ถ้าผมเกิดใหม่ใน RPG? (So What if it’s an RPG World !?) - ตอนที่ 10
ตอนที่ 10 ดันเจี้ยนนรกเยือกแข็งชั้นที่สอง พบองค์หญิงสโนว์ไ..
ขณะที่อาร์ย่าตื่นตกใจ ผมก็พุ่งตัวออกไปกลางอากาศราวกับตัวเองเป็นกระสุนปืนใหญ่
แม้ผมจะมั่นใจในความสามารถการเล็งของตัวเอง แต่ถ้าใช้ตัวเองเป็นกระสุนปืนใหญ่ ความมั่นใจก็ถูกลดทอนไปมาก
เร่งความเร็วในชั่วพริบตาช่างรู้สึกแย่จริงๆ ยังไม่ทันได้ตอบสนอง ทั่วทั้งหน้าผมก็กระแทกเข้าบนหลังของโอเนียสแล้ว
เกล็ดอันแหลมคมแทงเข้าที่หน้าผมทันที และเป็นครั้งแรกที่ผมรู้สึกว่าความหน้าหนานั้นสำคัญ ถ้าสวรรค์บอกผมว่าภายหลังอาจต้องใช้หน้าต่อสู้กับเกล็ดมังกรสักครั้ง ผมคงพยายามทําผิวหน้าให้แข็งจนเป็นโลหะแน่
น่ากลัวเกินไปแล้ว นั่นมันหุ่นยนต์ไม่ใช่เหรอ
ผมทิ้งความคิดแบบนี้ออกไปทันที แล้วใช้มีดในมือแทงเข้าไปที่ช่องว่างระหว่างเกล็ดมังกร ไม่งั้นผมคงถูกสะบัดหลุดทันทีแน่
ยิ่งกว่านั้นถึงผมเสียบเข้าไปได้ก็อาจโดนสะบัดหลุดอยู่ดี จนตอนนี้ผมรู้สึกเหมือนกับจะโดนฉีก แขน มีแค่สวรรค์เท่านั้นที่รู้ว่าเจ้านี่บินเร็วแค่ไหน!
“อาร์เคนใหญ่ บทลงโทษ กางเขนฉีกขาด!”
ผมโดดขึ้นหลังมังกรเพื่อรับรองความแม่นยํา และแน่นอน แม้เป็นแบบนี้ ร่างกายที่สั่นไหวไม่หยุดของอีกฝ่ายก็ยิ่งเพิ่มความยากในการตัดสินใจของผม
ช่วยไม่ได้ แม้เจ็บนิดหน่อย แต่ในเมื่อไม่เสียเลือด ก็ลองดูสักตั้งเถอะ!
คราวนี้ กางเขนสีแดงไม่ได้ปรากฏขึ้นจากบนท้องฟ้า แต่ปรากฏขึ้นกลางฝ่ามือผม ท่ามกลางเสียงระฆังอันอื้ออึง ผมจับด้านหนึ่งของไม้กางเขน แล้วใช้มืออีกข้างปล่อยมีดออกไป!
จากนั้น ร่างกายของผมก็ถูกสะบัดหลุดตามที่คิดไว้ ทั้งมุมมอง และเวลา ต่างก็อยู่ในการคาดเดา และโอเนียสก็เป็นอย่างที่ผมคิดไว้เช่นกัน มันสูญเสียการทรงตัวหลังจากสะบัดผมออกไปเนื่องจากความต่างของน้ำหนัก
นี่เป็นโอกาสเดียว! ฉันจะทําให้มีความสุขแน่!
“โทเท็มน้ำแข็ง!”
ผมเร่งความเร็วพุ่งเข้าหามังกรอีกครั้ง แต่คราวนี้แตกต่างกัน เพราะผมไม่ได้จะขี่หลังมัน แต่จะพุ่งเข้าใส่
ความร้อนบนกางเขนทําให้มือผมสูญเสียความสามารถในการรับรู้ แต่กางเขนก็ยังคงแทงเข้าไปยังส่วนใต้คอของมังกรที่ดูมีสีสันแตกต่างจากส่วนอื่นอย่างที่คิดไว้!
แม้นี่เป็นครั้งแรกที่ผมเห็นมังกรบิน แต่ว่า จุดอ่อนของมังกร ก็เคยปรากฏในเกมส่วนใหญ่
นั่นก็คือส่วนใต้ลําคอที่ไม่มีเกล็ดปกป้อง!
