ชื่อ เฟรด แลนดอน นั้นเป็นนักเรียนที่ประสบความสําเร็จมากที่สุดของสถาบันคาร์ลอต เขาคือนักรบในชุดแพทย์เพียงผู้เดียวที่รอดชีวิตหลังจากซากปรักหักพังของเมืองริเกอร์ เขาได้ทําการวิจัยเกี่ยวกับสิ่งมีชีวิตที่ผิดปกติ เขาจับสัตว์ประหลาดพวกนั้นมาทําการวิจัยเขาทําทุกอย่างเพื่อช่วยเปิดเผยความจริงให้แก่ประชาชนที่ เทิดทูนเขา…. แต่ท้ายที่สุดแล้วดูเหมือนมันจะเป็นไปไม่ได้เขาไม่สามารถเปิดเผยความจริงและค้นหามันในช่วง เวลาที่เขามีชีวิตเหลืออยู่ได้เลย…แต่ก็ไม่รู้ว่าสุดท้ายมันเป็นยังไง อะไรกันแน่ที่ทําให้เขาลงมือปลิดชีพด้วยการลงมือเชือดคอตัวเองตาย
เป็นเรื่องน่าเศร้าสําหรับเหล่าสาวกของบริษัทไล่เฉิง…ต่อให้พวกเขาจะยิ่งใหญ่มาจากไหนยังไง องค์กรใหญ่แค่ไหนและมีสัตว์ประหลาดในครอบครองมากเท่าไหร่ ทุกอย่างล้วนไร้ค่าเมื่อมาอยู่ต่อหน้าบุตรแห่งสวรรค์อย่างกู้จวิน
พวกเขาอาจจะมีพลังลึกลับรวมถึงคาถาและพิธีกรรมของต่างโลก…และด้วยฝีมือของพวกเขา เฟคต้าไม่อาจจะต่อสู้ด้วยได้ ดูอย่างหน่วยนักล่าอสูรสิพวกเขาหมดกระสุนไปตั้งครึ่งหนึ่งของที่มี แต่ก็ยังไม่สามารถฆ่าชายชุดดําได้แม้แต่คนเดียว นี่ก็บ่งบอกถึงฝีมือทั้งหมดที่พวกเขามีแล้วพวกเขาไม่สามารถต่อสู้กับองค์กรลึกลับนี้ได้
แต่แล้วยังไง? ทุกอย่างไม่ใช่สําหรับเขา! เขามีทางให้เลือกเดินอยู่เสมอ เขาสามารถติดตามแกะรอยคนพวกนี้ได้ผ่านเฟคต้า อีกทั้งเขายังมีสิ่งลึกลับที่ฟ้าประทานมาให้อย่างระบบอยู่ มันก็คือของขวัญที่เขาได้รับมาจากกันทะเลลองกาน มันเป็นทุกสิ่งทุกอย่างของเขา… มันช่วยเพิ่มความสามารถของเขาทุกอย่างไม่ว่าจะเป็น ด้านภาษาต่างโลกหรือแม้กระทั่งขัดเกลาพรสวรรค์ด้านการแพทย์ของเขาทําให้เขากลายเป็นแพทย์ที่เก่งที่สุด และเป็นดาวเด่นที่ถูกจับตามอง
สาวกของไล่เฉิงแม้จะเป็นวิญญาณต่างโลกแต่พวกเขาไม่มีสิ่งเหล่านี้… ดังนั้น เขาไม่มีวันล่วงรู้อย่างแน่นอน… อย่างน้อยพวกเขาก็ไม่มีข้อมูลของบุตรแห่งความโชคร้ายเท่ากับกู้จวิน
หลังจากที่กู้จวินมองดูความทรงจําของตัวเองและนิมิตที่เกี่ยวข้องกับชายที่ชื่อ เฟรด แลนดอน เขาก็ได้ข้อสรุปมา 2 อย่างง่ายๆ
เฟรด แลนดอนและบุตรแห่งความโชคร้ายล้วนเป็นตัวตนเดียวกัน… พวกเขาคือด้านดีและด้านร้ายของบุรุษ ที่ชื่อเฟรด แลนดอน
ในยามที่เขาตายจากโลกแห่งนั้นไป เขาเข้าไปฝากตัวกับปีศาจ เหมือนดั่งที่นิมิตเคยฉายเอาไว้ และนั่นก็คือต้นกําเนิดของบุตรแห่งความโชคร้าย และเขาก็คือตัวแทนของด้านมืดของชายที่ชื่อเฟรด แลนดอน
