การกลับมาของฮีโร่ - ตอนที่ 177
ตอนที่ 177
ความแข็งแกร่ง 97..
หลังจากดื่ม อีลิกเซอร์] และ [หยดเลือดโบราณกาลของเฮอร์คิวลีส] เข้าไป สเตตัสความแข็งแกร่งยกระดับเพิ่มขึ้นมา 7 จุด ซูฮยอนสัมผัสได้เลยว่าร่างกายของตนเองตอนนี้แข็งแรงขึ้นกว่าเก่า
สเตตัสไม่ได้มีผลแค่ในโลกหอคอยแห่งการทดสอบเท่านั้น โลกแห่งความจริงก็มีผลด้วยเช่นกัน ทุกครั้งที่สเตตัสเพิ่มขึ้น 1 จุด ผู้ตื่นขึ้นจะรับรู้ได้โดยทันทีว่าร่างกายของตัวเองเกิดการเปลี่ยนแปลงไปจากเดิมยิ่งไปกว่า นั้นนี่เป็นครั้งแรกที่ซูฮยอนมีโอกาสสัมผัสค่าสเตตัสความแข็งแกร่ง 97
<< ถ้าจําไม่ผิด ในชีวิตก่อน ค่าสเตตัสความแข็งแกร่งของฉันน่าจะอยู่ที่ราวๆ 96 นี่แหละ >>
ย้อนกลับไปเมื่อตอนนั้น ซูฮยอนไม่ให้ความสําคัญกับสเตตัสพื้นฐานเลย เขาสนใจแต่สเตตัสปัจจัยเวทและระดับเวทเท่านั้น [แต้มสเตตัส] ที่ได้มาหลังเคลียร์การทดสอบ มักเลือกเพิ่มลงไปที่ปัจจัยเวทหรือไม่ก็ระดับเวทเสมอ ไอเทมที่ใช้คะแนนความสําเร็จซื้อก็เหมือนกัน ทุกอย่างล้วนทําเพื่อเพิ่มพลังเวทในตัวแทบทั้งสิ้น
เป็นเหตุผลว่าทําไมค่าสเตตัสความแข็งแกร่งจึงหยุดนิ่งอยู่ที่ 96 เขารู้แก่ใจว่าสเตตัสความแข็งแกร่งมีประโยชน์มาก แต่เวลานั้นเขาคิดว่าค่าสเตตัสความแข็งแกร่งแค่ 96 ก็เยอะพอแล้ว ไม่มีความจําเป็นต้องเพิ่มมากไปกว่านี้…
น่าเสียดายที่เขาคิดผิด…..
<< จะว่าไปสเตตัสปัจจัยเวทและระดับเวทของฉัน ยกระดับขึ้นเร็วพอสมควร เทียบกับชีวิตก่อน แทบจะไม่ต่างกันเลย >>
เผลอๆอาจเร็วกว่าชีวิตที่แล้วด้วยซ้ํา ซูฮยอนรู้คําตอบว่าทําไมถึงเป็นแบบนี้….
<< คงเป็นเพราะความชํานาญ >>
พรสวรรค์ทางด้านพลังเวทของแต่ละบุคคลไม่เท่ากัน
คนที่มีพรสวรรค์ล้ําเลิศจะสามารถเข้าถึงพลังเวทและตระหนักรู้ได้ดีกว่าปกติ ปัจจัยเวทกับระดับเวทจึงเลื่อนระดับขึ้นฮวบฮาบ ส่วนคนที่มีพรสวรรค์ต่ํา ปัจจัยเวทและระดับเวทจะยกระดับขึ้นอย่างเชื่องช้คล้ายหอยทากคลาน
พูดอย่างไม่กระดากปาก พรสวรรค์ด้านพลังเวทของซูฮยอนทั้งในอดีตหรือปัจจุบัน นับว่ายอดเยี่ยมเป็นอันดับหนึ่ง
นอกจากนี้ซูฮยอนเคยมีประสบการณ์สัมผัสระดับเวท 9 มาก่อนแล้ว จึงเข้าใจอย่างถ่องแท้ว่ามันมีความรู้สึกเช่นไร หากจะบอกปัจจัยเวทกับระดับเวทในชีวิตปัจจุบันของเขา รุดหน้าเร็วกว่าชีวิตก่อนก็ไม่เกินจริงนัก
แล้วสเตตัสของเขาล่ะ?
