เทพปีศาจผงาดฟ้า - ตอนที่ 168
ตอนที่ 168 ประมือกับเทียนเฉิน
“โอ้.. สวรรค์!!” หลงเฉินแทบอยากสาปแช่งก่นด่าโชคชะตา
หลงเฉินพบเด็กหนุ่มในวัยสิบหกถึงสิบเจ็ดปีกําลังยืนอยู่ตรงหน้า เด็กหนุ่มผู้นั้นสวมเสื้อผ้าขาดวิ่น เนื้อตัวเต็มไปด้วยโลหิตสีแดง ดวงตาของเขาเป็นสีดําสนิท และกําลังจ้องมองมาทางหลงเฉินด้วยสีหน้าแน่นิ่งไร้ซึ่งอารมณ์ความรู้สึก
“เทียนเฉินงั้นรึ?! มิหนําซ้ํายังอยู่ในสภาพที่เพิ่งกลืนโอสถประหลาดนั่นลงไปด้วย..”
หลงเฉินยิ้มขึ้นพร้อมกับพึมพํากับตัวเองในระหว่างที่จ้องมองเด็กหนุ่มตรงหน้า สภาพของเทียนเฉินเวลานี้ ไม่แตกต่างจากที่เขาเห็นในความฝันเลยแม้แต่น้อย เขายังคงสวมใส่เสื้อผ้าขาดวิ่นเช่นเดิม และร่างกายก็ซูบผอมจนแทบเห็นแต่กระดูก
“หากข้าคาดการไม่ผิด ภาพที่เห็นตรงหน้านี้ต้องเป็นภาพลวงตาของเทียนเฉินที่ข้าพบเห็นในความฝันเป็นแน่ เป็นภาพเมื่อครั้งที่เขาเพิ่งพบแหวนบรรจุ ครั้งนั้นเขายังมิได้มีวรยุทธบ่มเพาะ เพียงแค่อาศัยโอสถประหลาดนั่นเพิ่มความแข็งแกร่งชั่วคราวให้ตนเองเท่านั้น และฤทธิ์ของโอสถนั้นจะทําให้เขาเข่นฆ่าทุกคนที่เขาต้องการฆ่า..”
หลงเฉินจ้องมองเทียนเฉิน แต่เทียนเฉินกลับเอาแต่นิ่งไม่พูดไม่จา..
“ครั้งนี้ข้าคงเจอศึกหนักเข้าแล้ว!” หลงเฉินบ่นกับตัวเองในขณะที่เริ่มเคลื่อนไหว และร่างของเขาก็หายไปจากจุดที่ยืนอยู่อย่างรวดเร็ว
ร่างของหลงเฉินไปปรากฏอยู่ด้านหลังของเทียนเฉิน แต่ในระหว่างที่หลงเฉินกําลังจะจู่โจมเข้าใส่นั้น จู่ๆร่าง ของเทียนเฉินก็หายวับไปในทันทีเช่นกัน
และก่อนที่หลงเฉินจะทันได้ตั้งตัว ร่างของเทียนเฉินก็ปรากฏขึ้นด้านหลังของเขา และชกกําปั้นใส่แผ่นหลังของเขาเต็มแรง ร่างของหลงเฉินลอยละลิ่วออกไปไกลกว่ายี่สิบเมตร
“ข้ารู้สึกเจ็บปวด..” หลงเฉินเอ่ยขึ้นด้วยน้ําเสียงจริงจัง พร้อมกับลุกขึ้นยืนและจ้องมองเทียนเฉินเขม็ง
หลงเฉินไม่รอช้า เขาพุ่งเข้าไปหาเทียนเฉินพร้อมกับชกกําปั้นเข้าที่ใบหน้าของเขาอย่างรวดเร็ว หลงเฉินใช้วิชากายาราชั้นปีศาจเพิ่มความแข็งแกร่งให้กับกายเนื้อของตนในขณะที่จู่โจมเทียนเฉินด้วย
เทียนเฉินไม่รอช้า และส่งหมัดของตนออกไปกระแทกเข้ากับกําปั้นของหลงเฉินในทันที..
