ดวงใจประมุขมาร - ตอนที่ 16
ตลอดหนึ่งอาทิตย์ตั้งแต่นายหญิงเหยียบก้าวเข้ามาก็มิเคยมีผู้ใดถูกทำโทษ เพราะมีนายหญิงอยู่เคียงข้างคอยเตือนท่านประมุขให้รู้จักใช้พระเดชและพระคุณในการดูแลคนในพรรค และผ่านมานางมิเคยกดขี่ข่มเหงและจองหองเย่อหยิ่ง มีแต่เพียงความอ่อนหวานนอบน้อมรู้จักเด็กรู้จักผู้ใหญ่ ทั้งพรรคมังกรทมิฬกลับดูสดใสมีชีวิตชีวาขึ้นจึงทำให้นางเป็นที่เคารพรักของทุกคนในพรรคด้วยเวลาไม่นาน
จ้าวหยางหลงและจางโม่ลี่ใช้เวลาอยู่ร่วมกันเพื่อสร้างความคุ้นเคยจวบจนครบหนึ่งอาทิตย์ ยามเช้าวันนี้หลังจากจางโม่ลี่และจ้าวหยางหลงทานข้าวเสร็จชายหนุ่มก็ขอตัวออกไปทำงานที่ค้างไว้ โดยบอกว่าวันนี้มีธุระต้องออกไปข้างนอกคาดว่าจะดึกให้นางนอนไปก่อนไม่ต้องรอเขา นางก็พยักหน้ารับย้ำบอกให้เขาดูแลตนเองให้ดี ด้วยเพราะวันนี้นางรู้สึกใจไม่สู้ดีนักจึงหาอะไรทำเล็กๆ น้อยๆ เพื่อให้ลืมความกังวล
วันนี้ทั้งวันจางโม่ลี่จึงใช้เวลาพูดคุยอยู่กับบรรดาพ่อครัวแม่ครัวทั้งยังสอนทำของคาวหวานอย่างเพลิดเพลิน ทั้งยังเป็นผู้ลองชิมฝีมือบรรดาลูกศิษย์รุ่นเล็กรุ่นใหญ่ด้วยตนเองอย่างไม่ถือตน แต่ยังมีบางช่วงที่แสดงความกังวลและเหม่อลอยออกมาจนซิ่นหวายังรู้สึก
“นายหญิงนี่ก็ใกล้มืดแล้ว ไปชำระกายเข้านอนเถิดเจ้าค่ะ” ซิ่นหวาเอ่ยเตือนเมื่อแสงแดดร้อนแรงเริ่มแปรเปลี่ยนเป็นสีส้มที่ขอบฟ้า
“อืม”
หลังจากอาบน้ำชำระกายเรียบร้อยนางก็นั่งอยู่หน้าคันฉ่องหวีผมนุ่มหอมกรุ่นสีดำสนิทเหมือนแพรไหมของตนช้าๆ พลางคิดถึงคนที่หายไปแต่เช้าจนป่านนี้ยังไม่มีวี่แววจะกลับมาเสียที
พลางคิดเรื่องราวที่ผ่านมาแม้จะร่วมเตียงแต่เขามิได้ล่วงเกินนางมากกว่ากอดตามที่พูดไว้ แต่ก็ขยันหลอกกินเต้าหู้ให้นางอับอายได้ทุกชั่วยาม ยิ่งตอนที่เขาบังคับนางให้อาบน้ำด้วยกันโดยให้เหตุผลว่าจะได้สร้างความคุ้นชินกันเร็วขึ้น ทำเอานางอยากจะร้องไห้เสียวันละหลายหน“ดอกแก้วหัวใจจะวาย” ให้นางได้แต่คร่ำครวญในใจสามีนางช่างไร้ยางอายนักจับนางลอกคราบอาบน้ำวันละ 4 รอบ เช้าสายบ่ายเย็นเล่นเอานางเนื้อตัวแทบเปื่อยแดงเหมือนกุ้งต้มเลยทีเดียว
“พี่ซิ่นหวา ข้าเป็นห่วงพี่หลงนัก วันนี้ข้ารู้สึกใจไม่ดีเสียเลย”
“ท่านประมุขเพียงออกไปทำงานไม่เป็นอะไรหรอก อย่ากังวลไปเลยเจ้าค่ะ” ซิ่นหวาตอบแต่ในใจนางก็อดกังวลตามนายหญิงมิได้ ด้วยสถานที่ๆ ท่านประมุขไปคือพรรคพิษไร้พ่าย ชื่อก็บอกอยู่ว่าพิษนางกลัวว่าท่านประมุขจะพลาดท่าให้กับหยวนเทียนเหอเจ้าสารเลวนั้น เพราะฝ่ายนั้นถนัดเรื่องการใช้พิษในการสังหารผู้อื่น
