ถ้าผมเกิดใหม่ใน RPG? (So What if it’s an RPG World !?) - ตอนที่ 3
ตอนที่ 3 QTE กับการป้องกันการโจมตี
ประตูหอประชุมเพิ่งปิดลง องค์หญิงสโนว์ก็เริ่มบ่น
“ฮึ่ม! เสแสร้งไปเถอะ! เกลียดชะมัด! ไปกัน ข้าจะพาพวกเจ้าไปเที่ยว!”
“ไปเที่ยว เที่ยวที่ไหนขอรับ”
“ก็เที่ยวในเมืองหลวงน่ะสิ!”
“องค์หญิง ไม่ได้นะขอรับ ตอนนี้อัศวินราชวงศ์กําลังเปลี่ยนเวรกันอยู่ โปรดรออีกหนึ่งชั่วโมงค่อย…”
“ไม่ใช่เรื่องของเจ้า!”
องค์หญิงสโนว์หมุนตัวไปจ้องพ่อบ้านพลางพูด
“คือ…”
พ่อบ้านไม่รู้ว่าจะพูดอะไรดี จึงมองมาที่พวกผม
ผมถอนหายใจ แล้วเดินไปพูด
“องค์หญิงสโนว์อย่าหงุดหงิดเลย พ่อบ้านทําเพื่อคุณนี่ ถึงผมไม่รู้สถานการณ์ในอาณาจักรเอส แต่ในเมื่อพ่อบ้านบอกว่าเพื่อความปลอดภัยของคุณ ก็อย่าไปไหนตามใจชอบดีกว่า เขาคงมีเหตุผลของเขาไม่ใช่เหรอ”
ผมพูดพลางมองพ่อบ้าน
“นั่นสิ! รออีกหน่อยก็ได้นี่ขอรับ”
พ่อบ้านรีบพูดคล้อยตาม
“ฮึ่ม…พวกฟิลรักษาความปลอดภัยให้ข้าได้อยู่แล้วไม่ใช่เหรอ แล้วยังมีดูอัลด้วย เจ้าก็รู้พลังของนางนี้ ถ้าเจ้าไม่ไว้ใจฟีล เจ้าจะประลองกับเขาดูก็ได้”
“เฮ้ๆ! ไหนบอกว่าใช้เวทมนตร์ในวังไม่ได้ไง!”
“เมื่อเช้าเจ้าก็ใช้ได้ไม่ใช่เหรอ”
“ถึงจะเป็นแบบนั้น…แต่ผมฟื้นฟูพลังเวทที่ใช้ไปแล้วไม่ได้นี่”
แม้เมื่อเช้าผมจะใช้เวทมนตร์ได้ แต่ MP ที่ใช้ไปกลับไม่ฟื้นฟูอย่างช้าๆ เหมือนเมื่อก่อน จนถึงตอนนี้ MP ของผมก็ยังหายไปเสี้ยวหนึ่งอยู่เลย
“ก็ได้ งั้นกระหม่อมจะประนีประนอมหน่อย ขอเพียงนักเวทฟีลสามารถยับยั้งทักษะเฉพาะของกระหม่อมได้ กระหม่อมก็วางใจให้พวกท่านไป ตกลงไหม”
“ได้”
เฮ้ๆๆ ผมยังไม่ตกลงเลย องค์หญิงสโนว์คุณตอบไว้ขนาดนี้ทําไมเนี่ย
มองไปทางอาร์ย่า เธอก็กลอกตาใส่ผม
‘ไปเถอะ อัศวินขององค์หญิง’
‘อัศวินอะไรล่ะ ฉันเป็นนักเวทนะ’
มองไปทางญาริน เธอกลับกําลังใช้สายตาคาดหวังมองผมอยู่
ให้ฉันไปสู้ พวกเธอกําลังล้อฉันเล่นเหรอ
ให้ผมรับสกิลเฉพาะของนักดาบเลเวล 34 พวกเธอคิดจะฆ่าฉันเหรอ ปกติแล้วแบบนี้มันคือโหมโรงของการหาที่ตายรูปแบบต่างๆ เลยนะ
ใช้ปราสาทน้ําแข็งเหรอ
มันขัดขวางสกิลเฉพาะไม่ได้อยู่แล้ว พลังป้องกันคงเป็นแค่เรื่องล้อเล่นเท่านั้นแหละ
พระราชวังน้ําแข็งเหรอ
แม้มันดูร้ายกาจ แต่ผมคิดว่าคงขวางไว้ไม่อยู่
ราชสํานักน้ําแข็งเหรอ
แม้ปล่อยมันต่อเนื่องสองครั้ง แต่พลังป้องกันก็…
“ผมว่า ทําไมนักเวทอย่างผมต้องรับท่าของนักดาบด้วยล่ะ”
“ท่านรู้ได้อย่างไรว่าข้าเป็นนักดาบ”
พูดแล้ว ผมก็หยิบดาบอัศวินออกมา
“ข้าเก็บดาบสํารองไว้ในแหวนเก็บของนี่”
“สัญชาตญาณน่ะ ผมรู้แค่คุณเป็นนักดาบก็พอ ไม่ต้องสนหรอก”
“น่าสนใจ ในเมื่อเป็นเช่นนี้ข้าก็ไม่เกรงใจล่ะ!”
