ภาพเทพอสูรบรรพกาล : Archean Eon Art - ตอนที่ 181
ตอนที่ 181 สถานการณ์ในราชวงศ์โจวที่ยิ่งใหญ่
รอยย่นบนใบหน้าของจางหวินเฟิงดูเห็นชัดมากกว่าเดิม ราวกับเขาแก่ตัวลงไปกว่าเดิมมากแต่ว่าเขากลับยิ้มอย่างมีความสุข “ข้าน่ะแก่จนใกล้จะลงโลงแล้ว แต่ข้าก็ยังสามารถสังหารอสูรฟ้าระดับสี่ได้สําเร็จ! นับได้ว่าเป็นศัตรูที่แข็งแกร่งที่สุดเท่าที่ข้าเคยสังหารมาในชีวิต”
“ข้าก็ด้วย!” หยางฟางถือขวานขนาดใหญ่ในมือและยิ้ม “ก่อนหน้านี้ เจ้าพวกอสูรฟ้าระดับสี่มันเจ้าเล่ห์ยิ่งนักจะหาตัวให้พบก็ยาก ที่มันกล้าโผล่ออกมาตอนนี้ก็เพราะเฟิงโหวเทพอสูรคอยไปกันเมืองด่านขนาดกลางแทนยิ่งไปกว่านั้นเป็นเพราะศิษย์พี่จางและศิษย์น้องเมิ่งด้วยเช่นกัน! เมื่อพวกเราร่วมมือกันทั้งสามคนเราก็เอาชนะอสูรฟ้าระดับสี่ได้สําเร็จ”
“หากไม่ใช่เพราะพวกท่านทั้งสองคน ข้าคงจะหนีไปนานแล้ว” เมิ่งชวนกล่าวด้วยรอยยิ้ม
“หากไม่มีศิษย์น้องเมิ่ง พวกเราเองก็คงหนีไปนานแล้วเช่นกัน” หยางฟางกล่าว
“เลิกยกยอกันเองได้แล้ว! เป็นเพราะพวกเราทั้งสามคนร่วมมือกัน เราถึงสังหารเจ้าวังเฮ่ยนุ่ยลงได้”จางหวินเฟิงยิ้ม
หม?
เพิ่งชวนและคนอื่นๆมองขึ้นไปบนฟ้า
ชายคนหนึ่งพร้อมปีกปราณบนลงบินลงมา
“คารวะศิษย์พี่”มีเทพอสูรมหาสุริยันไม่กี่คนเท่านั้นที่มีปีกปราณ อย่างเช่นหลิวชีเยวที่มีร่างเทพวิหคเพลิงก็สามารถสร้างขึ้นมาได้
“ศิษย์น้องโม่” จางหวินเฟิง เมิ่งชวน และหยางฟางมองไปทางเขา
“ระหว่างที่พวกเราไล่ล่าราชาอสูรและอสูรฟ้าในเมืองหลวง พวกเราก็พบข้อมูลว่า ผู้นําการบุกครั้งนี้คืออสูรฟ้าระดับสี่เจ้าวังเฮ่ยนุ่ย ดังนั้นแล้วเจ้าสํานักฉางจึงส่งข้ามาแจ้งทันทีขอรับ ข้าเห็นเขตแดนของศิษย์พี่จางคลุมไปไกลหลายลี้อีกทั้งพื้นก็สนั่นสั่นไหว พวกท่านสู้กับเจ้าวังเฮ่ยนุ่ยมาอย่างนั้นหรือขอรับ?”
จางหวินเฟิงยิ้มและกล่าว “ใช่ แต่ปัญหาถูกคลี่คลายแล้ว”
“ถูกคลี่คลาย? เจ้าวังเฮ่ยนุ่ยอยู่ไหนกัน? มันหนีรอดไปได้อย่างนั้นรึ?” ชายมีปีกรีบถาม
“มันไม่ได้หนีไปไหนหรอก มันอยู่ตรงนี้แหละ” จางหวินเฟิงชี้ไปที่จุดๆหนึ่งใกล้ๆที่มีเข็มวารีและของชิ้นอื่นๆเหลืออยู่
ชายมีปีกดูงนงง
“อาวุธและของอย่างอื่นของมันยังอยู่ ส่วนร่างของมันนั้นสลายกลายเป็นฝุ่นไปแล้ว” จางหวินเฟิงยิ้มอย่างมีความสุขและถาม“จะว่าไปแล้วสถานการณ์ในเมืองตอนนี้เป็นอย่างไรบ้าง?”
