พี่น้องร่วมสาบาน ใต้แสงจันทร์อันเจิดจรัส - ตอนที่ 31 ไฟไหม้เจดีย์กว่างหลิง
สามสิบเอ็ด
ไฟไหม้เจดีย์กว่างหลิง
อากาศเริ่มหนาวขึ้นเป็นลำดับ จี้ชิงกับจี้เสวียนอวี๋กลับถึงจัวลู่เป็นช่วงที่ใกล้จะเข้าสู่ฤดูหนาว ท้องฟ้าก็เริ่มขมุกขมัว หน้าประตูจัวลู่ ต้นไม้ใบหญ้าก็เริ่มเหี่ยวเฉาลงพอสมควร
จี้ชิงกุมกระบี่หลิงหานไว้แน่น หว่างคิ้วเริ่มรู้สึกหนาวเย็น เขามองตรงไปที่เขาอู่หลิง ในใจรู้สึกตื่นเต้นขึ้นมาทันที บนยอดเขาปกคลุมไปด้วยหิมะขาวโพลน
“คุณชายสาม พวกเรากลับไปรายงานภารกิจแก่ท่านตันชิวกับคุณชายรองก่อนเถิดขอรับ” จี้เสวียนอวี๋ถูมือไปมา “ไม่รู้ว่าเหตุใดปีนี้หิมะตกเร็ว ปกติจัวลู่ไม่ค่อยมีเหตุการณ์เช่นนี้”
“หิมะตกหนักเป็นลางร้าย” จี้ชิงขมวดคิ้ว มองออกไปยังยอดเขา หิมะปกคลุมไปทั่วทั้งเขา ใบหน้าเต็มไปด้วยความกังวล ระหว่างทางเขาได้รับจดหมายจากพิราบขาวสิบสองฉบับ แต่เขาก็ไม่ได้ตอบสักฉบับ
วันนี้อากาศหนาวเย็นยะเยือก แม้บนอวิ๋นติ่งจะมีบ่อน้ำพุร้อน แต่ก็ไม่อาจต้านทานความหนาวเหน็บได้ ซ่งฉืออยู่บนเขาเพียงคนเดียว อันตรายมาก
“เจ้าไปก่อน บอกพี่รองด้วยว่าข้าจะไปคุยด้วยตอนสายๆ” จี้ชิงสั่งจี้เสวียนอวี๋แล้วก็จากไปอย่างรวดเร็ว
จี้เสวียนอวี๋ถอนหายใจ อีกเพียงเจ็ดวันก็จะเป็นวันคล้ายวันเกิดของคุณชายสาม พิธีสวมกวานนั้นสำคัญที่สุด และยิ่งเป็นคุณชายสามผู้มีชื่อเสียงตั้งแต่วัยเด็กด้วยแล้ว เกรงว่างานเลี้ยงฉลองอันครื้นเครงอาจกลายเป็นงานเลี้ยงแห่งความวุ่นวาย
หลังจากผ่านพ้นวันคล้ายวันเกิด คุณชายสามก็จะได้รับสมญานาม
ศิษย์พี่นั้นรักอิสระ ไม่ได้สนใจอะไรกับชื่อเสียงเรียงนาม
คุณชายสามนั้นต่างออกไป เขาแบกรับความหวังอันยิ่งใหญ่จากฮูหยินหมิงหาน ฉลาดเฉลียว เพียงแต่เขารู้สึกว่าซ่งฉือเสมือนคำสาป ตั้งแต่คุณชายสามลงเขาไป คำสาปนี้ก็ติดตัวไปด้วย
จี้เสวียนอวี๋ส่ายหน้าอย่างพูดอะไรไม่ออก
