พี่น้องร่วมสาบาน ใต้แสงจันทร์อันเจิดจรัส - ตอนที่ 24 นับถอยหลังหนุนหมอนใบเดียวกัน
- Home
- All Mangas
- พี่น้องร่วมสาบาน ใต้แสงจันทร์อันเจิดจรัส
- ตอนที่ 24 นับถอยหลังหนุนหมอนใบเดียวกัน
ยี่สิบสี่
นับถอยหลังหนุนหมอนใบเดียวกัน
ซ่งฉือเข้าไปในห้องก่อนจะเอนกายลงบนตั่ง สายตาของเขาสำรวจกวาดไปรอบๆ
“ทิวทัศน์ที่นี่ไม่เลวนะ มีทั้งน้ำมีทั้งปลา ทั้งยังตกแต่งธรรมดาเสียจนไม่สมบารมีของคุณชายสามสักนิด”
“บารมีอะไรของเจ้า” จี้ชิงถามพลางเอาไหล่ของเขาออกจากอ้อมกอดของอีกฝ่าย แล้ววางกระบี่หลิงหานไว้เคียงกระบี่อีกฝ่าย
“ก็…เจ้าดูสิ ตรงนี้ขาดขวดไปใบหนึ่ง ส่วนตรงนี้ก็ขาดม่านหน้าต่าง ส่วนตรงนี้” ซ่งฉือลุกขึ้นจากเก้าอี้นอนก่อนจะไปล้มตัวลงบนเตียง “ตรงนี้ก็ยังขาดสาวงาม”
จี้ชิงมองตาขวางไปที่เขา “ข้าไม่เห็นรู้สึกว่ามันขาดอะไรเลย”
“แต่ข้ารู้สึกขาด”
“ไม่ขาด”
“ขาด”
“ไม่ขาด”
“ขาด”
จี้ชิงรู้สึกรำคาญ ไม่อยากสนใจเขาอีก จึงเดินไปนั่งข้างหน้าต่างแล้วเริ่มแกะผ้ามัดผมออก เขายังไม่โตเป็นผู้ใหญ่จึงรวบผมทั้งหมดไว้ด้านหลัง ใช้ผ้าผูกผมสีเงินและเชือกพู่ถักเปียส่วนผมที่เหลือปล่อยก็สยายลงมา เรือนผมสีหมึกเงางามตัดกับผ้าผูกผมสีเงินเป็นประกาย ดูแล้วช่างงดงามยิ่งนัก
บังเอิญมีเชือกพู่พันอยู่บนผม จี้ชิงจึงรีบแก้เชือกออกด้วยความรีบร้อนทว่ามือกลับไร้เรี่ยวแรง
ซ่งฉือถอนหายใจพลางส่ายหน้า เขาลุกขึ้นจากเตียงเดินไปที่ด้านหลังของจี้ชิงและปัดมืออกฝ่ายออก “แกะผมแค่นี้ยังทำโมโหไปได้ เจ้านี่สมกับเป็นน้องชายจริงๆ”
“เจ้า” จี้ชิงถลึงตาใส่เขาผ่านกระจกอย่างโกรธเคืองแต่ก็ไม่ได้เอ่ยอะไรออกมา
ในกระจกสะท้อนภาพซ่งฉือหลุบตาลง ปอยผมร่วงปรกบริเวณหน้าผาก ใบหน้าของเขาเจือรอยยิ้มบางๆ
เมื่อจี้ชิงเงยมองเขาก็สบตากับอีกฝ่ายพอดี
เมื่อผมถูกปล่อยลงมาจี้ชิงก็รู้สึกเขินอายเล็กน้อย รอยสักบนหน้าผากแดงเรื่อ ตรงกลางระหว่างดวงตากับคิ้วเหมือนกับมีอะไรกำลังจะละลายไป
ซ่งฉือกะพริบตาพลางจับผมของอีกฝ่ายทัดไว้ข้างใบหู เส้นผมเงางามสยายลงมาราวกับเส้นไหมชั้นดี
“เสร็จแล้ว”
จี้ชิงหรี่ตาลง พยายามทำให้ตนเองสงบลง ทว่าเขารู้ดีว่าเขาหวาดกลัวสิ่งใดมากที่สุด
หวั่นไหว…เขากลัวว่าตนเองจะหวั่นไหวเหลือเกิน ทว่ามันกลับยากเกินห้ามใจ
“ห้องเจ้าอยู่ข้างๆ” จี้ชิงเอ่ยเสียงเรียบ
“ขอนั่งเล่นอีกประเดี๋ยวน่า” ซ่งฉือนั่งบนเก้าอี้อย่างสงบนิ่ง
“ออกไป ข้าจะนอน”
ซ่งฉือเบ้ปากแต่ก็ไม่ได้เอ่ยอะไรออกมา ขาเรียวยาวก้าวออกจากห้องก่อนจะปิดประตูเสียงดัง
