[นิยายแปล] I’m the Evil Lord of an Intergalactic Empire! - ตอนที่ 1
บทที่ 1 เลียม
ชั้นได้กลับมาเกิดใหม่จริงๆ
พอเล่นๆอยู่ในห้องที่มีแต่ของเล่นกระจัดกระจายนั้นก็จำเรื่องราวที่ผ่านมาในชาติก่อนได้ทั้งหมด
โดยชื่อในโลกนี้คือ [ เลียม เซร่า บลันฟิลด์ ]
พอมองไปที่กระจกภาพที่สะท้อนให้เห็นก็คือเด็กชาย ผมดำ ตาสีม่วง สะท้อนอยู่บนนั้น
โดยตอนนี้ชั้นอายุได้ 5 ปี
“…ห้องอย่างกว้าง”
ผู้นำทางบอกว่าชั้นจะมาเกิดในตระกูลขุนนางที่มากไปด้วยอำนาจสินะ
เท่าที่จำได้ชั้นเกิดมาในตระกูลขุนนางจริงๆ ตระกูลบลันฟิลด์
อยู่ภายใต้มหาจักรวรรดิแห่งกาแล็กซี่นั้นที่รู้จักกันในชื่อ มหาจักรวรรดิอัลแกรนด์ ที่ปกครองโดย ราชวงศ์อัลบาเนียน
โดยชั้นเกิดมาในตระกูลที่มาบรรดาศักดิ์เป็น เคานต์ มีกาแล็กซี่ภายใต้การปกครองอยู่ 1 กาแล็กซี่ และชั้นก็จะขึ้นเป็นผู้ปกครอง
ไม่สิราชาที่จะปกครองมันในอนาคต
“รักษาสัญญาจริงๆด้วยสินะ”
แค่คิดก็แทบจะหุบยิ้มไม่ได้
ก็ไม่ได้หวังมากหรอกว่าจะเกิดใหม่มาเป็นสภาพไหนแต่เท่านี้ก็ดีเกินกว่าที่คิดไว้แล้ว
ถ้าเขามอบพวกนี้มาโดยที่คิดว่าชั้นจะทำตัวเป็นเด็กดีอีกละก็คิดผิดแล้ว
เพราะเป้าหมายของชั้นก็คือ สุดยอดจอมวายร้ายยังไงละ แต่
แต่ มันก็ยังมีปัญหาอยู่ที่ว่าไอ้จอมวายร้ายเนี้ยมันเป็นยังไงกันล่ะ…
ถ้าเอาตามพวกละครหลังข่าวคนจำพวกนี้ก็คงกดขี่ข่มเหงผู้อื่นหรืออะไรเทือกนี้
แต่เอาจริงๆมันต้องทำยังไง…
ไอ้ที่พอคิดได้ก็มีแค่ กินเหล้า เที่ยวหญิง แล้วก็เล่นพนัน ละมั้ง
“ก่อนอื่นชั้นควรจะใช้ชีวิตกินๆนอนๆไปวันๆก่อนรึเปล่า”
แต่แค่นั้นมันก็ไม่เห็นจะเข้าลุคจอมวายร้ายตรงไหนเลย
หรือชั้นควรจะเลียนแบบพวกนักการเมืองแย่ๆดี แบบเก็บภาษีโหดๆแล้วรับเงินใต้โต๊ะอะไรพวกนี้
เอาเหอะแค่ใช้ชีวิตโดยแคร์แต่ตัวเองก็พอแล้วมั้ง
“น่าจะมีอะไรสนุกๆให้ทำเยอะอยู่แล้ว หืม ”