“นายหญิงพักผ่อนเถิดเจ้าค่ะ เดี๋ยวข้าจะนั่งอยู่เป็นเพื่อนรอจนกว่าท่านประมุขจะกลับมา”
“อืม” โม่ลี่ครางรับวันนี้นางเองก็รู้สึกเพลียและกังวลไม่น้อย เพียงไม่นานก็เข้าสู่ห้วงนิทราซิ่นหวายิ้มน้อยๆ ให้กับนายหญิงของตนที่ผล็อยหลับไป
อีกด้านหนึ่งของพรรคพิษไร้พ่ายซึ่งใช้เป็นที่แฝงกายของบุรุษชุดดำทรงอำนาจกำลังทอดมองทะเลเพลิงตรงหน้าด้วยความสะใจ จ้าวหยางหลงได้รับรายงานว่าคนของเขาจับตัวคนของหยวนเทียนเหอไว้ได้เมื่อสามวันก่อนและเค้นคอจนได้คำสารภาพที่ทำเอาเขาระงับโทสะไว้ไม่ได้ สังหารมันอย่างโหดเหี้ยมด้วยตนเอง “หยวนเทียนเหอครั้งที่แล้วข้ายังไม่ได้คิดบัญชีกับเจ้าก็รนหาที่ตายเสียแล้ว คิดชิงตัวนางฝันไปเถอะ” ดวงตาคมดุแดงก่ำเต็มไปด้วยอำมหิตวาบขึ้นก่อนจะเร้นกายหายไปในความมืดมิดพร้อมกับบรรดาเงาที่ติดตามอยู่ไม่ห่าง
ภายในพรรคมีเสียงต่อสู้กันอย่างดุเดือดถามกลางทะเลเพลิงและซากศพที่นอนกลาดเกลื่อนบางศพนอนตายตาค้างบางศพเป็นแผลฉกรรจ์ขาดครึ่งท่อนก็มีให้เห็น
“ฆ่ามันให้หมด!” เสียงของหยวนเทียนเหอตะโกนสั่งลูกน้องเสียงดัง
เงาร่างไหววูบปรากฏกายขึ้นเบื้องหน้าดวงตาแววโรจน์จ้องมองอีกฝ่ายอย่างอำมหิต จ้าวหยางหลงแผ่ไอสังหารเข้มข้น บรรยากาศภายในเต็มไปด้วยแรงกดดัน
“เจ้า” หยวนเทียนเหอเอ่ยเสียงเหี้ยม ทั้งรู้สึกกังวลด้วยบาดแผลคราวก่อนยังไม่หายดีนัก
“หึหึ…หยวนเทียนเหอวันนี้ข้ามาเพื่อคิดบัญชีกับเจ้า”
“ฮ่า…ฮ่า…ถ้าคิดว่าทำอะไรข้าได้ก็เข้ามา แต่ไม่ต้องห่วงหากเจ้าตายไป ข้าจะรับดูแลนางอย่างดีเลยทีเดียว”หยวนเทียนเหอท้าทายและยั่วยุโทสะ
“อย่าแม้จะฝันว่าเจ้าจะได้แตะต้องนาง” ว่าจบก็พุ่งเข้าหาอีกฝ่ายที่ตั้งท่ารออยู่แล้ว
“เคร้ง…เคร้ง…ตูม!!” เสียงกระบี่และปราณดังสลับกันอยู่ตลอดเวลา ด้วยหยวนเทียนเหอมีอาการบาดเจ็บอยู่แล้วทำให้เขาตกเป็นรอง จะลอบหนีเหมือนครั้งที่แล้วก็เป็นไปได้ยากเพราะอีกฝ่ายไม่เปิดโอกาสเพียงนิดทั้งยังผลัดกันลุกผลัดกันรับไม่มีใครยอมใคร ด้วยฝีไม้ลายมือของจ้าวหยางหลงนับเป็นหนึ่งในใต้ล้าและหยวนเทียนเหอมีปราณและพลังยุทธ์ห่างกันอยู่ถึงสองขั้นจึงใช้เวลาไม่มากนักในการเอาชนะอีกฝ่าย