<< ร่างกายจะแข็งแรงขึ้นได้ ก็ต่อเมื่อออกกําลังกายสม่ําเสมอและกินอาหารที่มีประโยชน์ สเตตัสความแข็งแกร่งก็เช่นกัน หากฉันไม่ดื่ม (อีลิกเซอร์] สเตตัสความแข็งแกร่งไม่มีทางกระเตื้องแน่ >>
เป้าหมายในการบุกโจมตีดันเจี้ยนของซูฮยอนครั้งนี้ คือปรับร่างกายให้ชินกับความแข็งแกร่งไม่มีทางลัดอื่น มีแต่ต้องพยายามเคี่ยวกรําเท่านั้น เพื่อเค้นสมรรถภาพทางกายออกมาให้ถึงขีดสุด จําเป็นต้องลงสนามต่อสู้จริง ถึงจะสัมฤทธิผล
ซึ่งถือเป็นครั้งแรกที่เขาตัดสินใจทําอะไรแบบนี้ เพราะเปลี่ยนแนวคิดใหม่ เส้นทางที่เลือกเดินจึงผันแปรจากอดีต
หลังจากซูฮยอนก้าวเข้ามาในดันเจี้ยน มีมอนสเตอร์ตัวหนึ่งร่วงดิ่งลงมาจากด้านบน แยกเขี้ยวแหลมคมข่มขวัญ เห็นดังนั้นเขาไม่รอช้า กําหมัดแน่นเหวี่ยงกินลมไปข้างหน้า มุ่งหมายต่อยสันกราม
ปัง!!
เสียงลมโกรกคล้ายยืนอยู่ริมชายหาดดังผ่านกกหู มอบความกระปรี้กระเปร่าให้ผู้ได้ยิน
หัวของลิงยักษ์ปะทะเข้ากําปั้นเต็มเปา กะโหลกศีรษะยุบยวบ ร่างปลิวลอยขึ้นไปบนอากาศ
มอนสเตอร์ที่กระโจนเข้าโจมตีซูฮยอนมีความสูง 4 เมตร และมีน้ําหนักมากกว่าหนึ่งดัน แต่ไม่น่าเชื่อว่าหมัดเปล่าๆที่ไม่มีพลังเวทหล่อเลี้ยง จะสามารถส่งร่างที่ใหญ่โตให้ลอยเคว้งขึ้นไปเหนืออากาศได้
ตูม!!
ร่างลิงยักษ์ที่โถมเข้าหาหวังฉีกกระชากเหยื่อตรงหน้าเป็นอาหาร ร่วงกระแทกพื้นดังอึงอล ส่วนหัวที่ตกกระทบถูกพื้นก่อน แตกกระจายแหลกเหลว
เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นชั่วพริบตา นําพาให้บรรยากาศรอบข้างเงียบงัน ทีมโจมตีที่ตามหลังซูฮยอนมาติดๆ อ่า ปากกรามค้าง สายตาพลุ่งพล่านเพ่งมองผู้ตื่นขึ้นชาวเกาหลีใต้…
สมาชิกทีมโจมตีบางคนเริ่มเรียกสติของตัวเองกลับคืนมาได้ แม่ในใจจะยังรู้สึกตกตะลึงอยู่ก็ตาม
<< ฉันสัมผัสคลื่นพลังเวทจากร่างกายของเขาไม่ได้เลย… >>
<< ฉันกําลังฝันอยู่หรือป่าววะ? >>
<< เขายังไม่ชักดาบออกมาใช้เลยด้วยซ้ํา… >>
ในบรรดาสมาชิกทีมโจมตี คนที่ ตะลึงงันยิ่งกว่าใคร คือ เชอร์นอฟ
<< เอาจริงดิ หมัดเดียวจอด?!! >>
หมัดที่ซูฮยอนปล่อยออกไปเมื่อครู่ ไม่มีพลังเวทห่อหุ้ม เป็นหมัดตุ่นๆเรียบง่ายไม่ยุ่งยาก แต่กลับทรงพลังอย่างไม่น่าเชื่อ เขาไม่รู้ว่าซูฮยอนเคยฝึกฝนศิลปะการต่อสู้ด้วยมือเปล่ามาก่อนหรือไม่
แต่กระนั้นการโค่นล้มมอนสเตอร์ในดันเจี้ยนระดับสีน้ําเงินโดยไม่อาศัยพลังเวท หมายความว่าอย่างน้อยซูฮยอนต้องเคยเรียนรู้ศิลปะการต่อสู้หมัดมวยมาบ้าง
<< ไม่สิ ฉันอาจสังเกตไม่เห็นรัศมีพลังเวทเองก็ได้ >>
สาเหตุที่เชอร์นอฟสัมผัสกลิ่นอายพลังเวทจากร่างกายซูฮยอนไม่ได้ เป็นเพราะเหตุการณ์ทุกอย่างเกิดขึ้นชั่วพริบตาเดียว
ที่สําคัญซูฮยอนเข้ามาในดันเจี้ยนก่อนใคร จึงไม่แปลกหากอีกฝ่ายปล่อยพลังเวทไปแล้ว คนอื่นๆที่พึ่งตามมาภายหลังจะสัมผัสไม่ได้
สิ่งต่างๆเริ่มมีความสมเหตุสมผลเมื่อนําความคิดของเชอร์นอฟมาปะติดปะต่อกัน ปฏิเสธไม่ได้เลยว่ามันเป็นภาพเหตุการณ์ที่หน้าเหลือเชื่ออย่างมาก
<< เขาควบคุมพลังเวทได้ยอดเยี่ยมจริงๆ >>
เชอร์นอฟเชื่อสนิทใจว่า เหตุที่หมัดของซูฮยอนรุนแรงขนาดนั้น ต้องเป็นผลจากพลังเวทไม่ผิดแน่…
“บริเวณปากทางเข้าดันเจี้ยนมีมอนสเตอร์อยู่ไม่กี่ตัว แต่ระวังหน่อยก็ดี พวกมันอาจกระโจนออกมาจากจุดที่ คาดไม่ถึงก็ได้”ซูฮยอนกล่าวพลางเงยหน้าขึ้น
สภาพแวดล้อมรอบกายพวกเขาเนืองแน่นไปด้วยต้นไม้รกครึม ตําแหน่งที่พวกเขาปรากฏตัวคล้ายหลงอยู่ใจกลางไพรระหง ต้นไม้ที่งอกเงยตามรายทางสูงใหญ่เทียมฟ้า จนไม่อาจพบเห็นได้ในโลกแห่งความจริง…
เลี้ยก!! เจี๊ยก!!
