[นิยายแปล]ติดร่างแหไปต่างโลก แต่ต่างโลกดันสงบสุขซะงั้น - ตอนที่ 11
ถ้าพูดถึงต่างโลกก็ต้องนึกถึงเวทมนต์ ว่าแต่ทำไมสิ่งลิเลียซังพูดกับสิ่งที่คุโระพูดมันถึงไม่ตรงกันหว่า ลิเลียซังบอกว่าการฝึกเวทมนต์นั้นยากและยังต้องใช้เวลาหลายเดือน แต่กลับกันคุโระนั้นกับบอกว่าแค่ฝึกไม่กี่วันก็สามารถใช้ได้แล้ว แถมทั้งคู่ก็ไม่น่าจะพูดโกหกด้วย……
「ไคโตะคุง ขอดูหนังสือเล่มนั้นหน่อยได้ไหม?」
「เอ๊ะ? เอาสิ」
ดูเหมือนคุโระเองก็จะสงสัยเหมือนกันสินะ ถึงได้ขอดูหนังสือคู่มือเบื้องต้นเล่มนี้ พอยื่นหนังสือไปให้คุโระ เธอก็เปิดอ่านแบบผ่านๆอย่างรวดเร็ว
「อ่อ เข้าใจละ~ดูเหมือนว่ามนุษย์จะสอนเวทมนต์กันอย่างงี้เองสินะ……ก็จริงอยู่ถ้าเรียนแบบนี้ละก็มันต้องใช้เวลาค่อนข้างเยอะนะ」
「ถ้างั้นก็หมายความว่า การสอนเวทมนต์ของมนุษย์มันผิดหรอ?
「อื~ม? ก็ไม่หรอก แค่คิดว่าทำออกมาได้ค่อนข้างดีเลยละ ติดอยู่แค่เรื่องการสอนให้เป็น『ผู้สร้างอุปกรณ์เวทมนต์』ละมั้ง? เพราะมันต้องจำทฤษฎีไปพร้อมกันด้วย เลยอาจจะทำให้เสียเวลาเพิ่มขึ้นไปด้วยนะ~」
「อื~ม? ไม่ค่อยเข้าใจแหะ……」
คุโระทำท่าทางเหมือนจะเข้าใจอะไรบางอย่าง แต่กลับกันเรานี่ไม่เข้าใจเลยสักนิด เพราะงั้นคุโระก็เลยปิดหนังสือไป พร้อมกับยิ้มด้วยท่าทีที่น่ารักแล้วก็เริ่มอธิบายให้ฟัง
「ถ้าจะให้อธิบายง่ายๆก็คือ การที่จะใช้เวทมนต์ได้นั้นขอเพียงแค่สัมผัสได้ถึงพลังเวทย์ก็สามารถใช้งานได้แล้วละ……ตัวอย่างเช่น――」
「โอ้……หนังสือลอยได้เฉย」
「อือ ก็แค่ใช้พลังเวทย์ทำให้มันลอยเท่านั้นเอง ของแบบนี้นะไม่ว่าจะเป็นมนุษย์หรือมารขอแค่นึกภาพตามแล้วใช้พลังเวทย์เพื่อให้มันขยับใครๆก็สามารถทำได้ทั้งนั้นแหละ แต่ว่า การที่จะใช้วิธีนี้เพื่อสร้างอุปกรณ์เวทมนต์นั้น คิดว่ามันน่าจะยากหน่อยนะ」
「อืมอืม」
「อุปกรณ์เวทมนต์นะมันต้องใช้ผนึกเวทมนต์ที่สลักบทร่ายเอาไว้ แล้วเพื่อที่จะให้มันทำได้อย่างเมื่อกี้……มันต้องใช้บทร่ายที่กำหนดเป้าหมาย บทร่ายที่ทำให้เป้าหมายลอยได้ บทร่ายที่ไว้เพื่อปรับระดับความสูง และยังต้องมีบทร่ายที่เอาไว้สลับเปิด-ปิด อีกด้วย――มันก็จะประมาณนี้มั้ง?」