ชั่วพริบตา อุณหภูมิรอบด้านก็ลดลงอย่างฉับพลัน พ่อบ้านแกว่งดาบในมือ ร่างเงาสีครามสายหนึ่งก็พุ่งเข้าใส่ผม!
พูดว่ามาก็มาเลย! ให้เวลาผมป้องกันหน่อยได้ไหม!
“อาณาจักร ราชสํานักนาแข็ง!”
ผมโดดถอยหลังอย่างรวดเร็ว ตามด้วยสร้างกําแพงน้ําแข็งขนาดยักษ์ขึ้นมา การปะทะของสายน้ําแข็งกับสายน้ําแข็งเหมือนรถบรรทุกชนกันชัดๆ ยังไม่ทันรอให้ผมปล่อยราชสํานักน้ำแข็งอันถัดไป ผมก็ได้ยินเสียงที่ฟังดูไม่สู้ดีดังมาจากฝั่งตรงข้าม
“อาร์เคน ฉีกขาด ดวงดาวบดขยี้!”
“สกิลลับ โอกาสที่แน่นอน! กําหนดเป้าหมาย ต้านทานการโจมตี!”
ผมใช้ราชสํานักน้ําแข็งอีกไม่ทันแน่ ผมเลยรีบใช้สกิลที่เพิ่งเรียนรู้มา แม้ไม่รู้ว่ามันจะเพิ่มโอกาสสูงแค่ไหน แต่มันก็แนะนําไว้ว่า ‘เพิ่มโอกาสอย่างสูง’ นะ
ก็ได้ งั้นผมคงทําได้เพียงเดิมพันสักตั้ง ยังไงซะเขาก็บอกให้ผมรับท่านี้ ไม่ใช่การหลบหลีก ไม่งั้นใครจะยอมรับท่าไม้ตายของคนอื่นล่ะ
โครม!
กําแพงน้ําแข็งแตกสลาย เศษน้ําแข็งนับไม่ถ้วนม้วนตัวขึ้นจนหอบผมลอยขึ้นไป!
แค่สัมผัสโดนร่างกายผม เลือดก็ลดลงไปครึ่งหนึ่งทันที แต่ว่า…ในพริบตา แถบควบคุมก็ปรากฏขึ้นตรงหน้าผม และบนนั้นก็มีปุ่มที่เขียนว่า ‘โจมตี’
บ้าเอ๊ย คุณมี QTE ด้วยเหรอ ล้อผมเล่นหรือไง
หลังจากกดปุ่มอย่างรวดเร็ว หน้าจออีกอันก็เด้งออกมาจากด้านข้าง และมันคือ QTE จริงๆ!
ได้! แค่กดก็พอใช่ไหม เรื่องแบบนี้ไม่ยากเกินผมอยู่แล้ว ประสาทการเล็งของผมน่ะเร็วที่สุด!
ผมกดปุ่มลงไปอย่างต่อเนื่อง จู่ๆ สมองผมก็แวบภาพประหลาดฉากหนึ่งขึ้นมา…แกว่งดาบเหรอ
ผมชักดาบออกมาด้วยสัญชาตญาณ ทําท่าตามจินตนาการในสมอง แล้วแกว่งออกไปทางพ่อบ้าน!
ผมควบคุมร่างกายไม่ได้ แล้วใช้ทักษะดาบเป็นชุดได้อย่างลื่นไหล
“อาร์เคน ฉีกขาด ดวงดาวบดขยี้!”
สกิลเดียวกันหมุนวนไปยังทิศทางที่มันมา แล้วร่างกายของพ่อบ้านก็แผ่ลําแสงสีครามเพื่อขัดขวางการโจมตี แต่ก็ยังคงต้องถอยหลังไปหลายก้าวอยู่ดี
“เป็นไป…ได้ยังไง…”
พ่อบ้านมองผมราวกับเห็นสัตว์ประหลาด
“เจ้า…เพียงแค่มองก็จําสกิลข้าได้แล้วงนเหรอ…”
“มันเป็นเวทมนตร์ของผม ไม่ต้องสนใจหรอก”
ผมกดน้ํายาเพิ่มเลือดไปด้วยพลางพูดไปด้วย
ฝ่ายตรงข้ามเป็นแค่นักดาบ คงไม่เข้าใจเรื่องเวทมนตร์หรอกมั้ง
“…แบบนี้นี่เอง ข้าเคยได้ยินว่าฝ่าบาทชื่นชมเวทมนตร์ของท่านมาตลอด เดิมที่ข้าก็ไม่เชื่อว่านักเวทระดับต้นอย่างท่านจะมีความสามารถอะไร แต่พอได้เห็นในวันนี้ ก็ช่างไม่ธรรมดาจริงๆ”
พ่อบ้านพยักหน้า จากนั้นก็เก็บดาบ
“ก็ได้โปรดคุ้มครองความปลอดภัยขององค์หญิงด้วยนะขอรับ”
“แน่นอนครับ…องค์หญิงอย่าลากผมสิ!”