บนต้นไม้สูงใหญ่พบร่างลิงยักษ์จํานวนหนึ่งกําลังแอบอิงเฝ้ามองทีมโจมตีดันเจี้ยนอยู่ไกลหูไกลตา แม้ต้นไม้จะใหญ่โตหลายคนโอบ แต่ลิงมีขนาดตัวที่ใหญ่เทียบเท่าช้าง ต้นไม้จึงอําพรางร่างพวกมันไม่มิด
“พึ่งเริ่มต้น ก็ไม่ง่ายซะแล้ว”เชอร์นอฟพูดพลางหยิบคันธนขึ้นมาเตรียมพร้อม
ผู้ตื่นขึ้นคนอื่นๆในทีมโจมตีเห็นดังนั้น จึงทยอยดึงอาวุธออกมาทีละคน พร้อมทั้งปล่อยสกิลที่ตนเองเชี่ยวชาญ
ซูฮยอนปรายตามองพวกเขาที่เตรียมพร้อมต่อสู้ ก่อนจะเอื้อนเอ่ยขึ้นว่า.. “อย่าแตกแถว รักษารูปขบวนไว้ หากจําเป็นต้องขยับเดินไปข้างหน้า เป็นไปได้อย่าลดการป้องกันลงเด็ดขาด คุณเชอร์นอฟครับ คุณอยู่แนวหลัง สุด มองหาโอกาส ยิงลิงที่ซุ่มอยู่บนต้นไม่”
ต่างบ้านต่างเมืองภาษาที่ใช้สื่อสารย่อมไม่เหมือนกัน ไม่ใช่ทุกคนจะเข้าใจภาษาอังกฤษที่เป็นภาษากลางของโลก ผู้ตื่นขึ้นที่เข้าใจภาษาอังกฤษถึงแก่นแท้ แปลคําพูดของซูฮยอนเป็นภาษารัสเซียให้ทีมโจมตีรับทราบ
ใจความสําคัญที่ซูฮยอนบอกกล่าวให้พวกเขาปฏิบัติ คือ พยายามรักษารูปขบวนและห้ามลดการป้องกันลง เนื่องจากการโจมตีดันเจี้ยนระดับสีน้ําเงินครั้งนี้ ซูฮยอนเป็นหัวหน้าทีมโจมตี อีกฝ่ายจึงมีอภิสิทธิ์ออกคําสั่ง แต่ แผนการของซูฮยอนที่ผู้ตื่นขึ้นคนหนึ่งแปลให้ฟัง สร้างความสับสนมึนงงให้แก่พวกเขาพอสมควร
<< เขาอยากให้พวกเรายืนอยู่เฉยๆ คอยต้านรับการโจมตีงั้นเหรอ? >>
<< แล้วเหตุผลล่ะ? >>
<< อย่าบอกนะว่าเขาคิดจะใช้ยุทธวิธีโจมตีจากระยะไกล โดยหวังพึ่งลูกศรของคุณเชอร์นอฟ?? >>
ไม่ว่าพวกเขาจะใช้หัวคิดไตร่ตรองหนักเพียงใด ก็หาคําตอบไม่ได้ว่าซูฮยอนต้องการทําอะไรกันแน่ แต่ในเมื่อหัวหน้าทีมโจมตีออกคําสั่งมาแล้ว พวกเขาก็ต้องจําใจปฏิบัติตามไม่อาจขัดขืนคําสั่งได้
สมาชิกทีมโจมตีทุกคนล้วนเป็นผู้ตื่นขึ้นมือดีมากความสามารถ พวกเขาแปรขบวนจัดรูปแบบการป้องกันอย่างรวดเร็ว
“ดีมาก”ซูฮยอนพยักหน้าชื่นชมทีมโจมตีที่ปฏิบัติตามคําสั่งอย่างเคร่งครัด ก่อนจะกล่าวต่อ…
“ทุกคนฟังให้ดี ต่อจากนี้ทุกคนต้องช่วยเหลือเกื้อกูลกันและกัน พยายามสุดความสามารถ เพื่อเอาชีวิตรอดออกจากที่นี่ เข้าใจที่ผมพูดใช่ไหมครับ?”
