กล่องจักรวาล (Universe Storage Box) - ตอนที่ 151
USB:บทที่ 151 สงคราม
ในตอนนี้นั้นกล่องจักรวาลได้ถูกฮวงเฟิงโยนทิ้งไว้อยู่ที่มุมห้องเฉยๆ เขานำมันไปใส่ไว้ในตู้เก็บของ ถึงแม้ว่ามันจะยังไม่มีอะไรมารับประกันได้แต่มันก็คงจะดีกว่าที่จะปล่อยไว้แบบเดิม
ขณะที่เปิดกล่องจักรวาลออกฮวงเฟิงก็พบของใหม่บางอย่าง มันเป็นภาพวาดและม้วนของภาพวาด
ฮวงเฟิงรู้สึกดีใจเป็นอย่างมากเพราะมันเป็นอีกหนทางหนึ่งที่เขาจะหารายได้มาได้
ขณะที่เขากำลังคิดว่าเขาจะสร้างรายได้จากสิ่งนี้ได้อย่างไรเขาก็คิดถึงของเก่าและอัญมณี
ภาพเขียนตัวอักษรและภาพวาดของคนที่มีชื่อเสียงในสมัยโบราณนั้นเป็นได้ชัดว่าเป็นของโบราณที่ดีและยังเป็นงานศิลปะอีกด้วย
สำหรับของปลอมอย่างเช่นเครื่องกระเบื้องเคลือบฮวงเฟิงไม่ได้ซื้อเก็บเอาไว้ แต่สำหรับภาพเขียนตัวอักษรและภาพวาดเหล่านี้ เขาสามารถที่จะเตรียมการเอาไว้ได้ด้วยตัวเอง
ถ้าเขานำมันออกไปมันก็คงจะเป็นไปไม่ได้ว่าจะมีคนจำได้
อย่างไรก็ตามสำหรับกล่องจักรวาลนั้นมันไม่ได้มีความสำคัญอะไรตราบใดที่คุณภาพนั้นคล้ายคลึงกันมันก็คงจะไม่เป็นอะไร
สำหรับภาพวาดนั้นก็เหมือนกันอย่างไรก็ตามเขาไม่ได้มีพรสวรรค์ทางด้านการวาดภาพเลย เขาเคยเพียงแค่ใช้แปรงวาดรูปพระอาทิตย์ลงบนเศษกระดาษเขียนหนังสือ วาดบ้านเป็นรูปทรงสี่เหลี่ยมและการวาดภาพนั้นก็ตั้งแต่สมัยที่เขายังเป็นนักเรียนประถมอยู่เลย และมันคงจะไม่มีทางที่จะดีไปกว่านี้ได้
แต่มันก็ไม่สำคัญตราบใดที่มันเป็นภาพวาดฮวงเฟิงก็ไม่เคยคิดเลยว่าเขาจะได้ภาพวาดอื่นเร็วขนาดนี้
“ฉันสงสัยว่าคนๆนั้นจะรู้สึกอย่างไร เมื่อได้เห็นภาพวาดของฉัน” ฮวงเฟิงกล่าวขณะที่เขาเปิดภาพวาดชิ้นใหม่
เขาไม่รู้ว่าอีกฝ่ายเกือบตายเพราะความโกรธเนื่องจากศาสตร์ศักดิ์สิทธิ์ของเขา
เขาไม่ถนัดในการชื่นชมภาพวาดดังนั้นหลังจากมองอยู่สักพักเขาจึงไม่รู้ว่าคำเหล่านี้ดีหรือไม่ หรือจะขายได้ในราคาเท่าไร
อย่างไรก็ตามดูเหมือนว่าเขาไม่ต้องการเงินในตอนนี้ ดังนั้นเขาจึงใส่ภาพวาดนี้กลับลงไปในกล่องจักรวาล
หลังจากนั้นฮวงเฟิงก็ไปเล่นกับเสี่ยวไป๋ที่บ้านสักพักจากนั้นก็เปลี่ยนเสื้อผ้าและออกจากบ้านไป
“ไปซ่อนสิ!”“ซ่อนตัวไว้นะ!”
“หมอบลง!”“ระวังปีนใหญ่!”
“ผู้บังคับกองพันที่สองผู้บังคับกองพันที่สองอยู่ที่ไหน?!”
