ภาพเทพอสูรบรรพกาล : Archean Eon Art - ตอนที่ 182
ตอนที่ 182 ช่วยจังหวัดจางเฟิง
จังหวัดจางเฟิงนั้นมีประชากรปรมาณ 1.2 ล้านคน เป็นเมืองที่ค่อนข้างใหญ่ และเทพอสูรที่ประจําการอยู่ที่นี่ก็ค่อนข้างจะแข็งแกร่ง
แต่ในตอนนี้ ควันสัญญาณจากกําแพงเมืองจางเฟิงกําลังลอยขึ้นสูงพร้อมกับมนุษย์จํานวนมากที่หลบอยู่ในอุโมงค์
“ฮ่าๆๆ เทพอสูรมนุษย์แข็งแกร่งแค่นี้เองรึ?” อสูรงูขนาดยักษ์ที่ยาวเกือบ5-6จิ้งแม้จะขดตัวอยู่มองลงมาหมอกสีดําปกคลุมรอบตัวอสูรงหมอกนั้นครอบคลุมพื้นที่กว่า ราชาอสูรอีกสองตัวซ่อนตัวอยู่ในหมอกนั้นราชาอสูรแรดถึงกับหยิบศพเทพอสูรขึ้นมากินอย่างสบายใจ
นั่นทําให้เทพอสูรที่อยู่ข้างนอกต้องเบิกตากว้างด้วยความโกรธแค้น
“ปล่อยราชาอสูรพวกนี้ให้พวกข้าเอง”ชายที่มีทวนสั้นสองอันบนหลังกล่าว
“ศิษย์พี่ฟาน ราชาอสูรตัวอื่นๆที่โจมตีคฤหาสน์จางเฟิงถูกพวกเราสังหารหมดแล้ว เหลือแค่เพียงสามตัวนี้เท่านั้นที่เหลืออยู่!ตัวหัวหน้าของมันราชาอสูรจูมีเขตแดนที่แข็งแกร่งมากอีกทั้งยังมีพลังศักดิ์สิทธิ์ที่แข็งแกร่งอีกต่างหากส่วนราชาอสูรอีกสองตัวนั้นเองก็เป็นราชาอสูรหัวกะทิเช่นกันหากพวกมันร่วมมือกันมันจะแข็งแกร่งยิ่งกว่าเดิมมากเทพอสูรจากเมืองจางเฟิงของพวกเราเก้าคนต้องตกตายไปด้วยเงื้อมมือของพวกมัน”
“พลังศักดิ์สิทธิ์ของราชาอสูรูคือหมอกพิษ ใครก็ตามที่โดนเข้าไปจะตายไม่มีเทพอสูรคนไหนรับมือได้” เทพอสูรห้าคนที่เหลืออยู่ในเมืองจางเฟิงเตือนชายที่มีทวนสั้น
“ไม่ต้องห่วง” เทพอสูรสามคนรุดเข้าไปด้วยความมั่นใจการที่พวกเขาถูกส่งมาเป็นกําลังเสริมนั้นนั่นแสดงให้เห็นว่าพวกเขาแข็งแกร่งมากและยังร่วมมือกันได้อย่างดีเยี่ยม
“ตาย!”