“หืม??”
“ห้ะ??”
[กระโดด]
ซูฮยอนถีบตัวกระโดดขึ้นไปบนอากาศ
หลังออกคําสั่งให้ทีมโจมตียืนหยัดด้วยตัวเอง ซูฮยอนไม่รอช้กระทั่งเท้าพุ่งทะยานออกตัวทันที
ในเวลาเดียวกันนั้น….
“จงออกมา”
คิ้ว!!
มิรุโผล่ออกมาจากช่องว่างมิติพร้อมเปล่งเสียงร้องคําราม ซูฮยอนปีนป่ายขึ้นขี่หลังของมังกรแดง
ฟรี่บ!!
มิรุสยายปีกกว้างกระพือบินถลาต้านลมปราดเปรียวดุจอัสนี เพราะความเร็วที่มากล้นทิวทัศน์รอบตัวจึงพร่ามัว หนึ่งคนกับหนึ่งมังกรตรงดิ่งไปหาลิงยักษ์กินเนื้อที่ดักรออยู่ด้านหน้า มอนสเตอร์ใช้ปลายห่างตวัดเกี่ยวพันรอบต้นไม้ เหนี่ยวรั้งไม่ให้ร่างใหญ่โตพลัดตกจากที่สูง
ปัง!!
ซูฮยอนกําหมัดแน่น เงื้อมือเหวี่ยงต่อยไปด้านหน้าเต็มแรง
ตูม!!
ความเร็วในการบินของมิรุส่งเสริมให้พลังหมัดของซูฮยอนรุนแรงยิ่งขึ้น ทันทีที่หมัดกระแทกเข้าหัวลิงยักษ์กินเนื้อ หัวที่คล้ายแข็งแรงระเบิดเป็นจุณ เศษชิ้นเนื้อปลิวว่อน..
ลิงยักษ์กินเนื้อไม่ทันได้ตอบสนอง ดันตกตายไปเสียแล้ว หัวระเบิดเละตุ้มเป๊ะ ประหนึ่งเต้าหูโดนมือขยําเสียรูปทรง ร่างไร้วิญญาณร่วงหล่นลงพื้นเบื้องล่างดังตึง..
การโจมตีของซูฮยอนเหมือนกับก่อนหน้านี้ไม่มีผิด…
<< ฉันสัมผัสกลิ่นอายพลังเวทจากร่างกายของเขาไม่ได้อีกแล้ว? เพราะอะไรกัน? >>
เชอร์นอฟจ้างธนูเตรียมสนับสนุนซูฮยอนจากด้านหลัง เบิกตาโพลงอย่างตกใจ…
<< แค่หมัดเดียว ก็สามารถระเบิดหัวกะโหลกที่แข็งแกร่งของลิงยักษ์ได้ >>
ฟรี่บ!!
ซูฮยอนขี่หลังมิรุ ง้างมือต่อยลิงยักษ์กินเนื้อไม่หยุด
ภาพรวมของการต่อสู้ ซูฮยอนเหนือชั้นกว่าและได้เปรียบอยู่ฝ่ายเดียว
ซูฮยอนพบว่า แม่ไม่โคจรพลังเวทหรือดึงความแข็งแกร่งในร่างกายออกมาใช้ อาศัยแค่ความเร็วในการบินของมิรุ หมัดของเขาก็ทรงพลังอย่างไม่น่าเชื่อ ทุกการโจมตีไม่มีลิงยักษ์ตัวใดหนีพ้น
เจี๊ยก!! เจี๊ยก!!
