จอมเวทอหังการ - ตอนที่ 278
บทที่ 278: การโต้กลับ
ท่อนกระดูกปลิวมาติดแหงกอยู่กับกําแพง ซึ่งก่อนหน้านี้มันเคยเป็นสถานที่ที่มู่หนิงเซียยืนอยู่
สถานการณ์ตอนนี้นั้นเริ่มที่จะยากลําบากสําหรับเธอแล้ว การสังหารทาสถ้ําไม่ใช่เรื่องง่ายดายอีกต่อไป หนึ่งก็คือมีทาสถ้ําทั้งหมดเจ็ดตัวและสองคือพลังเวทของเธอกําลังฟื้นฟูอยู่ยังไม่สามารถใช้พลังได้ในตอนนี้
การใช้เวทมนตร์ระดับมัชฌิมในถ้ําเล็กๆเช่นนี้มันเป็นเรื่องที่ไม่ควรเอาเสียเลย เส้นทางระหว่างถ้ํานั้นแคบเกินไปมาก ในตอนนี้มู่หนิงเซวียจําเป็นจะต้องใช้คาถาธาตุลมเพื่อเคลื่อนย้ายตําแหน่งให้เร็วที่สุดและใช้ธาตุน้ําแข็งระดับปฐมภูมิเพื่อแช่แข็งพวกมันไปก่อน
อย่างไรก็ตามทาสถ้ําเหล่านี้มิใช่อสูรโง่เขลา มันรีบทุบพื้นทันทีเมื่อเห็นว่ามีน้ําแข็งก่อตัวขึ้นเพื่อพยายามที่จะกลืนกินตนเอง น้ําแข็งบนพื้นแตกกระจายทันที เช่นนี้มันจึงไม่สามารถแพร่กระจายไปด้านหน้าตามที่เจ้านายสั่งการได้
การกระทําของพวกมันทําให้มู่หนิงเซวียรู้สึกไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากถอย
“ฉันควรจะรอเขาสักหน่อย..” มู่หนิงเซวียกล่าวพึมพําออกมาอย่างรู้สึกผิด
ขณะนี้เธอตระหนักได้ว่าระยะทางที่เธอทิ้งห่างโม่ผ่านมานั้นไกลมาก ไม่รู้ว่านานแค่ไหนที่โม่ฝานจะวิ่งตามเธอได้ทัน อีกทั้งเขายังไม่มีเวทมนตร์ที่ช่วยในเรื่องของความเร็วอีกด้วย
ทักษะของเขานั้นสามารถจัดการกับทาสถ้ําเหล่านี้ได้อย่างง่ายดาย ด้วยพลังของธาตุสายฟ้าและไฟรวมกัน นั่นโหดร้ายอย่างมาก มันรุนแรงเกินกว่าธาตุน้ําแข็งของเธอหลายเท่า อีกทั้งมันไม่สามารถถูกขัดขวางได้เช่นเธออีกด้วย ตอนนี้ตรวนของเธอกําลังคูลดาวน์อยู่และแช่แข็งก็ไม่สามารถใช้งานได้เมื่อมันถูกทุบแตกเป็นเสี่ยงๆ
“คงจะต้องใช้อุปกรณ์เวทมนตร์แล้ว” มู่หนิงเซวียบ่นออกมาพร้อมกับถอนหายใจยาว
มู่หนิงเซียนั้นใช้เคลื่อนย้ายพริบตาเล่นกับทาสถ้ําทั้งเจ็ดมาสักพักแล้ว นี่เป็นเพียงการถ่วงเวลาเท่านั้น พวกมันเขวี่ยงกระดูกไปมาอย่างน่าขนลุกและคาดเดาได้ว่าอีกไม่นานมันก็คงจะโจมตีเข้าเป้าในสักหมัด!
“อสนีบาตพิโรธ!”
