จอมเวทอหังการ - ตอนที่ 213
บทที่ 213: หอคอยสามชั้น
ภายในห้องพักส่วนตัวย่านจิ้งอัน ชายวัยกลางคนยืนอยู่ข้างเตียงพยาบาลพร้อมกับสายตาที่จับจ้องไปที่ชายรูปร่างหล่อเหลาผู้ซึ่งนอนอยู่บนเตียงนั้นด้วยสายตาที่คมปลาบ
แก้ไข : จิงลั่น เป็น จิ้งอัน
“ฟูเตียนหมิง ฉันจะถามแกอีกครั้ง ในตอนนี้แกเปิดเผยทุกสิ่งออกไปแล้วงั้นเหรอ?” ชายวัยกลางคนถามออกมาน้ําเสียงเย็นเฉียบ
“ผมยังไม่ได้ทําเช่นนั้น สาบานด้วยชีวิตของผมได้เลย ผมไปสํารวจเด็กคนนั้นโดยใช้ชื่อของคนที่ถูกเรียกว่าเจียเหวินฉิง แน่นอนว่าสถาบันคงไม่ได้ตระหนักถึงเรื่องนี้ได้หรอก อย่างไรก็ตามผมแค่รู้สึกไม่เข้าใจอย่างมากว่าทําไมเด็กคนนั้นถึงได้เคลื่อนไหวได้โหดร้ายและรุนแรงเช่นนี้” หนุ่มรูปงามตอบกลับ
ชายหนุ่มผู้ที่นอนอยู่บนเตียงพยาบาลคอฟูเตียนหมิง ผู้ที่บาดเจ็บจากลูกเตะของโม่ฝานจนกระดูกแตกหักแทบทุกชิ้นในร่างกาย เขาไม่กล้าที่จะสบตาชายวัยกลางคนที่ยืนอยู่ข้างเตียงของเขาแม้แต่นิดเดียว น้ำเสียงของเขาสั่นเครือด้วยความหวาดกลัวและเต็มไปด้วยความไม่มั่นใจต่อชายตรงหน้า
“ฉันต้องไปทําอย่างอื่นแล้ว ตอนนี้ฉันจะให้คนอื่นจัดการเรื่องนี้แทน ในตอนนี้แกมีหน้าที่รักษาบาดแผลทั้งหมดนี้ซะ จากนั้นค่อยจัดการแก้แค้นมันในภายหลัง ฉันต้องการให้มันสับสนมากที่สุดว่าศัตรูมาจากฝ่ายใด!” ชายที่ยืนข้างเตียงกล่าวออกมาพร้อมกับจิตสังหารแรงกล้า
“ท่านนักบวชสีขาด… เขานะมีศัตรูมากมายอยู่ในสถาบันเมิงจู่ แม้ว่าท่านจะไม่เคลื่อนไหวใดๆ เขาก็ยังคงถูกห้อมล้อมไปด้วยศัตรูมากมาย จากที่ผมมองดูแล้วเวลาที่เหมาะสมที่สุดในการจัดการเขาก็คือช่วงเวลาแห่งการสอบเข้าสู่วิทยาเขตหลัก จากข่าวที่ผมรวบรวมมาได้มีศิษย์จากตระกูลใหญ่สองตระกูลร่วมมือกันเพื่อที่จะกําจัดเขาในการสอบครั้งนี้” ฟูเตียนหมิงบอกกล่าวกับเขา
แก้ไข : นักบวชแดง เป็น นักบวชสีชาด*
“ฉันไม่ได้ต้องการให้แกมาสั่งสอนว่าฉันควรจะทําอะไร!” ชายวัยกลางคนกล่าวตัดบทเสียงเย็บเยือก
หลังจากที่บทสนทนาได้สิ้นสุดลงไปแล้ว นักบวชสีชาดได้ออกจากห้องไป ฟูเตียนหมิงลุก ขึ้นนั่งด้วยความยากลําบากอย่างถึงที่สุด ตอนนี้เขามองออกไปนอกหน้าต่าง เขาตระหนักได้ ว่านักบวชสีชาดได้จากไปแล้ว แต่ใบหน้าของเขากลับตื่นตระหนกทันทีเมื่อพบเงาดํามีดสองตัวโผล่ออกมาจากที่มีดทั้งซ้ายและขวา
อสูรมีดเหล่านี้จะเป็นสิ่งที่นักบวชสีชาดสร้างมันขึ้นมาจากครึ่งคนและครึ่งศพ มันคือสิ่งมีชีวิตที่เต็มไปด้วยความสกปรกหยาบช้าอย่างหาที่เปรียบไม่ได้ มันคือสิ่งที่รวมความน่าขยะแขยงและความโหดเหี้ยมของโลกใบนี้เอาไว้