ทันใดนั้นเอง มีลิงยักษ์กินเนื้อตัวหนึ่งแอบแยกตัวออกมาจากฝูง วิ่งตะบึงมุ่งหมายจู่โจมผู้ตื่นขึ้นที่ตั้งรูป ขบวนป้องกันอยู่แนวหลัง เนื่องด้วยเห็นซูฮยอนสังหารลิงยักษ์ได้อย่างง่ายดายราวผักปลา พวกเขาคิดเองเออ เองว่ามอนสเตอร์ที่กําลังพุ่งมาหา คงไม่แข็งแกร่งอะไรมาก จึงเกิดความคึกคะนองลองดี อยากขับเคี่ยวกับพวก มันสักตั้ง วิ่งปราดออกจากกลุ่มง้างดาบหวังฟาดฟัน รูปขบวนป้องกันที่จัดเตรียมมาดิบดีจึงเกิดช่องโหว่
แต่แล้วก็ต้องนึกเสียใจภายหลังกับการตัดสินใจของตัวเอง กรงเล็บของลิงยักษ์มีความแหลมคมอย่างยิ่ง เกือบคร่าชีวิตคนในทีมหลายครั้ง เป็นเพราะลิงยักษ์มีร่างกายล่ําสันบิ๊กบึน การโจมตีแต่ละครั้งมีทั้งรุนแรงและหนักหน่วง
ฟื้ว!!
ลูกศรที่แล่นออกจากคันธนูของเชอร์นอฟ ทิ้งรูขนาดใหญ่ไว้กึ่งกลางหน้าผากลิงยักษ์
“ทุกคนระวังตัว กลับมารวมกลุ่มเดี๋ยวนี้ อย่าลดการป้องกันลง”
“รับทราบ!!”
สมาชิกทีมโจมตีขานรับคําแนะนําของเชอร์นอฟโดยพร้อมเพรียง
ทีมโจมตีเกือบสูญเสียสมาชิกไปเพราะประเมินศัตรูต่ําเกินไป ถ้าไม่ได้ความช่วยเหลือจากเชอร์นอฟ อาจมีใครคนหนึ่งต้องสังเวยชีวิต…
<< มอนสเตอร์พวกนี้ ไม่ได้อ่อนแออย่างที่หลายคนคิด >>
เชอร์นอฟพินิจมองซากศพลิงยักษ์กินเนื้อที่โดนลูกศรเจาะทะลุกลางหน้าผาก
<< มอนสเตอร์ทุกตัวที่อาศัยอยู่ในดันเจี้ยนระดับสีน้ําเงิน ล้วนแล้วแต่มีความแข็งแกร่งไม่ธรรมดา >>
มอนสเตอร์ที่พวกเรากําลังเผชิญหน้าไม่ใช่บอสด้วยซ้ํา เป็นแค่มอนสเตอร์ทั่วไปไม่มีความพิเศษอะไร แต่กลับมีสติปัญญาหลักแหลม เรียนรู้วิธีซุ่มโจมตีเหยื่อที่เผลอ
สายตาของเชอร์นอฟละออกจากซากศพลิงยักษ์ เลื่อนมองไปยังซูฮยอนที่กําลังขี่หลังมังกรปล่อยหมัดโจมตีฝูงลิงยักษ์ไม่หยุดหย่อน..
<< คิมซูฮยอนคนนั้น…. >>
เขาเคยประมือกับผู้ตื่นขึ้นชาวเกาหลีใต้คนนั้นมาก่อน ความแข็งแกร่งที่ซูฮยอนกําลังแย้มออกมาให้เห็น ขณะนี้สร้างความตระหนกตกใจให้แก่เขาใหญ่หลวง
ย้อนกลับไปตอนนั้น เชอร์นอฟรู้สึกทิ้งในความแข็งแกร่งของซูฮยอนก็จริง แต่ก็ไม่ได้แสดงอาการตกใจออกหน้าออกตาหนักเหมือนตอนนี้ เขายังงงงวยอยู่เลยว่า ซูฮยอนสังหารมอนสเตอร์ได้ยังไง โดยที่ไม่ใช้พลังเวทเลยสักหยด
<< ถ้ากอร์ดอนโรฮันทราบเรื่องนี้ เขาต้องขบเขี้ยวเคี้ยวฟันแน่..>>
บทสัมภาษณ์ที่กอร์ดอนโรฮันเคยพูดให้นักข่าวฟัง บอกไว้ว่าสักวันหนึ่งเขาจะโค่นล้มซูฮยอนลงให้ได้ คําพูดของกอร์ดอนโรฮันยังคงตราตรึงใจผู้คนจวบจนทุกวันนี้ ผู้คนนับไม่ถ้วนตั้งหน้าตั้งตารอคอยให้สงครามแก่งแย่งอันดับจัดขึ้นอีกครั้งอย่างใจจดใจจ่อ มิหนําซ้ําช่วงที่ผ่านมาคู่ปรับตลอดกาลอย่างพวกเขาดันสังกัดอยู่ในกิลด์เดียวกัน คนจากทั่วมุมโลกจึงให้ความสนใจจับตาการแข่งขันระหว่างซูฮยอนกับกอร์ดอนโรฮันมากเป็นพิเศษ
เมื่อลองจินตนาการว่าทั้งซูฮยอนและกอร์ดอนโรฮันเผชิญหน้ากันอีกครั้งบนสนามแข่งขัน เชอร์นอฟอดส่ายหน้าไม่ได้…
<< คงไม่ต้องลุ้นแล้วมั้ง >>
สงครามแก่งแย่งอันดับที่พึ่งปิดม่านลงชัยชนะตกอยู่ในมือของซูฮยอน ในสายตาของคนรับชมการแข่งขันคิดว่า ซูฮยอนและก็อนแจฮุนมีฝีมือใกล้เคียงกัน พวกเขาสมควรได้อันดับหนึ่งร่วมสงครามแก่งแย่งอันดับครั้งที่ 2 ซึ่งมีข่าวหลุดออกมาว่าจะจัดขึ้น อาจเป็นตัวชี้วัดระหว่างซูฮยอนกับกวอนแจฮุนว่าใครกันแน่แข็งแกร่งกว่ากัน ผลลัพธ์ไม่มีใครคาดเดาได้..