หลังจากที่หมัดของทั้งคู่ปะทะเข้าใส่กันนั้น ร่างของหลงเฉินก็กระเด็นถอยหลังออกไปราวสิบก้าว ส่วนเทียนเฉินนั้นถอยหลังไปเพียงแค่ห้าก้าวเท่านั้น แต่หลังจากนั้นทั้งคู่ต่างก็มิมีผู้ใดหยุด ต่างฝ่ายต่างพุ่งจู่โจมเข้าใส่กันอีกครั้ง แต่ทั้งคู่ยังคงต่อสู้กันด้วยพละกําลังของร่างกายเท่านั้น
“เวลานี้เจ้ายังมิได้ฝึกวรยุทธบ่มเพาะ เพียงแค่อาศัยความแข็งแกร่งชั่วคราวจากฤทธิ์ของโอสถเม็ดนั้น หากเป็นเช่นนี้ ต่อให้พละกําลังของเจ้าจะเหนือกว่าข้า ข้าก็มั่นใจว่าจะสามารถเอาชนะเจ้าได้!!” หลงเฉินประกาศกร้าวพร้อมกับนําดาบราชันย์ออกมา
เมื่อดาบราชันย์ถูกชักออกมา รัศมีแข็งแกร่งของกระบี่พลันแผ่กระจายออกไปทั่วทั้งบริเวณในทันที หลงเฉินจ้องมองเทียนเฉินแน่นิ่ง และตัดสินใจแน่วแน่ที่จะจัดการกับเขาเสียที
แต่สิ่งที่เห็นต่อจากนี้นับว่าเหนือความคาดหมายของหลงเฉินยิ่งนัก นั่นเพราะเวลานี้รัศมีบางอย่างก็ได้แผ่ซ่านออกมาเช่นกัน และมันก็มิได้ด้อยไปกว่ารัศมีของดาบราชันย์เลยแม้แต่น้อย
หลงเฉินพบว่า เวลานี้ในมือของเทียนเฉินกําดาบสีดําสนิทอยู่เล่มหนึ่ง และมันก็กําลังเปล่งรัศมีที่แข็งแกร่งยิ่งออกมา เทียนเฉินเพิ่งนําดาบเล่มนี้ออกมาจากแหวนบรรจุของเขาเช่นกัน และเวลานี้เขาก็ได้กํามันไว้ในมือขวาของตนเอง
“หึ.. นี่เขาได้รับมรดกเป็นดาบเล่มนี้งั้นรึ? แล้วเหตุใดข้าจึงได้รับเพียงแค่ไข่ที่ไม่ยอมฟักออกมาด้วยเล่า?!!” หลงเฉินได้แต่บ่นพึมพําในระหว่างที่จ้องมองดาบในมือของเทียนเฉิน
“ต่อให้เจ้านําสิ่งใดออกมา ข้าก็ยังเชื่อมั่นว่าจะสามารถเอาชนะเจ้าได้!”
หลงเฉินร้องตะโกนบอกเทียนเฉินพร้อมกับพุ่งทะยานจู่โจมเข้าใส่เขาทันที ดาบของทั้งคู่ปะทะกัน และผลักดันกันอยู่ครู่ใหญ่ โดยไม่มีวี่แววว่าฝ่ายใดจะเป็นฝ่ายชนะ แม้หลงเฉินเจะเป็นผู้ที่มีทักษะในเรื่องเพลงดาบ แต่เทียนเฉินก็มีอาวุธที่ล้ําเลิศ จึงไม่อาจบอกได้ว่าฝ่ายใดจะเป็นฝ่ายได้เปรียบ และฝ่ายใดจะเป็นฝ่ายเสียเปรียบ
หลงเฉินเป็นฝ่ายผละออกมาก่อน ส่วนเทียนเฉินยังคงยืนแน่นิ่งอยู่เช่นเดิม..
“เพลงดาบยอดเซียนเจ็ดกระบวน วิถีที่สี่ – คลื่นวินาศ!”