ในระหว่างที่คุโระกำลังอธิบาย ก็จะมีตัวอักษรที่ส่องสว่างลอยขึ้นมาเป็นประโยคยาวๆ พร้อมกับค่อยๆโค้งจนกลายเป็นวงแหวนเวทย์ พอได้ดูแบบนี้แล้วเหมือนจะเป็นเวทย์อะไรบางอย่างสินะ
「นั้นแหละคือความแตกต่างของการใช้เวทมนต์โดยใช้ความรู้สึก กับ การใช้เวทมนต์โดยใช้ทฤษฎีนะ ถ้าจะให้อธิบายสั้นๆก็คงคล้ายๆการขยับแขน ไคโตะคุงสามารถขยับได้ง่ายๆเลยใช่ไหมละ? แต่การที่จะให้เอาทฤษฎีนั้นมาเขียนเป็นตัวอักษรนะไม่คิดว่ามันยากไปหน่อยหรอ?」
「……อ่อ、ก็จริงแหะ……」
「มารอย่างพวกผมนะการใช้เวทมนต์ได้นั้นถือว่าเป็นเรื่องปกติ เพราะงั้นการที่ตั้งเป้าหมายว่าอยากเป็นช่างฝีมือในการสร้างอุปกรณ์เวทมนต์หรืออยากจะใช้เวทมนต์ที่มันซับซ้อนและมีพลังที่รุนแรงนั้น มันก็เลยให้ความรู้สึกแค่ต้องไปเรียนเพิ่มเติมเท่านั้นเอง……แต่สำหรับมนุษย์แล้ว เด็กที่สามารถใช้เวทมนต์ได้นั้นมันจะให้ความรู้สึกเหมือนกับการสร้างอุปกรณ์เวทมนต์ เพราะงั้นก็เลยเหมือนกับเริ่มเรียนทฤษฎีไปควบคู่กันนะ~ต้องบอกว่าจริงจังสมกับเป็นมนุษย์ดีรึเปล่านะ」
อย่างงี้นี่เอง คุโระอธิบายได้เข้าใจง่ายดีแหะ ที่บอกว่ามนุษย์นั้นมีจุดที่คิดเยอะอยู่นี่ดูเหมือนจะจริงแหะ
เพราะงั้นก็คงบอกได้ว่าทั้งคู่ไม่ได้พูดผิด แต่อาจจะเป็นแค่ความแตกต่างทางด้านวัฒนธรรมเฉยๆ เหมือนอย่างที่ลิเลียซังได้เล่าให้ฟังเมื่อตอนเที่ยงที่ว่าสำหรับมนุษย์ เวทมนต์นั้นเป็นแค่1ในตัวเลือกของสายอาชีพเท่านั้น แต่สำหรับมารการที่สามารถใช้เวทมนต์ได้นั้นถือเป็นเรื่องปกติ เพราะงั้นพวกที่ต้องการศึกษาเรื่องพวกนี้อย่างลึกซึ้งก็คงให้ความรู้สึกเหมือนกับการเป็นโปรเฟสเชินเนลสินะ
「แต่เอาเหอะ หนังสือเล่มนี้เองก็ใช่ว่าจะไร้ประโยชน์อะไร ถ้าอยากจะใช้เวทมนต์ระดับสูงให้ได้ละก็การจำทฤษฎีเหล่านี้เอาไว้ก็จำเป็นเหมือนกัน ต้องบอกว่าสมกับเป็นมนุษย์จริงๆนั้นแหละเก่งจริงๆที่สามารถเขียนทฤษฎีเหล่านี้ได้ละเอียดแบบนี้ ถ้าจำเนื้อหาในหนังสือเล่มนี้ได้ก็สามารถสร้างอุปกรณ์เวทมนต์ได้เลยละ~」
「อื~ม แต่ว่า มันก็มีความรู้สึกที่อยากจะลองใช้เวทมนต์ให้ได้เร็วๆอยู่เหมือนกันนะสิ」