“สังหารมัน”
“โจมตี”
เทพอสูรทั้งสามคนพุ่งเข้าไปพร้อมกัน คนหนึ่งใช้เขตแดนโจมตีเข้าใส่หมอกสีดํา
“ศิษย์พี่ฟาน เขตแดนของราชาอสูรูทรงพลังมากข้าสร้างเขตแดนขึ้นมาไม่ได้” เทพอสูรที่ถือดาบกล่าว
“ทําเหมือนเดิม จัดการมันทีละตัว”ศิษย์พี่ฟานกระชับทวนสั้นในมือ
เทพอสูรหญิงที่ถือกระบี่และโล่พยักหน้า
หลังจากที่ทั้งสามพุ่งเข้าใส่หมอกสีดําพวกเขาก็พุ่งเข้าหาราชาอสูรแรด ราชาอสูรงและตกแตนก็พุ่งไปทางที่อสูรแรดอยู่ในทันที
ราชาอสูรูที่คุมเขตแดนเคลื่อนที่ไปด้านหน้าด้วยความเร็วสูงด้วยร่างของมัน มันเป็นตนแรกที่ไปถึงข้างราข่าอสูรแรด
“สังหารราชาอสูรแรดก่อน” ศิษย์พี่ฟานกล่าวผ่านกระแสจิตแผนของพวกเขาไม่เปลี่ยนแปลง “โจมตี”
เมื่อพูดจบตาของเทพอสูรหญิงที่ถือกระบี่และโล่ก็ทอประกายสีแดงภาพลวงตาปกคลุมรอบราชาอสูรแรดเทพอสูรหญิงคนนี้เป็นแกนกลางของทีมสามคนนี้ เธอเรียนรู้วิชาลวงตาประกายแดงชาดซึ่งเป็นวิชาที่ดีที่สุดในการต่อสู้ตัวต่อตัวราชาอสูรตัวใดก็ตามที่ปะทะกับเธอตัวต่อตัวจะเสียการควบคุมและถูกสังหารในทันที
ดังนั้นทีมสามคนนี้จึงเหมาะแก่การจัดการกับศัตรูทีละตัวมาก
“ฮ่าๆ…” ราชาอสูรแรดหัวเราะเสียงดังและตวัดขวานขนาดยักษ์สองเล่มออกมาเพื่อจะโจมตี
แต่ทันใดนั้นเองมันก็ยืนนิ่ง มันกําลังเห็นภาพที่งดงาม มันกําลังอยู่ในราชวังที่หรูหรา อสูรระดับต่ํามากมายคอยนําอาหารมาให้มัน อาหารทุกชนิดหลั่งไหลเข้ามาไม่มีหมด มันได้กินจนอิ่มสมใจ
“ตาย” ทวนสั้นในมือศิษย์พี่ฟานนั้นเร็วดั่งสายฟ้าฟาด เขาแทงใส่หัวของราชาอสูรแรดหวังจะทะลวงผ่านไปเขารู้ดีว่าอสูรระดับหัวกะทิเหล่านี้นั้นมีพลังชีวิตที่แข็งแกร่ง แม้หัวใจจะถูกทําลายแต่มันก็มีโอกาสที่จะโจมตีสวนกลับก่อนจะตายได้ อย่างไรก็ตาม พวกมันจะตายในทันทีหากถูกแทงเข้าที่หัวไม่สามารถต่อต้านได้อีกต่อไป
“ฟอ!” เมื่อเห็นดังนั้น ราชาอสูรูก็พ่นหมอกสีดําออกมา
แต่ว่าศิษย์พี่ฟานก็มั่นใจมาก ด้วยความเร็วของข้า ข้าสามารถสังหารราชาอสูรแรดได้และหลบหมอกดําไปด้วยได้
แต่ทันใดนั้นเอง
ฟุบ
มีบางอย่างพุ่งทะลวงขึ้นมาจากใต้ดินราวกับสายฟ้า ทะลวงผ่านหัวของศิษย์พี่ฟานไป
ดวงตาของศิษย์พี่ฟานเบิกกว้าง แต่สติของเขาก็เริ่มจางหายไป กับดัก!”
ก่อนที่เขาจะตาย เขาก็พบว่ามันคือกับดัก
ฟุบ
จากนั้นหมอกพิษก็ไปถึง ศิษย์พี่ฟานผู้ที่ไม่สามารถหลบได้อีกต่อไปก็ถูกปกคลุมไปด้วยหมอกพิษร่างของเขาเริ่มละลายเหลือเพียงกองเลือดเท่านั้น
“ศิษย์พี่ฟาน!” เทพอสูรหญิงและเทพอสูรที่ถือดาบดูไม่เชื่อสายตาตนเอง ศิษย์พี่ฟานที่ไปถึงเขตแดนแห่งเต๋แล้วกลับถูกสังหารในทันที?