ในขณะที่ด้านสว่างของเขานั้นก็มี เฟรด แลนดอนนั้นเป็นวีรบุรุษผู้ช่วยเหลือทุกคนในยามยาก เขาเป็นอย่างราชาแห่งการแพทย์ในอาณาจักรของต่างโลก มีผู้คนนับถือเขามากมาย และนั่นทําให้เขาได้รับฉายาบุตรแห่งเหล็กมา… และนั่นก็คือตัวแทนด้านดีของเขาหรือก็คือด้านสว่าง
ด้านมืดก็คือบุตรแห่งความโชคร้าย
ด้านสว่างก็คือบุตรแห่งเหล็ก
แม้จะเป็นตัวตนเดียวกัน แต่ก็มีพลังถึงสองขั้ว… เพราะมันไม่มีร่างกายคอยสร้างความสมดุลให้อีก ทําให้พลังสองขั้วนี้พยายามต่อสู้และกลืนกินซึ่งกันและกันอย่างโหดเหี้ยม ซึ่งในขณะที่อัญเชิญเทพเจ้าลงมาไม่ว่าจะ เป็นพลังฝ่ายมืดหรือพลังด้านสว่างล้วนตีกันวุ่นวายอยู่ในดวงจิตของเขานั่นให้กู้จวินเจ็บปวดอย่างที่สุดเขารู้สึก เหมือนร่างกายกําลังจะถูกแยกออกจากกัน
แต่นั่นก็ทําให้เขาได้รับรู้อะไรบางอย่าง ตอนนี้เขาก็เหมือนกับเรย์บันเพื่อนสนิทของแลนดอน เขาก็อยากจะบ่นเหมือนในจดหมายนั่นเหมือนกันนั่นแหละ
เฟรด แลนดอนนั้นฆ่าตัวตายจริงๆหรือ!?
เขาฆ่าตัวตายเพราะเขาหมดศรัทธารวมถึงทอดทิ้งความหวังทั้งหมดในฐานะบุตรแห่งเหล็กแล้วเหรอ?
เขาทอดทิ้งคนที่บูชาเขาอย่างนั้นเหรอ?
หากแต่คําว่า บางที่ความตายอาจจะให้คําตอบแก่ฉันได้ มันก็คือคําบอกลาคําสุดท้ายที่เฟรด แลนดอนทิ้งไว้… นั่นมันก็หมายความว่าคนอย่างเขาอาจจะไม่ได้ฆ่าตัวตาย แต่เห็นแสงทางใหม่ที่คู่ควรแก่การเดินมากกว่า
ในฐานะผู้ที่ศึกษาด้านการแพทย์และเป็นทาสแห่งการแพทย์ด้วยเช่นกัน กู้จวินพอเข้าใจตัวตนของบุคคลที่ชื่อเฟรด แลนดอน อยู่บ้าง ในฐานะลูกผู้ชายเช่นกัน กู้จวินเชื่อว่าแลนดอนจะต้องมีความตั้งใจและความทะเยอทะยานที่ยิ่งใหญ่มากกว่านี้… คาดว่าหลังจากที่เขาได้รับพลังและกลายเป็นบุตรแห่งความโชคร้าย เขาก็ได้แบ่ง จิตสํานึกของเขาออกมา 2 ส่วนเพื่อที่จะรอคอยเก็บเกี่ยวผลประโยชน์ในภายหลังที่ถูกปลุกให้ตื่น
และนั้นอาจจะเป็นตัวตนของบุตรแห่งความชั่วร้ายที่รอคอยการตีนในเวลาที่เหมาะสม
และเป็นโชคดีเหลือเกินที่เฟรด แลนดอนก่อนตายได้แบ่งจิตสํานึกเป็น 2 ส่วนคือด้านมืดและด้านสว่าง แม้เขาจะถูกเฟรด แลนดอนในด้านมืดทําร้ายและพยายามกัดกลืนกินจิตใจ แต่ด้านแห่งความดีหรือแสงสว่างก็มาช่วยเขาเอาไว้ทําให้เขาสามารถหลุดออกจากการควบคุม…
พูดได้เต็มปากว่าก่อนหน้านี้ที่เขาไม่ถูกกลืนกินโดยบุตรแห่งความชั่วร้าย ทั้งหมดนั้นมันเกิดขึ้นจากการแทรกแซงของบุตรแห่งเหล็ก…. ไม่อย่างนั้นป่านนี้เขาได้กลายเป็นบุตรโชคร้ายไปนานแล้ว
ระลึกอดีตคิดถึงอดีตก็เป็นเรื่องหนึ่ง การล่าสัตว์ก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง!