เพิ่งชวนและหยางฟางไม่ได้รีบไปช่วย นั่นก็เพราะในตราที่พวกเขามีนั้น พวกเขาสัมผัสได้ว่าไม่มีเทพอสูรในเมืองตกตายไปเพิ่มอีก
“สถานการณ์ดีมากขอรับ” ชายมีปีกตอบกลับในทันที “ศิษย์พี่เพิ่งสังหารราชาอสูรในแถบทิศใต้อย่างรวดเร็วอันตรายทางเขตตะวันออกก็ถูกคลี่คลายเพราะพวกท่านทั้งสาม เทพอสูรคนอื่นๆจึงรวมกําลังไปทางทิศเหนือและทิศตะวันตก พวกเราได้เปรียบในด้านความแข็งแกร่งเทพอสูรมหาสุริยันของเราเองก็ค่อนข้างจะแกร่งกว่ามีเพียงอสูรฟ้าและราชาอสูรไม่กี่ตนเท่านั้นที่หนีรอดไปได้”
“เทพอสูรส่วนมากตายไปในเมืองทิศตะวันออกนี้”ชายมีปีกพูดเสียงค่อย
จางหวินเฟิงและเพิ่งชวนลอบถอนหายใจ
“การจะหนีรอดจากเจ้าวังเฮยฉัยได้ก็เป็นเรื่องยากล่ะนะ” จางหวินเฟิงส่ายหัว
เพิ่งชวนเองก็พยักหน้าเช่นกัน กระทั่งเขาเองก็ยังเกือบจะเอาชีวิตไม่รอดหลังจากถูกเจ้าวังเฮ่ยนุ่ยซุ่มโจมตีไม่ต้องพูดถึงเทพอสูรธรรมดาเลยด้วยซ้ํา
“ศิษย์พี่จาง ศิษย์พี่หยาง ข้าจะเข้าไปในเมืองเพื่อตรวจดู” เมิ่งชวนกล่าว “ข้าจะรีบลาดตระเวณพื้นที่โดยรอบและสังหารอสูรที่เหลืออยู่ในเร็วที่สุด”
“ระวังตัวด้วยน้องเมิ่ง” จางหวินเฟิงกล่าวด้วยรอยยิ้ม
“คนหนุ่มน่ะต่างจากพวกเรา เขากลับไปสู้ได้ทันทีหลังจากใช้วิชาต้องห้ามเทพอสูร” หยางฟางกล่าวยิ้มๆ
เพิ่งชวนพยักหน้าก่อนที่สายฟ้าจะปกคลุมร่างของเขา ร่างของเขาพร่ามัวก่อนจะพุ่งผ่านท้องฟ้าไปโผล่ออกไปไกลกว่าสี่ลี้ความเร็วของเขาเองก็เพิ่มขึ้นอย่างมหาศาลหลังจากประทับตราสายฟ้าระดับสองลงบนร่าง
เขาจะรวดเร็วอย่างไม่มีผู้ใดเทียบได้เมื่อขึ้นเป็นเฟิงโหวเทพอสูร!
“ได้เวลาไปดูแล้วว่าข้าพลาดอะไรไปหรือเปล่า เพิ่งชวนพุ่งไปทั่วเมือง เขาไม่ได้คงวิชาต้องห้ามเทพอสูรเอาไว้นาน เขาใช้วิชาต้องห้ามหลังจากที่เข้าถึงจิตวิญญาณแห่งกระบี่ที่สมบูรณ์เขาไม่ได้ใช้วิชาต้องห้ามนานเท่ากับจางหวินเฟิงและหยางฟางอีกทั้งเขายังหนุ่ม และระบบการฝึกร่างกายนั้นก็ทําให้พลังชีวิตเขายังพลุ่งพล่านเพียงใช้เวลาประมาณสี่ชั่วยามเขาก็จะฟื้นฟูเต็มที่เพิ่งชวนบาดเจ็บเพียงเล็กน้อยเท่านั้นในการต่อสู้กับเจ้าวังเฮ่ยนุ่ย
การบุกรัฐเจียงจบลงอย่างรวดเร็ว แต่ว่าเปลวเพลิงแห่งสงครามก็ยังลุกโชนไปทั่วทั้งโลก!
