[นิยายแปล] I’m the Evil Lord of an Intergalactic Empire! - ตอนที่ 0
บทนำ
ทำไมโลกนี้มันถึงได้ไร้เหตุผลกับชั้นขนาดนี้กัน
ชั้นนั้นได้แต่เอามือกุมหน้าอก ภายในห้องอพาทเม้นที่ทั้งเล็ก ทั้งมืด และแคบ
แค่จะขยับแขนก็ยังแทบทำไม่ได้ พอสัมผัสโดนตัวก็ไม่นึกว่าจะเป็นมื้อตัวเองเลยทั้งสั่น ซูบผอมไร้เรี่ยวแรง และฟูกที่ชั้นนอนอยู่ก็ยังเลอะไปด้วยคราบเลือดของชั้นเองอีก
“ทำไมกันล่ะ…”
ถึงจะร่างกายจะเจ็บปวดขนาดไหนก็ไม่เท่าความเจ็บปวด ความเศร้าโศกที่ผุดขึ้นมาในหัวเบลอจนราวกับเห็นแสงไฟวนรอบทั้งห้องเลย
ทำไมล่ะ ชั้นก็ไม่เคยไปทำร้ายใครคดีไม่เคยก่อ
ใช้ชีวิตทุกๆวันเหมือนคนปรกติเขา หางานทำ แต่งงาน มีลูก ซื้อบ้าน
แล้วทำไมทั้งหมดนั้นถึงทำให้ชั้นต้องมาอยู่ในสภาพหนี้ท่วมหัวนี้ด้วยล่ะ
ทั้งค่าเลี้ยงดูบุตรแสนแพงที่ต้องจ่ายทุกๆเดือน
จ่ายไปตลอดทั้งๆที่แม้แต่หน้าลูกตัวเองก็ยังไม่ได้เห็นมาหลายปี
‘ภรรยาคุณกับลูกน่ะไปอยู่ในสภาพแวดล้อมที่ดีกว่ากับสามีใหม่ของเธอแล้ว ดังนั้นได้โปรดอย่าไปรบกวนพวกเธออีกเลยนะ’
แต่เพราะไอ้ประโยคแบบนี้ไม่ว่าจะกี่ครั้งชั้นก็ไม่เคยได้ไปดูหน้าลูกได้เลย
แล้วยังมาโดนไล่ออกจากงานจากด้วยเรื่องอะไรก็ไม่รู้ที่ชั้นก็ไม่เคยจะทำ
ท้ายที่สุดก็ต้องมาทำงานพาร์ทไทม์หาเงินมาใช้ชีวิตเท่าที่จะหาได้
ในห้องน่ะว่างเปล่าไม่มีอะไรเลย เพราะไม่มีปัญญาจะซื้อนั้นแหละ
แค่เวลาส่วนตัวก็หมดไปกับทำงานใช้หนี้แล้ว
ทั้งๆที่ก็จำไม่ได้ด้วยซ้ำว่าไปเป็นหนี้มันตอนไหน แต่ก็ยังต้องหามาจ่ายมันตลอด
แรกๆก็จ่ายค่าเลี้ยงดูบุตรด้วยความคิดที่ว่าจะเป็นทุนให้ลูกชั้นไม่ต้องใช้ชีวิตยากลำบาก
แต่ไปๆมาๆกลายเป็นชั้นที่น้ำหนักลดฮวบ ร่างกายก็ชา ขยับไม่ได้ แล้วท้ายที่สุดแค่ลุกจากเตียงยังยากเลย
“ทำไมล่ะ มันเกิดเรื่องแบบนี้กับชั้นได้ยังไงกันล่ะ”
ถึงจะยังไงชั้นก็รู้สึกโล่งอกขึ้นมาพอคิดว่ามันจะจบลงได้สักที
จนกระทั่งมีชายใส่ชุดโค้ตยาวโผล่มาจากไหนก็ไม่รู้เอากระเป๋าข้างตัววางลงบนพื้นห้อง แล้วก็มายืนที่ข้างเตียงชั้น
“สายัณห์สวัสดิ์ครับ แหมช่างเป็นคืนที่ดีจริงๆเลยว่าเช่นนั้นไหมละครับ”
ห้องชั้นมันมืดจนใบหน้าของชายคนนั้นแทบจะมองไม่เห็นเห็นชัดก็แค่ปาก
แต่เท่าที่เห็นจากเปลือกตาทีแทบจะขยับไม่ได้โดยรวมก็คือร่างของชายตัวสูง ผอม สวมชุดโค้ตยาวที่ถือหมวกทรงสูงแล้วก็บรรยากาศแปลกๆรอบตัวของเขา
