ระบบศัลยเเพทย์…ในยุคสิ้นโลก - ตอนที่ 156
ตอนที่ 156 สัตว์ประหลาดเปื้อนเลือด
ความหนาวเย็นและความชื่นตกลงมาบนร่างของคู่จวิน เขาได้กลิ่นของเลือดหนา ๆ ที่ลอยอยู่ในอากาศ มันทําให้เขาวิงเวียนศรีษะจนแทบจะอ้วก…แม้กระทั่งหัวก็เริ่มเกิดอาการวิงเวียน
ในขณะที่กําลังจดจ่ออยู่กับอาการเจ็บป่วย เสียงดังที่น่ากลัวก็ดังมาจากด้านล่าง เสียงนั้นมันค่อยๆใกล้เข้ามาอย่างเงียบๆและเชื่องช้า กู้จวินมองไปที่รอบๆ ตัวและสูดหายใจเอาอากาศเย็นๆเข้าปอดให้หายตื่นตระหนก
ทว่าจู่ๆ เงาแปลกประหลาดที่น่ากลัวก็โผล่ขึ้นมาจากพื้นแล้วดูดกู้จวินเข้าไป…ทําให้เขาตกอยู่ในอ้อมกอดของภาพลวงตาอย่างไม่อาจจะหลีกเลี่ยง จิตใจของคู่จวินเริ่มดิ่งลงในทันทีเขากําลังเริ่มสงสัยว่าที่แท้จริงแล้วนี่คือพัฒนาการของนิมิตใช่หรือไม่? ปุบปับถึงได้มาทั้งๆที่ปกติอย่างน้อยมันต้องมีสัญญาณเดือน
มันถูกกระตุ้นโดยแท่นหินอันนี้ใช่หรือไม่? แต่ความรู้สึกของการเข้าสู่ภาพนิมิตนี้แตกต่างจากเดิมๆอย่างมากอย่างแรก…เขาไม่ได้ถูกดึงไปที่อื่น อย่างที่สอง…เขายังคงอยู่ที่แท่นที่ด้านบนสุดของบันไดวนดั่งเดิมคล้ายกับไม่ได้ขยับไปไหน และแน่นอนว่าเขารู้สึกว่าตัวเองกําลังออกแรงผลักร่วมกับคนอื่นๆแต่คนที่ผลักแท่นหินร่วมกับเขาไม่ใช่หน่วยนักล่าอสูร… ใบหน้าของพวกเขาเปลี่ยนไปกลายเป็นคนที่ไม่คุ้นเคย
สิ่งนี้ทําให้รู้จวินถึงกับตื่นตระหนก ความรู้สึกของเขาบิดเบี้ยวไปในทันทีและหน้าอกของเขาก็เย็นวาบอย่างแปลกประหลาด ใบหน้าของผู้คนเหล่านี้เขาเองก็มองเห็นได้ไม่ชัด
อย่างไรก็ดีสิ่งที่ทําให้เขารู้ว่าคนพวกนี้ไม่ใช่หน่วยนักล่าอสูรก็คือ พวกเขาแต่งตัวด้วยชุดที่สวยงามราวกับหลุดออกมาจากเทพนิยาย… แน่นอนว่าชุดแบบนี้มันคนละเรื่องกับชุดปฏิบัติการออกสํารวจของหน่วยนักล่าอสูรอย่างสิ้นเชิงอย่างน้อยก็ไม่มีใครใส่รองเท้าบูตรองเท้าคอมแบทหรือว่าพกปืน
พวกเขาเป็นเพียงชาวบ้านที่แต่งตัวหรูหรา และไม่มีกลิ่นอายของความแข็งแกร่งหรือกลิ่นอายของการเผชิญโลกกว้างและอันตรายอย่างหน่วยนักล่าอสูรแม้แต่นิดเดียว
ที่สําคัญบรรยากาศตอนนี้นั้นมันช่างแตกต่างจากตอนที่เขาผลักแท่นหินร่วมกับหน่วยนักล่าอสูรอย่างสิ้นเชิง
สถานการณ์โดยรอบเต็มไปด้วยความวุ่นวาย แต่ละคนพากันตื่นตระหนก พวกเขาพูดบางสิ่งบางอย่างออกมาด้วยความใจร้อน บางคนก็ตะโกน บางคนก็ครวญคราง บางคนก็พูดไปด้วยและร้องไห้ไปด้วย…. พวกเขาพูดภาษาต่างโลก แต่ถึงอย่างนั้นกู้จวินก็พอจะฟังรู้บ้างและบางคําก็ฟังไม่รู้ แม้จะจับคําพูดอะไรไม่ค่อยได้แต่เขาก็รับรู้ได้ถึงบรรยากาศที่น่าสะพรึงกลัว… และเขาก็รู้สึกได้ถึงเงาดําที่กําลังใกล้เข้ามา