「ถ้างั้น ผมสอนให้เอาไหมละ?」
「เอ๊ะ?」
ถึงจะเข้าใจว่าทฤษฎีนั้นมันก็สำคัญอยู่ แต่อุส่าได้มาต่างโลกแบบนี้ทั้งทีความรู้สึกที่อยากจะลองใช้เวทมนต์ดูสักครั้งมันล้นออกมา แถมพอได้ยินว่าถ้าไม่คิดที่จะสร้างอุปกรณ์เวทมนต์ละก็ สามารถใช้เวทมนต์แบบง่ายๆที่สอนแค่แปปเดียวก็ใช้ได้แบบนั้นด้วยแล้วความอยากมันก็เอียงไปหาอย่างรวดเร็ว
พอคิดแบบนั้นปุบ คุโระก็ยิ้มร่าพร้อมกับมีข้อเสนอแนะให้
「เรื่องทฤษฎีนั้นสามารถไปเรียนเอาจากหนังสือได้ ส่วนการใช้เวทย์ตามความรู้สึกนั้นผมจะเป็นสอนให้ก็แล้วกัน ถึงจะเห็นแบบนี้ ผมสามารถใช้เวทมนต์ได้เยอะอยู่นะ?」
「……จะดีหรอ?」
เอาจริงๆมันก็รู้สึกขอบคุณมากๆอยู่หรอก แต่ในขณะเดียวกันก็รู้สึกเกรงใจอยู่เหมือนกัน นอกจากนี้ถ้าไม่ผิดไปจากที่คิดเอาไว้ละก็ คุโระนั้นเป็นตัวตนที่อยู่มายาวนานและรอบรู้เกี่ยวกับเวทมนต์เป็นอย่างดี ไม่สิอย่างน้อยในจำนวนบุคคลที่เรารู้จักหลังจากที่ได้มาต่างโลกนี้เธอนั้นเป็นตัวตนที่หลุดโลกที่สุด ทั้งการนำสิ่งของต่างๆออกมาจากเสื้อโค้ท ทั้งการสร้างอุปกรณ์เวทมนต์ที่เพียงแค่นึกภาพของคนในหัวก็สามารถหาเจอได้ แถมยังบินบนท้องฟ้าได้อีก อยู่ในระดับที่ว่าอะไรก็คงทำได้ละมั้ง
「ไม่เป็นหรอก~ ผมเองก็รู้สึกถูกใจไคโตะคุงอยู่เหมือนกัน เพราะงั้นถ้ามีเรื่องที่สอนได้ก็อยากจะสอนให้นะ」
「อืม、ขอบใจนะ」
ใบหน้าของเธอเต็มไปด้วยรอยยิ้มที่ดูสื่อตรงไม่มีอะไรแอบแฝง คุโระนั้นปฎิบัติตัวกับผมอย่างดีเธอถูกใจอะไรในตัวเรากันนะ ถึงแม้ส่วนใหญ่จะโดนปั่นหัวเป็นว่าเล่นก็เหอะ แต่เวลาที่ได้คุยกับเธอนั้นไม่รู้ทำไมถึงรู้สึกสบายใจ และยังรู้สึกอุ่นใจด้วย
แต่เอาเหอะ พูดก็พูด เราเองก็เป็นผู้ชายเหมือนกัน……ถึงแม้ว่าจะเธอจะอายุมากกว่าเราก็ตาม แต่การที่มีสาวน้อยน่ารักขนาดนี้มาสนใจกันมันก็เขินๆอยู่หน่อยๆ
แต่บางครั้งก็มีสงสัยเหมือนกันว่า ตูเป็นโลลิค่อนรึเปล่าหว่า? พอคิดแบบนั้นก็รู้สึกเสียวสันหลังขึ้นมาเลย เอ๊ะ ไม่ใช่นะ ตูไม่ใช่โลลิค่อนนะเฟ้ย!? ถึงแม้ว่าที่ผ่านมาจะโดดเดี่ยว แถมยังไม่เคยมีประสบการณ์แบบนี้ด้วย ก็เลยสับสบนิดหน่อยเท่านั้นแหละ!!