อยู่ๆก็มีจดหมายหล่นลงมาใส่หัวชั้น พอชั้นพยายามเปิดมันออกก็ต้องตกใจว่ามันมาจากผู้นำทาง
“แล้วทำไมไม่มาด้วยตัวเองเลยล่ะ”
แต่คำตอบของคำถามก็อยู่ในจดหมายที่ชั้นเพิ่งเริ่มอ่าน
มันเขียนไว้ว่าเขาส่งมาเพื่อแสดงความยินดีที่ชั้นกลับมาเกิดใหม่แต่เขายุ่งมากจนมาด้วยตัวเองไม่ได้แต่ด้านในนี้ก็ยังบอกว่าเดี๋ยวจะช่วยซัพพอร์ทให้
“ซัพพอร์ทเหรอ”
ขณะที่ชั้นกำลังงงกับใจความในจดหมายพ่อกับแม่พร้อมคนรับใช้ก็เดินเข้ามาพร้อมกับรอยยิ้มบนใบหน้า
คลิฟ เซร่า บลันฟิลด์
และ ดาร์ซี่ เซร่า บลันฟิลด์
พร้อมกันนั้นก็ส่งของบางอย่างที่ดูเหมือนแผ่นกระจกมาให้
โดยเอกสารที่โชว์อยู่บนนั้นก็คือการโอนกรรมสิทธิ์ทั้งหมดของตระกูลบลันฟิลด์มาให้ชั้น ทั้งตำแหน่ง อาณาเขต และสิทธิ์ต่างๆมาให้
ทำไมอยู่ๆก็มายกทั้งหมดนี้ให้เด็กกันล่ะ
“พ่อครับ นี้มันหมายความว่าอะไรเหรอ”
แม้แต่ก่อนจะจำเรื่องในชาติก่อนได้ชั้นก็ไม่ค่อยได้พบพวกท่านมากนักก็เลยไม่เข้าใจเลยว่าพวกท่านคิดจะทำอะไร
แล้วคนที่ชั้นยังไม่คุ้นที่จะเรียกว่าพ่อก็ดูจะเห็นว่าชั้นยังทำตัวไม่ถูกก็เลยอธิบายเรื่องทั้งหมดทันที
“เลียมสุขสันวันเกิดครบรอบ 5 ปี ทุกอย่างของตระกูลบลันฟิลด์นี้ก็คือของขวัญของลูกยังไงละ”
ทั้งหมด นี้เขาจะบอกว่าจะให้เด็ก 5 ขวบ ขึ้นมาดูแลทุกอย่างเนี้ยน่ะ
นี้เขายังสติดีอยู่อีกไหมเนี้ย
ขณะตกตะลึงอยู่นั้นก็นึกได้ถึงเนื้อความในจดหมายที่อยู่ๆก็หายวับไปเมื่อไหร่ก็ไม่รู้
ไอ้นี้เหรอที่หมายความว่าจะซัพพอร์ทชั้นน่ะ
อึ้งยังไม่ทันหายแม่ของชั้นดาร์ซี่ ก็ยื่นแคตตาล็อกบางอย่างมามาให้ชั้น
“ส่วนของขวัญจากแม่ก็คือเมดหุ่นยนต์ที่จะมาช่วยเลี้ยงดูลูกยังไงละจ้ะ ลองเลือกดูตัวที่ชอบได้เลยน่ะ”
ดาร์ซี่จะซื้อหุ่นยนต์รูปร่างมนุษย์ ที่ทำหน้าที่เป็นคนรับใช้ให้ … หุ่นยนต์รูปร่างมนุษย์ก็แอนดรอย์นะเหรอ ขณะที่ชั้นเปิดตัวแคตตาล็อกออก รูปภาพต่างๆนาๆก็เด้งออกมา