เสียงดังเซ็งแซ่ผสมกับเสียงหอนของกระสุนปืนใหญ่ดังก้องไปทั่วทั้งฐาน
ในแวบแรกมันเป็นเพียงป้อมปราการธรรมดาที่เต็มไปด้วยซากศพ เสื้อผ้าบนศพนั้นแตกต่างกัน
ส่วนใหญ่แต่งกายด้วยชุดสีเหลืองและบางส่วนแต่งกายด้วยชุดสีเทาแต่อย่างไรก็ตามจำนวนศพนั้นก็ค่อนข้างน้อย
ลูกกระสุนปืนใหญ่ยังคงโปรยปรายลงทั่วทั้งตำแหน่งนั้นพร้อมกับเสียงหวีดแหลมที่กดให้ผู้คนหมอบอยู่บนพื้นทำให้พวกเขาไม่มีทางยกศีรษะขึ้นได้เลย ไม่ว่าจะนอนบนพื้นหรือหาที่เพื่อรอให้ไฟนี้ผ่านไป
แม้ว่าลูกปืนใหญ่จะระเบิดอยู่ข้างๆตัวของพวกเขา แต่ก็มีเพียงไม่กี่คนที่มีสีหน้าตกใจ
มีบางคนที่โชคร้ายและถูกกระสุนปืนใหญ่ระเบิดร่างจนเสียชีวิตร่างกายของพวกเขาแหลกเหลว และหากคนจากสมัยใหม่ได้มาเห็นสถานการณ์เช่นนี้ พวกเขาอาจจะกลั้นไม่อยู่และอาเจียนออกมาก็ได้
แต่คนเหล่านี้เมื่อเห็นสหายของพวกเขาถูกสังหารด้วยระเบิดก็ไม่มีสีหน้าใดๆบนใบหน้าของพวกเขาเลย
พวกเขามองอย่างสงบขณะที่ความโกรธและความเศร้าฉายในดวงตาบ่งบอกว่าหัวใจของพวกเขาไม่ได้สงบเลย
เสียงปืนใหญ่ค่อยๆเบาลง ฐานทั้งหมดเงียบมากราวกับว่าพวกเขาทั้งหมดได้ตายไปหมดแล้ว แต่จากนั้นมันก็ไม่เป็นเช่นนั้น
”คนที่ยังไม่ตายจงลุกขึ้น!พวกเขากำลังจะบุกแล้ว!” ในขณะนี้เสียงที่ค่อนข้างกระด้างและหมดความอดทนดังขึ้นท่ามกลางความเงียบ
จากนั้นพวกเขาก็มองไปที่ผู้คนซึ่งนิ่งเฉยราวกับซากศพที่เพิ่งคลานขึ้นมาจากพื้นดิน
บางส่วนถูกปกคลุมไปด้วยชั้นดินหนาซึ่งถูกกระสุนปืนใหญ่ระเบิดออกไปและคนอื่นๆก็คลานออกมาจากรูในป้อมปราการ ซึ่งเป็นหลุมที่พวกเขาขุดเอาไว้ล่วงหน้าแล้ว
มีแม้กระทั่งบางคนที่คลานขึ้นมาจากกองศพซึ่งพวกเขาทั้งหมดนั้นเป็นสหายของพวกเขาที่เสียชีวิตในสนามรบ
เลือดหยดลงบนร่างของพวกเขาและใบหน้าของพวกเขาก็เต็มไปด้วยความหวาดกลัว
พวกเขาหมอบลงอีกครั้งบนป้อมปราการพร้อมปืนในมือขณะที่มองไปที่ศัตรูที่กำลังเข้ามาใกล้
แม้ในช่วงเวลาที่อันตรายที่สุดพวกเขาก็ไม่ละทิ้งปืนเพราะพวกเขารู้ว่านี่คือชีวิตของพวกเขา
หากยังไม่เสียชีวิตพวกเขาจะต้องนำติดตัวไปด้วยแม้ว่าจะเป็นเวลานอนในตอนกลางคืนก็ตาม
”ผู้บังคับกองพันที่หนึ่งแล้วผู้บัญชาการกองพันที่หนึ่งล่ะ? คุณเป็นอย่างไรบ้าง?” เสียงฮึกเหิมที่ดังขึ้นก่อนหน้านี้ได้ดังขึ้นอีกครั้ง
”รายงานกัปตันผู้บังคับกองพันผู้บัญชาการกองพันของเรา เพิ่งจะถูกสังหารด้วยกระสุนปืนใหญ่ของปีศาจ!” ใบหน้า ศีรษะและเสื้อผ้าของเขาเต็มไปด้วยโคลนและต้นขาของเขายังมีเลือดออก ซึ่งไม่ทราบว่าเป็นของเขาเองหรือของคนอื่นกันแน่
แต่เมื่อเขารายงานว่าผู้บัญชาการกองพันของเขาได้เสียชีวิตจากการระเบิดเขาก็อดไม่ได้ที่จะมีน้ำตาไหลออกมาจากดวงตาของเขา ขณะที่มันผสมกับโคลนบนใบหน้าที่สกปรกแต่เดิมของเขาซึ่งก็ทำให้มันดูระยิบระยับมากยิ่งขึ้น
เมื่อกัปตันได้ยินคำพูดของเขาร่างกายของเขาก็สั่นสะท้าน
”รองผู้บังคับกองพันหนิวก็ได้รับบาดเจ็บเช่นกันและตอนนี้กำลังพันแผลอยู่เขาควรจะเข้ามาในทันที” ชายคนนั้นพูดต่อ
ทั้งทีมพยักหน้าก่อนจะสอบถามเกี่ยวกับกองพันที่สองและสามต่อไปแต่ละกองพันไม่ได้อยู่ในสภาพที่ดีนักเนื่องจากปืนใหญ่ของปีศาจนั้นโหดร้ายเกินไป
ป้อมปราการของพวกเขาได้ถูกสร้างขึ้นอย่างเร่งรีบและไม่สามารถหยุดได้เลย
อย่างไรก็ตามคำสั่งที่พวกเขาได้รับก็คือให้อยู่ที่นี่เป็นเวลาสี่สิบแปดชั่วโมงซึ่งตอนนี้ยังเหลือเวลาอีกมากโข ซึ่งไม่ว่าจะบาดเจ็บสาหัสแค่ไหนพวกเขาก็ต้องอดทน
กองพันทั้งหมดได้มาถึงตำแหน่งที่กำหนดไว้แล้วและทุกคนนอนลงบนป้อมปราการ ขณะที่พวกเขาเฝ้าดูศัตรูที่กำลังเข้ามาอย่างช้าๆ
“ลุงอู๋คุณคิดว่าเราจะปกป้องที่นี่เอาไว้ได้ไหม?” ในเวลานี้นักรบหนุ่มหน้าตาดีได้ถามนักรบชราข้างๆ เขาด้วยสีหน้ากระวนกระวายใจ