เธอเปลี่ยนไปเป็นเจ้าพ่อ - ตอนที่ 659-660
บทที่ 659 ต้องการประสบความสูญเสี…
เมื่อเร็วๆ นี้ มีข่าวลือมากมายเกี่ยวกับโรงพยาบาลรั่วไห่เซิน และบริษัทอุปกรณ์ทางการแพทย์ชื่อหมิง
เจียนอีหลิงนั้นมีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับทั้งสองบริษัทนี้เป็นอย่างมาก
เมื่อตอนที่เธอได้ก่อตั้งโรงพยาบาลรั่วไห่เซ็นขึ้นมาเจี้ยนอีหลิงต้องการชุดเครื่องมือแพทย์ที่ยังไม่เคยผลิตในโลกใบนี้
และอุปกรณ์ที่เธอต้องการนั้นได้ถูกใช้ในโลกเดิม ซึ่งเจียนอีหลิงมีความเข้าใจในโครงสร้างและองค์ประกอบบางอย่างทั้งหมด
ดังนั้น เงี่ยนอีหลิงจึงเป็นพันธมิตรของบริษัทอุปกรณ์ทางการแพทย์ชื่อหมิง และเมื่อย้อนกลับไปตอนที่บริษัทอุปกรณ์ทางการแพทย์ชื่อหมิงประสบปัญหาทางการเงินอย่างมากมายหลังจากที่เธอเป็นหุ้นส่วนของบริษัทแห่งนี้จึงทําให้เจี้ยนอีหลิงสามารถใช้ความรู้ด้านการผลิตที่มีอยู่เพื่อผลิตอุปกรณ์ทางการแพทย์ให้ได้ตรงตามความต้องการเธอ
การผลิตเครื่องมือและอุปกรณ์เหล่านี้มีส่วนช่วยให้เจียนอีหลิงสามารถแก้ปัญหาเร่งด่วนของเธอได้อย่างทันท่วงที
และนี่ก็เป็นสาเหตุหนึ่ง ที่ทําให้ระดับความสามารถทางการแพทย์ของโรงพยาบาลรั่วไห่เซิน ดีกว่าโรงพยาบาลอื่นหลายสิบเท่า
พวกเขาไม่เพียงแต่มีแพทย์ที่ดีที่สุดในโลกเท่านั้น แต่ยังมีอุปกรณ์ทางการแพทย์ที่ล้ําหน้ายิ่งกว่าใคร
อุปกรณ์ทางการแพทย์ขั้นสูงส่วนใหญ่ที่ใช้ในโรงพยาบาลรั่วไห่เซินจะถูกผลิตโดยบริษัทอุปกรณ์ทางการแพทย์ชื่อหมิง
บริษัทอุปกรณ์ทางการแพทย์ชื่อหมิงนั้นได้ผลิตอุปกรณ์ทางการแพทย์จํานวน 2 ชนิด ส่วนอุปกรณ์อื่นๆส่วนใหญ่มีไว้สําหรับโรงพยาบาลรั่วไห่เซ็นเท่านั้น
ยังไงก็ตาม โรงพยาบาลและสถาบันวิจัยที่เกี่ยวข้องหลายแห่งจากประเทศต่างๆทั่วโลก ได้ทําการสั่งซื้ออุปกรณ์ทางการแพทย์จากบริษัทอุปกรณ์ทางการแพทย์ชื่อหมิงกันอย่างล้นหลาม และอันที่จริงแล้วคําสั่งซื้อของพวกเขาถูกกําหนดไว้จนถึงสิ้นปีหน้า
อย่างไรก็ตาม เจียนอีหลิงได้วางแผนที่จะเปิดสาขาในเป่ยจิงนอกจากนี้ เธอต้องการสร้างโรงงานผลิตอุปกรณ์การแพทย์อีกหนึ่งแห่ง
การลงทุนทั้งสองนี้ต้องใช้เงินทุน และทรัพยากรจํานวนมาก
นอกจากนี้ เจียนอีหลิงยังต้องทํารายละเอียดอีกมากมายด้วยตัวเองอีกด้วย
และตอนนี้ เจียนอีหลิงกําลังรอการอนุมัติขั้นตอนที่เกี่ยวข้องทั้งหมด และหลังจากนี้ งานหลักของเธอก็คือการสร้างโรงพยาบาลสาขาใหม่