แต่ไม่ใช่แค่ภาพมันรวมไปทั้งวิดีโอตัวอย่าง รูป3มิติ ฉายขึ้นมากลางอากาศ …ให้ความรู้สึกไฮเทคสุดๆไปเลยแหะ
“นะ นี่มัน”
ดาร์ซี่ยิ้มให้แล้วก็อธิบายว่ามันใช้ยังไง
“แค่เลือกเมดน่ารักๆที่ลูกถูกใจมาก็ได้นะ”
เหมือนสร้างตัวละครในเกมเลยแหะ ถ้าวงเงินมันไม่จำกัดละก็ต้องเลือกรุ่นที่เสปคสูงที่สุดไปด้วยละน่ะ
ท้ายสุดชั้นก็เลือกรุ่นที่เหมือนสาวสวยญี่ปุ่นที่สุด ผมทรงหางม้าสีดำยาวลงไปถึงเอว ผมปลกหน้าปัดไปทางด้านขวา…แล้วก็ไม่ต้องพูดชั้นเลือกรุ่นที่ดูหน้าอกหน้าใจอุดุมสมบูรณ์ที่สุดละน่ะ…ตรงคำอธิบายยังมีบอกไว้อีกว่าสามารถตอบสนองความต้องการทางเพศของผู้ซื้อได้อีกต่างหาก
พอชั้นเงยหน้าขึ้นก็เห็นคลิฟยิ้มมาให้ชั้น
“สมกับเป็นลูกพ่อจริงๆรสนิยมไม่เลวเลยน่ะ”
“อาระ ไม่ใช่ว่าเพราะยังเด็กอยู่ก็เลยชอบหน้าอกโตๆหรอกเหรอ”
ดูเป็นฉากที่เกินจริงสุดๆไม่น่าจะเห็นได้จากการที่ พ่อ แม่มาซื้อหุ่นยนต์ที่มีฟังค์ชั่นผู้ใหญ่ให้ลูกแล้วมาหยอกรสนิยมลูกเนี้ย
ส่วนคุณพ่อบ้านไบรอันที่ยืนอยู่ด้านหลังก็ได้แต่ทำหน้ากลืนไม่เข้าคายไม่ออกกับสถานการณ์ตรงหน้า
ไอ้ชั้นก็ได้แต่ก้มหน้าอายมันหยั่งงั้นแหละ
แต่เพราะไอ้สถานการณ์ที่เกินจริงแบบนี้ก็ยิ่งทำให้แน่ใจเลยว่าเนี้ยแหละไอ้การซัพพอร์ทที่ผู้นำทางบอกไว้
ถ้าตัดเรื่องที่ครอบครัวจะมายุ่งนู่นยุ่งนี่ในอนาคตละก็ได้ละก็
พวกผู้หญิงเนี้ยแหละเป็นอีกปัจจัยที่ชั้นไม่อยากเอามาอยู่ข้างตัวที่สุดเพราะมันเชื่อใจไม่ได้ไงละ
หุ่นยนต์ที่ไม่ต้องมากังวลเรื่องทรยศละก็ถือเป็นของขวัญที่ดีที่สุดเลยละแล้วชั้นก็ยังเลืออกรุ่นที่สเปคสูงที่สุดเพื่อไว้ด้วย
ส่วนเรื่องชุดชั้นก็ตั้งไว้ให้เป็นชุดเมดแบบวิคโตเรียน ….ให้เป็นเมดกระโปรงสั้นนี้ก็แลดูจะเกินไปนิดนึง
ถึงจะคิดหนักอยู่ว่าจะเอากระโปรงเหนือเขาหรือไม่ดีแต่สุดท้ายก็เลือกเป็นให้ยาวลงมาละนะ..
