ทะลุมิติไปเป็นสาวนาผู้ร่ำรวย [ 农女致富记 ] - บทที่ 1304 เครื่องเรือนมาถึงแล้ว
บทที่ 1304 เครื่องเรือนมาถึงแล้ว
บทที่ 1304 เครื่องเรือนมาถึงแล้ว
สิ่งที่ฟ่านหลิงกำลังจะเอ่ยออกมานั้นทำให้ป้าจางประหลาดใจมากยิ่งขึ้น
“ข้า… ข้าจะไม่เข้าไป” ฟ่านหลิงคิดไม่ถึงว่าฉือโถวจะบอกให้ตัวเองเข้าไปด้านใน คิดไม่ถึงด้วยซ้ำว่าเขาจะพูดกับนาง เขาบอกว่าด้านนอกมันหนาวและให้นางเข้าไปนั่งด้านใน ดังนั้นจึงอดไม่ได้ที่จะรู้สึกประหลาดใจ และตอบกลับอย่างตะกุกตะกัก
“เข้าไปข้างในสิ ข้างนอกมันหนาว” ฉือโถวพูดเน้นย้ำอีกครั้ง
หลังจากที่เขาพูดจบก็ไม่ได้มองไปที่ฟ่านหลิงอีกต่อไป เขาจดจ่ออยู่กับการขับรถม้าและมองเส้นทางด้านหน้า
“ข้าไม่เข้าไป” ฟ่านหลิงพูดอย่างดื้อรั้น และประโยคต่อมาทำให้ฉือโถวแทบลืมที่จะบังคับม้า “ข้าจะอยู่ข้างนอกกับเจ้า”
ฉือโถวผงะเล็กน้อย เขาเป็นคนพูดไม่เก่ง ดังนั้นเขาจึงไม่รู้ว่าควรตอบออกไปอย่างไร
เสียงของฟ่านหลิงแผ่วเบาเล็กน้อย และประโยคที่พูดออกมาก็เต็มไปด้วยความเขินอาย
การบังคับม้าของฉือโถวหยุดลงทันที และความเร็วของม้าก็ช้าลง ป้าจางที่นั่งอยู่ในรถม้าตื่นเต้นมาก ดวงตาของนางเปล่งประกายขึ้นในความมืดมิดของท้องฟ้าในเวลากลางคืน
เมื่อกู้ฟางสี่ได้ยินเสียงวุ่นวายข้างนอก นางก็ปิดปากหัวเราะเบา ๆ และกระซิบข้างหูของป้าจาง “ดูเหมือนว่าในอนาคตพวกเขาคงจะน่ารักน่าดู พี่สะใภ้ ปีหน้าท่านน่าจะได้อุ้มหลานชาย”
จากนั้นก็รู้สึกว่ารถม้ากำลังชะลอตัวลง และได้ยินเสียงของฉือโถวดังขึ้น “ท่านแม่ ขอผ้าห่มผืนเล็กที่อยู่ด้านในหน่อย”
ป้าจางรีบยื่นผ้าห่มผืนเล็กข้าง ๆ นางให้ฉือโถวโดยตรง
หลังจากที่ฉือโถวรับไป เขาก็ส่งมันให้ฟ่านหลิง “เจ้าใช้ผ้าห่มนี่คลุมตัวสิ จะได้ไม่หนาว”
ฟ่านหลิงรับมันไว้แล้วนำมาคลุมที่ตัวนาง และมันก็สามารถบังลมเย็นจากภายนอกได้ ความหนาวจึงทุเลาลง ไม่เพียงแต่คลายความหนาวลงเท่านั้น แต่หัวใจของนางก็ยังอบอุ่นขึ้นอีกด้วย
ป้าจางยิ้มและถอยกลับเข้าไปในรถม้า เมื่อกลับเข้ามาได้นางก็ยิ้มไม่หุบด้วยความสุข กู้ฟางสี่ก็มีความสุขกับป้าจางเช่นกัน ทั้งสองแอบสื่อสารกันอย่างเงียบ ๆ และแบ่งปันความสุขให้กันและกัน