“โม่ฝาน แกคิดว่าในคราวนี้แกจะหลบหนีไปได้อีกหรือไม่ล่ะ?” ชายหนุ่มคนหนึ่งยืนอยู่ ใต้ต้นไม้ใหญ่ เขาขยับหมวกของตนเล็กน้อยก่อนที่จะมองไปด้านหน้าซึ่งเป็นทิวทัศน์ของสถาบัน เมิงจู่อย่างชัดเจนดวงตาของเขาเปล่งประกายจิตสังหารออกมาอย่างแจ่มชัด
มือของเขาค่อยๆถอดหมวกที่อยู่บนศีรษะออกอย่างช้าๆ ครึ่งหน้าของเขาถูกปกคลุมด้วยหน้ากาก ในขณะที่มีแสงสว่างสาดส่องเข้ามาเผยให้เห็นอีกครึ่งหน้าที่เหลือ ความหวาดกลัวจะปรากฏบนใบหน้าของทุกคนที่ได้พบเห็นแน่นอน
“แม้ว่าแกคิดจะหลบซ่อนตัวอยู่ในสถาบันมันก็คงไร้ประโยชน์อยู่ดี ฉันเคยพูดไว้ก่อนหน้านี้แล้วนี่ ฉันต้องการให้แกมาเป็นทาสของฉันเหมือนกับหมาข้างถนน ไม่ว่าฉันจะสั่งให้ทําอะไรแกก็ต้องทํา!” ปีศาจครึ่งหน้ากล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงประหลาดปนน่ารังเกียจ
สายตาของเขาเหลือบไปมองอสูรมีดที่อยู่ด้านข้างตัวยสายตาที่ไร้ความปราณี ฉับพลันลูกเตะ ที่หนักหน่วงถูกส่งออกไปที่คอหนาของมันอย่างรวดเร็วโดยที่มันยังไม่ได้ทันตั้งตัวแม้แต่น้อย!
หยู่อันนั้นมีสิ่งที่ชื่นชอบอยู่หนึ่งอย่าง เขามักจะจับบุคคลที่เขาเกลียดชังมาสร้างเป็นอสูรมีด เพื่อเป็นทาสรับใช้ของเขา สิ่งมีชีวิตเหล่านี้ไม่ใช่มนุษย์และไม่ใช่ปีศาจ พวกมันเหล่านี้เป็นเพียงทาสเท่านั้น ไม่มีวันหลบหนีไปที่ไหนได้ เป็นเพียงสุนัขตัวหนึ่งที่จะต้องรับใช้ผู้เป็นนายจนกว่าจะตายตกไป!
หอคอยสามขั้นนั้นตั้งอยู่ในวิทยาเขตหลักของสถาบันเมิงจู่ สิ่งที่ชนชั้นสูงต่อสู้แย่งชิงกัน มาตลอดส่วนหนึ่งก็เพราะความต้องการที่จะเข้าสู่หอคอยสามขั้นนี้ด้วยเช่นกัน!
แน่นอนว่าหอคอยสามชั้นนี้มีความสามารถเช่นเดียวกันกับบ่อน้ําพุศักดิ์สิทธิ์ใต้ดิน มันคือทรัพยากรที่สุดแสนจะล้ําค่า
บ่อน้ําพุศักดิ์สิทธิ์ใต้ดินนั้นได้รับการปกปักษ์รักษามาเนิ่นนานกว่าพันปี พลังงานเหล่านั้นสามารถสร้างนักเวทที่มีคุณค่าและแข็งแกร่งมากมายหลายคน อีกทั้งมันยังช่วยดูแลเมืองบ่ออีกด้วย
หอคอยสามขั้นนี้ก็มีประวัติที่ยาวนานไม่แพ้กัน มันถูกสร้างขึ้นจากนักเวทผู้ทรงพลังคนหนึ่ง ผู้ที่รวบรวมพลังธรรมชาติมากมายในโลกใบนี้มาสร้างอาคารแห่งนี้ขึ้นเพื่อประโยชน์แก่นักเวทมนตร์รุ่นหลัง
พลังงานธาตุต่างๆนั้นล้วนพบเจอได้ทั่วไป เมล็ดพันธุ์วิญญาณนั้นเกิดขึ้นเมื่อพลังงานธาตุนั้นๆ มีความหนาแน่นสูงมากในพื้นที่ใดพื้นที่หนึ่ง หลังจากผ่านระยะเวลาที่เหมาะสมไปแล้ว พวกมันจะค่อยๆควบแน่นกลายเป็นเมล็ดพันธุ์วิญญาณขึ้นมา แน่นอนว่าตําแหน่งและโครงสร้างทั้งหมดของหอคอยสามขั้นได้ถือกําเนิดมาด้วยวิธีนี้เช่นกัน พลังงานของมันสามารถกระจายออกไปอย่างหนาแน่นเป็นรัศมีกว่าพันเมตร
