เทพอสูรสยบโลกา - ตอนที่ 713
ตอนที่ 713 ขุมกําลัง
มิโนทอร์ เป็นสิ่งมีชีวิตชั้นสูงที่มีภูมิปัญญา พละกําลังมหาศาลชื่นชอบการต่อสู้เหนือสิ่งอื่นใด พวกเจ้าจะไม่ทราบก็มิแปลกเพราะฐานที่มั่นของเราและมันนั่นอยู่คนซีกของแดนปีศาจไกลห่างกันอย่างยิ่ง” แวมไพร์ฉกรรจ์กล่าว
“ออ…” เหล่าแวมไพร์ผงกหัวพอเป็นพิธี หากอสูรวัวตนนี้มิได้เก่งกาจพละกําลังเหลือร้าย พวกมันก็มิได้นอกสนใจความเป็นอยู่ของสัตว์อสูรแต่อย่างใด
“ท่านเจีย ที่ท่านให้มันไปนั่นเป็นสิ่งที่ได้มาจากมันผู้นั้นใช่ไหม?
ถูกแล้ว มันเป็นสิ่งที่ยืนยันตัวตนว่าพวกเรามิใช่ศัตรู เหล่าแวมไพร์ล้วนกล่าวกระซิบกระซาบสนทนากันเสียงเบา สายตาของพวกมันมิลืมจะเหลือบมองเหล่าอสูรวัวโดยเฉพาะผู้นําอสูรวัวที่จดจ่ออยู่กับแผ่นป้ายในมือ
“ไม่ใช่ศัตรู” ผ่านไปเนิ่นนานผู้นําอสูรวัวกล่าวเสียงทุ่มต่ํายื่นป้ายสี่เหลี่ยมสีแดงคืนให้แก่แวมไพร์วัยฉกรรจ์ พร้อมเก็บป้ายสีทองของตนยัดเข้าใส่ในกางเกง มือขวากําด้ามขวานหลวมขึ้นมาพาดลําคอเชิดหน้าเดินตรงนําเหล่าลูกสมุนแหวกฝูงแวมไพร์มุ่งหน้าไปยังป่าอสูรด้วยสีหน้าเรียบเฉยราวกับไม่เคยมีเรื่องอะไรเกิดขึ้น ทิ้งเหล่าแวมไพร์มองตามตาปริบๆ
“นี่มันจะจากไปเช่นนี้เลยหรือ?” นั่นคือสิ่งที่แวมไพร์หนุ่มสาวคิด มันไม่มีทั้งคําลา ไม่มีการสนทนาใดๆเกี่ยวกับเรื่องเข้าใจผิดที่เกิดขึ้นเลยแม้แต่น้อย
กรอบ
กระดกต้นขาของแวมไพร์วัยฉกรรจ์ส่งเสียงประกอบติดบิดเข้าที่
“ท่านเจีย พวกเราไปกันต่อเลยไหม?” เมื่อคล้อยตามมองอสูรวัวทั้งกลุ่มเดินไปไกลหายลับจากสายตา มันหันกลับมากล่าวถามผู้นําแวมไพร์
“พวกเรารอให้บาดแผลของเขาสมานตัวก่อนมิดีกว่าหรือ?”
“มันจะไม่นานไป”
“ข้าว่าพวกเราอ้อมไปดีไหม ข้าไม่อยากไปเจอกับพวกมิโนทอร์นั่นอีก”
“ตอนนี้ข้าอยากกลับบ้านแล้ว” แวมไพร์สาวกล่าวเสียงอ้อยอิ่ง
เหล่าแวมไพร์กลับมาสนทนากันอย่างเป็นปกติ
“เป็นเพราะข้า หากข้าไม่ใจร้อนท่านก็คงไม่เป็นแบบนี้” แวมไพร์หนุ่มผู้เป็นฉนวนเหตุของการปะทะในครั้งนี้ กล่าวคอตกเสียงละห้อย ละทิ้งความหยิ่งทะนงไปจนสิ้น ต้นเหตุที่ทําให้แวมไพร์ฉกรรจ์ตกอยู่ในสภาพนี้แม่ในเริ่มแรกอาจเป็นเพราะความเข้าใจผิดเล็กน้อย แต่ทว่าประเด็นหลักก็เป็นเพราะแวมไพร์ฉกรรจ์ได้ใช้ร่างของตน เพื่อปกป้องมันจากการโจมตีของผู้นําอสูรวัว มิฉะนั้นบัดนี้มันคงได้ตายไปแล้วอย่างแน่นอน