เงี่ยนอีหลิงต้องการหาบริษัทก่อสร้างที่เชื่อถือได้ เพื่อช่วยเธอในการสร้างโรงพยาบาล
เดิมที เงี่ยนอีหลิงวางแผนที่จะเชิญแต่ละบริษัทเข้ามาราคาเสนอ แต่ทว่าความคิดอื่นก็แวบเข้ามาในหัวของเธออย่างรวดเร็ว
เงี่ยนอีหลิงเงยหน้าขึ้นมองจ่ายหวินเชิง ที่ตอนนี้เขากําลังนั่งอยู่ตรงข้ามเธอ
ในตอนนี้ ทั้งสองกําลังทํางานของตัวเองอยู่ ซึ่งทั้งคู่นั่งอยู่ในห้องทํางานของอพาร์ตเมนต์ที่ได้รับการออกแบบใหม่ทั้งหมดโดยจํายหวินเชิงดังนั้นที่นั่งของทั้งคู่จึงหันหน้าเข้าหากัน
ผ่านไปสักพัก จํายหวินเชิงพูดว่า “ถ้าเธอยังมองมาที่ฉันแบบนั้นอยู่ เราทั้งคู่ก็จะทํางานของตัวเองไม่ได้”
“ฉันต้องการทําข้อตกลงบางอย่างกับนาย”
เสียงของเงี่ยนอีหลิงนุ่มนวล และหวานราวกับสายไหม
เมื่อได้ยินแบบนี้ จํายหวินเจ๋งก็หัวเราะออกมา “เธอกําลังให้ฉันเดาประโยคที่เหลืองั้นเหรอ?”
หลังจากหยุดชั่วคราว จํายหวินเชิงก็พูดเสริมขึ้นมาว่า “เป็นข้อตกลงประเภทไหนกัน?”
“การก่อสร้าง” เจียนอีหลิงตอบ “ฉันจะไม่ปล่อยให้นายประสบกับความสูญเสียอย่างแน่นอน”
เจียนอีหลิงไม่ได้ตั้งใจให้จํายหวินเพิ่งขาดทุน ในทางกลับกันเธอต้องการให้ทั้งคู่ได้รับประโยชน์จากคําแนะนําจากเธอ
จํายหวินเพิ่งใช้มือหนุนคาง ดวงตาของเขายิ้มเล็กน้อยในขณะที่พูดออกมา
“ฉันไม่รังเกียจที่จะประสบกับความสูญเสียจากเธอ”
“สําหรับธุรกิจนายต้องสร้างรายได้” เจียนอีหลิงตอบกลับ ซึ่งน้ําเสียงเธอค่อนข้างจริงจังเป็นอย่างมาก
“ถ้าฉันร่วมมือกับเธอ สิ่งนี้จะไม่ได้เรียกว่าทําธุรกิจ
“แล้วจะเรียกว่าอะไร?”
“มันเรียกว่าการลงทุน
“แล้วมันต่างกันไหม?”
“ใช่ มันต่างกันอย่างแน่นอน”
“นายโกหกฉัน”
“ฉันไม่ได้โกหกเธอ หากเธอทําธุรกิจเพื่อให้ได้ผลกําไร แต่ถ้าเธอลงทุนอะไรสักอย่างก็ไม่จําเป็นต้องแสวงหาผลกําไรเลย และในทางกลับกันเธออาจจะต้องการอย่างอื่นแทน ตัวอย่างเช่นฉันคนนี้ที่ไม่สนใจเรื่องเงิน แม้แต่บาทเดียว ในทางกลับกันฉันสนใจสิ่งนี้มากกว่า…”
จํายหวินเพิ่งชี้นิ้วไปที่หัวใจของเจียนอีหลิง
ในที่สุด เงี่ยนอีหลิงก็เข้าใจความหมายเบื้องหลังของคําพูดนั้นเธอจึงรีบเบือนหน้าหนีจํายหวินเชิงทันที
เมื่อจํายหวินเพิ่งเห็นสีหน้าของเงี่ยนอีหลิงที่กลายเป็นหน้าแดงเขาก็เริ่มหัวเราะออกมาซึ่งตอนนี้เขาอยากจะเดินเข้าไปกัดที่แก้มของเธอเบาๆ
บทที่ 660 การฝึกงาน 1
หลัวซิ่วเฉินและเงี่ยนหยู่หมินเดินทางมาถึงเป่ยจิงพร้อมกัน