ดาร์ซี่แลดูจะพอใจที่เลือกแบบนั้นซะด้วย แต่คุณท่านยังจะคิดมากอีกเรอะนี้คุณท่านเล่นซื้อหุ่นยนต์ที่ทำเรื่องอย่างว่าได้ให้ลูกตัวเองเนี้ย
“อาระ น่ารักใช้ได้เลยนะ ถ้าให้หุ่นนี้ดูแลเลียมไปก็คงหมดจะกังวลแล้วละ”
ชั้นที่รู้สึกแหม่งๆกับท่าทีของทั้งคู่ก็รวบรวมความกล้าแล้วถามออกไป
“ทั้งคู่จะออกไปไหนกันเหรอครับ”
คลิฟที่ได้ยินคำถามดังนั้นก็เริ่มเอามาลูบคาง
“มหาจักรวรรดิอัลแกรนด์ เราคิดว่าจะย้ายไปอยู่คฤหาสน์ที่ซื้อไว้ที่เมืองหลวงน่ะ”
ขณะที่ชั้นเริ่มเซ็นเอกสารโอนย้ายตำแหน่งและอานาเขต ดาร์ซี่ก็ยื่นเอกสารอิเล็กโทรนิคอีกอันมาให้ชั้นเซ็น
“เลียมจ๊ะ เซ็นต์เอกสารนี่ด้วยนะ”
โดยมันระบุว่าชั้นต้องส่งเงินไปเลี้ยงดูพวกท่านที่เมืองหลวงทุกปี
ต้องมาเสียทุกอย่างให้ชั้นแล้วพวกท่านก็ได้แต่ไปใช้ชีวิตธรรมดาๆในเมือง
ชั้นก็คิดแย่ๆกับพวกเขาไม่ได้อยู่ดีละนะ
ก็ไม่รู้ว่าผู้นำทางทำยังไงถึงทำให้คู่สามี ภรรยาที่ดูรักกันต้องยกทุกอย่างมาให้ชั้นที่เป็นคนกลับชาติมาเกิดได้เนี้ย ก็ถึงจะไม่ได้ใช้เวลาร่วมกันเลยแต่เรื่องแค่ส่งเงินเลี้ยงดูทุกปีชั้นก็คอทำให้กับคู่สามี-ภรรยาที่น่าสงสารนี่ให้เองละกัน
“ได้ครับ”
แทบจะหุบยิ้มไม่อยู่เลยกับแค่นึกว่าต้องมาแย่งชิงทุกอย่างไปจากครอบครัวที่เพิ่งจะเจอกันครั้งแรกนะ
ชั้นเซ็นเอกสารอิเล็คโทรนิคทั้งหมดด้วยวาดฝันภาพในอนาคตข้างหน้า
***
ไม่กี่วันต่อมาครอบครัวของเลียมก็มาถึงท่าส่งออกอวกาศโดยที่มีคนคอยอารักขาอยู่
ทั้งคู่ขึ้นยานส่วนตัวด้วยกันแต่ไม่แม้แต่จะมองหน้า หรือนั่งด้วยกันเลย
แล้วยานส่วนตัวที่ตกแต่งอย่างหรูหรานี้ก็ออกจากท่าไป
ถ้าจะพูดถึงการเดินทางต่อจากนั้นละก็ พอถึงอวกาศก็ต้องเปลี่ยนไปขึ้นยานอวกาศที่จะตรงดิ่งไปถึงเมืองหลวงในทันที
เรียบง่ายแต่แค่นี้มันก็ดูตื่นเต้นกับทั้งสองยิ่งกว่าการได้รับหน้าที่มาจัดการกาแล็กซี่บ้านนอกแบบนี้เสียอีก
คลิฟที่กำลังอ่านข่าวอยู่นั้นก็ก็เปิดปากพูดโดยที่ไม่แม้แต่จะมองหน้ากับคู่สนทนาที่กำลังนั่งจิบชาอยู่อย่างสบายใจเลย
“ซื้อตุ๊กตาเป็นของขวัญให้ลูกตัวเอง ยังเหลือความเป็นแม่อยู่อีกไหมละนะ”
นั้นเพราะทั้งคู่ไม่เคยรักกันเลย
การแต่งงานของทั้งสองนั้นมันเป็นแค่การแต่งงานทางการเมืองเท่านั้นเอง