นอนก็นอนไปสิ มาวางมาดอะไรนักหนา
เมื่อซ่งฉือออกไปแล้ว จี้ชิงก็ถอดเสื้อผ้าเหลือเพียงชุดตัวใน นั่งหันหน้าเข้าผนังอยู่บนเบาะข้างกระถางธูปหอม ก่อนจะหลับตาลงอย่างสับสน เขาทุกข์ใจอย่างไม่รู้สาเหตุ จู่ๆ มันก็รู้สึกขึ้นมาเองทั้งที่เมื่อครู่ยังรู้สึกดี
บริเวณหว่างคิ้วร้อนระอุ จนถึงตอนนี้เขาก็ยังไม่อาจสงบสติอารมณ์ได้ ทุกครั้งที่มีเรื่องเกี่ยวกับซ่งฉือ รอยสักบนหว่างคิ้วก็จะร้อนระอุขึ้นมาทุกครั้ง
หรือว่าท่านตันชิวจะพูดถูก เขาไม่ชอบคบหาสมาคมกับใคร อยู่ลำพังคนเดียวจนเคยชิน เช่นนั้นแล้วเมื่อมีใครสักคนบุกเข้ามาในชีวิต มันก็ไม่ต่างจากก้อนหินขนาดใหญ่ที่ตกลงสู่สระน้ำ สายน้ำที่นิ่งสงบก็อุบัติเกลียวคลื่นราวกับท้องทะเล
เขากัดริมฝีปากพลางกำมือแน่น รู้สึกถึงความร้อนที่เพิ่มขึ้นที่หว่างคิ้ว
ซ่งฉือนอนพลิกไปพลิกมาอยู่บนผ้าห่ม เขานอนไขว่ห้างพลางใช้ความคิดอย่างหนักเกี่ยวกับสถานการณ์ที่แม่น้ำว่านหลิงในตอนนี้
เหลียนอี้ไหวตายแล้ว เหลียนอวี่เปี้ยนผู้เป็นบุตรชายมีโอกาสที่จะสืบทอดภาระของบิดามากที่สุด สมรู้ร่วมคิดกับชื่อเซียวโมจุนจอมมารเพื่อรวมผืนดินทั้งเหนือ ใต้ ออก ตก เข้าเป็นหนึ่งเดียว เว้นแต่ผู้คนที่อาศัยอยู่ในดินแดนเทพเซียนและดินแดนแห่งสรวงสวรรค์เท่านั้นที่รอดตาย ทว่าผู้คนจากที่อื่นต้องได้รับความทุกข์ทรมาน
เขากลับไปที่เจียงอินไม่ได้แล้วทว่าก็ไม่อาจอยู่ที่จัวลู่ไปตลอดชีวิต อีกทั้งจี้หลิงอู้ตัดหัวเหลียนอี้ไหวแห่ประจานไปตามท้องถนน พวกตระกูลเหลียนต้องตามล้างแค้นอย่างแน่นอน สิ่งที่สำคัญที่สุดในตอนนี้คือเขาต้องรีบฝึกให้ได้หยวนตัน เขาแค่ต้องเข้มแข็งพอที่จะต่อกรกับศัตรู จึงจะสามารถล้างแค้นและปกป้องชาวบ้านให้ปลอดภัยได้
เขาคลำข้างตัวด้วยความเคยชิน แต่ลืมไปว่าเมื่อครู่จี้ชิงหยิบกระบี่ของเขาไปวางคู่กับกระบี่ของอีกฝ่าย
“ข้านี่โง่จริงๆ” เขากระโดดลงจากเตียง เดินออกไปทางประตูก่อนจะหยุดอยู่กับที่อย่างกะทันหัน
“ข้าจะบอกเขาอย่างไรดีนะ ดึกดื่นป่านนี้ยังจะมาเอากระบี่ เขาต้องรู้แน่ว่าข้าจะทำอะไร” ซงฉือกัดริมฝีปากพลางคลำที่ปลายคาง รู้สึกสากๆ เล็กน้อย เมื่อมองในคันฉ่องก็พบว่ามีตอหนวดจางๆ ผุดขึ้นมา
“รู้แล้ว!” เขากระตุกยิ้ม แม้เหตุผลนี้จะดูแปลกๆ แต่ก็นับว่าเป็นเหตุผลได้เหมือนกัน
ในห้องของอีกฝ่ายไม่ได้จุดตะเกียง ในสายตาของซ่งฉือ จี้ชิงเป็นคนพูดคำไหนคำนั้น รับรองได้ว่าอีกฝ่ายคงหลับสนิทไปแล้ว เขาแอบเปิดช่องให้กว้างพอจะมุดเข้าไปได้