กู้จวินเองรู้สึกแปลกใจที่เขากําลังเห็นเงาดําใกล้เข้ามาเช่นกัน ในขณะที่บรรดา “เพื่อน ทีมคนใหม่” ของกู้จวินนั้นเต็มไปด้วยความหวาดกลัว ร่างกายของพวกเขาสั่นเทาอย่างน่าสงสาร ทันทีที่พวกเขาเห็นเงาดําที่กําลังใกล้เข้ามาใบหน้าของพวกเขาก็เต็มไปด้วยความหวาดกลัวและบิดเบี้ยวอย่างตื่นตระหนก
ฝั่งผู้หญิงและเด็กเริ่มร้องไห้และอ้อนวอนขอชีวิต… แม้กระทั่งผู้ชายที่แข็งแกร่งและเข้มแข็งก็ถึงกับหลั่งน้ําตาออกมาเช่นกัน
อาจจะเป็นเพราะความกลัวและความรีบร้อนทําให้แต่ละคนพูดออกมาด้วยจังหวะที่รวดเร็วมากทําให้กู้จวินที่พอรู้ภาษานี้แบบงูๆ ปลาๆ ถ้าเปรียบเทียบเป็นนักเรียนที่เรียนภาษาอังกฤษเขาก็คงได้แค่ระดับดีไม่ถึงกับดีมากดังนั้นคําพูดที่พวกเขาพูดออกมาจวินฟังได้เพียงแค่ 40% เท่านั้น…แต่ถึงกระนั้นเขาก็ยังพอจับใจความสําคัญออกมาได้
“ปล่อยเรา!”
“ไม่ พวกมันกําลังมา!”
“ฉันยังไม่อยากตาย…”
เสียงเหล่านี้… เขาเคยได้ยินจากปากของผู้ป่วยโรคมนุษย์ต้นไทรที่มีรูปร่างผิดปกติมาก่อน คนเหล่านี้เป็นพลเมืองของเมืองริคเกอร์?
กู้จวินนึกถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในจดหมายของเรย์บันด์ และเงาดําที่เขาสัมผัสได้เอง จากนั้นภาพของเหตุการณ์บางส่วนก็ได้เริ่มเล่นในหัวสมอง
เขาเห็นชาวเมืองริกเกอร์ที่กําลังล้มลงและถูกเพื่อนมนุษย์ด้วยกันกระโดดเหยียบเพื่อเอาชีวิตรอดและคนที่วิ่งไวหลายคนก็ข้ามศพเพื่อนเพื่อเอาตัวรอดมาได้อย่างหวุดหวิด พวกเขาก็สามารถหลบหนีออกจากเมืองผ่านอุโมงค์ใต้ดินแต่โชคของพวกเขาก็ไม่ดีเท่าไหร่เพราะมีสิ่งมีชีวิตที่ผิดปกติชนิดหนึ่งกําลังวิ่งไล่ล่าพวกเขาเมื่อเห็ นมันตามมาพวกเขาก็ปรารถนาอย่างยิ่งที่จะออกจากสถานที่แห่งนี้โดยเร็วที่สุดแต่แท่นหินขวางทางพวกเขาเสียได้…
และมันก็คือแท่นหินที่ปิดทางออกแห่งนี้! ถึงตอนนี้กู้จวินเริ่มสงสัยมีคนตั้งใจวางแผ่นหินไว้ที่นั่นหรือไม่?เสียงคร่ําครวญที่คล้ายกับคนกําลังจะตายของผู้หลบหนีเหล่านี้ดังลั่นสนั่นอุโมงค์…นั่นทําให้กู้จวินเริ่มสงสัยว่ามีคนฟังอยู่อีกฝั่งหรือเปล่า? ทําไมพวกเขาถึงปิดกั้นทางออกนี้? หรือเพื่อหยุดสัตว์ประหลาดไม่ให้หลั่งไหลออกมา? และพวกเขาจะเสียสละพลเมืองของเมืองริกเกอร์…เพื่อสิ่งนี้?