ไอ้ชั้นก็จำไม่เห็นได้เลยว่าไปเคยรู้จักคนแบบนี้มาจากที่ไหน
“อะไรกันล่ะ จะมารับตัวชั้นไปไหนรึไง”
ชั้นกลัวอย่างถึงที่สุดเพราะแค่จะขยับหนีไปไหนก็ยังไม่ได้
และเขาที่มองชั้นที่อยู่ในสภาพนั้นก็ฉีกยิ้มกว้างราวเสี้ยวพระจันทร์
“มารับเช่นนั้นเหรอครับ ไม่ใช่ก็ใกล้เคียงอยู่แต่ถ้าจะให้ผมพูดในคำของผมก็คงจะเป็น ‘ผู้นำทาง’ จะเหมาะกว่านะครับ”
เขากล่าวเช่นนั้นเพราะกับส่ายนิ้วไปมาแล้วภาพอันเหลือเชื่อที่ เสียดแทง ใจชั้นก็ปรากฏมาตรงหน้าอย่างชัดเจนเลย
ภาพของชายใส่ชุดสูทกับภรรยาเก่าของชั้น
กำลังนั่งกินอาหารอยู่ที่ร้านที่ดูหรูหราที่ชั้นไม่มีโอกาสแม้แต่จะเข้า
ทั้งอาหาร เครื่องดื่ม แค่อาหารธรรมดาๆทั่วไปชั้นยังแทบจะไม่ได้แตะเลย
แต่ปัญหามันไม่ได้อยู่แค่ตรงนั้น
[เป็นยังงูพิษโดยสันดานเลยนะเธอเนี่ยนอกจากจะทิ้งสามีเก่าให้จมกองหนี้ ยังบังคับให้จากค่าเลี้ยงดูบุตรอีก ทำให้อยากคิดเลยว่า เด็กนั่นมันลูกกับสามีเก่าเธอจริงๆรึเปล่า]
[ก็ถ้าเอาตามที่อยู่บนกระดาษละก็ใช่นะแล้วมันก็ตามกฎหมายอยู่แล้วที่เขาต้องจ่ายค่าเลี้ยงดูน่ะ]
หัวมันตื้อไปหมด พวกนี้พูดอะไรกันน่ะ
ภรรยาเก่าชั้นที่เมื่อก่อนเรียบร้อยแล้วก็ใส่เสื้อมอซอ
แต่ตอนนี้มันกลับตาลปัตรไปหมด
[เพราสันชาติญาณของผู้หญิงนะจะเข้าหาแต่ผู้ชายป๋าๆนั้นแหละ เด็กนั่นชั้นก็ไม่ได้สนใจอะไรหรอกก็แค่มีไว้เพื่อดูดเงินจากมันไงละชั้นแต่งกับมันก็เพราะแค่นั้นแหละ]
พูดจบผู้ชายที่อยู่ตรงหน้าเธอก็หัวเราะอ่อนๆ
[ผู้หญิงนี้น่ากลัวจริงจริ๊ง]
[ชั้นเป็นแบบนี้เพราะคุณนั้นแหละ ไม่ต้องมาพูดเลย]
ยิ่งเห็นพวกมันมีความสุขก็ยิ่งทำให้ชั้นจมดิ่งไปกับความสิ้นหวังเรื่อยๆ
ทั้งยังเจ็บจี๊ดที่หน้าอก พร้อมกับความโกรธเกลียดที่ผุดขึ้นมา
ทันใดนั้นชายในชุดโค้ตยาว ก็ดีดนิ้วอีกหนึ่งทีภาพเหลือเชื่อตรงหน้าก็หายไป
“แหมๆใจเย็นๆลงก่อนสิครับ ผมโชว์ภาพพวกนี้เพราะแค่อยากให้คุณรู้ความจริงเท่านั้นเองนะครับ ไม่ใช่ภาพหลอนด้วยนะเออ เป็นของจริงที่เกิดขึ้นจริงๆเลยละครับ”
พอมาคิดดูมันก็มีเรื่องน่าชุกคิดเต็มไปหมดตอนที่เราจะแต่งงานกัน
ตอนนั้นชั้นก็คิดแค่ว่า คิดมากไปเท่านั้นเอง