ในความมืดมิดปรากฏเงาของชายคนหนึ่งโผล่ออกมา สายฟ้าเกรี้ยวกราดสองถึงสามเส้นไหลผ่านอากาศ ส่องแสงเรืองรองอย่างสวยงามในขณะที่เขากําลังเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็ว
ขณะที่โม่ผ่านคํารามออกมา สายฟ้าในมือของเขาพุ่งเข้าหาอสูรเวทที่กําลังวิ่งไล่มู่หนิงเซวียอย่างเข้าเป้า
แส่สายฟ้านั้นไร้ความปรานี มันฟาดลงบนร่างกายของทาสถ้ําอย่างโหดเหี้ยม ด้วยพลังเดิมของมันนั้นสามารถทําให้กล้ามเนื้อของศัตรูกลายเป็นอัมพาตได้ แต่เมื่อหลวมรวมกับอสนีบาตพันปีเข้าไปทําให้พลังทําลายล้างสูงมากกว่าเดิมหลายเท่า ท้ายที่สุดกลิ่นเนื้อไหม้เกรียมส่งกลิ่นเหม็นโชยไปทั่วบริเวณอย่างอบอวล
แววตาของมู่หนิงเซวียสั่นเครืออย่างยินดีเมื่อเธอเห็นโม่ฝานวิ่งเข้ามา
เธอรีบใช้เคลื่อนไหวพริบตาเพื่อไปอยู่เคียงข้างกับเขาทันที ลมหายใจหอบหนักของเธอทําให้โม่ผ่านตระหนักได้ว่าเธอเพิ่งผ่านช่วงเวลาที่ยากลําบากในการต่อสู้ก่อนหน้านี้
“หนึ่ง สอง สาม สี่ ห้า หก… อ่า ยอดเยี่ยม!” โม่ฝานเผยรอยยิ้มกว้างออกมา เมื่อเขาเหวี่ยงสายฟ้าออกไปแล้ว ในมือขวาของเขายังคงถือเปลวไฟลุกโชนเอาไว้อย่างมั่นคง
ในคราวแรกเขาไม่กล้าที่จะใช้เปลวไฟเพื่อโจมตีพวกมันทั้งหมด ซึ่งเขาเกรงว่าหญิงสาวจะได้รับอันตรายจากการโจมตีครั้งนี้ แต่ทว่าตอนนี้ปัญหาของเขาได้หายไปแล้ว!
“อัคคีกุหลาบ หมัดเพลิงระเบิดสวรรค์!”
การใช้หมัดเพลิงในพื้นที่แคบๆเช่นนี้ไม่จําเป็นจะต้องเล็งอะไรให้มากมาย เพียงแค่โยนเปลวไฟที่ดุร้ายเหล่านี้ลงบนพื้น พวกมันสามารถลุกลามไปทั่วพื้นที่ได้โดยอิสระ
ขณะที่โม่ฝานขว้างหมัดเพลิงของเขาออกไป พวกมันทั้งหมดพุ่งเข้าใส่ทาสถ้ําทั้งหกตัวอย่างแม่นยํา ไม่ว่าพวกมันจะกรีดร้องหรือพยายามจะหลบหนีไปทางไหน ก็ไม่มีวันที่จะหนีเปลวไฟที่โหดเหี้ยมนี้ได้เลย
อัคคีกุหลาบของโม่ผ่านนั้นเพียงแค่หมัดเพลิงธรรมดาของเขาก็รุนแรงมากกว่าซูเซียวหลายเท่า ซึ่งซ่เซียวและจ้าวหม่าหยันจําเป็นจะต้องใช้คลื่นวารีก่อน จากนั้นค่อยตามด้วยหมัดเพลิงจึงจะกําจัดทาสถทั้งแปดตัวลงได้ เมื่อเทียบกับโม่ฝานแล้ว เขาไม่จําเป็นจะต้องร่ายเวทระดับมัชฌิมเลยแม้แต่น้อย อัคคีกุหลาบของเขานั้นร้ายแรงพอที่จะเผาอสูรเวทตรงหน้าให้กลายเป็นเถ้าถ่านได้อย่างง่ายดาย พวกมันไม่มีเวลามากพอที่จะเจ็บปวดด้วย