เพราะเขตแดนหมอกสีดํานั้น พวกเขาจึงมองไม่เห็นว่าเกิดอะไรขึ้น พวกเขาเห็นเพียงราชาอสูรงร่างสูงใหญ่พ่นพิษออกไป ก่อนที่จะปกคลุมไปทั่วบริเวณ จากนั้นศิษย์พี่ฟานก็ตาย!พวกเขารับรู้ได้อย่างชัดเจนผ่านทางตราว่าศิษย์พี่ฟานได้ตายไปแล้ว
“หนี!” แม้จะโกรธแต่พวกเขาก็รีบหนีไป
เพราะว่าทั้งสองคนนั้นไม่มีใครเชี่ยวชาญในการต่อสู้ระยะประชิดเลยสักคน คนหนึ่งเชี่ยวชาญในวิชาลวงตาในขณะที่อีกคนต้องสร้างเขตแดน พวกเขานั้นด้อยกว่าศิษย์พี่ฟานในแง่ของความแข็งแกร่งในระยะประชิดมากเมื่อศิษย์พี่ฟานยังตายไปในทันที หากพวกเขายังโจมตีต่อไปก็มีแต่จะส่งตัวเองไปตายเปล่าเท่านั้น
“ไม่ดีแล้ว” เทพอสูรห้าคนจากเมืองจางเฟิงได้ยินเสียงร้องหลังจากที่ศิษย์พี่ฟานและคนอื่นๆรุดเข้าไปคําที่ว่า “ศิษย์พี่ฟาน!” และ “หนี!” ทําให้เทพอสูรที่อยู่ด้านนอกรับรู้ได้ว่ามีอะไรผิดปกติ
จากนั้นเทพอสูรหญิงก็ออกมาจากเขตแดนหมอกสีดําได้ สหายของเธอได้ตายไปในเขตแดนนั้น ไม่มีใครรอดนอกจากเธอ
“เป็นไปได้อย่างไรกัน เป็นไปได้อย่างไร… เทพอสูรหญิงนิ่งอึ้ง
“ฮ่าๆๆ!” ขาหน้าของราชาอสูรตกแตนเสียบใส่ร่างของเทพอสูรถือดาบ มันยกเขาขึ้นสูงและปาลงมาราชาอสูรแรดเปิดปากที่กว้างกว่าจิ้งและกลืนศพเทพอสูรเข้าไปในคําเดียว
“ศิษย์พี่ฉ!” ดวงตาของเทพอสูรหญิงแดงก่ํา “ศิษย์พี่ฟาน!”
ภายในพริบตา ทั้งศิษย์พี่ฉและฟานได้ตายไป นั่นทําให้เธอรู้สึกโกรธและเจ็บใจ แต่เธอก็ทําอะไรไม่ได้อยู่ดี
“ศิษย์พี่ฟานตายได้อย่างไรกัน?” เทพอสูรห้าคนของเมืองจางเฟิงถาม
“ข้าไม่เห็นว่าเกิดอะไรขึ้นในเขตแดนนั้น แต่ด้วยความแข็งแกร่งของศิษย์พี่ฟาน เขาน่าจะหลบหมอกพิษสีดําได้แต่พอหมอกพิษปรากฏขึ้นมาศิษย์พี่ฟานก็ตาย” เทพอสูรหญิงส่ายหัวเบาๆ “มันเป็นไปได้อย่างไรกัน?”
“พลังศักดิ์สิทธิ์ของอสูรนั้นคาดเดาไม่ได้”
“ว่ากันว่าพลังศักดิ์สิทธิ์ของอสูรนั้นแข็งแกร่งต่างกันออกไป อันที่แข็งแกร่งนั้นเทียบเท่าได้กับราชาอสูรระดับสี่เลยด้วยซ้ํา”
เทพอสูรตื่นตกใจ
ศิษย์พี่ฟานแข็งแกร่งมากเพียงไหนกัน? เขาเพียงคนเดียวเทียบได้กับทั้งห้าคนรวมกัน แต่ถึงกระนั้นเขาก็ยังถูกสังหาร
“ฮ่าๆ เทพอสูร พวกเจ้ามีลูกไม้อะไรเหลืออยู่เล่า? ลองใช้ออกมาได้ตามใจเจ้าเลย” ราชาอสูรงและตนอื่นๆใช้เขตแดน บังคับให้เทพอสูรต้องถอยกลับไป พวกเขาไม่กล้าเข้าไปใกล้เขตแดน
“พวกมันจะสังหารประชาชนในเขตแดน”
“เจ้าพวกราชาอสูรทั้งสามตัวนี้!”