กู้จวินใช้บาเรตทําการยิงหัวคนถัดไปต่อไปเรื่อยๆ…จนกระทั่งเรื่องราวที่น่ากลัวก็ได้อุบัติ กระสุนนัดถัดไปที่เขายิงมันพลาด!
จากนั้นร่างกายของเขาก็อ่อนแอลงอย่างรวดเร็ว ร่างกายทั้งหมดอ่อนแอและไม่มีพลังหลงเหลือ แม้แต่คาถาเขาก็ไม่สามารถใช้ได้อีกต่อไป ร่างกายของเขาเซไปเซมาและเกือบจะล้มลง
ตอนนี้เขาได้ตระหนักว่าตัวตนของเขาที่หลุดออกมาจากการควบคุมดูเหมือนจะสูญเสียอย่างสมบูรณ์แล้ว เขาใช้พลังงานมากเกินไป…เขาใช้มันในการแลกเปลี่ยนกับพลังเวทย์ และในตอนนี้พลังด้านมืดที่อยู่ในตัวของ เขาก็ค่อยๆควบคุมร่างกายของเขาได้แล้ว แม้จะเป็นทีละเล็กทีละน้อยแต่มันก็กําลังกลืนกินจิตใจของเขาอย่าง เชื่องช้าและมันน่าจะสมบูรณ์แบบในอีกไม่นาน
“อาจขึ้น…พอแล้วพอเถอะ” เสี่ยป้าตะโกนอีกครั้ง ใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยความจริงใจและความห่วงใยอย่างที่สุด “ส่งปืนมาให้ฉัน ได้เวลาพักผ่อนแล้ว”
“ถูกต้องแล้วอาจขึ้น อย่าฝืนอีกเลย” ลุงต้านเดินเข้ามาชักชวนพร้อมเสวี่ยป้าอีกทันที และเขาก็พบว่าใบหน้าของคู่จวินซีดอย่างน่าตกใจ และริมฝีปากของเขาก็เปลี่ยนเป็นสีม่วง นี่ไม่ใช่สัญญาณที่ดีแล้ว
หากเป็นเช่นนี้ต่อไปพวกเขาก็ไม่จําเป็นต้องกังวลเกี่ยวกับผู้คนจากบริษัทไล่เฉิงอีกต่อไปแล้ว สภาพจิตใจของคู่จวินจะกลายเป็นความกังวลหลักของพวกเขาแทน
“โอเค…” คู่จวินสูดหายใจเข้าลึกๆ แล้วยื่นปืนให้เสี่ยป้าด้วยความยากลําบาก…เพราะเขาคงยิงไม่ไหวอีกต่อไป มีคนเก็บปืนให้ก็ดีเหมือนกัน จากนั้นเขาก็พูดเบา ๆ
“หัวหน้าเสวี่ย ฉันไม่ได้โกรธหรอก… แต่ฉันมองสถานการณ์ออกต่างหาก หากพวกเราให้โอกาสแก่ปีศาจที่ไร้หัวใจเหล่านี้ล่ะก็พวกมันจะหันมาหาพวกเรา และทําร้ายพวกเราด้วยการร่ายคาถา และขณะนี้พวกเราอ่อนแอเกินไปที่จะจัดการกับมัน ในตอนนี้…”
เมื่อปืนออกจากมือของกู้จวิน ความกระหายเลือดก็หายไปจากร่างกายเขาเช่นกัน เขาล้มลงกับพื้นอย่างรวดเร็ว โชคดีที่ลุงต้านเอื้อมมือออกไปเร็วพอที่จะอุ้มเขาไว้
ในฐานะหัวหน้าเสวี่ยป้าได้สั่งสมาชิกคนอื่นๆให้ไปจัดการเก็บปืนและหยิบกระสุนที่เหลืออยู่ออกมาเก็บอย่างรวดเร็ว จากนั้นก็ทําการเก็บกวาดสนามรบเบื้องหน้าให้เรียบร้อยในขณะที่สมาชิกคนใดที่เก่งมากหน่อยก็ต้อง เข้าไปจับกุมสาวกไล่เฉิงที่ยังคงมีชีวิตอยู่มาเพื่อรีดข้อมูลในภายหลัง…
