จอมยุทธ์ระบบเลเวล Invincible Level Up - ตอนที่ 37
ตอนที่ 37 เจรจาเงื่อนไข
++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
ภายในห้องอาหารส่วนตัว จากที่นิ่งตะลึงงันค่อยๆแปรเปลี่ยนเป็นความโกรธ การแสดงออกของนางเปลี่ยนไปอย่างรวดเร็วขณะกรีดร้องออกมา “ฉินเทียน เจ้าจะต้องเสียใจ!….”
ถ้อยคำสาปแช่งเริ่มพรั่งพรูออกจากปากนาง กระนั้นฉินเทียนได้ออกจากห้องไปเนิ่นนานแล้ว
เสียใจงั้นหรือ? บุรุษที่ได้แต่งงานกับสตรีเช่นนางต่างหากที่ต้องเสียใจ! สูญเสียพรหมจรรย์ตั้งแต่อายุสิบหก ผู้ใดจะทราบได้ว่าในอนาคตนางจะลอบได้เสียกับบุรุษอีกกี่มากน้อยในภายภาคหน้า
……………………………….
ตอนนี้ฉินเทียนอารมณ์ดีอย่างยิ่ง หลังจากได้กำไรมาเล็กน้อย เขาก็เริ่มสงสัยว่าเหตุใดเจ้าอ้วนกับเฮยหยานจึงยังไม่กลับมากันอีก เป็นการฝึกแบบใดกันแน่จึงใช้เวลานานเพียงนี้?
ไม่ใช่ว่าฝึกกันหนักเกินไปหรือ?
ในเวลาเดียวกัน เขาก็คิดถึงค่าพลังปราณกว่าหกพันจุดที่ถูกใช้ไปและรู้สึกเจ็บปวดอยู่ในอก เขาเตรียมตัวที่จะเข้าไปในเทือกเขาคุนหลุนเพื่อล่าสัตว์ปีศาจเก็บสะสมค่าพลังปราณ
หลังจากสั่งการจางต้าฟู่อยู่หลายคำ เขาก็เริ่มเดินทอดน่องไปยังทิศเหนือของเมือง
เทือกเขาคุนหลุนและเมืองชิงเหอนั้นอยู่ห่างกันระยะหนึ่ง ที่ทางเหนือของเมือง ที่นั่นยังมีจุดส่งสัญญาณที่จัดเตรียมม้าเอาไว้มากมาย ทั้งยังมีสัตว์ปีศาจที่ถูกฝึกเอาไว้ใช้งาน สำหรับพวกมันแล้ว ระยะทางเพียงสิบกิโลเมตรนั้นไม่นับเป็นอย่างไร
ฉินเทียนเองก็ขี้เกียจจะใช้พลังปราณในการเดินทาง ดังนั้นเขาจึงตรงไปเช่าม้า ขณะที่เขากำลังจะเดินทางนั้นเอง บ่าวของตระกูลฉินก็กระหืดกระหอบวิ่งมาหา มันเดินมาหยุดที่เบื้องหน้าฉินเทียนและกล่าวปนหอบ “นาย…นายน้อย…ฉินเทียน…ท่านประมุขเรียก…หาท่าน…”
“ไฉนประมุขจึงอยากพบข้า?”
ฉินเทียนขบคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะกล่าวตอบ “ท่านประมุขได้ฝากคำพูดมาด้วยหรือไม่?”
ด้วยความที่มันรีบวิ่งมาโดยไม่หยุดพัก ใบหน้าของมันจึงกลายเป็นแดงก่ำ แสดงให้เห็นว่ามันไม่ได้เข้มแข็งสักเท่าใด การเหน็ดเหนื่อยเพียงเพราะระยะทางไม่มากนี้ มันคงเป็นผู้ฝึกตนไม่เกินขั้นที่สาม “ท่านประมุข…ไม่ได้กล่าวสิ่งใด..เพียงเชิญท่านกลับไปยังตระกูลฉิน..”