เทพอสูรต่างรู้สึกโกรธเกรี้ยว มีประชาชนที่หลบอยู่ในอุโมงค์ซึ่งถูกสังหารในพริบตา แต่พวกเขาก็รู้ว่าหากรุดเข้าไปในเขตแดนนั้นก็ถือเป็นการฆ่าตัวตาย
เมืองหลวงรัฐเจียง เขาหยวนชูสาขารัฐเจียง
เจ้าสํานักฉาง จางฟวินเฟิง และหยางฟางกําลังพักผ่อนในขณะที่พวกเห็นสายฟ้าพุ่งเข้ามา เพียงพริบตาก็มาโผล่ตรงหน้าพวกเขา
นั่นคือเพิ่งชวน
“ศิษย์น้องเมิ่ง” เจ้าสํานักฉาง จางหวินเฟิงและหยางฟ
เจ้าสํานักฉางเห็นเกราะในของเมิ่งชวน เกราะในของเขานั้นเต็มไปด้วยรอยแตกและบุบลงไปเล็กน้อยไม่ต้องพูดถึงชุดที่ขาดรุ่ย
“ข้าลาดตระเวนทั่วพื้นที่และสังหารราชาอสูรกับอสูรฟ้าที่เหลืออยู่ คงจะเหลืออสูรฟ้ากับราชาอสูรในเมืองไม่มากแล้วขอรับ” เพิ่งชวนกล่าว “ถึงจะเหลืออยู่แต่ก็คงจะหนีไปแล้ว”
“ลําบากศิษย์น้องเมิ่งเสียแล้ว เกราะในของเจ้าเสียหายหนัก ข้าจะหาชุดใหม่มาให้” เจ้าสํานักจางกล่าวด้วยรอยยิ้ม“พวกเราเหลือเพียงเกราะในธรรมดาเพียงเท่านั้น มันถูกสร้างขึ้นมาเพื่อรองรับการต่อสู้ระดับเทพอสูรมหาสุริยันเท่านั้น”
“ขอบคุณมากขอรับศิษย์พี่ฉาง” เมิ่งชวนกล่าว
คนที่สามารถเป็นเจ้าสํานักในเมืองหลวงรัฐได้นั้นต้องเป็นเทพอสูรที่ทรงพลังและแข็งแกร่งอยู่แล้ว
“พวกเราไม่มีเกราะชั้นในสําหรับเทพอสูรมหาสุริยันมากนัก มีเพียงสามชุดที่เจ้าน่าจะใส่ได้ มีสีดําแดงและฟ้าเจ้าต้องการสีไหน?”เจ้าสํานักจางถาม
“ดํา” เมิ่งชวนกล่าว
จากนั้นไม่นาน ชุดสีดําและเกราะชั้นในสีดําก็มาถึง
หลังจากเปลี่ยนเกราะชั้นใน เพิ่งชวนก็ดูไม่เหมือนขอทานข้างถนนอีกต่อไป
เพิ่งชวน จางหวินเฟิงและคนอื่นๆนั่งลงผ่อนคลาย
“คราวนี้พวกเราสูญเสียไปเท่าไหร่ขอรับ?” เมิ่งชวนถาม
“เมืองทางทิศตะวันออกสูญเสียมากที่สุด เทพอสูรทั้งหมด 18 คนตายไปในการต่อสู้” เจ้าสํานักจางถอนหายใจ“เทพอสูรมหาสุริยัน 6 คน เทพอสูรแดนอมตะ 12 คน ห้าคนเป็นศิษย์เขาหยวน”
เพิ่งชวน จางหวินเฟิงและหยางฟางรู้สึกปวดใจเมื่อได้ยินเช่นนั้น
ศิษย์นอกสิบสามคนและศิษย์เขาหยวนห้าคนได้ตายไปในการต่อสู้ นั่นเป็นเพราะอสูรฟ้าระดับสี่! หากไม่มีเขาความเสียหายคงจะเยอะกว่านี้
“เจ้าทําได้ดีแล้ว ข้าไม่ที่จะสังหารอสูรฟ้าระดับสี่ได้ด้วยซ้ํา” เจ้าสํานักฉางกล่าว
เพิ่งชวนและคนอื่นๆเงียบไป พวกเขารู้จักเทพอสูรทุกคน ในฐานะจอมยุทธสามคนที่แข็งแกร่งที่สุดในเมืองหลวง พวกเขาได้รับข้อมูลเกี่ยวกับเทพอสูรทุกคนในเมืองมาแล้ว คราวนี้ 18 คนได้ตายไปและนั่นเป็นความสูญเสียอย่างใหญ่หลวง
“โอ๊ะ?” เมิ่งชวนและจางหวินเฟิงรู้สึกได้ถึงอะไรบางอย่างพร้อมกับตราที่ร้อนขึ้น พวกเขามองหน้ากัน
“เมืองจางเฟงอยู่ในอันตราย เขาหยวนต้องการให้พวกเราไป” เมิ่งชวนยืนขึ้น
“ไปกันเถอะ” จางหวินเฟิงยืนขึ้นเช่นกัน
“พี่จาง ร่างกายเจ้า…” หยางฟางดูเป็นห่วง