“ฉึก…ตูม…โครม!” เสียงของแหลมกระทบเนื้อตามด้วยปราณเข้มข้นกระทบเข้ากับร่างบุรุษจนกระเด็นไปกระแทกผนังจนเป็นรอยร้าวขนาดใหญ่
“ตุบ…พรวด…อั๊ก!!” เสียงฝีเท้าที่เหยียบลงบนอกอีกฝ่ายด้วยโทสะทำเอาร่างของหยวนเทียนเหอกระอักเลือดออกมาคำโต ดวงตาจับจ้องอีกฝ่ายราวมดปลวกน่ารำคาญ
“จะ…เจ้าอย่าให้ข้ารอดไปได้นะ ข้าจะฆ่าเจ้าและเอานางมาบำเรอให้หนำใจเลยเชียว” เสียงเกรี้ยวกราดแค้นเคืองดังลั่นออกมาจากปากผู้ที่นอนอยู่ใต้แทบเท้าของอีกฝ่าย
“ปัง!! นี่สำหรับที่เจ้ากล้าหมิ่นเกียรตินาง ปัง!! กร๊อบ…และนี่สำหรับที่เจ้ากล้าคิดจะชิงนางไปจากข้า เจ้าไม่มีทางรอดอีกแล้ว ฉั๊ว…ฉึก!” เสียงฝ่าเท้าแทรกลมปราณกระทืบลงไปยังหน้าอกของอีกฝ่ายจนได้ยินเสียงกระดูกหักก่อนจะตวัดกระบี่เข้าที่อกอีกฝ่ายและแทงเข้าที่ท้องซ้ำรอยเดิมที่คนของเขาทำไว้ เขายังไม่อยากให้มันตายเร็วนักจึงค่อยๆ ทรมานมันให้สาสมกับความแค้นในอก
“อ๊าก!!!”หยวนเทียนเหอร้องออกมาอย่างเจ็บปวด เขารู้ว่าวันนี้ชีวิตเขาและพรรคที่เขาเป็นผู้ก่อตั้งมาคงถึงจุดสิ้นสุดเสียแล้ว “ข้าตาย เจ้าก็อย่าหวังว่าจะรอด ข้าจะให้เจ้าค่อยๆ ทรมานอย่างที่ทำกับข้า” หยวนเทียนเหอคิดในใจลอบหยิบผงพิษกร่อนวิญญาณที่อยู่ในผ้าคาดเอวด้านหลังโดยไม่ให้อีกฝ่ายสังเกตเห็น
“ข้าตาย เจ้าก็ตาย” หยวนเทียนเหอพูดจบก็ใช้เรี่ยวแรงที่มีอยู่สาดผงพิษให้อีกฝ่ายทันที
จ้าวหยางหลงที่ระวังตัวอยู่แล้วรีบผละถอยทันที แม้จะระวังตัวเพียงใดก็ยังพลาดให้อีกฝ่ายเล่นงานด้วยพิษได้ เข่าหนาทรุดอยู่กับพื้นกระอักเลือดเล็กน้อย แม้จะได้รับปริมาณพิษเพียงเล็กน้อย แต่พิษนี้มีความรุนแรงเพียงใดเขาย่อมรู้ดี เงาที่แฝงตัวอยู่รีบปรากฏกายขึ้นปกป้องและประคองผู้เป็นนายทันที
“ฮ่า…ฮ่า…ถึงแม้เจ้าจะเก่งกาจหรือฉลาดแค่ไหน เจ้าก็ยังไม่ทันเล่ห์เหลี่ยมข้าหรอก”
“เจ้ามันสารเลว จงตายเสียเถอะ” จ้าวหยางหลงพูดจบก็ซัดกระบี่ที่แฝงปราณเข้าตำแหน่งหัวใจของอีกฝ่ายอย่างแม่นยำจนมันถึงกับเบิกตาค้างตายอย่างไม่รู้ตัว ร่างหนาทรุดฮวบกระอักโลหิตอีกรอบก่อนจะหมดสติไป
“เฮือก!…” จางโม่ลี่สะดุ้งตื่นลุกพรวดจากเตียงบนใบหน้าซีดมีเหงื่อไหลซึมพร้อมเสียงหายใจดังเหนื่อยหอบ นางฝันร้ายมันน่ากลัวมาก พลางหันไปมองด้านข้างก็ยิ่งรู้สึกใจไม่ดี
“นายหญิงเป็นอะไรไปเจ้าคะ” ซิ่นหวาที่นั่งพิงอยู่กับเสาเตียงสะดุ้งตกใจ
“พี่ซิ่นหวา พี่หลงยังไม่กลับอีกหรือ”
“ยังเจ้าค่ะ”