“ก็แค่เด็กที่มียีนเดียวกันเองไม่ใช่เหรอ ทั้งๆที่ทนเจ็บท้องคลอดออกมาแทบตายแต่สุดท้ายก็เท่านั้นไม่ได้รู้สึกอะไรเป็นพิเศษเลย”
สำหรับพวกเขาเลียมก็เป็นแค่ผลผลิตจากการที่ยีนของทั้งสองผสมกันก็เท่านั้น
ขณะที่คลิฟกำลังวางแผ่นหนังสือพิมพ์ลงทีนี้ก็เป็นฝ่ายดาร์ซีถามกลับไปบ้าง
“แล้วคุณละทิ้งทุกอย่างให้เด็ก 5 ขวบดูแลมันจะโอเครึไง”
“ถ้าบอกว่าไม่แล้วเธอจะเลี้ยวกลับไปรึไง”
“นี้ชั้นไม่ได้ตลกนะ”
ดาร์ซี่พูดต่อหลังจากจิบชาเสร็จ
“ชั้นก็ไม่ได้อยากจะแต่งกับนายหรอกถ้าไม่ใช่เพราะจะได้หนีจากไอ้เรื่องหนักหัวทั้งหมดนั้นนะ แต่ก็ใช่ว่าจะไม่รู้สึกอะไรเลยที่ต้องปล่อยให้เด็ก 5 ขวบอยู่คนเดียวก็เลยซื้อตุ๊กตานั่นให้ไง”
คลิฟหลุดขำทันที
“ขุนนางที่เอาตุ๊กตามาอยู่ข้างตัวเนี่ยก็คงได้เป็นเรื่องตลกในวงน้ำชาแน่ๆ”
“นายนะไม่หักหลังชั้นแน่ๆอันนี้รู้อยู่ แต่ไม่รู้เหรอถ้ามันเกิดอะไรขึ้นกับเด็กนั่นพวกเราก็ต้องโดนบังคับให้กลับไปนะ”
“ก็อย่าไปคิดให้มันมากนักสิ”
ดาร์ซี่ยังคงกังวลไม่หาย
“งั้นนายก็ไม่รู้สึกอะไรเลยที่ปล่อยให้เด็ก 5ขวย หลุดไปอยู่ในดงอสรพิษนั้นนะเหรอ”
กลับกัน คลิฟที่ในที่สุดก็หลุดพ้นจากหน้าที่ทั้งปวงนั้นก็แทบจะหุบยิ้มไม่อยู่กับอิสรภาพตรงหน้า
พร้อมกับยื่นมือไปหยิบเหล้ามาดื่ม
“ก็ใช่ว่าจะไม่เคยมีซะเมื่อไหร่ พวกที่มอบตำแหน่งให้เด็กอายุยังน้อยก็มีเยอะไปอีกอย่างสภากลางก็อนุมัติแล้วมีขุนนางตั้งหลายคนทำกันเยอะจะตาย แล้วทุกวันนี้จักรวรรดิก็ไม่สนไอ้พื้นที่บุกเบิกพรรค์นั้นอยู่แล้วใครจะเป็นคนคุมมันไม่มีใครมาสนหรอก ”
ที่จักรวรรดิไม่ปริปากเรื่องกันยกตำแหน่งทั้งหมดให้กับเด็ก 5 ขวบนั่นก็เพราะ…
“จักรวรรดินะไม่อยากมาเสียเวลายุ่งไงละกับไอ้พวกพื้นที่บุกเบิกพวกนั้น ก็แค่มีคนคุมอยู่ถึงจะแค่ชื่อก็ไม่ถ่อมาวุ่นวายแล้วว่าจะทำหรือไม่ทำงานหรอก”
สำหรับมหาจักรวรรดิที่ปกครองหลายพันกาแล็กซี่แล้วการบริหารนั้นทำไปได้ยากมาก
แล้วยิ่งพวกเขาต้องหลีกเลี่ยงการใช้ AI ด้วยยิ่งแล้วใหญ่
เพราะว่าในอดีตเผ่าพันธุ์มนุษย์เคยถูกควยคุมด้วย AI มาแล้วนั้นเอง
และก็ด้วยคนจากจักรวรรดิในกาลก่อนนั่นเองลุกขึ้นต่อสู้กับระบบเช่นนั้นและคว้าชัยมาได้