ทันใดนั้นเงาอันชั่วร้ายก็ใกล้เข้ามาด้านหลังของเขา อากาศรอบๆ ตัวจวินเต็มไปด้วยกลิ่นอะไรบางอย่างที่คล้ายกับของเน่าเปื่อย และจังหวะนั้นเองคนที่กําลังผลักแท่นหินก็หันมามองดวงตาของพวกเขาเต็มไปด้วยความหวาดกลัวในทันที เสียงกรีดร้องอันบีบคั้นหัวใจก็ร้องลั่นจนลําคอของทุกคนที่ส่งเสียงนี้แทบแตกสลายจากนั้นพวกเขาก็พยายามผลักแท่นหินอย่างบ้าคลั่งพวกเขาต้องการหลบหนีแต่ไม่มีที่ไหนให้พวกเขาไปได้อีกกู้จวินรู้สึกว่าการจ้องมองเหล่าผู้เคราะห์ร้ายค่อยๆ ถูกดึงและกระชากออกมามันทําให้หัวใจของเขาบีบตัวแน่นด้วยความหวาดกลัวยิ่งกว่าการถูกขย้ําเสียเอง
มันคือสัตว์ประหลาดที่มีกระดูกแบบล่ากล่อง!
เขาเคยผ่าหน้าอกของสัตว์ประหลาดตัวนี้ด้วยตนเองมาก่อน แต่นี่เป็นครั้งแรกที่เขาได้เห็นมันร่างกายเต็มไปด้วยเลือดและมีชีวิต แน่นอนว่าเขาไม่คาดคิดว่าจะเกิดเหตุการณ์นี้ขึ้นระหว่างภาพนิมิตของเขานี่คือสัตว์ประห ลาดที่มีรูปร่างเหมือนมนุษย์ มันมีหัว คอลําตัวและแขนขาทั้งสี่เหมือนกันแต่ผิวของมันถูกปกคลุมไปด้วยเคราติ นที่ตายแล้วบางชนิดและผิวเคราตินนั่นมีลักษณะเหมือนอุปกรณ์และเสื้อผ้าป้องกันตัวตามธรรมชาติของสัตว์ประหลาดตัวนี้ทําให้ฟันแทงไม่เข้าเจ้าสัตว์ประหลาดตัวนี้มีขนาดใหญ่กว่ามนุษย์ทั่วไปเล็กน้อยและมีแขนขาที่ยาวเป็นพิเศษโครงสร้างแขนของพวกเขาบิดและพิลึกกึกกือและมันกําลังเอื้อมมือที่เต็มไปด้วยกรงเล็บมาจิกเหล่าผู้คนจนร่างพวกเขาถูกชําแหละตับไตกระจาย…
กู้จวินที่กําลังตื่นกลัวนั้นไม่สามารถมองเห็นรูปลักษณ์นั้นได้ชัดเจนแต่จากการมองเพียงไม่กี่ครั้งก็เพียงพอแล้วที่จะทําให้เขาหลั่งเหงื่อเย็นออกมา
เขาได้ข้อสรุปว่าสัตว์ประหลาดมีโครงสร้างทางชีววิทยาที่เหมาะกับการปีนป่ายมากกว่าการเดิน…จากนั้นภาพนิมิตเบื้องหน้าก็เริ่มสั่นไหวอย่างรุนแรง
จากประสบการณ์ก่อนหน้านี้ของกู้จวินที่แทบจะเป็นกูรูรอบรู้เรื่องการเข้านิมิตเขารู้ว่านี้หมายความว่าจิตใจของเขากําลังจะพังทลายและภาพลวงตาที่เขาเห็นนี้ก็กําลังจะจบลงเขาพยายามอย่างดีที่สุดที่จะมองมันให้ชัดๆ อีกครั้ง
จากมุมมองของมนุษยชาติ สิ่งมีชีวิตชนิดนี้สกปรก น่าขยะแขยง และน่ากลัวอย่างไรก็ตามลักษณะใบหน้าของพวกเขาแทบไม่ต่างจากมนุษย์ทั่วไปเลยแม้ว่าผิวของพวกเขาจะเป็นสีเทาออกแนวสีของขี้เถ้าและปากของมันก็ซ่อนฟันที่แหลมคมและสีเทาเข้มที่น่าหวาดผวาเอาไว้ด้วย
หม!? งั้นแสดงว่าฟันปกติของพวกมันนั้นก็ได้ถูกปกคลุมด้วยชั้นของแบคทีเรียที่เน่าเปื่อยน่ะสิ?