“เห็นแก่ท่านชายที่ทนความลำบากตรากตรำมานักต่อนัก ผมก็อยากจะมอบรางวัลสุดพิเศษให้แก่คนดีๆอย่างคุณสักหน่อย ว่าไงละครับอยากไปเกิดใหม่ในต่างโลกไหมละครับ”
‘ลำบากเหรอ’ ยังไม่พอกับสิ่งที่ชั้นเจอมาหรอก
มันเลวร้ายยิ่งกว่านั้นอีกจนทำให้ชั้นแทบจะเป็นบ้าอยู่ทุกวัน
พร้อมกับที่ชั้นเจ็บที่หน้าอกอีกครั้ง ที่ปากชั้นก็เริ่มมีรสเลือด…
“รับไม่ได้เลยใช่ไหมละครับคุณต้องทนทำงานงกๆทุกวี่ทุกวันจนร่างกายทรุดโทรม แต่ดูพวกเขาสิครับกินอาหารหรูกันสบายใจไม่รู้สึกรู้สาอะไรเลย”
ผมกำหมัดแน่นด้วยความโกรธ
“แต่ได้โปรดครับ ได้โปรดปล่อยวางความรู้สึกที่อยากจะแก้แค้น ความคิดที่ว่ายกโทษไม่ได้น่ะ ปล่อยไปครับ”
น้ำตาชั้นเริ่มอาบแก้ม ทำไมมันต้องบานปลายมาจนถึงจุดนี้ด้วยล่ะ
นี้ชั้นมันเป็นมนุษย์ที่เลวขนาดนั้นเลยเหรอ
แล้วนี้มันเป็นกรรมที่ชั้นต้องชดใช้ใช่ไหม
น้ำตาชั้นยิ่งไหลไม่หยุดเมื่อรู้สึกตัวว่าตัวชั้นมันชาจนขยับจากเตียงยังไม่ได้
สภาพแบบนี้จะไปแก้แค้นพวกมันได้ยังไงกันเล่า
พอดูชั้นในสภาพนี้ยิ่งทำให้รอยยิ้มของชายตรงหน้าฉีกกว้างขึ้นไปอีก
เออชั้นรู้ สภาพแบบนี้ตาปลาตายยังงี้แม่งไม่ต่างกับปลาเกยตื้นหรอก ไม่นาน
รอยยิ้มก็หายไปจากใบหน้าของนักนำทาง
“น่าเสียดายนะครับแต่ชีวิตของคุณนั้นมาถึงบั้นปลายแล้วนะครับ ที่ผมสามารถทำได้ก็แค่การันตีความสุขในชีวิตใหม่ของคุณเท่านั้นเอง เช่นนั้นไม่ต้องกังวลไปครับไม่ว่าชีวิตนี้คุณจะยากลำบากเพียงไรแต่ความสุขอยู่ใกล้แค่เอื้อมแล้วละครับเช่นนั้นแล้วทิ้งความคิดแค้นนั้นไปเถอะครับ”
“…ทำ…ไม่ได้…”
ชั้นตอบปัดไปด้วยเสียงเบาๆ
ชั้นอยากให้พวกมันต้องผมกับความเลวร้ายเหมือนที่ชั้นโดนมาทั้งชีวิต
ชั้นยอมทำทุกอย่างเลยขอแค่ได้แก้แค้นพวกมัน
แต่ผู้นำทางตรงหน้ากลับส่ายหัว
“ผมบอกแล้วไงครับที่ผมทำให้คุณได้อย่างมากที่สุดก็คือเลือกโลกใหม่ที่คุณจะไปเกิดเท่านั้นเองอย่างน้อยผมก็อยากให้คุณไปในโลกที่จะทำให้คุณมีความสุขกับชีวิตใหม่ได้เท่านั้นแหละครับ”
ผู้นำทางยื่นแผ่นภาพมากมายมาในขณะที่ชั้นน้ำตาเจิ่งนอง
โดยรูปทรงของแผ่นกระดาษพวกนั้นไม่ต่างกับการ์ดที่เขาใช้เล่นมายากลกันและภายในนั้น
ชั้นเลื่อนเอานิ้วไปจิ้มที่แผ่นนั้นก็มีแผ่นที่มีรูปหุ่นยนต์กับยานอวกาศอยู่
“สนใจโลกนี้สินะครับ ถือว่าเลือกได้ดีเลยนะครับนั้นเพราะเป็นโลกแฟนตาซีที่ทั้งวิทยาการและเวทย์มนต์พัฒนาล้ำหน้ากันทั้งสองด้านเป็นมหาจักรวรรดิดวงดาวเลยนะครับมีสิ่งต่างๆให้ทำมากมายไม่เบื่อแน่นอนครับ”