“ข้าก็ผิดเช่นกันที่มิอธิบายให้ไวกว่านี้” แวมไพร์ฉกรรจ์กล่าวพลางยกขาเตะอากาศทดลองใช้งานหลังการรักษาตนเอง บิดข้อมือหมุนแขน พลางมองร่างกายของตนที่ตอนนี้กระดูกส่วนใหญ่เข้าที่เข้าทางร่องรอยถลอกผิว หนังเปิดเริ่มจะฟื้นสภาพ เหลือเพียงแค่อาการบาดเจ็บของอวัยวะภายในที่ยังอยู่ในกระบวนการรักษาและความเหน็ดเหนื่อยจากพลังงานที่ถูกดึงไปเพื่อฟื้นฟูสภาพร่างกาย
“หากจะมองว่าใครผิดข้าว่าคงเป็นพวกเราทั้งเผ่าที่ยอมรับข้อเสนอของชายผู้นั้นกลายเป็นหมากตัวนึงให้แก่มัน” แวมไพร์หนุ่มรายหนึ่งกล่าว
“ข้าก็คิดเช่นนั้น พวกเรามิน่าไปร่วมมือกับมันตั้งแต่แรก ยังไงพวกมันก็เป็นเผ่าปีศาจ” แวมไพร์อีกตนกล่าวเสริม
“ข้าเห็นด้วย เหตุใดองค์ราชาถึงได้ตกลงร่วมมือกับเผ่าปีศาจชั้นต่ํา”
หี ร่วมมือ? นั่นเพียงแค่เปลือกเท่านั้น อีกไม่นานเจ้าคนทรยศและเผ่าปีศาจของมันได้รับรู้รสชาติที่บังอาจมาแตะต้องพวกเราเผ่าแวมไพร์ แวมไพร์วัยฉกรรจ์มองป้ายสี่เหลี่ยมสีแดงในมือของตนด้วยรอยยิ้มแสยะอย่างชั่วร้ายกล่าวเสียงบางเบา
“หม ท่านเจี่ยท่านพูดอะไร” แวมไพร์หนุ่มข้างกายกล่าวถามด้วยความสงสัย มันได้ยินสิ่งที่แวมไพร์ฉกรรจ์กล่าวไม่ชัดเจนนัก
“เฮ้อ ตอนนี้จะเช้แล้วหรือเนี่ย ถ้างั้นพวกเราก็ไปกันเถอะ” แวมไพร์วัยฉกรรจ์เพียงยิ้มกล่าวมิได้ตอบคําถาม
“ไปไหนรีท่าน?”
“แหงสิ ไปฆ่าสิ่งมีชีวิตชั้นต่ําไงล่ะ!!” มันกล่าวเสียงทุ่มต่ําที่แฝงไปด้วยความโหดเหี้ยมเดินนําขบวนทัพมุ่งหน้าไปยังป่าอสูรไม่กล่าวสิ่งใดต่อ
เหล่าแวมไพร์หนุ่มสาวเดินหาวหวอดมองไปบนฟากฟ้าตอนนี้ท้องฟ้าเริ่มมีแสงมีส้มอ่อนๆปรากฏขึ้นบ้างแล้ว ซึ่งเป็นการบ่งบอกว่าในตอนนี้กําลังจะย่างเข้าสู่เช้าวันใหม่
หลังจากกลุ่มแวมไพร์เดินลับสายตาไปได้ราวสิบถึงยี่สิบนาที ในตําแหน่งเดิมมีแรงสั่นสะเทือนบางเบาและเสียงคํารามกู่ร้องของสัตว์ป่านานับชนิดแว่วมาตามสายลม ไม่นานนักแรงสั่นสะเทือนค่อยๆรุนแรงมากยิ่งขึ้น เสียงคํารามดังกระหึมทั่วบริเวณเต็มไปด้วยสัตว์สิ่งมีชีวิตทั้งเล็กใหญ่ เดินขบวนกันเป็นกลุ่มก้อน
จากรูปลักษณ์ของพวกมันทั้งแปลกตา น่ากลัวและเต็มไปด้วยความพิศวง บางตนครึ่งล่างเป็นงครึ่งบนเป็นมนุษย์ บางชนิดตัวใหญ่ยักษ์สูงร่วมสิบเมตรมีเก้าหัว และบางกลุ่มมีรูปร่างคล้ายมดที่มีขนาดเทียบเท่าคนถือหอกจับโล่เดินสองขา พวกมันล้วนมิใช่สัตว์ปกติธรรมดาแต่เป็นสัตว์อสูรแทบทั้งหมด พวกมันคือทัพอสูร!!