ไม่รู้ว่าคุโระนั้นรู้ถึงเรื่องที่ผมกำลังขัดแย้งอยู่ในใจรึเปล่า เธอจึงเริ่มสอนเวทมนต์ให้พร้อมด้วยท่าทีที่ยังยิ้มร่าเหมือนปกติทุกที
「ถ้างั้น เรามาเริ่มเรียนพื้นฐานของพื้นฐานกันก่อนนะ เริ่มจากวิธีการใช้พลังเวทย์ ไคโตะคุงสัมผัสได้ถึงพลังเวทย์ของตัวเองไหม?」
「ไม่อะ ไม่เห็นรู้สึกอะไรเลย」
「อืม คงช่วยไม่ได้ก็ที่ผ่านมาอยู่ในโลกที่ไม่มีเรื่องพวกนี้นี่เนอะ ถ้างั้น อะนี่――」
「อุ!?」
พอคุโระพูดอย่างงั้นเธอก็หันมาทางผมพร้อมกับวาดนิ้ววน1รอบ ร่างกายของผมก็ถูกห่อหุ้มด้วยแสงอ่อนๆ รู้สึกอบอุ่นยังไงไม่รู้
「เมื่อกี้ ผมใช้พลังเวทย์ที่สามารถมองเห็นด้วยตาเปล่าห่อหุ้มร่างของไคโตะคุงเอาไว้……รู้สึกยังไงบ้างละ?」
「อื~ม เหมือนกับการแช่น้ำอุ่นๆยังไงยังงั้น……อบอุ่นละมั้ง?」
「อืม ความรู้สึกนั้นแหละ การที่จะใช้เวทมนต์ได้นั้นความรู้สึกนั้นถือว่าเป็นความรู้สึกพื้นฐานเลยนะ เพราะงั้นวันนี้ลองคงสภาพนั้นเอาไว้แล้วค่อยๆขยับดู พยายามจับสัมผัสของพลังเวทย์ให้ได้ดูนะ !」
ถึง คุณพ่อ คุณแม่ที่รัก――ที่ต่างโลกมีอาจารย์สอนเวทมนต์ด้วยละ แล้วก็ ผม――ไม่ใช่โลลิคอนนะ
ย้อนกลับไปเล็กน้อย ณ ตึกแห่งหนึ่งที่โลกมาร
โครมเอน่าที่กำลังจ้องมองเหล่าเด็กๆเผ่ามารที่กำลังเฉลิมฉลองปีใหม่อยู่นั้น อยู่ๆก็มีมารที่สวมหน้ากากที่ใช้ในงานพิธีที่ทำจากกระโหลกและขนนกเข้ามาใกล้
「ท่านโครมครับ มีจดหมายเชิญมาจากราชอาณาจักรซิมโฟเรีย」
「หืม? จดหมายเชิญ……ของอะไรหรอ?」
โครมเอน่าที่กำลังกินเบบี้คาสเทลล่าอยู่นั้น หันกลับไปหาด้วยสีหน้าสงสัย
「คงเป็นปาตี้ฉลองปีใหม่ละมั้งครับ นอกจากนี้ก็คิดว่าน่าจะทำการแนะนำผู้กล้าในปีนี้ไปพร้อมกันด้วยเลยนะครับ……」
「ปาตี้ปีใหม่หรอ? ……ทำไมปีนี้ถึงส่งมาให้กันนะ? ที่แล้วมาเคยมีรึเปล่า?」
「ไม่ครับ แต่คิดว่าน่าจะเป็นเพราะก่อนหน้านี้ที่ท่านโครมได้ไปหาพระราชานะครับ?」
โครมเอน่านั้นเป็นเผ่ามาร โดยปกติจะใช้เวลาในช่วงปีใหม่อยู่ที่โลกมาร นอกจากนี้ยังไม่เคยไปเข้าร่วมงานปาตี้ฉลองปีใหม่ที่จะจัดขึ้นในวันที่4ของทุกปีของโลกมนุษย์อีกด้วย และดูเหมือนว่าฝั่งนั้นเองก็น่าจะทราบเรื่องนี้เป็นอย่างดีเพราะงั้นที่แล้วมาจึงไม่เคยที่จะส่งจดหมายเชิญมาให้