ผมยังพูดไม่ทันจบ องค์หญิงสโนว์ก็ลากพวกเราวิ่งออกไป! ยัยนี่เอาแรงมาจากไหน ถึงขนาดลากเราสามคนออกวิ่งไปได้ ช่างน่าเหลือเชื่อจริงๆ
“ช้าต่อไปตาเฒ่านั่นต้องเปลี่ยนใจแน่ วิ่งเร็วเข้า!”
“ก็ได้ๆ…”
ด้วยความจนปัญญา พวกเราจึงทําได้เพียงวิ่งตามองค์หญิงสโนว์ออกจากวัง
ทหารรอบด้านมองพวกเรา และแสดงสายตาประหลาดใจ แต่เมื่อเห็นองค์หญิงสโนว์วิ่งอยู่ด้านหน้าสุด กลับไม่มีใครพูดอะไรสักคน
คงเพราะเคยชินกับพฤติกรรมประหลาดขององค์หญิงสโนว์แล้วละมั้ง
เป็นแบบนี้ แล้วพวกเราก็วิ่งออกไปจากพระราชวัง ไปยังถนนของเมืองหลวง
มองกลุ่มคนหายไปจากทางเดินในพระราชวัง พ่อบ้านก็ถอนหายใจ แล้วดีดนิ้ว
เงาดําสายหนึ่งค่อยๆ ปรากฏที่ข้างหลังพ่อบ้าน แล้วพูดเสียงเบา
“ต้องตามดูอีกเหรอ”
“มันจําเป็น”
“ข้าคิดว่าพลังของเด็กนั่นแข็งแกร่งเพียงพอ เมืองหลวงแห่งนี้คงมีเพียงไม่กี่คนที่อาจเอาชนะเขาได้ อีกทั้งเมื่อครู่เจ้าก็ลงมือล่วงหน้าอย่างชัดเจน ซึ่งไม่เป็นผลดีต่อนักเวทแน่ๆ”
“ข้ารู้ แต่เพราะข้าไม่อยากให้องค์หญิงออกไปแต่แรก นางออกไปก็รังแต่จะก่อเรื่อง”
“มีคนที่ชื่อฟีลอยู่คงไม่เป็นไร”
“เอาละ เลิกอู่ได้แล้ว ตามไปซะ”
“ก็ได้ๆ อย่างไรข้าก็เบื่อจะอยู่ที่นี่แล้ว”
พูดจบ เงาดําก็หายไปอย่างช้าๆ
“เดี๋ยวก่อน!”
พ่อบ้านเรียกเงาดําไว้
“ทําไม”
“มีเวทมนตร์ที่จดจําทักษะของผู้อื่นแล้วนํามาใช้ด้วยเหรอ”
“….”
เงาดําชะงักเล็กน้อย แล้วพูด
“เจ้าหมายถึงทักษะที่เด็กนั่นใช้เมื่อครู่เหรอ”
“ใช่”
“…นั่นเป็นสาเหตุที่ข้ารู้สึกว่าเด็กนั่นผิดปกติ เพราะข้าก็ไม่รู้ว่ามีทักษะแบบนั้นด้วย เจ้าคิดว่าข้าคิดจะตามหาเด็กพวกนั้นจริงเหรอ สิ่งที่ข้าสนใจ คือเด็กนั่นมาจากไหน ถึงมีความสามารถที่น่าสนใจแบบนี้ได้”
“ตอนนี้เด็กนั่นเป็นลูกน้องเจ้าแล้ว ข้าว่าเจ้าคงจะได้รู้เอง”
“…สายตาของเจ้าไม่เลวเลยนี่ ฮ่าๆๆ น่าสนใจ”
พูดจบ เงาดําก็หายไปในอากาศ ราวกับไม่เคยปรากฏตัวมาก่อน
ส่วนพ่อบ้านก็ถอนหายใจ พลางเดินกลับไปยังหอประชุม
ผ่านไปไม่กี่วินาที ร่องรอยการต่อสู้บนทางเดินก็ค่อยๆ หายไปราวกับไม่เคยเกิดขึ้น…
1 ย่อมาจาก Quick time event หมายถึง เกมที่ผู้เล่นจะต้องตอบสนองหรือทําตามสิ่งที่ปรากฏในเกมในเวลาสั้นๆ ซึ่งไม่งั้นอาจมีผลต่อเนื้อเรื่อง