หลงเฉินร้องตะโกนออกมา พร้อมกับตวัดกระบี่ในมือ จากนั้นแสงสว่างรูปครึ่งวงกลมก็พุ่งเข้าใส่ร่างของเทีย นเฉิน ห้วงอากาศโดยรอบปรากฏเป็นคลื่นรุ่นแรงยิ่ง
และพลังจากดาบของหลงเฉินนั้นรุนแรงถึงขนาดที่ว่า หากสิ่งใดหรือแม้แต่มนุษย์ก็ตามที่บังอาจขวางกั้น แสงสว่างรูปครึ่งวงกลมที่พุ่งออกไปนั้น ก็คงต้องถูกทําลายราบเป็นหน้ากองอย่างแน่นอน
แต่เทียนเฉินกลับยืนเฉย และยังคงจ้องมองพลังดาบของหลงเฉินด้วยสีหน้าแน่นิ่งไร้ซึ่งอารมณ์ความรู้สึก แต่มือทั้งสองกลับเงื้อดาบในมือของตนขึ้นเหนือศรีษะ ก่อนจะฟาดฟันเข้าใส่ลําแสงครึ่งวงกลมที่พุ่งเข้าใกล้ร่างของตนอย่างสุดกําลัง
ลําแสงโค้งรูปครึ่งวงกลมถูกดาบของเทียนเฉินฟันขาดเป็นสองท่อน แต่ดูเหมือนนั่นจะไม่ยังไม่เพียงพอที่จะสามารถปกป้องเทียนเฉินให้พ้นจากอันตรายได้ เพราะเวลานี้เขาเพิ่งรู้ตัวว่า แขนทั้งสองข้างของตนได้มีบาดแผลอยู่เต็มไปหมด และเริ่มมีโลหิตสีแดงไหลออกมา
แต่สีหน้าของเทียนเฉินกลับยังคงนิ่งเรียบไร้ซึ่งอารมณ์ใดๆเช่นเคย แม้ว่าจะมีโลหิตไหลหลั่งก็ตาม ราวกับว่าเขามิรู้สึกเจ็บปวดกับบาดแผลที่เกิดขึ้นเลยแม้แต่น้อย และยังคงจู่โจมหลงเฉินกลับทันที
“ความเร็วและความแข็งแกร่งของเทียนเฉินล้วนอยู่ในระดับที่แตกต่างกับข้ามาก แต่เหตุใดจนป่านนี้ฤทธิ์ของโอสถนั่นยังไม่หมดลงอีก ที่ข้าเห็นในความฝันนั้น.. ฤทธิ์ของโอสถมีระยะเวลาที่สั้นยิ่งนัก แต่ข้าต่อสู้กับเขามาร่วมครึ่งชั่วยามแล้ว เหตุใดยังมิมีวี่แววว่าฤทธิ์ยาจะหมดลงเสียที..” หลงเฉินร้องคํารามออกมาด้วยน้ําเสียงหงุดหงิด
“ที่นี่เป็นสถานที่สําหรับศึกษากฎแห่งภาพลวงตานี่.. ฉะนั้นแล้ว ทุกอย่างที่ข้าเห็นอยู่ตอนนี้ล้วนแล้วแต่ต้องเป็นภาพลวงตา ซึ่งอยู่นอกเหนือกฏเกณฑ์และกฏธรรมชาติใดๆ”
หลงเฉินพึมพํากับตัวเองในระหว่างที่สีหน้าบ่งบอกว่ากําลังครุ่นคิดอย่างหนัก เขากกระโดดผละออกมาจากร่างของเทียนเฉินเพื่อพักหายใจ..
“ข้าจะทําเช่นใดดีเพื่อให้ตนเองสามารถใช้กฏเกณฑ์เหล่านั้นได้.. ข้ามาที่นี่เพื่อศึกษากฎแห่งภาพลวงตา.. ในเมื่อข้ากําลังศึกษากฏแห่งภาพลวงตา ข้าควรต้องใช้ประโยชน์จากมันให้ดีจึงจะถูก หาไม่แล้วข้าจะเข้าใจมันได้อย่างไรกัน แต่ว่า.. ข้าจะสามารถใช้กฎแห่งภาพลวงตานี้ได้อย่างไรกัน?” หลงเฉินพึมพํากับตนเอง ในขณะเดียวกันก็ครุ่นคิดหาวิธีไปด้วย
“ภาพลวงตา.. สามารถทําให้เกิดสิ่งใดก็ได้แม้ไม่มีอยู่จริง กฏนี้สามารถทําให้ทุกสิ่งทุกอย่างเป็นไปได้.. ไม่ว่าอะไรก็ตาม..” หลงเฉินยังคงพูดกับตนเอง
“วิชาอําพรางสวรรค์!” หลงเฉินร้องตะโกนออกมาเสียงดัง
วิชาอําพรางสวรรค์นี้ ทําให้ผู้คนสามารถมองเห็นพลังบ่มเพาะที่สูงขึ้นกว่าพลังบ่มเพาะที่แท้จริงได้ แต่ก็มิได้หมายความว่าคนผู้นั้นจะมีพลังบ่มเพาะในขั้นที่แสดงออกไปจริง พูดง่ายๆก็คือการหลอกลวงผู้อื่นให้เข้าใจผิดเท่านั้นเอง เพราะวิชานี้มิได้ช่วยให้คนผู้นั้นแข็งแกร่งขึ้นจากเดิมเลยแม้แต่น้อย
“ในเมื่อนี่คือโลกแห่งภาพลวงตา ข้าก็จะใช้ประโยชน์จากมัน เวลานี้ข้าเข้าสู่อาณาจักรจุติพิภพขั้นที่เก้า และในโลกนี้ทุกอย่างสามารถเป็นความจริงได้”
หลงเฉินใช้วิชาอําพรางสวรรค์เพิ่งขั้นพลังของตนเอง ให้เข้าสู่อาณาจักรจุติพิภพขั้นที่เก้า..