ฉินเทียนครุ่นคิดอยู่ในใจ ทำไมฉินซานเทียนจึงส่งคนมาตามเขา หลังจากสลัดความคิดทิ้งไป เขาก็ลงจากหลังม้าและเดินกลับไปยังตระกูลฉิน
แม้ว่าเขาจะไม่ยอมรับการกระทำของฉินซานเทียนสักเท่าใด จะอย่างไรอีกฝ่ายก็ยังเป็นประมุขของตระกูลฉิน ฉินเทียนยังต้องเห็นแก่หน้าของมันบ้าหากว่าเขาต้องการจะใช้ประโยชน์จากตระกูล
ระหว่างทางเขาก็ขบคิดว่าทำไมฉินซานเทียนจึงอยากพบเขา มีอะไรต้องพูดคุยกันงั้นหรือ? จะมีเรื่องอะไรที่ต้องพูดกับเขา? ไม่ว่าเรื่องราวจะร้ายแรงเพียงใด เขาก็พร้อมจะจัดการกับมันแล้ว
“เป็นตระกูลจ้าวส่งคนมาหรือ?”
เมื่อคิดถึงการสร้างความอับอายให้จ้าวเจียงหนานแล้ว ฉินเทียนก็หัวเราะออกมา ตระกูลจ้าวสมควรไม่ส่งผู้ใดมาทั้งสิ้น ยังจะมีผู้ใดกล้าประกาศความอับอายของตนเองให้โลกล่วงรู้กันบ้าง?
แน่นอนว่าตระกูลจ้าวย่อมต้องไม่อดทนอยู่เฉย ในเมื่อจ้าวเจียงหนานไม่ได้มาอีก พวกมันก็จะต้องหาทางล้างแค้นอยู่แน่ แต่หากฉินเทียนยังคงอยู่ภายในเมืองชิงเหอ มันก็ยากที่จะจัดการ
ตระกูลฉินตั้งอยู่ที่เขตเหนือของตัวเมือง ดังนั้นจึงใช้เวลาไม่นานฉินเทียนก็มาถึงตระกูล
บ่าวที่เป็นผู้นำทางได้พาฉินเทียนไปยังที่พักของฉินซานเทียนและหยุดรอที่หน้าประตู จากนั้นจึงโค้งตัวลงอย่างนอบน้อม “นายน้อยฉินเทียนมาแล้วขอรับ”
หลังจากนั้นครู่หนึ่ง ฉินซานเทียนก็เปิดประตูออกมา เขายิ้มขณะที่มองไปที่ฉินเทียน “เสี่ยวเทียน เข้ามาสิ”
มองดูรอยยิ้มที่เป็นกันเองของฉินซานเทียนแล้ว ฉินเทียนก็รู้สึกว่ากำลังจะมีเรื่องไม่ดีเกิดขึ้น
ฉินเทียนโค้งตัวคำนับก่อนจะเดินเข้าไป
การตกแต่งภายในห้องนั้นเต็มเปี่ยมไปด้วยบรรยากาศบัณฑิตคงแก่เรียน ที่ผนังของห้องประดับไว้ด้วยรูปวาดตัวอักษรที่ดูทรงพลัง อิสระและเข้มแข็งอยู่หลายภาพ ฉินเทียนจึงอดที่จะคิดขึ้นในใจไม่ได้ “ไม่คิดเลยว่าฉินซานเทียนจะมีรสนิยมที่ยอดเยี่ยมเช่นนี้”
ฉินซานเทียนมีรอยยิ้มอยู่จางๆ นอกจากการบ่มเพาะพลังแล้ว มันยังชื่นชอบในการเขียนภาพวาดตัวอักษร หากแต่ผลงานของมันไม่ได้มีไว้ขาย
ฉิินซานเทียนนั่งลงและส่งสัญญาณให้ฉินเทียนนั่งตาม “สำหรับเรื่องที่เจ้าช่วยกำจัดวัชพืชออกจากหอตำรานั้น พวกเราทั้งหมดล้วนขอบคุณเจ้า”
ฉินเทียนเผยยิ้มและกล่าวว่า “นั่นเป็นสิ่งที่ศิษย์ตระกูลฉินสมควรกระทำอยู่แล้วขอรับ การลักขโมยเป็นสิ่งที่ไม่อาจอภัย ข้าไม่อาจทนเห็นพฤติกรรมเช่นนั้นได้ ดังนั้นข้าจึง….”