ซูฮยอนจะเป็นแชมป์อีกหนึ่งสมัย หรือ กว์อนแจฮุนจะทวงคืนชื่อเสียงผู้ตื่นขึ้นอันดับหนึ่งของโลกกลับมาได้ดังเดิม ทุกอย่างสุดจะหยั่งรู้ เพราะไม่ว่าอะไรก็เกิดขึ้นได้
ถ้าสงครามแก่งแย่งอันดับครั้งที่ 2 ซูฮยอนยังคงเข้าร่วมเหมือนเดิม เชอร์นอฟมั่นใจเต็มเปี่ยมว่าแชมป์เปียนต้องตกเป็นของซูฮยอนอีกหนึ่งสมัยล้านเปอร์เซ็นต์…
ผ่านไปแล้ว 1 วัน นับตั้งแต่ทีมโจมตีเข้ามาในดันเจี้ยนระดับสีน้ําเงิน
ซูฮยอนบดขยี้หัวลิงยักษ์ [ตัวแม่] แตกกระจุยแหลกเหลว พลางสะบัดข้อมือที่เริ่มมีความรู้สึกปวดเมื่อยเบาๆ
<< รู้สึกฉันจะพบปัญหาแล้วสิ >>
ค่าสเตตัสความแข็งแกร่ง 97
ไม่ต้องสงสัยเลยว่ามันเป็นค่าตัวเลขที่สูง และมีผลต่อการโจมตีของเขามหาศาล
เพราะค่าสเตตัสความแข็งแกร่ง ส่งผลให้ซูฮยอนสังหารมอนสเตอร์ด้วยมือเปล่าได้แบบไม่ยากเย็น แม้ไม่ใช้พลังเวท ใช้เพียงพละกําลังล้วนๆ บอสมอนสเตอร์ระดับกลางอย่างลิงยักษ์ [ตัวแม่] ยังทานทนรับการโจมตีไม่ไหวต้องตกตายลง…
ทว่าการต่อสู้ที่กินเวลามาหนึ่งวันเต็ม ทําให้ซูฮยอนตระหนักได้ถึงความจริงบ้างอย่าง…
<< [สเตตัสความอึด] ของฉัน เติบโตตาม [สเตตัสความแข็งแกร่ง] ไม่ทัน >>
แม้สเตตัสความแข็งแกร่งของซูฮยอนจะน่าตกตะลึงเพียงใด แต่ร่างกายของเขาอ่อนแอเกินไป ไม่อาจทนรับแรงกายที่มากล้นได้นานนัก
แตกต่างกับการใช้พลังเวทอย่างสิ้นเชิง พลังเวทจะใช้มากเท่าไหร่ก็ได้ ตราบเท่าที่ร่างกายมีปัจจัยเวทสูง แต่ [สเตตัสความแข็งแกร่ง] จําเป็นต้องพึ่งพา [สเตตัสความอึด] ด้วยส่วนหนึ่ง หากมีสภาพร่างกายอ่อนแอเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว [สเตตัสความอึด] ยังน้อยอีก [สเตตัสความแข็งแกร่ง] จะรีดประสิทธิภาพออกมาได้ไม่เต็มที่ เหมือนอย่างที่ซูฮยอนประสบปัญหาอยู่ในปัจจุบัน
(สเตตัสความคล่องแคล่ว) ก็เช่นกัน ไม่ว่าจะมีสเตตัสความคล่องแคล่วสูงลิ่วอย่างไร หากมีไหวพริบปฏิภาณไม่เฉียบแหลม มีปฏิกิริยาการตอบสนองต่อสิ่งรอบข้างเชื่องช้า สเตตัส [ความคล่องแคล่ว] แทบจะไร้ประโยชน์ มีประดับไว้ให้สวยหรูเฉยๆ
ทกสเตตัสล้วนเกี่ยวโยงสัมพันธน์ถึงกัน…
<< สงสัยฉันคงต้องเพิ่ม [สเตตัสความอึด] อย่างจริงจังแล้วละมั้ง? >>
ตอนแรกเขาวางแผนไว้ว่าจะเพิ่มสเตตัสความแข็งแกร่งก่อน จากนั้นค่อยเพิ่มสเตตัสความคล่องแคล่ว แต่ดูเหมือนว่าเขาจําเป็นต้องล้มเลิกแผนการนั้น เพื่อแก้ไขปัญหาที่ร่างกายแบกรับความแข็งแกร่งไม่ไหวอย่างน้อย เขาต้องดัน [สเตตัสความอึด] ให้ถึง 90 จุด