แต่ละกลุ่มมีกําลังพลตั้งแต่หลักสิบจนถึงหลักร้อย กลุ่มที่มีจํานวนน้อยสุดเห็นที่จะเป็นสัตว์ประหลาดตัวยักษ์ที่สูงสิบเมตรขนาดตัวกว้างพอๆกับอาคารหลังหนึ่ง พวกมันเดินตามกันมาด้วยกันทั้งสิ้นยี่สิบตน ส่วนกลุ่มที่มีกําลังพลมากสุดเห็นที่จะเป็นกลุ่มมดที่มีจํานวนมากถึงสองร้อยหรืออาจจะสามร้อยตัว แต่ละกลุ่มล้วนถูกแบ่งตามสายพันธุ์ กําลังเดินตรงมุ่งหน้ามาในทิศทางเดียวกัน ทว่าการร่วมทางของพวกมันเห็นทีคงมิราบรื่นสักเท่าไหร่ ดังเช่นอสูรกลุ่มหนึ่งที่รูปลักษณ์คล้ายสุนัขกําลังส่งเสียงขู่เข็ญแยกเขี้ยวคํารามให้กับทัพอสูรค้างเคียงที่มีลักษณะภายนอกคล้ายคลึงกับแมว
มองข้ามเหล่าทัพอสูรไปด้านหลังยังที่ราบแสนไกล ยังสามารถมองเห็นกลุ่มอสูรกลุ่มอื่นที่คล้อยตามหลังอีกกว่าหลายสิบกลุ่ม เรียกได้ว่าจํานวนของพวกมันไม่จบไม่สิ้นเลยทีเดียว
ทว่านอกเหนือจากสัตว์อสูรเล็กใหญ่แล้ว บนพื้นดินยังมีเงาทมิฬิบดบังแสงจันทร์ที่กําลังจะคล้อยตกปิดกั้น แสงตะวันที่กําลังจะเยือนรุ่งอรุณ มองขึ้นไปบนท้องฟ้าพบสิ่งมีชีวิตนับพันที่มีขนาดตัวไม่น้อยหน้าไปกว่าทัพอสูร พวกมันคืออสูรสัตว์ปีกจ้าวแห่งเวหาผู้กุมชะตาแห่งท้องนภา
อสูรสัตว์ปีกจํานวนไม่น้อยกว่าหนึ่งพันตนบินต่างระดับไล่ความสูงตามความถนัดของตน กลุ่มที่ใช้ระดับความสูงมากที่สุดมีความสูงจากระดับพื้นดินมากกว่าห้าหมื่นเมตร มันไกลยิ่งจนเห็นภาพพวกมันมีขนาดเล็กเท่าเม็ดฝุ่น อสูรสัตว์ปีกนับพันตัวมีทั้งรูปร่างคล้ายสัตว์ทั่วไปอย่างนก อีกา นกฮูก อินทรีหรือบางชนิดรูปลักษณ์ กระทั่งคล้ายคลึงกับไก่ บางสายพันธุ์ที่บินเกาะกลุ่มกันมีลักษณะใกล้เคียงกับหงส์ ทว่ายังมีอีกส่วนหนึ่งที่รูปร่างของมันไม่อาจหาสิ่งใดมีชีวิตตนใดมาเปรียบเทียบได้ บางตัวมีครปมีหางเหมือนปลา บางตนรูปร่างเสมือนงูไม่มีแข นขาหรือปีกกําลังเลื้อยไปมาบนอากาศอย่างพิศวง
นี่คือขุมกําลังของเผ่าอสูรหนึ่งในมหาอํานาจที่เทียบเคียงกับเผ่าปีศาจ!
ณ ใจกลางเมืองหลวงปีศาจ
รุ่งอรุณตะวันทะยานขึ้นขอบฟ้า ตึกรามบ้านช่องเริ่มดับเทียนปิดไฟรับแสงอาทิตย์ ในค่ําคืนที่ผ่านมาคาดว่า คงไม่มีผู้ใดได้หลับลึกนอนฝันหวาน พวกมันล้วนตื่นตัวรับข่าวสารฟังรายงานสถานการณ์ติดขอบสนาม คอยส่งแรงใจช่วยเหล่านักรบ บางครอบครัวเฝ้าภาวนาให้แก่ญาติพี่น้องหรือบุตรหลานที่เป็นหนึ่งในสมาชิกหน่วยย่อย โดยหวังว่าพวกมันจะปลอดภัยกลับมาครบสามสิบสอง
นี่เองทําให้เมืองหลวงปีศาจในวันนี้คึกคักเต็มไปด้วยเสียงสนทนาเจี๊ยวจ๊าวตลอดทั้งคืน ทว่าในหอโอสถ อาคารสูงพื้นที่กว้างใหญ่โตมโหฬารนี้กลับเงียบสงัดวังเวงยิ่ง…