ฉินซานเทียนหรี่ตาลงมองฉินเทียน มันไม่ต้องการจะพูดอ้อมค้อมอีกต่อไป ดังนั้นจึงกล่าวเข้าประเด็นทันที “อีกครึ่งเดือนต่อจากนี้ก็จะเป็นงานชุมนุมของสี่ตระกูลใหญ่ เหล่าผู้อาวุโสต้องการจะให้เจ้าเป็นตัวแทนของพวกเราออกไปประลอง เจ้าจะว่าอย่างไร?”
“งานชุมนุมสี่ตระกูลใหญ่?” ฉินเทียนประหลาดใจ เมื่อคิดถึงสิ่งที่จ้าวยี่กล่าวเมื่อกลางวันแล้ว เขาก็พลันเข้าใจ กระนั้นในใจของเขาก็ลอบระบายยิ้มอย่างชั่วร้าย เขาไม่รังเกียจที่จะเข้าร่วมมันอยู่แล้ว แต่หากไม่มีผลประโยชน์ที่ดีพอ เขาก็คร้านที่จะลงมือและเอาเวลาช่วงนั้นไปล่าสัตว์ปีศาจเพื่อเพิ่มเลเวลเสียดีกว่า
ทันใดนั้นสีหน้าของฉินเทียนก็เปลี่ยนเป็นปั้นยาก เขากล่าวตอบอย่างสุภาพ “ท่านประมุข ระดับบ่มเพาะของข้าเพียงอยู่ที่ขั้นฝึกตนระดับแปด แล้วนี่ข้าจะเป็นตัวแทนของตระกูลออกไปประลองได้อย่างไร? แน่นอนว่าข้าไม่มีคุณสมบัติเพียงพอ! ยิ่งไปกว่านั้น ข้ายังอยู่ในช่วงพักฟื้นร่างกาย อีกทั้งมันยังอยู่ในช่วงสำคัญของการบ่มเพาะ”
ฉินซานเทียนประหลาดใจขณะที่แววตาของมันได้เปลี่ยนไป การได้เป็นตัวแทนของตระกูลนับว่าเป็นสิ่งที่สมควรภาคภูมิใจอย่างมาก ยังไม่ต้องกล่าวถึงผลการต่อสู้ ทางตระกูลย่อมต้องมอบรางวัลมากมายให้กับคนผู้นั้น อย่างไรก็ตาม เพียงพิจารณาไม่ถึงนาทีดี ฉินเทียนกลับกล่าวปฏิเสธมันเสียแล้ว
ศิษย์ทุกผู้ล้วนแล้วแต่ต้องการจะเข้าร่วมการประลองนี้! อย่างไรก็ตาม แต่ละตระกูลสามารถส่งศิษย์ออกไปได้เพียงตระกูลละสามคนเท่านั้น ศิษย์รุ่นเยาว์ของตระกูลฉินเป็นกลุ่มที่มีความกระตือรือร้นมากที่สุด แต่ฉินเทียนกลับแสดงท่าทีที่ไม่เฉยเมยออกมา นั่นทำให้ฉินซานเทียนประหลาดใจอย่างมาก
เพื่อที่จะได้เข้าร่วมในการประลองแล้ว คนผู้นั้นจะต้องมีชื่อเสียงและความแข็งแกร่ง!