หลังจากนั้น หลัวซิ่วเฉินก็ไปพบเจียนอีหลิง พร้อมกับของขวัญที่เงี่ยนหยู่หมินเตรียมเอาไว้ให้
เมื่อเธอมอบของขวัญให้เจียนอีหลิงเสร็จแล้ว ทั้งสองก็ได้พูดคุยเกี่ยวกับโครงการล่าสุดที่เจี้ยนอีหลิงกําลังทําอยู่
เจียนอีหลิงกําลังจะทําการผ่าตัดหัวใจ ซึ่งเธอได้ขอทําการผ่าตัดครั้งนี้ด้วยตัวเอง
นอกจากนี้ เจี้ยนอีหลิงได้บอกกับสถาบันวิจัยว่า เธอเต็มใจทําศัลยกรรมใดๆ ก็ตามที่เกี่ยวข้องกับหัวใจทั้งหมด
เพื่อให้ความสะดวกแก่เงี่ยนอีหลิง ทางสถาบันวิจัยจึงได้คัดเลือกบุคคลที่จําเป็นต้องทําการผ่าตัดหัวใจในเป่ยจิงแห่งนี้
จากนั้น หลัวซิ่วเอินก็พูดกับเจียนอีหลิงว่า “เมื่อเธอประกาศว่าจะรับการผ่าตัดหัวใจ ทางเว็บไซต์ของสถาบันของเราก็เต็มไปด้วยใบสมัครจํานวนมาก”
“มันคงเป็นงานหนักสําหรับพวกเธอ” เจียนอีหลิงกล่าว เธอไม่ค่อยสบายใจเท่าไรที่จะรบกวนคนอื่น และไม่ว่าเธอจะรู้จักพวกเขามานานแค่ไหนก็ตาม แต่เธอก็ไม่อยากขอให้ใครมาช่วยเธออยู่ดี
“มันไม่ใช่งานหนักเลย สิ่งนี้เป็นงานที่เราตั้งใจทํากันอยู่แล้ว และอย่าได้ปฏิบัติกับฉันด้วยความสุภาพขนาดนั้นเพราะถ้าเธอยังทําแบบนี้ต่อไป มันจะทําให้ฉันไม่มีความสุข!”
“อือ”
“แล้วตกลงพวกเธอคบกันจริงงั้นเหรอ?” หลัวซิ่วเอินถาม เธอไม่สามารถระงับความอยากรู้ของตัวเองได้
“อื้อ”
“โอ้! แล้วเมื่อถึงเวลานั้น อยากให้พวกเราทุกคนสนับสนุนเธอไหม? เราไม่สามารถปล่อยให้คู่หมั้นในอนาคตดูถูกเธอได้ นอกจากนี้ สถาบันวิจัยจะเตรียมสินสอดทองหมั้นให้กับเธอด้วย!”
หลังจากที่เธอพูดจบ หลัวซิ่วเอินก็หยุดไปครู่หนึ่ง และเธอก็เริ่มตระหนักขึ้นมาได้ว่าพวกเขาไม่สามารถทําอะไรได้อยู่ดี “อาาฉันลืมไปว่าเราไม่สามารถเปิดเผยตัวตนของเธอได้เพราะอาจจะมีคนจ้องมาที่เธอดังนั้นเราไม่ควรสูงส่งเกินไปอืมมถ้าอย่างนั้นเราไม่ต้องใส่ใจในเรื่องสินสอดทองหมั้นในตอนนี้!เพราะไม่ว่าอย่างไรเราก็สนับสนุนเธออยู่ดี!และสามารถพูดได้เลยว่าพวกเราคือเพื่อนของเธอ!ใช่!ฉันเป็นเพื่อนที่ดีของเธอ!”
เงี่ยนอีหลิงจะรู้สึกแย่ถ้าเธอปฏิเสธ ดังนั้น เธอจึงปล่อยให้หลัวซิ่วเฉินทําทุกอย่างที่เธอต้องการ
พี่สาวเอินทําสิ่งต่างๆ อย่างรวดเร็วอยู่เสมอ นอกจากนี้ เธอยังรักษาคําพูดยิ่งกว่าชีวิต
“ใช่แล้ว สถาบันวิจัยของเรากําลังคิดที่จะเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ในเป่ยจิงในวันมะรืนนี้ แล้วเธออยากไปที่นั่นด้วยกันไหม?”