[สเตตัสความอึด] ของซูฮยอนตอนนี้อยู่ที่ 83 จุด ซึ่งต่ําที่สุดในบรรดาสเตตัสทั้งหมด
<< ถึงอย่างนั้น…>>
ซูฮยอนช้อนตามองซากศพลิงยักษ์ตัวแม่ ที่นอนงองุ้มเสียชีวิตอยู่บนพื้น พึมพํากับตัวเองเบาๆโดยไม่ให้ใครได้ยินว่า… “ผลลัพธ์ที่ออกมาไม่เลวเลย”
ผลการทดสอบศักยภาพ [สเตตัสความแข็งแกร่ง] ของเขานับว่าประสบความสําเร็จ
ซูฮยอนแทบอดใจรอไม่ไหว ใคร่อยากรู้ว่าหากสเตตัสความแข็งแกร่งเพิ่มขึ้นถึงเลข 3 หลัก ตัวเขาจะเปลี่ยนแปลงไปมากขนาดไหน
ขณะที่กําลังจมดิ่งอยู่ในห้วงความคิด ทีมโจมตีที่ยืนอยู่แนวหลัง จ้องมองซูฮยอนด้วยสายตาแปลกพิกล ราวกับว่าซูฮยอนเป็นมอนสเตอร์ที่กร้าวแกร่งกว่าลิงยักษ์พวกนี้ก็ไม่ปาน
<< ถ้าไม่เป็นหัวหน้าทีมโจมตี ฉันคงนึกว่าเขาเป็นบอสดันเจี้ยนระดับสีน้ําเงิน >>
<< พลังเวทก็ไม่ได้ใช้ แต่กลับสามารถสังหารมอนสเตอร์ลงได้ เขาไม่ใช่มนุษย์แล้ว….>>
<< ทําไมเขาถึงไม่ใช้สกิลสักครั้งเลยล่ะ? อย่าบอกนะว่าเขาไม่อยากใช้? >>
การต่อสู้ช่วงแรก ซูฮยอนใช้เพียงหมัดเพียวๆ เมื่อผ่านไประยะเวลาหนึ่ง เขาก็ตัดสินใจชักดาบออกมาจากฝัก วิ่งสื่อสังหารมอนสเตอร์ทุกตัวที่ขวางหน้าด้วยการฟันฉับเดียวตาย
แม้จะตกอยู่ในสถานการณ์จวนตัว ซูฮยอนก็ไม่ยอมงัดสกิลออกมาใช้ พลังเวทนิ่งสงบยังไงก็ยังอยู่อย่างนั้น
ภาพเหตุการณ์ทั้งหมด ทําให้สมาชิกทีมโจมตีทุกคนมั่นใจในบางสิ่ง…
<< สเตตัสพื้นฐานของซูฮยอน อยู่ในขอบเขตที่เหนือกว่าพวกเขาหลายขุม >>
ทั้งความแข็งแกร่ง ความคล่องแคล่ว รวมถึงปฏิกิริยาตอบสนอง เพียง 3 อย่างนี้ ซูฮยอนไม่มีเหตุผลต้องพึ่งพาพลังเวทหรือสกิลเลย ใช้เพียงสเตตัสพื้นฐานก็เหลือแหล่แล้ว
หลังสังหารลิงยักษ์ [ตัวแม่] บอสระดับกลางลงได้ ซูฮยอนเดินไปสมทบกับทีมโจมตี…
เชอร์นอฟรวบรวมความกล้าก้าวไปข้างหน้ายืนเคียงไหล่ซูฮยอน เอ่ยปากถามด้วยความอยากรู้ว่า…
“ผมสงสัยมาได้สักพักแล้ว คุณจงใจต่อสู้โดยไม่พึ่งพลังเวทใช่ไหม? ถ้าไม่สะดวกตอบ ปล่อยผ่านไปก็ได้ครับ”
ถ้อยคําที่เชอร์นอฟกล่าว คือคําถามที่ผู้ตื่นขึ้นชาวรัสเซียทุกคนกระสันอยากรู้ แต่ก็ไม่กล้าถาม เพราะเกรงว่าหากพลั้งปากถามไป จะสร้างความขุ่นเคืองใจให้กับซูฮยอนโดยไม่จําเป็น
บอกตรงๆว่าตอนแรกเช่อร์นอฟก็ไม่อยากถามนักหรอก เพราะทักษะการพูดภาษาอังกฤษของเขาไม่ได้ดีเลิศ แต่มันหักห้ามใจไม่ไหวจริงๆ …
ซูฮยอนพยักหน้าตอบกลับ “ใช่ครับ เป็นความตั้งใจของผมเอง พอดีผมอยากปรับร่างกายให้ชิน”
“ปรับร่างกายให้ชิน?”