จิตใจของมู่หนิงเซวียสั่นไหวเมื่อได้มองใบหน้าที่มั่นใจของโม่ผ่านในขณะนี้ ซึ่งร่างกายของเธอเองก็รับรู้ได้ถึงพลังความร้อนแรงที่แผ่กระจายออกมาจากร่างกายของเขาเช่นกัน
ในความทรงจําครั้งเก่าของเธอนั้น เพื่อนชายคนนี้มีเพียงแค่เรื่องตลกและถ้อยคําไร้สาระเท่านั้น แต่ในขณะนี้เขาได้เปลี่ยนไปโดยสิ้นเชิง เธอรู้ตัวเองก็เมื่อเข้าสู่วัยสาว ในวันนั้นเธอและเขายังไม่มีพลังมากพอที่จะเลือกเส้นทางเดินของตนเองได้ แต่ในวันนี้เขามีพลังมากพอที่จะเลือกมันแล้ว คราแรกเธอคิดว่าจะไม่มีวันได้พบกับเขาอีก การแยกจากกันในครั้งนั้นมันคงจะจบที่คําว่าตลอดไป แต่ใครจะรู้ว่าสุดท้ายแล้วทั้งสองจะได้กลับมาพบกันอีกในกลุ่มของเด็กที่มีพลังสูงสุดในรุ่น
“เป็นไง ฉันเท่ห์บ้างไหม?” โม่ผ่านหันหน้าเข้าหามู่หนิงเซียพร้อมขยิบตาให้เธออย่างหยอกล้อ
“นายมาถึงเร็วกว่าที่ฉันคิดนะ” มู่หนิงเซวียเปลี่ยนเรื่องทันทีและไม่สนใจคําถามของเขาโดยสมบูรณ์
“อิอิ” โม่ฝานเผยรอยยิ้มที่เต็มไปด้วยเล่ห์นัยออกมาพร้อมกับพึมพําในใจ แน่สิ เพราะฉันใช้เคลื่อนย้ายเงายังไงล่ะ อิอิ ฉันมาถึงตั้งนานแล้ว แต่ถ้าฉันเปิดตัวเร็วไปหน่อย มันก็จะไม่มีฉากเท่ห์อย่างนี้หรอก ฉันแค่เฝ้ารอจังหวะและเข้าช่วยเหลือทีมในโอกาสที่เหมาะสมที่สุดต่างหาก!”
เปลวไฟที่หลงเหลืออยู่จากหมัดเพลิงเมื่อครู่นี้กลิ้งไปมาอยู่บนพื้น มันทําให้ในถ้ําแห่งนี้สว่างขึ้นมาทันตาเห็น
มู่หนิงเซวียมองไปข้างหน้าพร้อมกับชี้ไปที่กําแพง “ไปทางนั้น”
“มันอาจจะเชื่อมต่อกับรังอื่นๆของอสูรนะ” โม่ฝานตอบกลับ
“อืม นายนําไป..”
ภายในเส้นทางหลักของอุโมงค์ นักเรียนอีกสิบห้าคนกําลังง่วนอยู่กับการโจมตีอสูรเวทจากสองทิศทาง ศพของทาสถ้ํากองเกลื่อนกลาดจนกลายเป็นภูเขาเนินเล็กๆ แต่ทว่าพวกเขากลับไม่รู้เลยว่ายังมีพวกมันเหลืออยู่อีก เท่าไหร่
โชคดีที่พวกมันไม่อาจคุกคามเข้ามาหาทีมนักเรียนได้เลยแม้แต่น้อย พวกเขาจัดทีมแบ่งเป็นสองทีม ซึ่งมีทีมละเจ็ดคน ทั้งสองผลัดกันร่ายเวทในขณะที่อีกทีมรอคูลดาวน์ ทาสถ้ําจําเป็นต้องล่าถอยไปอย่างช่วยไม่ได้ เมื่อสถานการณ์เป็นเช่นนี้
“บัดซบ ยังมีพวกมันอีกเยอะเลย!”
“ไม่ต้องกังวลไป พวกมันทําได้แค่วิ่งหนีและตายตกไปอย่างน่าสมเพชเท่านั้น”
“แปลก ทําไมพวกมันที่ด้านหลังจึงได้กรีดร้องออกมาเช่นนั้น…”
“ใครจะไปสนใจกัน ฉันจะให้พวกมันลิ้มรสหมัดเพลิงอันโหดร้ายนี่!”
ซูเซียวขว้างหมัดเพลิงของตนเองออกไปด้านหน้าพร้อมกับจัดการทาสถ้ําทั้งสี่ตัวตายสนิททันที!