เมื่อคิดถึงความเป็นไปได้นี้ แนวคิดแบบมนุษยธรรมของจวินก็หายไปทันที เขาเลิกมองสัตว์ประหลาดพวก นั้นในฐานะที่เหยื่อมองผู้ล่า แต่หันมามองมันในฐานะที่เป็นตัวทดลองของเขาแทน…
สัตว์ประหลาดพวกนี้นั้นมีความสง่างาม มีรูปร่างที่เหมาะสมและสมบูรณ์แบบมาก หากแต่พวกมันมีความกระหายเลือด และมีความชั่วร้ายอันมืดมิดที่ซ่อนอยู่แบบไม่อาจจะพรรณนาได้… แม้พวกมันจะมีความแปลกประหลาดแบบนั้นเต็มไปหมดรอบตัวของมัน
แต่จวินก็รู้สึกได้ว่าดวงตาของพวกมันนั้นไม่ใช่ดวงตาของสัตว์… แต่มันเป็นสิ่งมีชีวิตที่มีจิตใจมีเหตุผลเช่นเดียวกับมนุษย์ ความรู้สึกนี้ทําให้กู้จวินเองก็รู้สึกผิดแปลกอยู่เช่นกันที่เขาทําไมถึงตีความเจ้าสัตว์ประหลาดที่เข่นฆ่าคนทั้งเมืองด้วยความคิดที่โลกสวยแบบนี้
แต่สายตาของพวกเขาบอกได้ชัดเจนว่ามันต้องเป็นมนุษย์… หรือแท้จริงแล้วสัตว์ประหลาดพวกนี้ที่แท้จริงพวกมันเคยเป็นมนุษย์มาก่อนกันแน่!?
“อ๊า! อย่าฆ่าฉัน” เสียงกรีดร้องที่น่ากลัวของเหล่าฝูงชนเริ่มดังขึ้นรอบตัวของเขา มันทําให้ภาพลวงตาของจวินยิ่งสั่นสะท้านมากยิ่งขึ้นและมันก็ตามมาด้วยเสียงกรีดร้องมากขึ้น พวกเขาส่งเสียงก้องอยู่ในพื้นที่เล็กๆแห่งนี้ก่อนจะค่อยจางลงและหายไปในที่สุด
จากนั้นวิสัยทัศน์ตรงหน้าของคู่จวินก็เปลี่ยนไป เขามองเห็นสัตว์ประหลาดเอื้อมมือไปข้างหน้าและดึงผู้คนออกจากแท่นทีละคนแรงมหาศาลของการดึงทําให้ร่างกายของผู้คนบิดเบี้ยวแตกหักจากนั้นพวกเขาก็ถูกเหวี่ยงลงบันไดเวียนไปพูดง่ายๆคือทุกคนถูกเหวี่ยงลงเหวโดยตรงมันเหมือนกับว่าพวกเขาเป็นของเล่นที่แตกหักและได้เวลาทิ้ง!ในระหว่างที่ถูกกระชากและถูกเหวี่ยงใบหน้าของคนทุกคนบิดเบี้ยวด้วยความหวาดกลัวและร่วงหล่นไปพร้อมกับใบหน้าที่แข็งค้าง
ทันใดนั้นกู้จวินรู้สึกว่ามีแรงดึงเขาออกไปจากแท่นหินและโยนเขาลงไปในหุบเหว…นั่นทําให้เขารู้สึกได้ถึงความกลัวของเหยื่อทุกคนที่ถูกโยนลงไปก่อนหน้านี้ เขารู้สึกว่าตัวเองตกอยู่ในฝันร้ายที่กระหายเลือดไม่รู้จบ
บันไดวนทุกขั้นถูกปกคลุมไปด้วยศพที่แตกหักยับเยิน ในขณะที่บางคนร่างชุ่มโชกไปด้วยเลือดสดๆ ที่น่าสยดสยอง ในขณะที่บางคนก็ร่างแตกสลายก็เป็นกองเลือด
และเลือดของชาวบ้านเมืองริกเกอร์ก็ถูกชําระล้างไปตามขั้นบันไดหินและผนังด้วยเลือดสดๆ และกระดูกของพวกเขาในที่สุดเลือดและกระดูกก็ถูกดูดซึมเข้าไปในหิน เมื่อเวลาผ่านไปมันก็ได้ย่อยสลายไปเสียทุกอย่าง
กู้จวินเริ่มสงสัยว่าลายสีแดงเข้มนั้นเป็นส่วนหนึ่งของเลือดของคนเหล่านี้หรือไม่?
พลังงานที่ชั่วร้ายภายในอุโมงค์และบนบันไดเวียนมันคือความแค้นของพวกเขาหรือ?
เขาถูกเหวี่ยงลงมาจากชั้นสูงสุดของบันไดเวียน และถูกแรงโน้มถ่วงดึงไปสู่เบื้องล่างมากยิ่งขึ้น และในที่สุดหลังจากผ่านมาได้ 1 ลมหายใจ เขาก็อยู่ที่ห้องด้านล่างอันเป็นห้องศิลาสีแดงแล้ว
ที่นั่นเต็มไปด้วยซากศพ ซากศพนั้นได้กองรวมกันจนกลายเป็นภูเขาขนาดใหญ่ ร่างกายและอวัยวะรวมถึงใบหน้าทั้งหลายถูกกองรวมกันอย่างเละเทะสภาพศพและทะเลเลือดที่เขาได้เห็นนั้นมันราวกับว่าเขากําลังได้เห็นนรกบนดิน