“ตกลง”
เงี่ยนอีหลิงมีเวลาถึงวันมะรืนนี้ ดังนั้นเธอจึงสามารถเข้าร่วมการเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ได้
เนื่องจากเจียนอีหลิงอยู่ที่เป่ยจิงเพราะจํายหวินเชิงแล้ว อาจารย์ของเธอที่มหาวิทยาลัยเปี่ยจิงก็ได้จัดเตรียมการฝึกงานให้กับเธออีกด้วย
ซึ่งนักศึกษาแพทย์ทุกคนต้องได้รับประสบการณ์จริงจากในโรงพยาบาล
แม้แต่เงี่ยนอีหลิงก็ไม่มีข้อยกเว้นใดๆ ทั้งนั้น
ดังนั้น การฝึกงานของเจียนอีหลิงจึงอยู่ที่โรงพยาบาลสาขาย่อยของมหาวิทยาลัยเป่ยจิง
แต่ทว่า ตอนนี้เจี้ยนอีหลิงกําลังถูกดุ โดยด็อกเตอร์ฉ่ในการฝึกงานวันแรกของเธอ
“มีอะไรผิดปกติกับเธองั้นเหรอ? ทําไมเธอถึงทําภารกิจง่ายๆแบบนี้ไม่ได้? ฉันให้ไปสื่อสารกับผู้ป่วยแต่เธอแทบไม่พูดอะไรกับคนไข้เลย!และเธอก็เริ่มตรวจโดยไม่ได้คุยกับผู้ป่วยสักคํา!นอกจากนี้ถ้าเธอไม่ถามคําถาม ใดๆกับผู้ป่วยแล้วจะรู้ได้ยังไงว่าความเจ็บปวดและความรู้สึกไม่สบายของพวกเขาอยู่ที่ไหน?”
ด็อกเตอร์จี้ เป็นชายอายุสามสิบต้นๆ เขามีรูปร่างปานกลางและมีใบหน้าเหลี่ยม แต่ทว่าการปรากฏตัวของเขานั้นทําให้ชายคนนี้ดูเหมือนอายุอยู่ที่ประมาณสี่สิบปี
เจียนอีหลิงเงียบ เธอไม่ได้พยายามที่จะปกป้องตัวเองแม้แต่น้อย
ซึ่งเธอไม่เก่งในการโต้เถียงกับผู้คนอื่น
ด็อกเตอร์นูเริ่มหัวเราะออกมาด้วยความโกรธ “และเธอกําลังตั้งคําถามเกี่ยวกับการวินิจฉัยของฉันงั้นเหรอ?เธอเป็นหมอหรือฉันที่เป็นหมอกันแน่ แล้วคนอย่างเธอคิดว่าตัวเองเป็นใครกัน?อย่าได้คิดเอาตัวเองเป็นใหญ่ตั้งแต่วันแรกของการฝึกงาน!”
เงี่ยนอีหลิงถูกดุไม่ใช่เพราะเธอไม่ได้สอบถามผู้ป่วย แต่เธอกลับบอกว่าการวินิจฉัยผู้ป่วยของด็อกเตอร์จุ่นมีปัญหา
และสิ่งนี้ ได้กระตุ้นด็อกเตอร์นู
เขาเป็นหมอมืออาชีพ! ทําไมแพทย์ฝึกหัดคนนี้ถึงได้สงสัยในคําพูดของเขา? และนี่ถือว่าเป็นการดูถูกเขาอย่างร้ายแรง
ด็อกเตอร์จี้ จ้องไปที่เงี่ยนอีหลิงแทบจะไม่กระพริบตา
นอกจากนี้ เขายังจงใจดเธอต่อหน้าแพทย์ฝึกหัดทุกคน และต่อหน้าแพทย์คนอื่นภายในแผนกซึ่งด็อกเตอร์คนนี้ไม่ได้แสดงความเมตตาออกมาแม้แต่น้อย
ในความเป็นจริง หากเป็นแพทย์ฝึกหัดที่มีจิตใจอ่อนแอ แพทย์ฝึกหัดคนนั้นคงจะเริ่มร้องไห้ไปตั้งนานแล้ว