มันคล้ายกับท่อพลังงานขนาดใหญ่ที่แผ่กระจายออกไปเป็นวงกว้าง แม้ว่าในพื้นที่ห่างไกลก็ไม่ เป็นปัญหาใดๆเลย มันครอบคลุมพื้นที่ทั้งหมดและสามารถให้พลังงานแก่ต้นไม้ได้อย่างลื่นไหลไม่ติดขัดแต่อย่างใด
การควบแน่นของพลังที่หอคอยสามขั้นทําใต้นี้อาจเรียกได้ว่าเป็นเบื้องหลังของการประสบความสําเร็จในการสร้างนักเวทรุ่นใหม่ไฟแรงของสถาบันเมิงงูก็ว่าได้
แต่เดิมสถาบันได้ตั้งเงื่อนไขไว้ว่าไม่เพียงแต่คุณจะต้องเข้าสู่วิทยาเขตหลักให้ได้ก่อนเท่านั้น แต่เมื่ออยู่ในวิทยาเขตหลักแล้ว คุณจะต้องสร้างความโดดเด่นให้มากกว่าใครเพื่อนอีกด้วยจึงจะสามารถเข้าใช้งานหอคอยสามขั้นแห่งนี้ได้ ซึ่งแน่นอนว่าโม่ฝานเป็นข้อยกเว้นในครั้งนี้
นี่เป็นโอกาสครั้งเดียวของโม่ฝานซึ่งอธิการบดีเชียวได้เดือนเขาไปแล้ว เขาจะต้องอยู่ในสภาพที่เหมาะสมที่สุดก่อนที่จะเข้าใช้งานหอคอยสามขั้นนี้ เพื่อประโยชน์สูงสุดของตัวเขาเอง
ตอนนี้ไม่ฝานรู้ดีว่าเขากําลังเผชิญหน้ากับอันตรายครั้งใหญ่ กลุ่มศาสตร์มีตกําลังต้องการเล่นงานเขาแล้ว เขาไม่สามารถรอเวลาได้อีกต่อไป ในตอนนี้เขาจะต้องแข็งแกร่งขึ้นเพื่อที่จะปกป้องตนเองไว้ให้ได้ ทุกอย่างต้องเริ่มโดยเร็วที่สุดเท่าที่จะเร็วได้!
หอคอยสามขั้นนั้นคล้ายกับอาคารสามมุมที่สมมาตรกันอย่างลงตัว ด้านนอกของมันดู เหมือนกับจะเป็นโลหะสีเงินวิบวับ มันกว้างใหญ่ราวกับหอคอยจริงๆ อีกทั้งตําแหน่งของมันทําให้ดูองอาจอย่างมากในวิทยาเขตหลักแห่งนี้
“เคารพท่านอธิการบดี!” ชายสองคนยืนอยู่ที่ประตูทางเข้าของหอคอยสามขั้นใต้กล่าวออกมาอย่างยิ่งจังเมื่อเห็นว่าอธิการบดีเชียวเดินเข้ามาใกล้
“อ่า เป็นพวกเธองั้นเหรอที่อยู่เวรในวันนี้ ฉันพาใครบางคนมาเพื่อให้พวกเธอดูแลเขา เด็กคนนี้สามารถเข้าใช้สถานที่แห่งนี้ได้น่ะนะ” อธิการบดีเชียวกล่าวกับพวกเขาอย่างเรียบง่าย
“โอ้ นี่เป็นน้องใหม่ในสถาบันเมิงจู่จากวิทยาเขตรอง! ฉันได้เข้าสู่หอคอยสามขั้นก็ต่อเมื่ออยู่ในปีสองของวิทยาเขตหลัก ศิษย์น้องนายช่างยอดเยี่ยมจริงๆ ฉันขอขึ้นชมจากใจจริง” หนึ่งในผู้พิทักษ์กล่าวออกมาด้วยรอยยิ้มเป็นมิตร
โม่ฝานตอบกลับด้วยรอยยิ้มที่สุภาพเช่นกัน
“ตามฉันมาเลย เดี๋ยวฉันจะบอกนายเองว่าต้องทําอะไรบ้าง!” ชายหนุ่มผู้เป็นมิตรกล่าวกับโม่ฝานขณะที่เดินเข้าไปด้านในหอคอยสามขั้น
โม่ฝานเดินเข้ามาด้านในและพบว่ามันเป็นอุโมงค์ยาวและสร้างจากโลหะ
เขาไม่รู้เลยว่าในเวลานี้เขาเดินมานานแค่ไหนแล้ว จนกระทั่งโม่ฝานเริ่มได้ยินเสียงแปลกๆไป
อุโมงค์นี้แปลกประหลาดอย่างมาก จากความเร็วของเขาที่ใช้เดินภายในอุโมงค์แห่งนี้ มันควรจะวนรอบหอคอยนี้แล้วอย่างต่ำสักสามรอบได้ แต่ทําไมกลับรู้สึกว่าอุโมงค์คับแคบนี้ไม่มีจุดจบกันล่ะ? มองจากด้านนอกแล้วมันดูเหมือนว่ามีขนาดใหญ่ไม่เกินห้าสิบเมตรด้วยซ้ํา!