มิต่างจากโจวอวี่แสร้งเฆี่ยนหวงไก้[1] คนหนึ่งยินดีเฆี่ยน คนหนึ่งยินดีทนทุกข์
คนรอบข้างก็ช่วยอะไรไม่ได้
ตลอดทางต้นไม้ใบหญ้าเหี่ยวแห้งไม่มีชีวิตชีวา แค่หิมะตกก็ผิดปกติมากพอแล้ว ตอนนี้ต้นไม้ใบหญ้าก็พากันเหี่ยวเฉา มิหนำซ้ำยังไม่พบร่องรอยของซ่งฉือ
จี้ชิงไม่เคยรู้สึกว้าวุ่นขนาดนี้มาก่อน เขาหันรีหันขวางอยู่พักหนึ่งก่อนจะตามหาซ่งฉือทุกซอกทุกมุมทว่าก็ไม่พบ ราวกับว่าเรื่องเลวร้ายที่เขาเคยคิดไว้ได้กลายเป็นความจริงไปแล้ว…เขาตบหัวตัวเองด้วยความโมโห เหตุใดยังคิดเรื่องเลวร้ายเหล่านั้นอยู่อีก ตอนนี้หากมันเกิดขึ้นแล้ว แต่เขากลับไม่รู้อะไรเลยแม้แต่น้อย
ทันใดนั้น เขาก็ได้กลิ่นไหม้ฉุนขึ้นจมูก ทันทีที่จี้ชิงหันกลับไป กระบี่หลิงหานก็หล่นลงพื้นเสียงดัง
ควันหนาพวยพุ่งออกมาจากเจดีย์กว่างหลิง ส่วนที่ฐานเจดีย์ก็มีไฟลุกโชน
ไฟไหม้เจดีย์กว่างหลิง…
จี้ชิงมองเห็นบรรดาลูกศิษย์ในชุดสีเขียวแกมน้ำเงินที่ตีนเขาช่วยกันแบกถังน้ำและโถน้ำขึ้นไปดับไฟ หัวใจของเขาราวกับถูกบีบรัดจนแน่น แม้ว่าไม่ได้ไหม้รุนแรง แต่ก็ต้องใช้เวลาดับสักพัก
จี้ชิงพับแขนเสื้อขึ้น ใบหน้าถูกควันไฟรมจนหน้าดำมอมแมม ส่วนจี้หลิงอู้ก็ทุลักทุเลเหมือนกัน แต่สิ่งที่พวกเขากำลังกลัวในตอนนี้ไม่ใช่สภาพของเจดีย์กว่างหลิง แต่เป็นฉินต้าเซิ่งอี๋ยินต่างหาก
“พี่รอง ข้าจะเข้าไปหาอี๋ยิน “จี้ชิงก้าวไปข้างหน้า ซากปรักหักพังหลังไฟไหม้ยังคงคุกรุ่น ร้อนระอุจนทำให้ผิวหนังภายนอกก็รู้สึกร้อนผ่าวไปด้วย
สีหน้าจี้หลิงอู้เรียบนิ่งก่อนที่จะขมวดคิ้วแน่น เขายื่นมือขวางจี้ชิง “ถอยไปก่อน เจ้าไปช่วยเสวียนอวี๋นับจำนวนคน อย่าให้ตกหล่น”
“พี่รอง” จี้ชิงขมวดคิ้ว เขาจะเข้าไปเองรึ
“ฉินต้าเซิ่งอี๋ยินเป็นสมบัติของท่านหลิงกุย ข้าจะเข้าไปเอาออกมาเอง อย่ามัวพูดคุยกันอยู่เลย” จี้หลิงอู้พูดจบก็หยิบผ้าชุบน้ำโพกไว้ที่หน้า ก้มลงแล้วมุดเข้าไปทางประตูเจดีย์ที่ถล่มลงมา