จึงเป็นสาเหตุที่ว่าทำไมพวกขุนนางทั้งหลายถึงไม่อยากจะมี AI ทั้งพวกหุ่นเมด หรืออะไรก็ตามอยู่ใกล้ตัว
ขนาดเรื่องจำเป็นต้องใช้พวกเขาก็ยังจะไม่อยากใช้เลย
ดาร์ซี่หันกลับลงไปมองดาวที่ตนจากมา
ดาวที่เป็นของตระกูลบลันฟิลด์
ดาวที่แห้งแล้งและยากที่จะพัฒนาเหนือไปกว่านั้นยังติดหนี้อีกมหาศาล
“ถ้าเด็กนั่นรู้เรื่องอาณาเขตตัวเองสักหน่อยละก็คงได้โกรธพวกเราแน่นอนละนะ”
คลิฟที่ตอนนี้หน้าเริ่มแดงจากเหล้าแล้วลำพันออกมา
“ใช่แล้วชั้นผลักภาระให้เด็ก 5ขวบ แล้วก็หนีไปอยู่สบายๆที่เมืองหลวงไง”
ดาวที่ไม่มีใครอยากจะอยู่อาศัย
นั่นแหละคืออาณาเขตของตระกูลบลันฟิลด์
***
คฤหาสน์หลักตระกูลบลันฟิลด์
แค่อายุได้ 5 ปีขั้นก็กลายเป็นเจ้าครองกาแล็กซี่ซะแล้ว
“มีอำนาจอยู่ในมือแล้วทีนี้ชั้นจะเรียกตัวเองว่าราชาได้รึยังละเนี่ย”
ถึงในจักรวรรดิจะมีคนที่มีอำนาจพอๆหรือมากกว่ากับตระกูลบลันฟิลด์มากมาย
แต่ตราบใดที่ยังอยู่ในถิ่นตัวเอง
ชั้นก็ถือว่าเป็นราชาที่กุมอำนาจสูงสุดละนะ
ไม่นานไบรอันก็เดินเข้ามาแจ้งข่าวให้กับชั้นที่นั่งอยู่บนเก้าอี้ที่ขนาดเกินตัวในห้องทำงานที่เคยเป็นของพ่ออยู่
“นายท่านเลียม เมดหุ่นยนต์ของท่านได้มาถึงแล้วครับ”
“งั้นเหรอ ให้เข้ามาได้”
“รับทราบครับ —เข้ามาได้”
ประตูห้องทำงานเปิดออก
พร้อมกันนั้นเมดหุ่นยนต์ที่รูปร่างราวกับหลุดมาจากแคตตาล็อกต์นั้นเดินอย่างเป็นธรรมชาติเข้ามาในห้อง
ถ้าไม่รู้มาก่อนว่าเป็นหุ่นยนต์นี้ไม่มีทางมองออกเลยว่าไม่ใช่มนุษย์
เมื่อเธอมาหยุดตรงหน้าชั้น
เธอก็ดึงชายกระโปรงพร้อมถอนสายบัวให้ชั้น
“เป็นเกียรติที่ได้พบคะ อามากิของนายท่านเองคะ”
ชั้นตั้งชื่อเธอให้เป็นแนวญี่ปุ่นเองว่า [อามากิ]
เหตุผลที่ใช้ชื่อนี้นะเหรอ…ไม่มีหรอก…
ส่วนพ่อบ้านไบรอันก็ยังยืนไม่ได้สนใจอะไรตัวอามากิเลย
“ตั้งแต่นี้วันนี้ไปชั้นจะคอยปรนนิบัตินายท่านอยู่ข้างกายไม่ห่างค่ะ เพียงแต่ตัวชั้นดูเหมือนต้องได้รับการซ่อมบำรุงหนึ่งครั้งต่ออาทิตย์ค่ะ”
“ซ่อม ที่ว่านี้คือ”
ชั้นที่จ้องมองอามากิที่กล่าวทักทายเสร็จแล้วเพราะเธอกลับไปยืนตัวตรงเหมือนเดิม
“สำหรับการซ่อมบำรุงทั่วไป ชั้นต้องใช้เวลาประมาณ 2 ชั่วโมงค่ะ”
“น่าตกใจจริงๆคิดว่าจะใช้เวลามากกว่านั้นซะอีก”
