เทพอสูรสยบโลกา - ตอนที่ 712
ตอนที่ 712 มิโนทอร์
เห็นอสูรวัวตั้งท่าโจมตี แววตาเหล่าแวมไพร์มืดหม่นลงทันใด แม้จะเตรียมตัวอย่างมั่นเหมาะแต่เมื่อเผชิญหน้าจริงแล้วเหมือนพวกมันทั้งหนึ่งรอยกําลังเผชิญหน้ากับกําแพงยักษ์ที่ยากจะข้ามผ่านภาพจํายังคงติดตาม คลี่นพลังอันทรงอานุภาพจากพลังขวานยังไม่เลือนหาย
มออออว์)
เหล่าอสูรวัวไม่ปล่อยให้หัวหน้าได้ออกโรงเพียงลําพัง พวกมันกู่ร้อง ควงขวาน บางรายทุบหน้าอกแหงนหน้าตะเบ็งเสียงขึ้นฟ้ารีดเส้นพลัง ใช้สองมือจับขวานคู่กายมั่นอยู่ในท่วงท่าเตรียมออกตัวพุ่งเข้าประชิดฝ่ายตรงข้าม
อสูรวัวผู้ตกอยู่ในสภาพเอนจอนาจถูกโจมตีด้วยแวมไพร์หนุ่ม ในตอนนี้มันยืนขึ้นเป็นที่เรียบร้อยพร้อมอารมณ์ฉุนเฉียวที่แสดงออกหายใจฟิดฟัด แยกเขี้ยวยิงฟัน เพ่งสายตาจับจ้องไปยังแวมไพร์หนุ่มที่นั่งจําเบ้าอยู่บนพื้นด้วยความเดือดดาลหมายจะล้างอายให้ตนเอง
เหล่าอสูรวัวแสดงความต้องการการต่อสู้อย่างชัดเจน แม้ฝ่ายตนจะมีกําลังพลน้อยกว่าถึงสองเท่าแต่พวกมันหาได้แสดงความหวาดกลัวเผยความอ่อนแอไม่
ฟบ
ในตอนนั้นเองแวมไพร์ฉกรรจ์พยุงตัวลุกขึ้นอย่างทุลักทุเลยืนขวางระหว่างทั้งสองกลุ่มด้วยใบหน้าขาวซีดหายใจหอบหืด
อสูรวัวเมื่อพบว่าเหยื่อตนแรกของมันยังยืนขึ้นมาได้ ดวงตามันฉายแววดุร้ายจับจ้องแวมไพร์ฉกรรจ์ราวกับจะกินเลือดกินเนื้อ แขนซ้ายที่เว้นว่างรวบกําด้ามขวานผสานกําลังกับมือขวาเตรียมโจมตีด้วยสองมือพริบตาที่มือซ้ายสัมผัสด้ามขวานร่างกายของมันปลดปล่อยคลื่นพลังที่คล้ายกับลมยากจะมองด้วยตาเปล่า แต่เมื่อลมมวลนี้ พัดผ่านร่างผู้ใดพวกมันล้วนขนลุกขนชั้นกับแรงกดดันอันมหาศาลที่อสูรวัวได้ปล่อยออกมา
เหล่าแวมไพร์หนุ่มสาวเห็นเช่นนั้น จิตใจลอบกลืนน้ําลึกใหญ่หวานหวั่นตื่นตัว เพียงแค่มือเดียวพลังโจมตีของมันยังรุนแรงน่าหวาดกลัวถึงเพียงนี้ บัดนี้เมื่อมันใช้ทั้งสองมือใช้พลังเต็มรูปแบบไม่ทราบมันจะรุนแรงขึ้นอีกกี่เท่านับกี่เท่า
พร่ําบล
แวมไพร์ฉกรรจ์ยกแขนสองข้างกางฝ่ามือไปด้านหน้าชี้ตรงไปทางผู้นําอสูรวัว
อสูรวัวตนแรกที่ถูกทําร้ายด้วยพลังแวมไพร์เมื่อเห็นเช่นนั้นดวงตาของมันสั่นคลอนครู่หนึ่ง มันยังจดจําความทรมานที่ได้รับได้อย่างดี
เหล่าแวมไพร์หนุ่มสาวเห็นผู้นําของมันอยู่ในท่าทางเตรียมต่อสู้พร้อมจะเปิดฉาก พวกมันที่เตรียมพร้อมอยู่แล้วก็แปรขบวนรบกระจายตัวเป็นวงกว้างขนาบซ้ายขวาและด้านหน้าของกลุ่มอสูรวัว
ผู้นําอสูรวัวสูงสีเมตรปรายตามองกวาดศัตรูโดยรอบมองดูการเคลื่อนไหวและระบุตําแหน่งของศัตรู ก่อนจะลดสายตากลับมามองแวมไพร์ฉกรรจ์เพียงหนึ่งเดียวที่ยกฝ่ามือมายังตน จากรูปการณ์และท่วงท่าคงเป็นอื่นไปไม่ได้นอกจากวิชาพิศดารที่เป็นเอกลักษณ์ของแวมไพร์
ต่อหน้าพลังอันพิศวงของแวมไพร์ฉกรรจ์ผู้อวโสสุดในกลุ่มแวมไพร์ อสุรวัวหาได้สนอกสนใจไม่มุมปากของมันข้างหนึ่งยกขึ้นคล้ายแสยะยิ้มพ่นลมออกจมูกอย่างดูถูกดูแคลน