หากแต่สำหรับฉินเทียนแล้ว เกียรติยศไม่มีค่าแต่อย่างใด เกียรติยศมันกินไม่ได้! เมื่อไม่มีจิตผูกพันธ์ต่อตระกูลอยู่ก่อนแล้ว แม้หากตระกูลฉินจะหายไปอย่างลึกลับ เขาก็ไม่รู้สึกเจ็บปวดแต่อย่างใด ตรงกันข้ามเขากลับรู้สึกยินดีเสียด้วยซ้ำ
เมื่อไม่มีผลประโยชน์ เกียรติยศก็ไม่มีความหมายใดๆทั้งสิ้น!
สำหรับเขาแล้ว ผลประโยชน์ต้องมาก่อน มิเช่นนั้นเขาก็คร้านจะไปสนใจ
“เพื่อหน้าตาของตระกูลฉินแล้ว เจ้าจะต้องเข้าร่วม”
ฉินซานเทียนเพิ่มน้ำเสียงขึ้นเล็กน้อย แสดงท่าทีของประมุขตระกูลออกมา น้ำเสียงของมันจึงแฝงไปด้วยอำนาจ
ฉินเทียนลอบก่นด่าอยู่ในใจ อย่างไรก็ตาม เขากลับแสดงท่าทีที่ตกใจออกมา “ท่านประมุข ข้าเองก็ต้องการจะสู้เพื่อตระกูลเช่นกัน แต่ท่านก็ทราบว่าข้ายังต้องฟื้นฟูร่างกายและยังไม่อาจทะลวงผ่านระดับไปได้ ข้าต้องการเม็ดยาจำนวนมหาศาลเพื่อที่จะยกระดับร่างกายของข้า….”
ขณะที่อธิบายสถานการณ์ออกไป ฉินเทียนก็คอยลอบชำเลืองมองฉินซานเทียนและแสดงท่าทีที่ดูลำบากใจอย่างมากออกมา
เมื่อเห็นว่าฉินซานเทียนยังคงเงียบอยู่ เขาก็กล่าวต่อไปอีกว่า “ไม่นานมานี้ ข้าเตรียมที่จะทะลวงผ่านไปยังขั้นก่อตั้งวิญญาณ หากแต่ร่างกายของข้านั้น….”
“พอแล้ว ข้าเข้าใจแล้ว”
แน่นอนว่าฉินซานเทียนเข้าใจว่าฉินเทียนกำลังต้องการอะไร ดังนั้นมันจึงเอ่ยปากถาม “เจ้าแน่ใจนะว่าเจ้าจะสามารถทะลวงไปยังขั้นก่อตั้งวิญญาณได้?”
“ด้วยจำนวนเม็ดยาที่มากพอ มันสมควรไม่เป็นปัญหา…” ฉินเทียนไม่กล้าที่จะกดดันตัวเองจนเกินไป อย่างไรก็ตาม เพื่อที่จะยกระดับไปอีกสองเลเวลภายในครึ่งเดือนแล้ว มันสมควรไม่เป็นปัญหา เว้นเสียแต่จะมีผู้คนมาก่อกวนเขา
“เม็ดยาไม่เป็นปัญหา เจ้าอยากได้เท่าไรก็เอาไป แต่ภายในครึ่งเดือน เจ้าจะต้องไปถึงขั้นก่อตั้งวิญญาณ” ฉินซานเทียนกล่าวด้วยรอยยิ้ม หากว่าฉินเทียนสามารถทะลวงผ่านไปขั้นก่อตั้งวิญญาณได้จริงๆ โอกาสที่ตระกูลฉินจะได้รับที่หนึ่งในการประลองก็นับว่ามีสูงขึ้นมาก
“ท่านประมุข ในเมื่อท่านกล่าวเช่นนั้น ข้าก็คิดว่ามันสมควรไม่เป็นปัญหาแล้ว แต่เป็นเมื่อใดกันเม็ดยาจึง….”