ขณะที่ชั้นดูไม่ค่อยจะพอใจ พ่อบ้านไบรอันก็ช่วยพูดเสริมขึ้นมา
“ถึงจะเรียกว่าซ่อมบำรุงแต่ว่าก็ตรงเช็คสภาพอุปกรณ์แล้วก็จำพวกทำความสะอาดนะครับ แต่ถ้ามีปัญหาที่ร้ายแรงขึ้นทางเราก็จำเป็นต้องเอาไปส่งซ่อมกับทางบริษัทที่ผลิตครับ”
ก็หมายความว่าแค่หยุดพักเพียง 2 ชั่วโมงก็ทำงานต่อได้ทั้งอาทิตย์เลยงั้นเหรอ ไฮสเปคสุดๆ
เรื่องนั้นก็เรื่องนั้น ชั้นมีเรื่องที่อยากลองอยู่ชั้นก็เลยอ้าแขนไปทางอามากิ
แล้วอามากิก็เดินเข้ามาใกล้พร้อมกับยกร่างเล็กๆของชั้นขึ้นพร้อมโอบกอดอย่างนุ่มนวล
พอลองเอามือจับหน้าอกอามากิดูก็ยิ่งทึ่งต่อความอลังการ
ขนาดที่ไม่มีทางที่มือเล็กๆนี้จะจับได้เต็มมือ
“นะ นิ่ม นี้ละคือความนุ่มนิ่มที่ผู้ชายทั้งโลกเฝ้าหาล่ะ”
แล้วก็ไม่ได้มีแค่นิ่มอย่างเดียวเท่านั้นแต่ยังให้สัมผัสที่เต่งตึง ทำให้รู้สึกเหมือนจริงยิ่งขึ้น
เรียกได้ว่าเป็นหน้าอกที่สมบูรณ์แบบจริงๆ
ต่อภาพตรงหน้าพ่อบ้านไบรอันถึงกับเหวอจนแทบจะพูดไม่ออก
“ท่านเลียมครับไอ้การกระทำแบบนั้นช่วยอย่าทำต่อหน้าธารกำนัลด้วยนะครับ”
พ่อบ้านไบรอันนั้นดูเหมือนจะรับใช้ตระกูลเรามานานมากๆ
ทั้งดูเหมือนว่าถ้าขาดพ่อบ้านที่เป็นคนคุมไปการจัดการในคฤหาสน์ก็จะยากมากยิ่งขึ้นถึงแทบเป็นไปไม่ได้ นับว่าเป็นบุคลากรที่เรียกได้เลยว่าไล่ออกได้ยากมาก
แต่ตอนนี้ชั้นเป็นคนคุม
แล้วชั้นก็ทิ้งไอ้ความเป็นเด็กไปตั้งแต่เซ็นต์สัญญารับทุกอย่างมาแล้ว
“ชั้นจะทำอะไรมันก็เรื่องของชั้น แล้วก็รายงานเรื่องภายในอานาเขตของเรามาได้แล้ว”
พูดเสร็จลุงพ่อบ้านก็แตะไปที่กำไลข้อมือ ทันใดนั้นภาพต่างๆไม่ว่าจะค่าตัวเลข กราฟนั้นนู่นนี้ก็โผล่ขึ้นมา แม้แต่แผนที่ก็ยังมี
“… ไม่เข้าใจเลยสักอย่าง”
แล้วก็ดูลุงพ่อบ้านแกจะเปล่งออร่าผิดหวังที่ราวกับจะมีเสียงลอยมาด้วยว่า กะแล้ว ออกมาแต่แกก็ไม่แสดงมาทางสีหน้าละนะ
ขณะที่ชั้นก็ลังสับสนอยู่อามากิที่ยังอุ้มชั้นก็พูดออกมา
“ถ้าจำเป็นตัวชั้นมีฟังค์ชั่นที่ทำหน้าที่ในการสนับสนุนเจ้าเมืองในการปกครองอยู่ด้วย ถ้านายท่านไม่ว่าอะไรจะปล่อยให้ชั้นช่วยซัพพอร์ทงานของท่านนายท่านรึไม่คะ”
“ได้จริงเหรอ แต่บอกไว้ก่อนว่าชั้นไม่รู้เรื่องพวกนี้สักอย่างเลยนะ”