มออว์)
ผู้ที่เปิดฉากก่อนเป็นกลุ่มอสูรวัว พวกมันไม่มีแบบแผนไม่มีความคิดให้ซับซ้อน เมื่อถูกล้อมโดยศัตรูพวกมันทั้งหมดกระจายตัวแตกฮือส่งเสียงร้องคํารามลั่นกําขวานคู่กายวิ่งเข้าใส่แวมไพร์ที่อยู่ใกล้ตนมากที่สุดโดยไม่สนใจใครหน้าไหนทั้งสิ้น
เหล่าแวมไพร์ตอบสนองให้ตามต้องการ พวกมันผายฝ่ามือรวบรวมพลังเตรียมใช้วิชาใส่เป้าหมาย
มออว์
ผู้นําอสูรวัวไม่น้อยหน้าส่งเสียงร้องบิดข้อมือหนึ่งคราสองมือผนึกกําลังเป็นหนึ่งเดียวเหวี่ยงขวานยักษ์ฟันกวาดในแนวนอนด้วยพลังสูงสุดเล็งไปที่ส่วนคอของเป้าหมาย
วุ่มมมม
ขวานยักษ์ฉีกกระชากอากาศเหลือทิ้งไว้เพียงรอยสีแดง คลื่นพลังที่มองไม่เห็นพัดฝุ่นดินใต้ฝ่าเท้าฟุ้งกระจาย
คมขวานคืบคลานเข้าใกล้พร้อมจะบั่นคอแวมไพร์ฉกรรจ์ ซึ่งเมื่อดูจากความเร็วและพลัง การจะหลบหลีกนับว่ายากเย็นแสนเข็ญ ส่วนการป้องกันคงมิต้องกล่าวถึง มันย่อมเป็นไปไม่ได้
ในตอนนั้นเองแวมไพร์ฉกรรจ์ที่หอบแฮ่กดวงตาปรือราวกับจะหมดแรงได้ทุกเมื่อ แขนขวามันเกร็งกําลังคล้ายกําลังใช้พลังทว่า…ร่างกายของอสูรวัวเป้าหมายที่อยู่เบื้องหน้าหาได้มีสิ่งผิดปกติเกิดขึ้นไม่มันไม่ชะงักแม้จะเพียงเสี้ยววิดังเช่นถูกโจมตีจากแวมไพร์หนุ่มกลับกันเป็นท่อนแขนของแวมไพร์รายนี้ที่ได้รับบาดเจ็บ!
ตามบาดแผลถลอก ตั้งแต่ข้อศอกจรดปลายนิ้วมือทุกบาดแผลน้อยใหญ่ของมันมีเลือดสีแดงสดไหลออกเป็นเส้นสายทว่าราวกับเลือดเหล่านี้มีชีวิตเป็นของตนเอง เลือดทุกหยดไหลมารวมกันเป็นจุดเดียวบนฝ่ามือของมัน หล่อหลอมรวมกันเป็นแผ่นสี่เหลี่ยมแผ่นหนึ่ง
ขวานยักษ์จวนถึงจุดหมาย ตอนนี้มันห่างไม่ถึงหนึ่งคืบ ก่อนที่มันจะได้สัมผัสลิ้มรสผิวหนังของแวมไพร์ฉกรรจ์มันได้สบั้นเส้นผมพะรุงพะรังที่รอาจขวางทางในฉับพลัน
ทว่า…ในตอนนั้นเองดวงตาของอสูรวัวตัวยักษ์เป็นประกาย คมขวานที่หมายจะเฉือนคอของแวมไพร์หยุดชะงักคลื่นพลังทั้งหมดหายไปในบัดดล
มันดึงขวานกลับเอื้อมมือซ้ายออกไปเบื้องหน้าคว้าหมับเข้าที่แผ่นเลือดสี่เหลี่ยมที่อยู่ในอุ้งมือของแวมไพร์ฉกรรจ์ด้วยความสงสัย จากของเหลวกลายเป็นของแข็ง โลหิตรจากแวมไพร์รวมกันเป็นแผ่นสีแดงที่มีสัญลักษณ์เป็นอักษรตัวหนึ่งอยู่ตรงกลาง อักษรตัวนี้คือคําว่า”ชื่อ”
การเผชิญหน้ากันระหว่างผู้นําของทั้งสองกลุ่มดึงดูดความสนใจของเหล่าแวมไพร์หนุ่มสาวและอสูรวัวอย่างยิ่งเป็นเหล่าแวมไพร์ที่รู้สึกถึงความผิดปกติก่อนเป็นกลุ่มแรก พวกมันแม้จะจดจ่อให้ความสนใจเตรียมเข้าประจัญบานกับเหล่าอสูรวัว ซึ่งแน่นอนว่าหากเทียบกันต่อตัวต่อแล้วพวกมันย่อมเหนือกว่าสมุนอสูรวัวเหล่านี้ทําให้กดดันมากนักและสามารถเบี่ยงความสนใจไปที่อื่นได้โดยไร้ความกังวลจุดที่พวกมันเฝ้าสังเกตุก็คือผู้นําอสูรวัวและผู้นํากลุ่มของพวกมันแวมไพร์ฉกรรจ์นั่นเอง
เหล่าสมุนอสูรวัวเริ่มจับสังเกตุเช่นกัน พวกมันมองผู้นําของตนด้วยความสงสัย
???