ต้องบอกว่าโชคดีเหลือเกินที่กู้จวินหมดแรงก่อน ไม่อย่างนั้นสาวกที่เหลืออยู่นี้อาจจะกลายเป็นซากศพทั้งหมดก็ได้ เพราะเขาไม่ได้วางแผนที่จะไว้ชีวิตใครแม้แต่คนเดียวอยู่แล้ว
ในขณะนั้นเองหลินม่อที่มีสถานะเป็นคนเจ็บก็คลานเข้ามาหากู้จวินด้วยเช่นกัน เขาเอ่ยถามด้วยความสงสัย
“นี่ๆทําไมพวกคนเหล่านั้นถึงมีตัวตนได้ล่ะ ตอนที่ฉันเห็นพวกนักแม่นปืนยิงใส่ พวกเขาเป็นแค่วิญญาณไม่ใช่เหรอ วิญญาณก็ไม่น่าจะโดนปืนยิงตายสิ”
ใบหน้าของเขาสว่างไสวไปด้วยความกระหายในความรู้ ในฐานะสมาชิกของทีมวิจัยทางวิทยาศาสตร์…การล่องหน คาถา การยิง สิ่งที่เกิดขึ้นในวันนี้มันน่าสนใจสําหรับเขาอย่างมาก ถ้าเขาไม่ได้รู้คําตอบในวันนี้ เป็นไปได้ว่าเขาอาจจะนอนไม่หลับ
“ฉันเชื่อว่านั่นเป็นเพราะ… พวกเขาร่ายเวทย์ใส่ตัวเองก่อนที่พวกเขาจะมาน่ะ…” จวินถูกพยุงให้นั่งลงบนพื้นด้วยความช่วยเหลือของลุงต้าน เวลาเขาตอบหลินม่อเสียงของเขาก็เชื่องช้าและสั่นเครือ “แต่ฉันทําลายเวทย์ มนตร์ได้… เอาจริงๆ ฉันก็ไม่รู้คาถาใด ๆ หรอก สิ่งที่ฉันจําได้…มาจากจิตใต้สํานึกของฉันทั้งนั้น…ในทางเทคนิค คุณสามารถพูดได้ว่าฉันใช้กําลังพลังของสัตว์ร้ายเพื่อทําลายศาลเจ้าทั้งหมด…”
“พอๆ เลิกถามแล้วหยุดพูดซะ!” ลุงต้านเตือน ใบหน้าที่เป็นมิตรตามปกติของเขาเต็มไปด้วยความกังวล “ฉันต้องวัดชีพจรของเธอ”
ตอนนี้กู้จวินกําลังมีอาการของโรคหัวใจล้มเหลว ก่อนที่ลุงต้านจะวินิจฉัยได้ และทําการรักษาจู่ๆ กู้จวินก็เริ่ มกระตุกเกร็งไปทั้งตัวแล้ว อาการชักของเขากําเริบ แม้แต่จะพูดก็สําลักสติของเขากําลังจางลง
“ฮ่าวฮาว ฉุกเฉิน!” ลุงต้านรีบสั่ง “ชีพจรของหลอดเลือดแดงใหญ่กําลังอ่อนลง รูม่านตาขยายออก… หัวใจของเขาเต้นช้าลง รีดฉีดสารละลายเข้าเส้นเลือดดําด่วน!”
กู้จวินทรุดตัวลงกับพื้น ดวงตาที่ไร้ชีวิตชีวาของเขาจ้องมองไปที่ท้องฟ้าสีเทา และเขาก็เห็นกาสีดําบางตัวกระพือปีกบินไปทั่ว
เขารู้สึกได้ว่าทุกอย่างกําลังจะหายไป
พังทลาย…
ทุกอย่างกําลังพังทลาย…