ชั้นเอื้อมมือไปเลือกอย่างไม่ลังเลถึงจะไม่รู้แน่ชัดว่าโลกใหม่มันจะเป็นแบบไหนจริงๆแต่มันก็คงดีกว่าไอ้โลกบ้าๆพรรคนี้นั้นแหละ
ที่ยันบั้นปลายชีวิตก็ยังไม่รู้ว่ามีชีวิตอยู่ไปทำไมจะเกิดมาทำไมก็ยังไม่รู้แบบนี้
แล้วอย่ามาบอกว่าถ้าใช้ชีวิตได้ตรงไปตรงมาก็สุขสบายได้เนี้ยมันบ้าชัดๆต่อจากนี้ชั้นจะไปใช้ชีวิตเพื่อตัวชัดเอง
หาความสุขให้ตัวเองเท่านั้นไม่ต้องแคร์คนรอบข้าง
เพราะถ้าใช้ชีวิตตรงไปตรงมาทำตัวเป็นคนดีแล้วมันไม่ขึ้น
งั้นต่อไปชั้นก็ต้องทำทุกอย่างเพื่อตัวเอง หาความสุขให้ตัวเอง
ใช่ แบบพวก จอมวายร้าย พวกนั้น
“โอ๊ะโอ๋ ที่โลกฝั่งนั้นยังใช้ระบบขุนนางปกครองกันอยู่อีกเหรอครับเนี้ย ทั้งๆที่วิทยาการก้าวหน้าแต่การปกครองกลับถอยหลังน่าขบขันดีไม่น้อยเลยนะครับ”
“เช่นนั้นในโลกใหม่นี้ผมจะให้คุณได้ไปเกิดในตระกูลที่มีอำนาจล้นหลามและมีทุกสิ่งที่คุณต้องการเองครับใช่แล้วครับคุณจะได้เป็นผู้ชนะตั้งแต่แรกเกิดเลยยังไงละครับ”
ฟังดูดีใช้ได้เหยียบผู้อื่นเพื่อให้ตัวเองไปสู่จุดที่สูงขึ้นสินะ
“ครอบครัวขุนนางที่คุณจะไปเกิดก็เอาเป็นครอบครัวที่อบอุ่นด้วยเลยละกันนะครับ”
ชั้นไม่สนหรอก
เพราะยังไงชั้นก็จะไปเป็นเจ้าเมืองเลวๆอยู่แล้ว ไม่สิไปเกิดเป็นพวกขุนนางสินะ ถ้างั้น…
“พร้อมรึยังครับถ้าเช่นนั้นขอให้สนุกกับชีวิตที่สอง-”
ใช่แล้ว ไปสนุกให้เต็มที่ในชีวิตที่สองนะแหละ
ในฐานะจอมวายร้าย
***
ผู้นำทางหยุดมองร่างที่ไร้ชีวิตตรงหน้าแล้วเริ่มขำอย่างบ้าคลั่ง
“ไอ้บ้านี่คิดจริงๆเหรอเนี้ยว่ามีแค่มันคนเดียวในโลกนี้ที่ อ้าเศร้าจัง อ้าอยากตายจัง ชีวิตชั้นมันช่างเลวร้ายจังเลย”
พร้อมกับที่ยิ้มกว้างและขำอย่างบ้าคลั่งผู้นำทางก็ดีดนิ้วฉายภาพภรรยาเก่าของร่างที่ไร้วิญญาณตรงหน้าตน
“แล้วไอ้ตัวการที่ทำชีวิตคุณพังก็คือผมเองนั่นแหละ อยากรู้จริงๆว่าชีวิตต่อไปคุณจะดำดิ่งสู่ความเลวร้ายด้วยตัวเองยังไง”
ผู้นำทางนั้นไม่ได้ใจกว้างหรือมีความเห็นใจแม้แต่น้อย
เรียกได้ว่าเป็นก้อนแห่งความเลวร้ายทั้งปวงเลยก็มิปาน
“เอาละทีนี้ก็มาจัดการออเดิร์ฟให้มันเสร็จๆจะได้เริ่มที่เมนดิชกันสักที”
ผู้นำทางเอามือไปแตะที่ภาพฉายพลันหมอกสีดำก็แพร่ออกมารอบตัวเขา
