จอมเวทอหังการ - ตอนที่ 279
บทที่ 279: หลบหนีออกจากอุโมงค์
ทาสถ้ําทั้งหมดตกอยู่ในสภาวะตื่นตระหนัก เมื่อสถานการณ์พลิกผันทําให้นักเวทสามารถร่ายเวทมนตร์ได้อย่างอิสระในช่วงเวลาเช่นนี้ ทาสถ้ําทั้งหมดย่อมไม่มีความสามารถที่จะป้องกันตนเองจากเวทมนตร์ระดับมัชฌิมได้
ท้ายที่สุดกลุ่มของอสูรทาสถ้ําสูญเสียความสามารถและกําลังใจที่จะต่อสู้ พวกมันเริ่มหลบหนีเข้าไปในอุโมงค์ใกล้เคียงอย่างคับคั่ง
ในขณะที่ส่วนหนึ่งกําลังหลบหนี บางส่วนได้ตายตกนอนกองอยู่บนพื้นกลายเป็นศพ สภาพของพวกมันนั้นน่าสมเพชอย่างยิ่ง เศษเนื้อกระจุยกระจายไปทั่วพื้นที่ แขนและขาฉีกขาดออกจากกัน ไม่มีเค้าโครงเดิมของร่างกายที่ใหญ่โตเมื่อครู่นี้แม้แต่น้อย
เมื่อมองด้วยตาเปล่าและเห็นว่าเหลืออสูรทาสถ้ําอยู่ในพื้นที่เพียงไม่กี่ตัวเท่านั้น มู่หนิงเซวียใช้เวทมนตร์ของตนเอง เพื่อปิดปากอุโมงค์รอบๆป้องกันไม่ให้พวกมันหลบหนีไปได้
ชั้นน้ําแข็งถูกสร้างขึ้นอย่างรวดเร็ว พวกมันทั้งหมดปิดกั้นทางเข้าออกอุโมงค์อย่างสมบูรณ์เพื่อป้องกันทาส ถ้ําบุกซุ่มโจมตีอีกครั้ง
“ไปกันเถอะ ตรงนี้ไม่มีพวกมันหลงเหลือแล้ว” มู่หนิงเซวียพูดกับทีมอย่างเรียบง่าย
ภายในอุโมงค์รถไฟแห่งนี้ไม่ได้กว้างมากนัก พวกเขาทั้งหมดไม่สามารถใช้คาถาเคลื่อนที่ได้ในพื้นที่คับแคบเช่นนี้ อีกทั้งเวทระดับมัชฌิมของธาตุสายฟ้าและลมก็ไม่เหมาะกับสถานการณ์ในตอนนี้ด้วยเช่นกัน อีกเรื่องก็คือทุกคนไม่รู้เลยว่ามีทาสถหลบซ่อนอยู่ที่มุมไหนของอุโมงค์อีก เช่นนี้พวกเขาทั้งหมดจําเป็นจะต้องหลบหนี ออกไปให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทําได้
“ไปกันเถอะ!” ลือเชิงเห่อตะโกนออกมา
กลุ่มของนักเรียนยังคงเดินต่อไปด้านหน้าอย่างเร่งรีบ เหล่าอสูรทาสถ้ําที่ติดอยู่ด้านในยังคงกู่ร้องออกมาอย่างโกรธแค้น
ชื่อต้าหลง จ้าวหม่าหยัน ชิงชิงและนักเรียนที่เหลือจัดการปิดปากอุโมงค์ที่เหลืออย่างเร่งรีบ ทุกคนถอนหายใจอย่างโล่งอกเมื่อสถานการณ์คลี่คลายลงได้เสียที
“เถาวัลย์จองจํา!”