“ชั้นแนะนำให้ใช้แคปซูลเพื่อการเรียนรู้ค่ะ แล้วในระหว่างนั้นขั้นก็สามารถที่จะดูแลอาณาเขตของนายท่านแทนให้ค่ะ”
พ่อบ้านไบรอันที่ได้ยินดังนั้นก็คัดค้านขึ้นมาทันที
“ท่านเลียมครับ ผมไม่เห็นด้วยนะครับที่เราจะปล่อยให้ AI มาบริหารจัดการนั้นมันถือเป็นเรื่องต้องห้ามของจักรวรรดิเลยนะครับ แค่ให้มาอยู่ข้างกายท่านนี้ก็แปลกมากอยู่แล้ว”
แต่อามากิก็สวนกลับทันที
“ไม่มีกฎหมายเช่นนั้นปรากฏอยู่ในจักรวรรดิค่ะ ที่กล่าวมานั้นก็เป็นเพียงเรื่องมุมมองของบุคคลเท่านั้น แต่ไม่ว่าเช่นไรในชั้นก็จะปล่อยให้เป็นการตัดสินใจของนายท่านค่ะ”
แคปซูลเพื่อการเรียนรู้
ก็ตรงตามชื่อแค่เข้าไปอยู่ข้างในนั้น ความรู้ที่ต้องการจะเรียนมันก็จะไหลเข้ามาทั้งยังเสริมสร้างสมัตภาพทางร่างกายอีกด้วย
เช่นถ้าเป็นพวกความรู้ขั้นพื้นฐานทั้งหมดแค่เข้าไปอยู่ในนั้นเพียงครึ่งปีแค่นั้นก็เสร็จแล้ว
เพียงแต่การที่จะคงทั้งทั้งหมดไว้ไม่ใช่แค่ต้องนอนแต่ในแคปซูลแต่มันขึ้นอยู่ที่การปฏิบัติจริงละนะ
แล้วก็ดูเหมือนจะเห็นผลได้ดีอีกด้วย
พอหันมามองไอ้พวกกราฟ หรือตัวเลขบานเบอะพวกนี้อีกครั้งก็ทำให้รู้ว่าตัวชั้นที่มีความรู้จากชาติก่อนก็ไม่ได้มาช่วยอะไรชั้นในการบริหารบ้านเมืองได้เลย
“ไบรอันไปเตรียมการใช้แคปซูล ส่วนอามากิชั้นฝากเรื่องการจัดการเรื่องข้างนอกด้วยตอนชั้นอยู่ในนั้น”
“ท่านเลียมครับ!!!”
ฝั่งพ่อบ้านดูจะไม่พอใจต่างกับอามากิที่ตอบกลับมาว่า “โปรดไว้วางใจได้เลยค่ะ”
วิเศษไปเลยแหะดูเหมือนเธอจะฟังแต่คำสั่งจากชั้นคนเดียว
แต่ชั้นก็ต้องหันมากล่อมตาพ่อบ้านด้วยละนะ
“มองความจริงหน่อยไบรอัน จะให้ชั้นที่ไม่รู้เรื่องอะไรขึ้นมาบริหารอาณาเขตทั้งหมดนี้จริงๆเหรอ”
“กะ ก็อาจจะจริงของท่านครับ”
“มันก็ใช่ว่าจะไปอยู่ตลอดชีวิตที่ไหน แล้วก็ถ้าเข้าใจแล้วก็รีบไปเตรียมซะ”
เอาเถอะชั้นก็อยากจะยกหน้าที่ดูแลบ้านเมืองให้คนอื่นไปเลยเหมือนกัน
เพราะถึงสังคมจะไม่ยอมรับการที่ AI จะมาทำงานตรงนี้แทนแต่มันไม่เกี่ยวกับชั้นสักหน่อย
แล้วยิ่งจะกดขี่ข่มเหงชาวบ้านถ้าไม่มีความรู้มันก็ทำได้หรอก
แต่มันจะยิ่งไม่เห็นผลถ้าพวกใต้ปกครองไม่เห็นถึงความสามารถของชั้นก่อนแล้วตัดสินกันที่แค่อายุนะ
ชั้นก็พลางคิดเรื่องพวกนี้ต่อไปโดยที่ก็ยังจ้องมองหน้าอกอามากิอยู่…