จี้ชิงหันกลับมาก็เห็นจี้เสวียนอวี๋นับจำนวนลูกศิษย์จนครบแล้ว คนที่มาล้วนหน้าตามอมแมม จี้ชิงมองไปรอบๆ ฝูงคน แต่ก็ไม่เห็นหน้าซ่งฉือ
เจดีย์กว่างหลิงไฟไหม้ หากอีกฝ่ายยังมีชีวิตอยู่ก็น่าจะมาที่นี่
จี้ชิงอดคิดถึงเรื่องที่เลวร้ายที่สุดไม่ได้ นั่นคือซ่งฉืออาจจะพลัดตกเขาระหว่างพักผ่อน หรืออาจตกหน้าผาขณะที่กำลังฝึกวิชาอยู่บนยอดเขา เขาอู่หลิงเป็นดินแดนต้องห้าม ไม่มีผู้ใดได้ยินเสียงร้องขอความช่วยเหลือของซ่งฉือ ตอนนี้เขาต้องการเพียงให้พี่รองเอาฉินต้าเซิ่งอี๋ยินออกมาให้ได้ เขาจะได้ไปตามหาอีกฝ่ายได้เร็วขึ้น
เมื่อจี้เสวียนอวี๋นับจำนวนคนครบแล้วก็เฝ้าอยู่ที่ประตูเจดีย์ จ้องมองไปที่ประตูไม่ละสายตา ตอนจี้หลิงอู้ออกมาจะได้เข้าไปช่วยได้ทัน
ด้านในมีเสียงไอ จี้เสวียนอวี๋รีบก้มตัวลงมองไปด้านใน “ศิษย์พี่ ศิษย์พี่ไม่เป็นไรใช่หรือไม่”
จี้หลิงอู้ค่อยๆ ก้าวออกจากประตู หอบอะไรบางอย่างสีดำไว้ในมือ พอเขาออกมาจากที่มืด ตาของจี้ชิงก็เบิกกว้างโดยทันที
“ซ่งฉือ!” จี้ชิงรีบก้าวไปรับร่างของซ่งฉือจากมือของจี้หลิงอู้ แล้วรีบเอาน้ำสะอาดล้างจมูกของอีกฝ่ายให้สะอาด
“นี่ มันเกิดอะไรขึ้นรึ คุณชายซ่งไปอยู่ในเจดีย์ได้อย่างไร” จี้หลินลุกขึ้นยืนท่ามกลางฝูงชน เสื้อผ้าชุดนี้เขารู้ดีว่าเป็นของคุณชายสาม แต่ใบหน้ากลับเป็นคุณชายซ่งที่ขึ้นเขาไปฝึกวิชา
“คุณชายซ่งเข้าไปทำอะไรในเจดีย์” จี้เสวียนอวี๋ขมวดคิ้ว เงยหน้ามองจี้หลิงอู้
จี้หลิงอู้สีหน้าเย็นชา น้ำเสียงแฝงไว้ด้วยความโกรธ “ก็คงต้องรอให้เขาฟื้นขึ้นมาก่อน แล้วค่อยถามให้รู้เรื่องว่าก่อเรื่องอะไรไว้!”
“พี่รอง!” จี้ชิงเงยหน้าขึ้นจ้องไปที่จี้หลิงอู้ “เป็นไปไม่ได้”
“จี้อวิ๋นฉง เจ้าฝึกวิชาอยู่บนเขานานถึงเจ็ดปี จึงไม่เข้าใจเรื่องทางโลกนัก” จี้หลิงอู้ย่อตัวนั่งลง มองไปที่กระบี่ยซุ่ยหานในมือซ่งฉือ “ตอนที่ข้าเข้าไป มืออีกข้างของเขากำผ้าไฟไว้ ฉินต้าเซิ่งอี๋ยินหายไป กระบี่ซุ่ยหานกลับได้รับหลิงชี่แข็งแกร่งขึ้น!”