ซ่งฉือเขย่งตัวแนบกายชิดผนัง เห็นกระบี่ซุ่ยหานกับกระบี่หลิงหานวางไว้คู่กันอยู่บนชั้นวาง
แปลกจริง จี้ชิงมีกระบี่เพียงเล่มเดียว แล้วเหตุใดชั้นวางกระบี่จึงเป็นแบบคู่
เขาหายใจเบาๆ เพราะเกรงว่าอีกฝ่ายจะตื่น บรรยากาศโดยรอบเงียบสงัด ขณะที่เขากำลังจะเอื้อมมือไปแตะกระบี่ของตนเอง เขาก็เหลือบไปที่เตียงด้วยความระมัดระวัง ผ้าปูที่นอนมีเพียงร่องรอยการนอนของจี้ชิง
แย่แล้ว! ถูกจับได้แน่ๆ
“จี้ชิง…” เขาเรียกเบาๆ ทว่ากลับเงียบสงัดราวกับไม่มีใครอยู่
แปลก…ไปไหนกันนะ
ซ่งฉือหยิบกระบี่ซุ่ยหานแล้วพยายามมองหาจี้ชิงทว่าก็ไม่พบ เขาเดินออกจากห้องไปยืนอยู่หน้าประตู มองซ้ายมองขวาแต่ก็ร่องรอยว่าหนีออกไปตอนกลางดึก
“หาข้ารึ”
ซ่งฉือตกใจแล้วเงยหน้ามองด้านบน ก่อนจะพบจี้ชิงที่สวมเสื้อบางๆ ยืนอยู่บนหลังคา
“เจ้าบ้าไปแล้วรึ ดึกดื่นค่ำคืนไม่หลับไม่นอน ไปยืนอยู่ข้างบนทำไม”
“เจ้าก็เหมือนกันมิใช่รึ” จี้ชิงมองไปยังซ่งฉือที่สวมเสื้อผ้าเรียบร้อยพร้อมกับจดจ้องกระบี่ในมือ “เจ้าถือกระบี่ไว้ทำไม”
โชคดีนะที่เขาเตรียมคำตอบไว้แล้ว
“อ๋อ ข้าจะโกนหนวดน่ะ” เขากล่าวหน้าตาเฉย “เจ้าอายุยังน้อยยังไม่รู้อะไร หากปล่อยให้หนวดยาวมันจะทำลายความงดงามของเจ้านะ”
จี้ชิงมองเขาด้วยสายตาเย็นชา ไม่ได้เปิดเผยสิ่งที่รู้อยู่แล้วรวมถึงไม่มีปฏิกิริยาใดๆ ทำเพียงยืนมองซ่งฉือเงียบๆ
ชายเสื้อปลิวไสวตามสายลม ดูแล้วช่างว้าเหว่และเย็นชา
“จริงสิ เจ้ายังไม่ได้บอกข้าเลยว่าขึ้นไปทำอะไร”
จี้ชิงกระโดดลงมา “ทำนายฟ้า”
โกหก ซ่งฉือไม่เชื่อที่อีกฝ่ายพูดสักนิด จะเข้านอนอยู่แล้ว กลับเหาะขึ้นไปบนหลังคาเพื่อทำนายฟ้าเนี่ยนะ
“แล้วเป็นยังไงบ้างล่ะ”
จี้ชิงมองผ่านไปยังกระบี่ของเขา “คืนนี้อาจมีใครบางคนพบเจอกับหายนะนองเลือด”
“ใครบางคน?” ซ่งฉือหันไปรอบๆ อย่างรู้สึกผิด ก่อนจะยิ้มออกมา “แถวศาลาหลิงชิงนี่ยังมีใครอื่นอยู่อีกเหรอเนี่ย”
“เจ้าไม่โกนหนวดแล้วรึ” จี้ชิงถามเขา “ข้าโกนให้ดีไหม”
“ไม่…ไม่ต้องหรอก ถ้าให้เจ้าโกน ใครบางคนที่ว่าก็คงจะเป็นข้าแน่ๆ” ซ่งฉือส่ายหน้าพร้อมกับหัวเราะ
“เจ้าไม่เชื่อมือข้ารึ” จี้ชิงเอียงคอถาม
“ไม่ใช่อย่างนั้น!” ซ่งฉือตบบ่าอีกฝ่ายเบาๆ “ข้าไม่เชื่อจักรพรรดิสวรรค์ต่างหาก ข้าจะไม่เชื่อเจ้าได้อย่างไรล่ะ!”
“ตามข้ามาสิ” จี้ชิงมองตาปรายตามอง
จู่ๆ ซ่งฉือก็รู้สึกใจหวิวขึ้นมาอย่างไม่ทราบสาเหตุ ราวกับว่าตกหลุมพรางอะไรบางอย่าง
ทว่าเมื่อจี้ชิงก้าวออกไปแล้วหันกลับมามอง เขาก็ตามอีกฝ่ายไปอย่างเชื่อฟัง