ขณะที่คู่ชายหญิงตรงหน้ากำลังคุยกันอย่างสบายใจพลันฝ่ายชายก็กล่าวตัดบทสนทนาทันที
[ก็แลดูเธอจะสนุกมาพอตัวแล้วละนะ ได้เวลาจบกันสักทีล่ะ]
[…เอ๊ะ]
ฝ่ายหญิงนั่งนิ่ง พลันมีดหล่นจากมือทันที
[พะ…พูดอะไรของคุณน่ะ]
[ก็บอกว่าหมดสนุกกับเธอแล้วไงแล้วก็ไม่มีอารมณ์มาเล่นเป็นคู่สามี-ภรรยากับเธอแล้วน่ะ]
ใบหน้าฝ่ายชายที่เต็มไปด้วยรอยยิ้มนั้นดูงุนงงว่าทำไมอีกฝ่ายถึงดูจะไม่เข้าใจคำพูดของตน
[อยากจะฟ้องหรือทำอะไรก็เชิญแต่แค่จำไว้ว่าทนายที่ช่วยเธอทำเรื่องหย่ากับสามีเก่าเธอนะเป็นเพื่อนฉัน ถ้าโวยวายมากเข้าจะแย่เอาน่ะ]
[แล้วเรื่องลูกของเราล่ะ!!! ]
[ตามกฎหมายแล้วนั้นไม่ใช่ลูกชั้น ดังนั้นไม่ต้องมาขอค่าเลี้ยงดูด้วยล่ะ]
แล้วฝ่ายชายก็วางใบหย่าลงบนโต๊ะ
[กรอกให้เสร็จภายในพรุ่งนี้ด้วยล่ะ]
ตัวเธอนั้นสั่นเทิ้ม
[แล้วเรื่องของเราล่ะ คุณรักชั้นไม่ใช่เหรอ]
[เคย แต่ตอนนี้ไม่แล้วแค่นั้นแหละ สนุกกันจนน่าจะพอใจแล้วไม่ใช่เหรอ]
เขาสะบัดผู้หญิงที่กลายเป็นภรรยาเก่าของเช่นกันทิ้งแล้วเดินตรงออกจากร้านอาหารทันที
[อย่าเข้ามาแตะ พวกเราไม่ได้ข้องเกี่ยวกันแล้ว]
[ดะ เดี๋ยว รอก่อน]
ฝ่ายชายจากไปพร้อมกับขำกับสภาพของฝ่ายหญิง
[นี้เธอคิดจริงๆเหรอว่าชั้นจะอยากลดตัวไปแต่งงานกับผู้หญิงที่พร้อมจะนอกใจชั้นน่ะ แค่เห็นเธอทำกับสามีเก่าเธอชั้นยังขำไม่ออกเลย]
ฝ่ายหญิงที่จะโดนหย่าเป็นครั้งที่สองรีบวิ่งไปขอความเห็นใจ
[ชะ ชั้นยอมทิ้งสามีมาเพื่ออยู่กับคุณเลยน่ะ]
[สามีเก่า แล้วก็เธอเป็นคนทิ้งเขามาเองอย่ามาทำตัวเหมือนเป็นผู้เสียหายเอาตอนนี้สิ]
ผู้นำทางขบขันกับภาพตรงหน้า พร้อมกับเดาความคิดของฝ่ายหญิงออกอย่างชัดแจ้ง
“แหมๆ นี้มันแถบจะทนดูไม่ได้เลยนะครับเนี้ย คิดแล้วด้วยว่าจะฆ่าไอ้ผู้ชายตรงหน้ายังไง ผู้หญิงนี้เข้มแข็งดี
จริงๆ ก็ขอให้คุณผู้หญิงสมหวังนะครับ”
ผู้นำทางหัวเราะดังยิ่งขึ้นพร้อมเปิดประสู่ต่างตูมิติ
“ผมละอยากรู้จริงๆว่าเธอจะคลานกลับมาหาผู้ชายคนเก่าหรือจะไปหาของเล่นใหม่กันแน่ น่าตื่นเต้นจริงๆ”
แค่คิดว่าจะทางไหนชีวิตของเธอก็ต้องดิ่งลงเหวอยู่ดีเพียงเท่านั้นก็ทำให้ผู้นำทางรู้สึกสุขสันเป็นอย่างมาก
“ช่างก่อนยังไงผมก็ต้องพาวิญญาณผู้น่าสงสารไปยังโลกที่ ชีวิตมันไร้ค่ายิ่งกว่าโลกนี้อีกแค่คิดนี้ก็ทำผมตื่นเต้นแล้วเชียว”