ในที่สุดชิงชิงก็มีโอกาสที่จะใช้เวทมนตร์ธาตุพืชระดับมัชฌิมของตนเองเสียที ภายใต้การคุ้มครองของเพื่อนร่วมทีมทําให้เธอสามารถร่ายมันออกมาได้สําเร็จ เถาวัลย์จองจํากักขังและปิดปากอุโมงค์ทั้งหมดเอาไว้อย่างหนาแน่น คมหนามคมปลาบและเส้นเถาวัลย์ที่แข็งแกร่งคุมขังทาสถ้ําทั้งหมดเอาไว้ได้อย่างสมบูรณ์
ซึ่งเหล่าทาสถ้ําจําเป็นจะต้องใช้เวลาพอสมควรในการจัดการกับเถาวัลย์จองจําที่ทรงพลังเช่นนี้ ซื้อต้าหลง จ้าวหม่าหยัน เจินหมิงเฉวียน ชิงชิงและคนอื่นทําหน้าที่ปกป้องคุ้มกันอยู่แนวหลังของทีม พวกเขาปิดภารกิจตรงนี้ได้อย่างยอดเยี่ยม
“นักเวทที่ครอบครองธาตุดินจงเปิดใช้งานคลื่นพสุธา!” ลือเชิงเห่อตะโกนออกมา
ซื้อต้าหลงและหลัวซึ่งเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็วพร้อมกับมือทุบลงพื้นดินอย่างเร่งรีบ คลื่นพสุธาเริ่มทํางานทันที จากนั้นทุกคนในทีมจึงสามารถเคลื่อนที่ไปด้านหน้าอย่างอย่างรวดเร็ว
อุโมงค์นี้ไม่ได้ยาวมากนักแต่ทว่าเมื่อพวกเขาต้องพบเจอกับกลิ่นเหม็นเน่าและซากมูลสัตว์ที่ส่งกลิ่นชวน ปวดหัวจึงทําให้รู้สึกว่ามันยาวนานเกินกว่าจะรับไหว อย่างไรก็ตามนักเรียนทุกคนไม่ได้ใส่ใจกับสถานการณ์ตรงหน้าเท่าไหร่นัก พวกเขาทั้งหมดกําลังถูกไล่ล่าจากอสูรร้าย เช่นนี้เรื่องชีวิตเป็นสิ่งที่สําคัญกว่าในตอนนี้ สิ่งที่พวกเขาต้องทําคือวิ่ง!
“ฉันเห็นแสงสว่างแล้ว! พวกเราทําได้ พวกเราใกล้จะออกจากตรงนี้ได้แล้ว!” ลือเชิงเห่อซึ่งวิ่งอยู่ด้านหน้าสุดตะโกนออกมาอย่างตื่นเต้น
ลือเชิงเห่อเรียกหมาป่าทมิฬของตนเองออกมาเพื่อเคลียร์เส้นทางทั้งหมดให้กับทีม ความดุร้ายของหมาป่าทมิฬตัวนี้นั้นสามารถบดขยี้ทาสถ้ําให้กลายเป็นเศษเนื้อได้เพียงแค่สะบัดอุ้งเท้าเพียงครั้งเดียว
คนอื่นๆเริ่มสับขาเร็วขึ้นเมื่อพวกเขาเห็นแสงสว่างด้านหน้า
ทุกคนล้วนแต่รู้สึกว่าพวกเขานั้นหลับตามาเป็นเวลานานเกินไป ดวงตาของพวกเขาอยู่ในพื้นที่มืดมาเป็นเวลานาน การได้พบกับแสงสว่างเช่นนี้เปรียบได้กับเจออ่างอาบน้ําขนาดใหญ่หลังจากที่ไม่ได้อาบน้ํามานานหลายวัน!
“นับจํานวนคนเร็วเข้า!” ลือเชิงเห่อนั้นดูเหมือนว่าจะมีประสบการณ์ในการรับบทเป็นผู้นําทีมอยู่ไม่น้อย เขาไม่ยอมลดการป้องกันลงเลยแม้ว่าจะอยู่ภายนอกอุโมงค์แล้ว
“พวกเราทั้งหมดครบ!” เหล่าหมิงฉยวนตะโกนออกมาในขณะที่เขาตรวจสอบนักเรียนทั้งแปดจากสถาบันของตนเองเสร็จสิ้น
ซ่เซียวเริ่มนับคนในกลุ่มของตนเองอย่างรวดเร็ว ทว่าใบหน้าของเธอซีดลงเป็นกระดาษขาวทันทีเมื่อนับได้เพียงแปดคนเท่านั้น เธอตะโกนออกมาอย่างตื่นตระหนก “พวกเราหายไปหนึ่งคน!!!”