แต่ทว่าปีนี้นั้นต่างออกไปที่อยู่ๆก็มีจดหมายเชิญส่งมาให้ แต่สาเหตุน่าจะเป็นเพราะวันก่อนได้เข้าไปที่พระราชวังของราชอาณาจักรซิมโฟเรีย นั้นเป็นสิ่งที่มารที่สวมหน้ากากเป็นคนบอก
「……ก็แค่บังเอิญได้ไปแถวๆนั้นเองแท้ๆนะ~」
「อะ จะว่าไป การไปซื้อของครั้งนี้เป็นยังไงบ้างครับ ได้แยมที่ต้องการมารึเปล่า?」
「อืม ได้มาละ หวานกำลังดี เข้ากับเบบี้คาสเทลล่าได้เป็นอย่างดีเลยละ」
「โฮ่โฮ่ ถ้างั้นก็ถือว่าดีแล้วละครับ」
หลังจากที่โครมเอน่าตอบกลับไปด้วยท่าทีดีใจ มารที่สวมหน้ากากเองก็ทำท่าทางดีใจไปด้วยเหมือนกับว่าเป็นเรื่องของตัวเองยังไงยังงั้น
「……แล้ว จะให้ตอบกลับไปยังไงดีครับ?」
「ไม่สนใจอะ เพราะงั้นไม่ไป~」
「ฮะฮะฮะ、ก็ว่าแล้วละครับ」
หลังจากที่โครมเอน่าเหลือบมองซองจดหมายที่ส่งมาจากราชอาณาจักรซิมโฟเนียด้วยหางตา เธอก็ตอบกลับไปด้วยท่าทางไม่สนใจ และดูเหมือนว่ามารที่สวมหน้ากากนั้นจะรู้คำตอบอยู่แล้ว เพราะงั้นก็เลยพยักหน้ากลับไปโดยไม่พูดอะไรต่อ
「แต่ว่า มีโอกาสที่จะได้เจอผู้กล้าในปีนี้ด้วยนะครับ?」
「เรื่องนั้นปีนี้ผมก็ไม่สนใจเหมือนกัน~เพราะว่าผมนั้นเจอเด็ก『ที่ถูกใจ』เข้าให้ซะแล้วนะสิ……」
「โอ๊ะโอ นี่มัน……ถือว่าโชคดีมากเลยนะ การที่ถูกท่านโครมสนใจแบบนี้นะ」
「ใช่ไหมละ! จะว่าไปก็นานแล้วเหมือนกันนะ! ที่มองดูแวบเดียวก็รู้สึกว่านี่แหละ~พรหมลิขิต!」
สีหน้าที่เหมือนไม่สนใจอะไรของเธอนั้นแปรเปลี่ยนมาเป็นใบหน้าที่เต็มไปด้วยรอยยิ้ม ดูเหมือนว่าจะถูกใจอีกฝ่ายมากๆเลยสินะ เพราะงั้นมารที่สวมหน้ากากนั้นจึงจ้องมองสีหน้าของโครมเอน่าที่อารมณ์ดีอย่างเห็นได้ชัดนั้นด้วยรอยยิ้ม
「ถ้างั้นจะตอบกลับไปว่าไม่เข้าร่วมนะครับ」
「อืมอืม เพราะตอนนี้ผมกำลังหมกมุ่นอยู่แต่เรื่องของเด็กคนนั้นนะ เพราะงั้นเรื่องอื่นช่างมัน」
「ตามที่ท่านโครมต้องการ……」
「อะ แล้วก็……ฝากเขียนจดหมายถึง『ชิโระ』ให้หน่อยได้ไหม?