บนเขาหยวนชู
ปรมาจารย์จินหวูนั่งอยู่ในห้องโถงขนาดใหญ่บนกําแพงนั้นคือแผนที่โลกมนุษย์ขนาดใหญ่ยักษ์แผนที่ของราชวงศ์โจวที่ยิ่งใหญ่นั่นละเอียดมาก มีแสงกระพริบไปทั่วทุกที่บนแผนที่นั้น
แดง แดงเข้ม ดํา…
แสงเหล่านั้นคือระดับความร้ายแรง
“ท่านปรมาจารย์ จังหวัดวิหคแดงในรัฐหวินขอความช่วยเหลืออีกแล้วขอรับ ระดับความร้ายแรงเป็นอสูรฟ้าระดับสี่นี่เป็นการขอความช่วยเหลือครั้งที่เก้แล้วในสิบห้านาทีนี้”ผู้คนที่อยู่ข้างๆเขาก็คอยดูแผนที่บนกําแพงและรายงานเรื่อยๆ
“ให้พวกเขายอมสละไป” ปรมาจารย์จินหวกล่าวอย่างเย็นชา“ให้สละที่นั่นไปเดี๋ยวนี้”
“พวกเขาไม่ยอมสละไปขอรับ” ผู้เฒ่ากล่าวเสียงเบา“พวกเขาพยายามจะต้านเอาไว้”
ปรมาจารย์จินหวีกล่าวอย่างใจเย็น “บอกไปว่าจะไม่มีการช่วยเหลือ! ให้ยอมสละที่นั่นไป!”
ในขณะที่ตัดสินใจ ปรมาจารย์จินหวูก็ลอบถอนหายใจ“รัฐหวินนั้นห่างไกลเกินไป และจังหวัดวิหคแดงก็ยิ่งห่างไกลมากไปอีกนั่นทําให้ราชันเทพอสูรต้องเดินทางกว่าหกพันกว่าจะไปถึงข้ายอมให้ส่งผลกระทบต่อการส่งกําลังเสริมทั้งโลกเพื่อเมืองๆเดียวไม่ได้
อสูรและอสูรฟ้าหลบซ่อนอยู่ในความมืดพวกมันสามารถลอบโจมตีเมืองไหนก็ได้ในโลกนี้เขาหยวนชูต้องป้องกันรัฐทุกรัฐของราชวงศ์โจวและจังหวัดทุกจังหวัด แม้พวกเขาจะได้เปรียบในโลกมนุษย์แต่มันก็ไม่ได้ทํา ให้ได้เปรียบมากขึ้นหลังจากส่งกําลังออกไปทั่วโลก
“ท่านปรมาจารย์ เมืองตงกังขอความช่วยเหลืออีกแล้วขอรับ! อันตรายอยู่ในระดับสี่!” ศิษย์อีกคนตะโกนออกมา
“ราชาตงเหอกําลังรีบรุดไป อีกไม่นานก็จะถึง ให้พวกเขายื้อเอาไว้” ปรมาจารย์จินหวูสั่ง
เพื่อมนุษย์นับร้อยที่อยู่ในเมืองด่าน เฟิงโหวเทพอสูรจึงต้องเฝ้าดูเมืองด่านขนาดกลางอยู่ตลอด พวกเขาไม่มีกําลังคนมากพอ เมืองด่านขนาดกลางบางแห่งต้องพึ่งสมบัติเพื่อป้องกันการบุกของอสูรเลยด้วยซ้ํา
ถึงกระนั้น ราชั้นเทพอสูรก็ส่งกําลังออกไปเต็มที่! กระทั่งเจ้าเขาหยวนชูและผู้อาวุโสก็ยังลงจากเขา! พวกเขาคอยป้องกันพื้นที่ที่สําคัญที่สุดของราชวงศ์โจวที่ยิ่งใหญ่ อย่างเช่นราชาตงเหอนั้นคอยปกป้องรัฐห้ารัฐรอบๆรัฐอู่!
แต่ว่าการโจมตีของอสูรนั้นเกิดขึ้นพร้อมๆกัน ราชั้นเทพอสูรแยกร่างไม่ได้ พวกเขาต้องให้ความสําคัญกับพื้นที่บางแห่งโดยขึ้นอยู่กับความร้ายแรงและความห่างจากรัฐ ราชาตงเหอนั้นยุ่งมากเพราะรัฐ รัฐเจียงและ รัฐหวงนั้นเป็นที่ที่อสูรมุ่งเน้นโจมตี เมืองแรกที่เขาไปช่วยคือเมืองหลวงของรัฐเมืองที่สองคือเมืองตงกังแม้ว่าเมืองตงถึงจะไม่ใช่เมืองหลวงแต่ก็มีประชากรเกือบสามล้าน
ส่วนเมืองหลวงรัฐเจียงน่ะหรือ? ในเมื่อพวกเขาจัดการกับปัญหาได้ด้วยตัวเอง ราชันตงเหอจึงไม่จําเป็นต้องไปช่วย
“ท่านปรมาจารย์” บางคนพูดขึ้นมาด้วยความเคร่งเครียด “ราชาเทพอสูรห้าคนกําลังประจําการในพื้นที่ห้าแห่งของรัฐโจวที่ยิ่งใหญ่แต่ว่าพวกอสูรกําลังโจมตีใส่รัฐหกรัฐ… ราชั้นเทพอสูรบางคนไปช่วยไม่ได้พวกเราควรจะย้ายตําแหน่งราชันเทพอสูรหรือไม่ขอรับ?”