สถาบันเมิงจู่นั้นมีนักเรียนทั้งหมดเก้าคนรวมไปถึงถึงที่เป็นนักเวทธาตรักษาแล้ว อย่างไรก็ตามซ่เซียวคิดว่า ตนเองนับผิด เธอจึงเริ่มเริ่มใหม่อีกครั้งอย่างเร่งรีบ
“ใครหายไป?” มู่หนิวเจียวถามอย่างกังวลใจ
“เปียงเหลิงอยู่ หลัวซ่งอยู่ จ้าวหม่าหยัน… โอ้ พระเจ้า! โม่ฝานหายไป!” ซ่เซียวรู้สึกว่าหัวใจของเธอบีบรัดแน่นทันทีเมื่อรู้ถึงปัญหา
“บ้าเอ๊ย ฉันจะเข้าไปช่วยเขาเอง!” จ้าวหม่าหยันสบถออกมาพร้อมกับหันหลังจะเดินเข้าอุโมงค์ไปอีกครั้ง
มู่หนิวเจียวนั้นไม่ลังเลเช่นกันที่จะตามจ้าวหม่าหยันไปด้วย แต่ทว่ามีออร่าเยือกแข็งที่เย็นเฉียบเคลื่อนไหวเร็วกว่าเธอ…
“อย่าทําตัวไร้สาระกันหน่อยเลยหน่า ถ้าหากว่ามันไม่ได้อยู่ตรงนี้ ก็ง่ายๆ มันกลายเป็นเนื้อบดไปแล้ว” เจินหมิงเฉวียนกล่าวอย่างไม่แยแส
ไม่มีทางที่เจินหมิงเฉวียนจะยอมกลับเข้าไปในอุโมงค์ที่เต็มไปด้วยกลิ่นเหม็นเน่าเช่นนั้นแน่นอน เขาพยายามอย่างยากลําบากเพื่อจะหลบหนีออกมาด้านนอก อีกทั้งเมื่อครู่เขายังใช้พลังเวทไปมากกว่าครึ่งในการต่อสู้ ถ้าหากว่าจะต้องย่างกรายเข้าไปในนั้นอีกครั้ง แน่นอนว่าเขาจะต้องถูกฝังลืมอยู่กับทาสถ้ําไปตลอดกาล!
“แล้วใครให้แกเข้าไปอีกรอบล่ะ?” ร่างกายของมนุษย์ค่อยๆปรากฏขึ้นจากเงามืดพร้อมกับคําถามที่ชวนปวดหัว
“ไอ้บ้าเอ๊ย นายทําให้ฉันกลัวแทบตาย!” จําวหม่าหยันสาปแช่งโม่ฝานทันทีที่เห็นว่าเขาเดินออกมาจากอุโมงค์แล้ว
คนอื่นๆถอนหายใจอย่างโล่งอกด้วยเช่นกัน
ถ้าหากว่ามีคนตายก่อนที่พวกเขาจะเดินทางไปถึงเมืองร้าง ภารกิจนี้จะแปรเปลี่ยนเป็นยากเย็นมากแค่ไหน ใครจะรู้ได้?
“นายมัวแต่ทําอะไรอยู่? ฉันคิดว่านายวิ่งอยู่ด้านหน้าพวกเราตั้งนานแล้ว” มู่หนิวเจียวกล่าวกับโม่ฝานอย่าง ไม่พอใจ
“ไม่มีอะไร”
สายตาของมู่หนิวเงี่ยวเต็มไปด้วยความสงสัยอย่างถึงที่สุด แต่ทว่าเมื่อโม่ฝานไม่ตอบเธอจึงไม่ได้ถามอะไรต่อ
“โอเค ทุกคนมากันพร้อมแล้ว พวกเราควรจะออกจากตรงนี้และเริ่มหาที่ตั้งแคมป์กันดีกว่า” ซูเซียวกล่าวออกมา
“ฉันเห็นด้วย ฉันแทบจะแห้งตายจากกลิ่นเน่าๆพวกนี้เต็มที่”
“ฉันก็รู้สึกปวดหัว คงเป็นเพราะว่าฉันใช้พลังเวทมากเกินไปน่ะ”
“เซียวเฟิงเป็นอย่างไรบ้างตอนนี้?”