แค่คิดว่าเขาต้องไปอยู่ในโลกที่เลวร้ายขนาดไหนก็ยิ่งทำให้ผู้นำทางหุบยิ้มไม่ได้เลยทีเดียว
“กว่าเขาจะรู้ตัวว่ามันเลวร้ายขนาดไหนก็คงสายไปแล้ว แหมผมอยากให้รีบไปถึงตอนนั้นไวๆจริงเชียว แต่ไม่ว่าจะทางไหน ความเสียใจ ความเศร้าโสก ความอาฆาตที่ตรงเข้ามาหาผมนี้แค่คิดก็จัดจ้านแล้ว”
ผู้นำทางที่ชื่นชอบอารมณ์ด้านลบของผู้คนสยายมือออกอย่างเริงร่า
“ไม่เป็นไรหรอกครับถ้าคุณไปเจอเรื่องแย่ๆเข้าที่ต่างโลก ก็จงอยู่อย่างไม่มีความสุขต่อไป โกรธผม เกลียดผมเข้า เพราะต่อจากนี้นั้นได้เวลาเปิดม่านแห่งความสนุกแล้วยังไงละครับ”
ไม่ว่าเขาจะเลือกทางไหนก็ไม่พ้นที่จะทำให้ผู้นำทางผู้เปี่ยมสุขคนนี้หมดสนุกเป็นแน่
“โอ๊ะโอ ผมต้องรีบแล้วสิถ้าช้ากว่านี้ต้องไปเสียเวลาหาวิญญาณของเขาด้วยอีก แต่ตอบปัดๆไปยังไงก็คงไม่ขัดข้องใจกันอยู่แล้วพวกมนุษย์ยังไงก็เป็นแค่พวกไร้สมองที่ดีใจกับอีแค่ได้ยินว่าจะไปเกิดใหม่นั่นแหละ แต่เวลาเป็นเงินเป็นทองล่ะนะครับ ก็ขอให้ใช้ชีวิตที่ถูกหลอกนี้อย่างสนุกสนานเหมือนคนบ้าไปเลยนะครับ”
ผู้นำทางหยิบกระเป๋าอย่างเริงร่าพร้อมหยามร่างที่นอนไร้วิญญาณอยู่ด้านหลังของเขาขณะที่จะเดินหายเข้าไปในประตูมิติ
ณ มุมห้อง มีแสงสว่างเล็กๆรูปร่างคล้ายหมากำลังจ้องมองเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอยู่ แต่ผู้นำทางก็ไม่ได้รู้สึกถึงตัวตนของแสงนั้น
“แหมจะเล่นยังไงดีละครับเนี้ย ก่อนอื่นก็ต้องเรื่องก่อนว่าจะให้ไปเกิดยังไงสินะครับ เริ่มจากให้เขาได้ลิ้มรสความสำเร็จแล้วก็ ตู้ม ดิ่งลงสู่ห้วงแห่งความสิ้นหวังเอาเลยก็น่าสนุกใช่ย่อย”
อาศัยจังหวะที่ผู้นำทางกำลังเพลิดเพลินไปกับภาพฝันของเขา แสงนั้นก็ลอดผ่านประตูมิติไป
พลันผู้นำทางก็ตบมือราวกับคิดอะไรออก
“ตัดสินใจแล้วละครับ หลังจากที่เขาขึ้นไต่เต้าสู่จุดสำเร็จในชีวิต ผมก็จะทำลายมันให้เขาดิ่งลงมายังก้นเหว พลังงานด้านลบจากเขาในตอนนั้นมันต้องโอชามากแน่ๆเลยเชียว มุ่งหมายจะเป็นขุนนางผู้ยิ่งใหญ่แต่แล้วก็จบที่โดนฆ่าล้างบาง หรือไม่ก็โดนทรมานอย่างแสนสาหัส”
ผู้นำทางบิดตัวไปมาอย่างเริงร่า กับสภาพความสุขอันพิลึกพิลั่นนี้
“ขอให้ใช้ชีวิตยืนยาว และใช้มันอย่างเต็มที่ด้วยนะครับเพื่อความสุขของตัวผมเองด้วย”
เมื่อประตูมิติปิดลง
ที่หลงเหลืออยู่ในห้องก็มีเพียงแค่ร่างของชายที่ไร้วิญญาณ