อสูรวัวเอียงคอสับสนจ้องมองตัวอักษรดังกล่าวด้วยความรุนงง จากปฏิกิริยาของมันเห็นได้ชัดว่ามันอ่านไม่ออกก่อนที่มันจะตัดปัญหา ล้วงมือลงไปในกางเกงของตนควักเอาแผ่นป้ายสีทองแผ่นหนึ่งออกมาวางแผ่นสี่เหลี่ยมที่ได้จากแวมไพร์และแผ่นสีทองของตนเทียบกัน ทั้งสองแผ่นมีความคล้ายคลึงกันอย่างยิ่งทั้งสัญลักษณ์และขนาด แตกต่างเพียงเฉดสีเท่านั้น
“ข้าคือแวมไพร์ ที่อาศัยอยู่ในเขตแดนอสูร” แวมไพร์ฉกรรจ์กล่าว ขณะนี้ร่างกายของมันยังส่งเสียงก๊อบแก๊ปกระดูกที่แตกละเอียดค่อยๆกลับคืนสู่สภาพเดิม ขาที่แบนบิดผิดรูปหมุนกลับซี่โครงค่อยๆเข้าที่เข้าทางแผลถลอกผิวหนังเปิดสร้างเนื้อเยื่อใหม่ด้วยความรวดเร็วเกินมนุษย์ หากร่างกายของมันรักษาตนเองเช่นนี้อีกไม่ถึงสามสิบนาทีมันคงหายเป็นปลิดทิ้งอย่างแน่นอน
ผู้นําอสูรวัวหาได้สนใจคําพูดของมันไม่ ตอนนี้มันยังง่วนอยู่กับป้ายสี่เหลี่ยมในมือ มันพลิกกลับด้านมุมล่างบนเปรียบเทียบกับป้ายสีทองในมือของตน ดวงตาของมันเดียวหรี่เล็กเดี่ยวเบิกกว้างเพ่งมองด้วยสมาธิสูงสุดสีหน้าของมันตอนนี้ดูจะเคร่งเครียดยิ่งกว่าตอนเผชิญหน้ากับผู้นําแวมไพร์เสียอีก
แวมไพร์ฉกรรจ์กวักมือเรียกเหล่าแวมไพร์ตัวน้อยให้มารวมกลุ่มที่ตน
“ท่านเขี่ย ท่านเป็นยังไงบ้าง แวมไพร์หนุ่มผู้เปิดฉากโจมตีอสูรวัวกล่าวด้วยน้ําเสียงที่แฝงไปด้วยความเป็นห่วง
“อสูรวัวโง่พวกนี้มันอะไรกัน” หนึ่งในแวมไพร์กล่าว ใบหน้าของมันเคร่งเครียดจริงจัง
“นั่นสิ อสูรวัวชั้นต่ําพวกนี้ไม่น่าเป็นห่วงเท่าไหร่ พวกมันไม่อาจต้านพลังของพวกเราแวมไพร์ได้แน่ที่เป็นปัญหาเห็นทีคงจะเป็นผู้นําของพวกมัน ข้าไม่เคยเห็นอสูรตนใดแข็งแกร่งเท่านี้มาก่อนเหล่าแวมไพร์ออกสิทธิ์ออกเสียง
“อย่าได้เสียมารยาท พวกเขาคือมิโนทอร์ เป็นสิ่งมีชีวิตสายพันธ์พิเศษเช่นเดียวกับพวกเราแวมไพร์ฉกรรจ์กล่าว