“กระดูกของเขากําลังสร้างใหม่ เขาจําเป็นจะต้องใช้เวลาสักหน่อย..” ไปถึงถึงกล่าวสั้นๆ
ก่อนที่จะเข้าสู่อุโมงค์มรณะ ทุกคนล้วนแต่เต็มไปด้วยความมั่นใจอย่างมากล้น แต่ทว่าในตอนนี้พวกเขาหมดเรี่ยวแรงและหดหูอย่างมาก บาดแผลปรากฏขึ้นทั่วร่างกายอย่างไม่อาจหลีกเลี่ยงได้
คนที่บาดเจ็บสาหัสที่สุดในการต่อสู้ครั้งนี้คือเซี่ยวเฟิง แต่โชคดีที่เปียงเหลิงคอยปกป้องและดูแลเขาตลอดเวลาการต่อสู้ครั้งนี้
เป็นเรื่องที่น่ายินดีอย่างยิ่งที่ในภารกิจครั้งนี้มีนักเวทธาตรักษามาร่วมทีมด้วย มิฉะนั้นพวกเขาทั้งหมดจะต้องสูญเสียสมาชิกในทีมไปหนึ่งคนก่อนที่จะเดินทางถึงเมืองร้าง!
พวกเขาพบกับสถานที่หนึ่งอยู่ไม่ไกลจากเส้นทางรถไฟมากนัก มันมีแม่น้ําไหลผ่านและเหมาะสมที่จะตั้งแคมป์ในคืนนี้ ทั้งหมดตรวจสอบว่าไม่ได้มีอสูรร้ายอยู่ในรัศมี ทุกคนจึงเริ่มพักผ่อนกันอย่างรวดเร็ว
เมื่อถึงเวลากลางคืน เหล่านักเรียนชายต่างพากันนั่งล้อมรอบกองไฟ แสงไฟสะท้อนใบหน้าของพวกเขาได้อย่างแจ่มชัด
ในค่ําคืนที่เงียบสงบ มีเพียงเสียงถ่านไม้แตกเท่านั้นที่กระทบเข้าใบหูของทุกคน ฉับพลันจ้าวหม่าหยันซึ่งจู่ๆก็กล่าวขึ้นมาในความเงียบงัน เขากระซิบกับบุคคลข้างๆอย่างแผ่วเบา “นายแน่ใจนะว่าพวกเธอไปอาบน้ําที่แม่น้ําน่ะ?”
“อ่าใช่แล้ว มู่หนิงเซีย… มู่หนิวเจียวก็อยู่ตรงนั้นด้วย…”
ฮอร์โมนของเพศชายแตกฮือทันทีเมื่อได้ยินเช่นนี้ บรรยากาศโดยรอบพลันเงียบงันอีกครั้งหนึ่งอย่างแปลกประหลาด บางคนเริ่มกลืนน้ําลายอย่างยากลําบาก บางคนเริ่มเลียริมฝีปากที่แตกแห้งของตนเองอย่างไม่รู้ตัว คนอื่นๆรู้สึกไม่อาจควบคุมตนเองได้ในขณะที่ใบหน้าของพวกเขาเริ่มหันไปทางแม่น้ําอย่างพร้อมเพรียง
“เปียงเหลิงทําไมนายไม่ไปดูสักหน่อยล่ะ? ธาตุเงาของนายน่ะ พวกเธอไม่เห็นนายแน่นอน!!!”
“อ่า ฉันไม่คิดว่านั่นจะเป็นความคิดที่ดี” เปียงเหลิงบ่นอุบอิบในขณะที่ใบหน้าแดงก่ํา
แม้ว่าเขาจะกล่าวออกมาเช่นนั้น แต่ทว่าร่างกายทั้งหมดกลับทรยศเขาอย่างสิ้นเชิง เปียงเหลิงกลายเป็นเงามืดและพุ่งหายเข้าไปในป่า…
อิจฉาเปียงเหลิงอย่างรุนแรงพร้อมกับคิดในใจ ทําไมฉันจึงไม่สามารถปลูกธาตุเงาขี้
นมาได้บ้างนะ?
“หืม ทําไมต้นไม้เหล่านี้จึงได้เย็นจัดขนาดนี้ล่ะ?”
“ฉันคิดว่าเปียงเหลิงจะต้องถูกจับได้อย่างแน่นอน ฮ่าฮ่าฮ่า ไอ้โง่เอ๊ย กัปตันของพวกเราน่ะมีอาณาจักรเหมันต์เชียวนะ มันไม่ใช่เวทมนตร์ซึ่งมีไว้ประดับเพื่อความสวยงามสักหน่อย มันสามารถตรวจจับเวทมนตร์จากระยะไกลได้อย่างง่ายดายโดยไม่ต้องใช้สายตาเลยแหละ เปียงเหลิงเสร็จแน่!!!” ซือต้าหลงระเบิดเสียงหัวเราะออกมาอย่างบ้าคลั่ง