ฉินเทียนรู้สึกเบิกบานอย่างมาก ใบหน้าของเขาจึงสีหน้าที่ดูตระหนี่และโลภมากออกมา
เวลานี้เอง ฉินซานเทียนก็แสดงความใจกว้างออกมา เขาหยิบขวดยาหยางเฉิงจากแหวนมิติออกมาสิบขวด และกล่าวว่า “นี่เป็นเม็ดยาหยางเฉิงทั้งหนึ่งร้อยเม็ด เจ้าเอาไปห้าสิบ และใส่วนที่เหลืออีกห้าสิบเม็ดนั้น ข้าจะให้เจ้าเป็นรางวัลหากว่าเจ้าสามารถทะลวงผ่านไปยังขั้นก่อตั้งวิญญาณได้ในครึ่งเดือน”
“และหากว่าเจ้าสามารถได้ลำดับที่หนึ่งในการประลองมา นอกจากรางวัลจากการประลองแล้ว ตระกูลฉินก็จะมอบอาวุธวิญญาณขั้นกลางให้เจ้าเป็นรางวัล”
“อาวุธวิญญาณขั้นกลาง?” ฉินเทียนตัวสั่นเทิ้ม อาวุธนั้นแน่นอนว่าย่อมต้องยอดเยี่ยมกว่าเม็ดยา ยิ่งไม่ต้องกล่าวถึงอาวุธวิญญาณ! กระทั่งอาวุธวิญญาณระดับต่ำก็ยังเป็นเม็ดเงินมหาศาล!
“ฉินซานเทียนช่างใจกว้างนัก…หรือว่ามันยังมีเรื่องใดอยู่อีก?”
แต่นี่มันอาวุธวิญญาณขั้นกลางเชียวนะ….อา กระทั่งผู้เชี่ยวชาญเช่นเฮยหยานก็ยังไม่มีอาวุธที่เหมาะมือ
เมื่อคิดไปถึงรางวัลที่ฉินซานเทียนจะมอบให้แล้ว เลือดลมของฉินเทียนก็พลุ่งพล่านขึ้นมาด้วยความตื่นเต้น
สำหรับเหตุผลที่ว่าทำไมฉินซานเทียนถึงใจกว้างเช่นนี้ นั่นก็เป็นเพราะว่ามันได้รับแรงกดดันจากเหล่าผู้อาวุโสใหญ่
ตั้งแต่ที่มันได้ขึ้นรับตำแหน่งประมุขของตระกูลฉิน ผลลัพธ์การประลองก็ไม่เคยออกมาดีสักครั้ง หากยังเป็นเช่นนี้ต่อไป ตำแหน่งประมุขของมันก็จะสั่นคลอนแล้ว
บ่ายของวันนั้น เมื่อได้ยินว่าฉินเทียนสู้ชนะผู้เชี่ยวชาญขั้นก่อตั้งวิญญาณจ้าวยี่ มันก็มีความสุขขึ้นมาทันที
นอกจากนั้นแล้วมันยังมีเหตุอื่นอีก
แก่นของกอลลิล่าดุร้าย ฉินเทียนใช่เอาไปหรือไม่?
หากว่าฉินเทียนกลืนมันไปแล้ว ภายในสามปีต่อจากนี้ เขาจะมีความก้าวหน้าอย่างยิ่งใหญ่ ดังนั้นมันจะต้องจัดการเรื่องนี้เสียก่อน
ไม่มีผู้ใดได้รับอนุญาติให้สามารถคุกคามตำแหน่งประมุขตระกูลของมันได้!
ฉินซานเทียนมีความทะเยอทะยานอย่างมาก มันจะไม่ยอมให้ผู้ใดมีอำนาจเหนือมัน!
YOU MAY ALSO LIKE
Tips: Lorem ipsum dolor sit amet, consectetur adipisicing elit, sed do eiusmod tempor incididunt ut labore et dolore magna aliqua. Ut enim ad minim veniam, quis nostrud exercitation ullamco laboris nisi ut aliquip ex ea commodo consequat. Duis aulores eos qui ratione voluptatem sequi nesciunt. Neque porro quisquam est, qui dolorem ipsum quia dolor sit ame