“เมื่อเร็วๆนี้ สเตตัสของผมเพิ่มขึ้นอย่างก้าวกระโดด ก่อนที่จะเริ่มทําการทดสอบหอคอยชั้นต่อไป ผมอยากให้ตัวเองคุ้นชินกับสภาพร่างกายในปัจจุบันเสียแต่เนิ่นๆ จะได้ทราบถึงขีดจํากัด”
จุดประสงค์เพื่อปรับร่างกายให้คันชินกับสเตตัสใหม่ใช่ไหม
“คุณกําลังจะบอกว่า การโจมตีดันเจี้ยนครับ?”
“ประมาณนั้นครับ”ซูฮยอนพยักหน้าตอบเสียงแผ่ว สายตากวาดมองสํารวจสภาพแวดล้อมรอบๆ พลันกล่าวต่อ….
“ท่าทางพวกมันจะขุ่นเคืองไม่น้อย
“อะไรนะครับ?”
“ถ้าผมคาดการณ์ไม่ผิด อีกไม่นานพวกมันทั้งหมดจะปรากฏตัวขึ้นพร้อมกันต่อหน้าพวกเรา”
คําพูดหนักแน่นที่ออกมาจากซูฮยอน เชอร์นอฟไม่หันรีหันขวาง รีบใช้หนึ่งในสกิลที่ตนเองครอบครองออกมา..
[เนตรพันไมล์]
แววตาของเชอร์นอฟที่เรื่อเรื่องประกายแสงสีฟ้า เริ่มกวาดมองไปรอบตัว ภาพที่เขาเห็นคือมีฝูงลิงยักษ์กินเนื้อหลายร้อยตัวกําลังวิ่งพรวดพราดมุ่งหน้ามาหาทีมโจมตีจากทั่วทุกทิศทุกทาง
<< แย่ละสิ…>>
ฝูงลิงยักษ์ที่กําลังจะมาถึง มีจํานวนมากกว่าก่อนหน้านี้หลายเท่า เชอร์นอฟขนลุกเกลียว คิดไม่ถึงว่าพวกมันจะยังเหลือเยอะขนาดนี้…
เชอร์นอฟเหลียวมองไปด้านหลัง ร้องเสียงดังว่า “ทุกคนจัดตั้งขบวนป้องกัน เร็วเข้า!! มีมอนสเตอร์กลุ่มใหญ่กําลังมุ่งหน้ามาทางพวกเรา”
ทีมโจมตีดันเจี้ยนกระวีกระวาดตั้งขบวนป้องกันตามคําสั่งของเชอร์นอฟอย่างเร่งรีบ เพียงไม่นานเสียงร้องคํารามเกรี้ยวกราดของลิงยักษ์กินเนื้อก็กระชั้นชิดใกล้เข้ามาเรื่อยๆ พวกมันวิ่งดิ่งมาหาทีมโจมตีจากทั้งภาคพื้นดิน และบนต้นไม้สูง
เลี้ยก!! เจี๊ยก!!
เสียงคํารามแสบแก้วหู บ่งบอกถึงความคับแค้นใจที่พวกมันต้องสูญเสียลิงยักษ์ [ตัวแม่] ไป..
ซูฮยอนแลมองลิงยักษ์ที่กําลังวิ่งรี่เข้ามา พึมพําเสียงอ่อยว่า.. “ฉันเข้าใจความรู้สึกของพวกแกดี ดังนั้น ฉันจะส่งพวกแกให้ตามไปอยู่กับ [ตัวแม่] เอง”
เขานับจํานวนลิงยักษ์ทั้งหมดในใจและครุ่นคิดครู่หนึ่ง ก่อนจะรําพึงกับตัวเอง “สงสัยต้องเร่งทําเวลาหน่อย แล้วจะได้ออกจากที่นี่เร็วๆ”
เนตรที่สามแย้มพรายกลางหน้าผากซูฮยอน พลังเวทที่หลับใหลอยู่ในร่างกายมานาน ถูกกระตุ้นให้ตื่นขึ้น..
[เนตรที่สาม – ผู้ล่า]
[เพลิงพิโรธ]
[กายาทรหด]