「ท่าน『ชโรวาน่า』หรอครับ? ทราบแล้วครับ แล้วจะให้เขียนไปว่าอะไรครับ?」
หลังจากที่ได้ยินชื่อที่พูดออกมาจากปากของคุโระนั้น มารที่สวมหน้ากากนั้นก็ทำสีหน้าตกใจเล็กน้อย คนที่โครมเอน่าเรียกชื่อเล่นแบบนั้นมีแค่คนเดียวเท่านั้น เธอคนนั้นเป็นตัวตนที่ต้องเรียก ท่าน นำหน้า แน่นอนว่าสำหรับมารที่สวมหน้ากากตนนี้แล้วเธอคนนั้นเป็นตัวตนที่อยู่เหนือฟ้า
「ง่ายๆก็ได้~อย่างชิโระนะแค่『ฝากให้พรกับไคโตะคุงหน่อยนะ~』ก็น่าจะเข้าใจแล้วละ」
「……ทราบแล้วครับ」
เนื้อหาที่โครมเอน่าบอกออกไปนั้น ทำให้มารที่สวมหน้ากากตนนี้ถึงกับตกใจ
ในขณะนั้นเอง โครมเอน่าที่กำลังนอนกลิ้งอยู่บนโซฟาหรูนั้นอยู่ๆก็ลุกพรวดขึ้นมา
「อะ!? รู้สึกเหมือนไคโตะคุงกำลังเรียกผมอยู่! ขอตัวไปก่อนนะ~」
「เอ๊ะ? อะ ไปดีมาดีนะครับ……」
พอเธอพูดเสร็จแสงสีดำก็ห่อหุ้มตัวเธอหลังจากนั้นร่างของโครมเอน่าก็หายไปทันที ถึงแม้ว่ามารสวมหน้ากากนั้นจะกำลังสับสนอยู่เล็กน้อยก็ตาม
พอผ่านไปสักพักข้างๆมารสวมหน้ากาก ก็มีอัศวินที่สวมเกราะสีดำสนิทเข้ามาใกล้
「เอ๊ะ? ท่านโครมละ?」
「โอ้ ท่าน『นอร์ย』นี่เอง……เธอบอกว่า รู้สึกเหมือนว่าไคโตะคุงกำลังเรียกอยู่หลังจากนั้นก็……」
「ไคโตะคุง? อ่อ ชาวต่างโลกที่ท่านโครมถูกใจสินะคะ」
หลังจากที่ได้ฟังเรื่องราวจากมารสวมหน้ากากเสร็จ อัศวินดำที่ถูกเรียกว่านอร์ยก็พยักหน้าเข้าใจ
「ดูเหมือนว่า จะถูกใจจริงๆนะครับ……ถึงกับขนาดขอให้ท่านชโรวาน่าอวยพรให้แบบนั้น……」
「ให้ท่านชโรวาน่าอวยพรให้หรอ!? ช่างเป็นคำขอที่สุดยอดจริงๆเลยนะคะ ต้องบอกว่าสมกับเป็นท่านโครมดี หรือยังไงดีละ……」
「ชาวต่างโลกคนนั้น คงลำบากแย่เลยนะครับ……」
「……แต่เอาเถอะ การที่ถูกท่านโครมสนใจนั้น ถือซะว่าเป็นที่แน่นอนแล้วว่าต้องโดนท่านปั่นหัวแน่ๆ……『อย่างตอนของฉันเอง』ก็เป็นแบบนั้นเหมือนกัน……」
ถึงแม้เจ้าตัวนั้นจะยังไม่รู้เรื่องที่จะเกิดขึ้นก็ตาม แต่สำหรับคนนอกนั้นกับรู้สึกได้เลยว่ากำลังมีเรื่องที่สุดยอดเกิดขึ้นมาแน่ๆ มารสวมหน้ากากกับนอร์ยนั้นถอนหายใจพร้อมกับรู้สึกเห็นใจไคโตะขึ้นมา……การที่ต้องถูกเจ้านายของตนที่เป็นคนที่ทำอะไรตามใจตัวเองสุดๆปั่นหัวนั้น แค่คิดถึงอนาคตของเขาขึ้นมาก็……
—————————————————