ฉินเย่จือนั่งข้างในโดยโอบกอดกู้เสี่ยวหวานไว้และไม่พูดอะไร ถ้าป้าจางและคนอื่น ๆ มองไปที่ฉินเย่จือ จะเห็นได้ว่าเขาแสดงความอ่อนโยนกับกู้เสี่ยวหวานเป็นอย่างมาก
…
ณ ขณะนี้ เวลาที่วุ่นวายก็ได้เริ่มต้นขึ้น
สวนกู้ได้รับการปรับปรุงใหม่ แต่ว่าภายในบ้านนั้นยังว่างเปล่า เหลือเพียงแค่รอเครื่องเรือนและตกแต่งภายในเท่านั้น
ป้าจางเองก็ไม่ได้นิ่งเฉย นางบอกว่าจะเข้าไปในเมืองเพื่อเลือกซื้อของทั้งหมด
กู้ฟางสี่บอกว่านางไม่ต้องไปซื้อหรอก ที่บ้านยังมีห้องว่างอีกหนึ่งห้องและภายในก็มีของตกแต่งครบครัน ให้ฉือโถวไปอาศัยอยู่ที่นั่นก็ได้
แต่ป้าจางไม่เห็นด้วย โดยบอกว่าพวกเขาไม่ควรอาศัยอยู่ในสวนกู้ตั้งแต่แรก อีกทั้งตอนนี้ฉือโถวก็กำลังจะแต่งงานแล้ว ครอบครัวของนางควรจะย้ายออกไปอยู่ที่อื่นคงจะดีกว่า นางบอกว่าหลายปีมานี้นางสะสมเงินไว้จำนวนหนึ่งสำหรับใช้จ่าย ส่วนฉือโถวก็ต้องมีภาระค่าใช้จ่ายของตัวเองเช่นกัน
กู้ฟางสี่ไม่สามารถรั้งนางเอาไว้ได้ ดังนั้นจึงไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากยอมแพ้ ทั้งสองกำลังจะไปหาซื้อเตียงนอนที่ร้านเครื่องเรือน แต่ใครจะรู้ว่าก่อนที่พวกนางจะได้ออกไป ก็มีคนมาที่หน้าประตูเสียก่อน
มีเกวียนหลายคันจอดอยู่หน้าสวนกู้
ป้าจางรีบเดินไปเปิดประตู ครั้นเห็นว่าที่ด้านนอกมีเกวียนหลายคันอีกทั้งยังบรรทุกสิ่งของจนเต็ม ก็รู้สึกสงสัยขึ้นมาเล็กน้อย “มาส่งผิดที่หรือไม่ ที่บ้านนี้ไม่มีใครต้องการสิ่งของเหล่านี้”
คนส่งของมองดูของในมือและตะโกนด้วยความอบอุ่นใจ “พี่สาว ข้าไม่ได้ส่งผิด ลูกค้าที่ซื้อของทิ้งที่อยู่ไว้ที่นี่”
ป้าจางสงสัยเมื่อเห็นคนเหล่านั้นกำลังขนของลงมา
เตียง โต๊ะ เก้าอี้นั่ง และเครื่องเรือนอื่น ๆ ที่ใหม่เอี่ยม พวกเขาขนย้ายลงมาอย่างระมัดระวัง
คนที่คุยกับป้าจางเมื่อครู่บอกให้พวกเขาระมัดระวังให้มาก โดยบอกว่าเป็นเครื่องเรือนที่ใช้ในการแต่งงาน ดังนั้นห้ามทำให้มีตำหนิเด็ดขาด
ป้าจางแปลกใจมาก แม้แต่กู้ฟางสี่ที่อยู่ข้าง ๆ นางก็แปลกใจมากเช่นกัน
คนผู้นี้บอกว่ามีคนในครอบครัวกำลังจะแต่งงานและนำของมาส่งให้ แต่ใครเล่าเป็นคนสั่งสิ่งนี้?