บรรดาลูกศิษย์ทั้งหลายต่างวิพากษ์วิจารณ์กันเซ็งแซ่ อย่างไรก็ตามเสียงส่วนมากบอกว่าซ่งฉือต้องการปลดผนึกหยวนตันให้เร็วขึ้น จึงบุกเข้าไปในเจดีย์กว่างหลิงเพื่อใช้หลิงชี่ของฉินต้าเซิ่งอี๋ยินประสานกับกระบี่ซุ่ยหาน
“พี่รอง! ซ่งฉือไม่ใช่คนเช่นนั้น” จี้ชิงอุ้มซ่งฉือขึ้นมา แม้ใบหน้ามอมแมม แต่สายตากลับเต็มไปด้วยความแน่วแน่ “รอเขาฟื้นเสียก่อน ข้าจะถามเขาเอง”
“ก็ดี” จี้หลิงอู้หลับตา รู้สึกเจ็บปวดเมื่อนึกถึงฉินต้าเซิ่งอี๋ยินที่หายไป
“พวกเรามาช่วยกันหาเถอะ ฉินต้าเซิ่งอี๋ยินอาจจะตกอยู่แถวนี้ก็เป็นได้” จี้เสวียนอวี๋ตะโกนบอกไป
จี้ชิงหันกลับไป แม้ผู้คนจะมีสีหน้าไม่ดีนักแต่ก็ยอมหลีกทางให้
หลังจากค้นหาอยู่สามวันสามคืนก็ไม่พบแม้แต่สายฉิน
ขณะที่ซ่งฉือสลบตลอดสามวัน จี้ชิงเฝ้าโดยไม่ได้เปลี่ยนเสื้อผ้าและฟังจี้หลินเล่าเรื่องการค้นหาฉินต้าเซิ่งอี๋ยิน สามวันมานี้เขาโทรมลงมากทีเดียว ขอบตาดำคล้ำ แตกต่างจากท่าทางเย็นชาเมื่อตอนที่พบกันครั้งแรก จี้หลินสงสารที่คุณชายทุกข์ใจถึงเพียงนี้ จึงคอยทำอาหารอร่อยๆ มาให้ แต่คุณชายสามกลับกินอะไรไม่ลง กินเพียงไม่กี่คำก็วางตะเกียบลง
วันนี้ศิษย์พี่เองก็เชื่อว่าฉินต้าเซิ่งอี๋ยินหายไปแล้วจริงๆ เขานั่งอยู่ที่หอหลิงจิงทั้งวันไม่พบใครทั้งนั้น
สิ่งที่เขาคาดหวังในตอนนี้ก็คือต้องให้คุณชายซ่งรีบฟื้นคืนสติขึ้นมา เสมือนการทลายน้ำแข็งที่ก่อตัวมานานนับสิบปี
ฉินต้าเซิ่งอี๋ยินเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่ใช้ผนึกปีศาจ หากเขาทำหายไปโดยไม่มีอะไรชำรุดก็นับว่าโชคดีมาก แต่ถ้าเกิดมีอะไรเสียหายขึ้นมา พวกภูตผีปีศาจทั้งใต้หล้าจะออกอาละวาด หากเป็นเช่นนั้น พวกเขาก็จะต้องเผชิญหน้ากับศัตรูนอกเหนือจากที่แม่น้ำว่านหลิง นั่นก็คือดินแดนทั้งเหนือ ใต้ ตะวันออก และตะวันตก
จี้หลินนั่งถอนหายใจอยู่ใต้ต้นไม้ในลานบ้าน มองไปที่ประตูห้องคุณชายสาม ประตูปิดอย่างแน่นหนา…หากคุณชายสามไม่ได้ไปปราบปีศาจก็คงดี คุณชายซ่งจะได้ไม่ไปปรากฏตัวอยู่ในเจดีย์กว่างหลิง
แม้เขาจะไม่เชื่อเหมือนกัน แต่คำพูดของศิษย์พี่รองก็สมเหตุสมผล
ฉินต้าเซิ่งอี๋ยินมีหลิงชี่แรงกล้า หากคุณชายซ่งรู้ซึ้งถึงพลังนี้ การเผาเจดีย์กว่างหลิงก็นับว่าเป็นสิ่งที่เป็นไปได้อย่างไม่ต้องสงสัย
[1] การเล่นละครตบตาโจวอวี่ตีหวงไก้จากสามก๊ก ใช้เป็นอุปมาอุปไมยในสิ่งที่ทั้งสองฝ่ายเต็มใจทำ