อย่างไรก็ตามดูเหมือนกับว่าทาสถ้ําที่เหลือกําลังสับสนอย่างหนัก พวกมันทั้งหมดตื่นตระหนกราวกับว่าได้พบเจอกับเรื่องที่น่าหวาดกลัวยิ่งกว่านั้น ดูเหมือนว่าการโจมตีครั้งต่อไปจะสร้างความแตกตื่นให้กับพวกมันอย่างล้นเหลือ
“อัคคีกุหลาบ หมัดเพลิงทลายปฐพี!”
“เหมันต์แห่งนิพพาน โซ่ตรวนกระดูก!”
เสียงร่ายเวทของหญิงสาวและชายหนุ่มดังขึ้นจากอีกฟากของอุโมงค์ ทั้งสองโผล่มาในความมืด ก่อนที่ใครจะทันได้ตอบสนองกับสิ่งเหล่านี้ ดอกไม้แห่งความตายได้เบ่งบานอยู่เบื้องหน้าของเหล่าทาสถ้ําโดยสมบูรณ์ เปลวไฟรุนแรงเผาไหม้ร่างกายของพวกมันและทําให้ทุกสิ่งกลายเป็นเถ้าถ่านอย่างไม่อาจหลีกเลี่ยงได้
หมัดเพลิงทลายปฐพีนั้นมีพลังมากพอที่จะทําลายล้างทุกอย่างได้อย่างหมดจดอยู่แล้ว ตรวนที่แข็งแกร่งของมู่หนิงเซวียนั้นทําหน้าที่โอบล้อมพวกมันเอาไว้ไม่ให้วิ่งเตลิดไปที่อื่น ในคราวแรกเมื่อพวกมันเห็นเปลวไฟโผล่ออกมา ทั้งหมดต้องการที่จะหลบหนี แต่ทว่าตรวนน้ําแข็งของมู่หนิงเซวียหยุดทุกอย่างเอาไว้ให้กลายเป็นแค่ ฝันเท่านั้น สุดท้ายพวกมันทั้งหมดถูกย่างสดอย่างหมดหนทางรอด!
ทาสถ้ํานั้นไม่เคยคาดคิดมาก่อนว่าตนเองจะถูกโจมตีจากนักเวทระดับมัชฌิมถึงสองคนจากด้านหลัง พลังของทั้งสองนั้นเป็นความแข็งแกร่งของเมล็ดพันธุ์วิญญาณ ซึ่งเป็นการรวมพลังของธาตุน้ําแข็งและไฟ!
“นั่นมันโม่ฝานกับมู่หนิงเซวีย!!”
“บ้าจริง พวกเขาสามารถจัดการกับทาสถ้ําทั้งหมดนี้ได้อย่างไรกัน?”
“ฉันไม่สามารถเอ่ยเป็นคําพูดได้เลยว่าฉากนี้ช่างหน้าประทับใจเพียงใด!”
กลุ่มนักเรียนล้วนแต่มีสายตาที่ทอประกายราวกับนางฟ้ามาโปรดในช่วงเวลาที่ยากลําบาก ใบหน้าของพวกเขาล้วนแต่เต็มไปด้วยความยินดีอย่างสุดซึ้ง
เมื่อไม่กี่วินาทีก่อนหน้านี้ พวกเขาถูกอสูรเวทล้อมรอบไว้จากทั้งด้านหน้าและด้านหลัง แต่เพื่อนของเขาทั้งสองคนนี้พยายามที่จะจัดการกับศัตรูทั้งหมดที่อยู่ด้านหลังและตรงดิ่งมาหาพวกเขา นี่คือการล้อมรอบศัตรูอย่างเช่นที่พวกมันทํากับเรา!
ท้ายที่สุดทาสถ้ํานั้นกําลังถูกโจมตีจากทั้งสองทาง ขวัญและกําลังใจของทีมกลับมาอีกครั้งหนึ่ง ทาสถ้ําที่ยังคงยืนอยู่เริ่มสูญเสียพลังในการต่อสู้และตอนนี้นักเรียนทั้งหมดกําลังใช้พลังเวทที่พวกเขามีเพื่อจู่โจมอย่างสุดกําลัง นี่คือการโต้กลับอย่างสมบูรณ์แบบ!!!