คราวนี้ผมแทงเข้าไปถึงกระดูกสันหลังจากส่วนที่อ่อนที่สุด ดูน่าตื่นเต้นพอหรือยัง
ตามที่คาด โอเนียสส่งเสียงโอดครวญที่ดังสะเทือนฟ้าดินออกมา แล้วเร่งความเร็วจนถึงจุดสูงสุดบินขึ้นไปยังโบสถ์กลางอากาศ
หลังจากเปลวไฟกางเขนเผาไหม้จนหมด ผมก็อัญเชิญดาบน้ำแข็งออกมาแทงเข้าไปอีกครั้ง แต่คราวนี้ผมเพิ่มเอฟเฟกต์แช่แข็งไปด้วย ทําให้ดาบน้ำแข็งกลายเป็นคนจับ แล้วตรึงไว้บนตัวมังกร
“จับฉันไว้!”
ในพริบตาที่มังกรกระแทกกับโบสถ์ อาร์ย่าก็โดดจากบนโบสถ์ขึ้นไปที่หลังมังกรทันที
ผมรีบคว้าเอวเธอเอาไว้!
หลังจากเสียงกระแทก เกล็ดน้ำแข็งก็โปรยลงบนหน้าพวกผมราวกับหยาดฝน
แต่เมื่อเทียบกับความเสียหายแล้ว มันก็ดูไม่เท่าไร เพราะว่า…
“หนักจัง”
แค่จับไว้ด้วยมือข้างเดียวก็ทําให้รู้สึกเหมือนแขนจะขาดแล้ว ยิ่งรวมกับอาร์ย่า ผมก็รู้สึกเหมือนเส้นประสาทขาดการรับรู้ไปแล้ว
“ว่าไงนะ!”
เธอคิดจะผลักผมออก แต่เมื่อนึกถึงสถานการณ์ของเราตอนนี้ ก็ยังคงจับมือผมเอาไว้แน่น
“พูดตามตรง ดาบน้ำแข็งนี้ใกล้จะหักแล้ว”
“ ไอ้โง่นี่! แลกกับฉัน!”
พูดจบ เธอก็ชักดาบออกมาเล็งที่ตําแหน่งข้างๆ ดาบน้ำแข็งแล้วเสียบเข้าไป จากนั้นก็หยิบดาบอีกเล่มออกมา แล้วเสียบเข้าไปเช่นกัน
มังกรที่น่าสงสาร วันนี้แกโดนผู้ชายแทงไปสองครั้ง โดนผู้หญิงแทงอีกสองครั้ง รู้สึกยังไงบ้าง
แม้ไม่รู้สถานการณ์อย่างเจาะจง แต่เสียงคํารามของมังกรก็เบาลงอย่างชัดเจน จนรู้สึกว่ามันใกล้ไม่ไหวแล้ว
ยิ่งกว่านั้นแถบเลือดของมันก็ลดลงอย่างรวดเร็ว มองด้วยตาก็เห็นว่ามันจวนจะหมดหลอดแล้ว
“จะว่าไป ถ้าเจ้านี่พวกเราจะไม่ตกลงไปเหรอ”
“แต่ถ้าไม่โจมตี เราก็จะตายเร็วขึ้นเพราะโดนกินไม่ใช่เหรอ”
“ก็จริง”
ผมพยักหน้า
“จากนั้นล่ะ”
“ก็ตกลงไปไง”
หลังจากเสียงโอดครวญ ศีรษะของโอเนียสก็ห้อยลง ร่างกายที่สั่นเทาก็สิ้นสุด
หัวหน้าองครักษ์น้ำแข็งโอเนียส ถูกกําจัด
ได้รับค่าประสบการณ์ 200,000
ได้รับเกล็ดมังกรน้ำแข็ง (ระดับกลาง)
แล้วบนร่างกายของอาร์ย่าก็มีเสียงดังตึง ดูท่าเธอคงเลเวลอัพเป็น 16 แล้ว
แต่ว่า…
จะมีประโยชน์อะไรล่ะ! ถึงไม่รู้ว่าข้างล่างลึกแค่ไหน เราก็คงหลีกเลี่ยงโศกนาฏกรรมที่ตกลงไปจนแหลกเป็นชิ้นเนื้อไม่ได้ แม้เลเวลอัพก็คงไม่อาจ
ไม่มีสัญญาณอย่างสิ้นเชิง แต่จู่ๆ พวกผมกับศพมังกรก็เหมือนตกลงบนสิ่งของนุ่มนิ่มบางอย่างชั่วพริบตา ผมก็รู้สึกเหมือนบางอย่างห่อหุ้มเราเอาไว้
นี่มัน…
ผมยังไม่ทันได้สัมผัสว่ามันคืออะไร ก็ได้ยินเสียงดังเพี้ยะ แล้วเราก็เริ่มร่วงหล่นอีกครั้ง แต่ว่า คราวนี้ใช้เวลาเพียงหนึ่งวินาที พวกเราก็กระแทกลงบนพื้น
“แค่กๆ…”
แม้เม็ดทรายจะไม่ได้ใหญ่มาก แต่มันกลับทําให้สลักได้
เมื่อเงยหน้ามอง ผมก็พบว่าเราตกลงมาบนหาดทรายแห่งหนึ่ง
อีกทั้งสิ่งที่น่าอัศจรรย์ก็คือ ชายหาดทางนี้เป็นเม็ดทรายที่แห้งมาก แต่ห่างออกไปไม่ถึงสิบเมตรกลับกลายเป็นหิมะขาวโพลนอันกว้างขวาง ยิ่งกว่านั้นยังแผ่ขยายไปถึงแผ่นดินอีก!