“ไม่!” บางคนตะโกนขึ้นมา “พวกอสูรมันเจ้าเล่ห์ มันเป็นแผนการล่อเสือออกจากถ้ํา เป็นเหมือนที่เคยเกิดขึ้นหลังจากเมืองหลวงรัฐธุ์และรัฐเจียงถูกโจมตี พวกมันก็จะโจมตีในจังหวัดที่มีประชากรเป็นจํานวนมากราชาอสูรจัดการกับพวกมันทั้งหมดไม่ได้ ข้าเกรงว่าหากพวกเราย้ายเทพอสูรไปที่อื่นพวกอสูรจะเข้าไปจู่โจมในอีกพื้นที่ในทันที”
“คอยดูสถานการณ์ในพื้นที่ของพวกเจ้าต่อไป หากมีอะไรให้รีบรายงาน” ปรมาจารย์จินหวูสั่งการ
แรงกดดันที่จินหวูได้รับเองก็มากมายเช่นกัน เขารู้ดีว่าจะต้องส่งราชาเทพอสูรห้าคนไปปกป้องพื้นที่ที่สําคัญที่สุดเท่านั้น! เขาต้องป้องกันไม่ให้เกิดความเสียหายอย่างใหญ่หลวงในพื้นที่เหล่านั้น
หากมีบางอย่างที่ไม่คาดฝันเกิดขึ้นหลังจากสถานการณ์สงบลงแล้ว เมืองเหล่านั้นก็ยังมีสมบัติป้องกันของตนอยู่
“ท่านปรมาจารย์” ใครบางคนรายงานด้วยความตื่นเต้น “อันตรายในเมืองหลวงรัฐเจียงคลี่คลายลงแล้วขอรับ!อันตรายระดับสี่ถูกสังหารลงแล้วขอรับ!”
ทุกคนในห้องตกตะลึง
ถูกสังหาร?
“ที่ถูกสังหารไปเป็นอสูรฟ้าระดับสี่หรือราชาอสูรระดับสี่?”
“สถานการณ์ในเมืองหลวงรัฐเจียงยังดีอยู่และสังหารอันตรายระดับสี่ลงได้โดยไม่ใช้สมบัติป้องกันรึ?”
พวกเขาประหลาดใจมาก
ปรมาจารย์จินหวูนั้นมีประสบการณ์มากกว่า เขาเคยเห็นกระทั่งเทพอสูรมหาสุริยันสังหารราชาอสูรระดับสี่ในการสู้ตัวต่อตัวมาแล้ว แต่ว่าแววตาเขาก็เป็นประกาย นั่นก็เพราะความรู้สึกโล่งใจอย่างน้อยนั่นก็เป็นข่าวดี
“ให้จางหวินเฟิงและเพิ่งชวนไปช่วยจังหวัดจางเฟิงในรัฐเจียงเดี๋ยวนี้!” ปรมาจารย์สั่ง
“ขอรับ” ศิษย์ที่ทําหน้าที่รับผิดชอบรัญเพียงรีบส่งคําสั่งลงไปในทันที
จากมุมมองของปรมาจารย์จินหวู เขาเข้าใจในสถานการณ์โดยรวมของราชวงศ์โจวที่ยิ่งใหญ่ หากมองด้วยมุมมองที่โหดร้าย การปล่อยให้คนจากเมืองด่านนับร้อยอพยพด้วยตนเองนั้นจะช่วยลดอัตราการตายของเทพอสูณลงได้อย่างมหาศาล อย่างไรก็ตาม ปรมาจารย์จินหวูเองก็รู้ดีว่าหากเป็นเช่นนั้น มันจะส่งผลกระทบอย่างใหญ่หลวงต่อจิตใจของเทพอสูรมากมายเทพอสูรได้สังเวยตัวเองเพื่อปกป้องมนุษย์มาหลายชั่วอายุคน!และนั่นจึงกลายเป็นประเพณีอันยาวนานของเทพอสูร
คบเพลิงแห่งความคิดที่จะปกป้องมวลมนุษย์ถูกส่งลงมาจากรุ่นสู่รุ่น! หากพวกเขาจะยอมปล่อยประชากรจํานวนเท่ากับรัฐรัฐหนึ่งให้ตายไปโดยไม่สู้พวกเขาก็คงไม่ใช่เทพอสูรอีกต่อไปผู้ที่ท้าทายฟ้าดินเพื่อมวลมนุษย์นั้นต่างหากคือเทพอสูร!