“ข้าฝันร้าย ในฝันข้าเห็นพี่หลงได้รับบาดเจ็บหนัก จนป่านนี้แล้วเหตุใดพี่หลงยังไม่กลับมาอีก พี่ซิ่นหวาข้าเป็นห่วงพี่หลงยิ่งนัก” โม่ลี่พูดพลางชะเง้อมองไปที่ประตูเป็นระยะ
“อย่าห่วงเลยเจ้าค่ะ ท่านประมุขจะไม่เป็นอะไร นายหญิงนอนต่อเถิดเจ้าค่ะ” ซิ่นหวาปลอบทั้งที่ในใจกำลังกังวลอยู่เช่นกัน
จางโม่ลี่ยังคงนิ่งเฉยพลางหันไปทางหน้าต่างที่เปิดรับลมหากเดาไม่ผิดนี่ก็ปลายยามโฉ่ว (1.00-2.59 น.) ภาพในความฝันช่างน่ากลัวทั้งรบกวนจิตใจนางเกินกว่าจะหลับต่อไปได้ มือบางยกขึ้นทาบตำแหน่งหัวใจที่กำลังบีบรัดนางทั้งสั่นไหวอย่างรุนแรง
“ข้านอนไม่หลับ ข้าจะรอพี่หลงจนกว่าจะกลับ พี่ซิ่นหวาไปจุดตะเกียงเพิ่มเถอะเจ้าค่ะ” โม่ลี่บอกกับซิ่นหวาที่นั่งอยู่กับพื้นข้างเตียง
“เจ้าค่ะ” ซิ่นหวารับคำและลุกไปจัดการตามที่นายหญิงสั่ง
ผ่านไปครึ่งชั่วยาม (1 ชั่วโมง) ผู้ที่รอคอยการกลับมาของอีกฝ่ายก็ยังคงนั่งนิ่งอยู่กับที่ เสียงดังจากด้านนอกเรียกสติของคนด้านในเป็นอย่างดี โม่ลี่และซิ่นหวารีบออกไปดูว่าเกิดสิ่งใดขึ้น ทว่าทันทีที่ประตูถูกเปิดออกก็พบกับคนที่นางรอคอย แต่บัดนี้มีชายชุดดำอำพรางใบหน้าสองคนเป็นผู้พยุงร่างที่หมดสติอยู่ในวงแขนทั้งโลหิตสีดำเปรอะเปื้อนติดอยู่ที่มุมปาก
“พี่หลง” โม่ลี่ถลาไปหาผู้เป็นสามีเรียกเขาอย่างตื่นตระหนกดวงตาคู่งามเอ่อคลอไปด้วยน้ำตา
“รีบพาท่านประมุขไปที่เตียงก่อน ท่านพ่อบ้านไปตามหมอเร็วเข้า” โม่ลี่รีบสั่งทันทียามนี้นางจะสติแตกมิได้
“ซิ่นหวาไปเอาน้ำและผ้ามา ข้าจะเช็ดตัวให้พี่หลง”
“เจ้าค่ะ”
โม่ลี่ใช้เวลาไม่ถึงเค่อ (15 นาที) ก็ทำความสะอาดและผลัดเปลี่ยนอาภรณ์ใหม่ ให้แก่สามีโดยมีซิ่นหวาเป็นผู้ช่วยอยู่ข้างๆ
“เกิดอะไรขึ้น เหตุใดพี่หลงจึงกลับมาในสภาพเช่นนี้” โม่ลี่ถามหลังจากเสร็จงานตรงหน้า
“ท่านประมุขต้องพิษขอรับ” หนึ่งในชายชุดดำเป็นผู้ตอบคำถาม
“พิษหรือ หะ…” ยังไม่ทันจะได้สอบถามมากนัก พ่อบ้านม่านก็มาพร้อมกับหมอชราก็ปรากฏตัวขึ้นเสียก่อน
“เชิญท่านหมอเจ้าค่ะ” โม่ลี่เอ่ยเรียกหมอชรา ทั้งขยับออกห่างให้เขาทำหน้าที่ได้สะดวก
หมอชราใช้เวลาหนึ่งเค่อ (15 นาที) ในการตรวจหาพิษที่ท่านประมุขได้รับ คิ้วขมวดตีกันให้ยุ่งพลางทำสีหน้าหนักใจมองก่อนจะส่ายหน้าอย่างสิ้นหวัง โม่ลี่ที่มองอยู่ตลอดเวลาถึงกับหน้าซีดหยดน้ำใสไหลรินอาบแก้มเอ่ยถามอีกฝ่ายอย่างต้องการความหวัง ท่ามกลางบรรยากาศตึงเครียดของคนภายในห้อง