“หรือว่าเสี่ยวหวานจะเป็นคนสั่ง” กู้ฟางสี่ถามทันที
เมื่อได้ยินว่าฉือโถวกำลังจะแต่งงาน เสี่ยวหวานก็มีความสุขมาก โดยบอกว่าจะมีงานมงคลที่บ้าน และนางต้องการที่จะดูแลเรื่องนี้ให้พี่ฉือโถว
อีกทั้งยังไม่ยอมให้ป้าจางออกไปซื้อของ ดังนั้นคนเดียวที่ทำได้คือกู้เสี่ยวหวาน
จนกระทั่งชายคนนั้นถามนางว่าจะให้วางสิ่งของไว้ในห้องไหน ป้าจางจึงรู้สึกตัวได้ทันที และเมื่อมองดูของในเกวียน นางก็ผงะเล็กน้อย
กู้ฟางสี่ที่อยู่ด้านข้างรีบพาคนเหล่านั้นเข้าไปข้างใน “มาทางนี้ มาทางนี้ วางไว้ในห้องนี้ได้เลย”
กู้ฟางสี่พาพวกเขาเข้าไปในบ้าน ป้าจางยังคงยืนอยู่ที่นั่น สีหน้าของนางเปลี่ยนจากความประหลาดใจในตอนแรกไปเป็นความตื่นเต้นในตอนท้าย จากนั้นนางก็รีบเดินเข้าไปในบ้านอย่างรวดเร็ว
นางเดินตรงไปที่ประตูห้องของกู้เสี่ยวหวานแล้วเคาะประตูเบา ๆ ไม่นานประตูก็ถูกเปิดจากด้านใน ทว่าเป็นฉินเย่จือที่เป็นคนเปิดประตูออกมา
“เสี่ยวฉิน เสี่ยวหวานตื่นหรือยัง” เมื่อคืนกู้เสี่ยวหวานดื่มมากเกินไป นางคงยังไม่อยากตื่น แต่อย่างไรก็ตาม ป้าจางมีคำขอบคุณมากมายและนางแทบจะรอไม่ไหวที่จะบอกกู้เสี่ยวหวาน
เมื่อเห็นใบหน้าที่ตื่นเต้นของป้าจาง ฉินเย่จือส่ายหัวและพูดเบา ๆ ว่า “ยัง นางยังหลับอยู่เลย”
หลังจากได้ยินเช่นนี้ ป้าจางรู้สึกผิดหวังเล็กน้อย นางชะเง้อหน้าเพื่อมองเข้าไปข้างใน แต่นางก็ไม่ได้เข้าไป จากนั้นนางก็พูดว่า “เสี่ยวฉิน ถ้าเสี่ยวหวานตื่นขึ้นก็บอกข้าทีนะ ข้ามีเรื่องจะพูดกับนาง”
ฉินเย่จือพยักหน้า ใบหน้าของป้าจางเต็มไปด้วยความตื่นเต้น จากนั้นก็กล่าวขอบคุณและจากไป นางคงมีเรื่องอยากจะพูดกับเสี่ยวหวานจริง ๆ
เมื่อนึกถึงสิ่งที่เสี่ยวหวานบอกเขาเมื่อไม่กี่วันก่อน ฉินเย่จือก็เดาได้ว่าป้าจางกำลังจะพูดอะไร
ดังนั้นเขาจึงพูดว่า “ท่านป้า เสี่ยวหวานบอกว่าท่านคือครอบครัวของนาง และฉือโถวคือพี่ชายของนางเช่นกัน เมื่อพี่ชายของนางแต่งงาน ในฐานะน้องสาว นางต้องทำให้ดีที่สุดเพื่อพี่ชาย นี่คือความตั้งใจของเสี่ยวหวาน ดังนั้นท่านอย่าได้เกรงใจไปเลย”
ที่ป้าจางมาหากู้เสี่ยวหวาน เดิมทีนางต้องการจะให้เงินกับกู้เสี่ยวหวาน เป็นเวลาหลายปีแล้วที่ครอบครัวจางของนางอาศัยอยู่ที่สวนกู้แห่งนี้ กินดื่มโดยไม่เสียค่าใช้จ่ายใด ๆ
หลายปีที่ผ่านมานี้ นางแทบจะไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายอะไรและเก็บออมเงินได้เป็นจำนวนไม่น้อย ครั้งนี้การแต่งงานของฉือโถวเป็นเรื่องของครอบครังจาง จะให้เสี่ยวหวานเป็นคนจัดการและออกค่าใช้จ่ายได้อย่างไร
………………………………………………….