“นายรู้ไหมว่าทําไมสถานที่แห่งนี้จึงถูกเรียกว่าหอคอยสามชั้น?” ชายหนุ่มผู้เป็นมิตรถาม
“เป็นไปได้ไหมว่าสถานที่แห่งนี้เปรียบเสมือนกับภาพหลอน? ดูเหมือนว่าเรากําลังเดิน ตรงไปเรื่อยๆ แต่ความจริงแล้วเราเดินวนไปวนมาอยู่ที่เดิมใช่ไหม? จากทางที่เข้ามาตอนนี้เราควรจะเดินมาไกลกว่าห้าร้อยเมตรแล้ว แต่หอคอยแห่งนี้มันกว้างไม่ถึงห้าสิบเมตรด้วยซ้ํา!” โม่ฝานกล่าวออกมา
“ไม่ใช่แบบนั้น ที่จริงแล้วเราเดินเป็นเส้นตรงตลอดเวลา นายมาจากวิทยาเขตรองคงยังไม่ค่อยรู้เรื่องโครงสร้างของสถานที่แห่งนี้มากนัก มันถูกเรียกว่าพื้นที่มิติอวกาศน่ะ ส่วนหลักการของมันก็คือ ขั้นที่หนึ่งคือหนึ่งพันฟุต ชั้นที่สองคือหนึ่งหมื่นเมตร ส่วนขั้นที่สามคือไร้ขีดจํากัด! หอคอยสามขั้นก็คือหอคอยที่ไร้ขอบเขต แม้ว่าภายนอกของมันจะดูไม่ได้น่าเกรงขามสักเท่าไหร่นัก แต่การที่จะเดินไปให้ถึงจุดสิ้นสุดของมันนั้นเป็นเรื่องที่ยากเย็นอย่างยิ่ง” ชายหนุ่มอธิบายให้ โม่ฝานฟังอย่างกระตือรือร้น
“อวกาศงั้นเหรอ?” โม่ฝานทวนคําซ้ําเมื่อได้ยินมันเป็นครั้งแรก
“ใช่ หอคอยสามขั้นนี้ถูกออกแบบและสร้างโดยนักเวทผู้เชี่ยวชาญในธาตุดินและธาตุมิติอวกาศ มันเต็มไปด้วยมนต์เสน่ห์และความลึกลับซับซ้อนที่น่าหลงใหลจนถึง ณ ปัจจุบันนี้ยังไม่เคยมี ผู้ใดสามารถถอดรหัสมันได้เลยแม้สักคนเดียว นั่นคือเหตุผลที่เราทําได้เพียงตามคําแนะนําที่อาวุโส ได้ทอดทิ้งไว้เท่านั้น ซึ่งหอคอยแห่งนี้มีสามชั้น ในแต่ละชั้นก็จะเป็นพลังที่แตกต่างกันออกไป เนื่องจากนายเป็นนักเวทระดับมัชฌิม นายสามารถฝึกฝนได้ที่ชั้นหนึ่งและสองของมันได้ ถ้าหากว่านายพยายามที่จะเข้าสู่ขั้นสาม นายจะอยู่ในสภาวะเสี่ยงจากพลังงานไร้ขีดจํากัดที่หลั่งใหลเข้ามาในร่างกายของนายนะ” ชายหนุ่มอธิบายอย่างไม่ย่อท้อ
“แล้วเช่นนั้น ฉันจะรู้ได้ยังไงล่ะว่าชั้นไหนเหมาะสมในการฝึกฝนกับฉันที่สุด ?”
“นายจะรู้ได้เองเมื่อนายได้สัมผัสกับมัน…”