“อาร์ย่า ไม่เป็นไรใช่ไหม”
มองรอบๆ นิดหน่อย ก็พบอาร์ย่านอนอยู่บนพื้นทรายไม่ไกล ผมจึงรีบวิ่งเข้าไป
“อืม…”
อีกฝ่ายขานรับอย่างเจ็บปวด
ผมมองสถานะของเธอ ก็พบคําว่ากระดูกหักกับเสียเลือดสว่างอยู่ข้างชื่อ
แต่เมื่อมองตรงๆ กลับไม่รู้ว่ากระดูกส่วนไหนหัก และยัยนี่ก็สวมเกราะอ่อนไว้บนเท้าและบนมือ แม้จะขาดหมดแล้ว แต่กลับมองไม่เห็นข้างในอยู่ดี
“อาร์ย่า เธอเจ็บตรงไหน”
“เจ็บเหรอ ฉันเจ็บทั้งตัวเลย…”
“ฉันหมายถึงเจ็บแบบกระดูกหัก ฉันเห็นสถานะของเธอแสดงว่ากระดูกหัก”
“งั้นเหรอ…”
อาร์ย่าลองขยับแขนและขา
“โอ๊ย…”
ขณะที่ขยับเท้าขวา เธอก็แสดงอาการ
“ลําบากจัง…เป็นนักรบแท้ๆ กลับเจ็บหนักกว่านักเวทซะอีก”
เธอยิ้มขึ้นเล็กน้อย
“ฉันเลเวลสูงนี้ ฉันจะช่วยเธอดูให้”
“เฮ้ เดี๋ยว…”
อาร์ย่าหน้าแดงพลางคิดจะขวางผม แต่แค่ขยับก็เจ็บจนล้มตัวนอนลงไปอีกครั้ง
“นาย นาย…”
“นายอะไร”
ผมส่ายหน้าพลางถอดรองเท้าที่เท้าขวาของเธอ
“ถอนรองเท้ากับอย่างอื่นของคนอื่นตามใจชอบ มันช่าง”
“ขอร้องล่ะ สภาพเธอตอนนี้คงถอดเองไม่ได้หรอก แล้วฉันก็ไม่ได้ถอดชุดเธอด้วย เธอจะตกใจอะไร”
“ว่าไงนะ! นายจะถอดชุดฉันด้วยเหรอ! ไอ้โรคจิต! ลามก!”
“ใจเย็น!”
ช่วยไม่ได้ ผมจึงร่ายเวทให้เธอสงบจิตใจ
ยังดีที่ผมหูตาไว ผมจึงเห็นมือเธอเอื้อมไปที่ดาบแล้ว
“ไอ้โง่ เร็วหน่อยสิ นายจะจับเท้าฉันไปถึงเมื่อไร”
“ก็ได้ๆ ก็เธอโวยวายเองนี่”
ผมยิ้มขุนพลางกางปีกออก จากนั้นก็ร่ายเวทผ่อนคลายและเวทรักษาไปพร้อมกัน
“เรียบร้อย”
หลังจากเพิ่มเลือดให้ตัวเองด้วยแล้ว ผมก็เก็บปีก
“พักสักหน่อยเถอะ ฉันจะไปลองดูแถวนี้ว่ามันคือที่ไหน”
“เดี๋ยวก่อน!”
อาร์ย่ารีบลุกขึ้น แล้วสวมรองเท้าอย่างรวดเร็ว
“ฉันจะไปด้วย!”
“เธอ…”
“ฉันไม่อยากนอนอยู่คนเดียวนี่! ฮึ่ม! เอ๋ ทางนั้น”
จู่ๆ อาร์ย่าก็ชี้ไปทางพื้นหิมะ
ผมหันหน้าไปมอง ก็พบว่าบนพื้นหิมะ มีเอลฟ์ผมขาวสวมชุดกระโปรงสีเทากําลังมองพวกผมด้วยความแปลกใจ
“เธอ…”
ผมขมวดคิ้ว
“เธอคือองค์หญิงสโนว์ไวท์ไม่ใช่เหรอ”