“อาจจะดูเหมือนว่าข้าชนะเจ้าด้วยการโกง แต่ในโลกของกฎแห่งภาพลวงตา สามารถเปลี่ยนทุกอย่างให้เป็นความจริงได้ตามที่ใจต้องการ สามารถสร้างได้แม้กระทั่งโลกที่มีตนเองเป็นเทพเจ้า และข้าก็คือเทพเจ้าองค์นั้น!” หลงเฉินร้องคํารามออกมาในขณะที่ฟาดฟันดาบในมือเข้าใส่เทียนเฉิน
ดาบของทั้งคู่ปะทะเข้าด้วยกันอีกครา แต่ครั้งนี้ผลที่ได้แตกต่างออกไป เพราะพลังบ่มเพาะของหลงเฉินดูเหมือนจะเหนือกว่ามาก และเห็นได้ชัดว่าหลงเฉินเป็นฝ่ายได้เปรียบ ร่างของเทียนเฉินกระเด็นถอยหลังออกไปไกลกว่ายี่สิบเมตร ก่อนจะร่วงลงกระแทกกับพื้นในทันที
“เพลงดาบยอดเซียนเจ็ดกระบวนวิถีที่ห้า – คลื่นโกลาหล!!”
รัศมีพลังจากดาบของหลงเฉินพุ่งปะทะร่างของเทียนเฉินที่ยังคงนอนอยู่บนพื้น และพลังนั้นก็รุนแรง ประหนึ่งว่าสามารถทําลายล้างทุกสิ่งที่ขวางหน้าราบคาบก่อนจะทะยานเข้าใส่ร่างของเทียนเฉิน
หลงเฉินใช้เพลงดาบที่มีพลังโจมตีในระดับเดียวกันกับที่เขาใช้จัดการกับท่านปู่ของตนเอง แต่ดูเหมือนครั้งนี้พลังจู่โจมจะรุนแรงมากกว่าครั้งก่อนหลายเท่านัก
ด้วยกฎแห่งภาพลวงตานี้ หลงเฉินได้ใช้มันทําให้พลังบ่มเพาะปลอมๆที่ได้จากวิชาอําพรางสวรรค์นั้น เป็นพลังบ่มเพาะที่แท้จริงขึ้นมาได้ในโลกลวงตานี้
เทียนเฉินลุกขึ้นยืนอีกครั้ง และตวัดดาบในมือฟาดฟันเข้าใส่หลงเฉิน หลงเฉินเองก็ฟาดฟันดาบในมือเข้าใส่ร่างของเทียนเฉินเช่นกัน และครั้งนี้เมื่อรัศมีพลังดาบของหลงเฉินปะทะเข้ากับร่างของเทียนเฉิน ร่างของเขาก็อันตรธานหายวับไปในทันที
สิ่งเดียวที่หลงเหลืออยู่ก็คือดาบสีดําในมือของหลงเฉินเท่านั้น..
หลงเฉินทรุดนั่งลงกับพื้นด้วยความเหน็ดเหนื่อย แต่ใบหน้าของเขานั้นบ่งบอกถึงชัยชนะที่ได้รับ!
เขาหายใจถี่และรุนแรง การต่อสู้กับเทียนเฉินครั้งนี้ทําให้เขาถึงกับหมดเรี่ยวแรง
“ยังจะมีอะไรอีกหรือไม่..” หลงเฉินพึมพํากับตนเองพร้อมกับเงยหน้าขึ้นมองท้องนภาเบื้องบน
จากนั้น หลงเฉินจึงก้มหน้าลง และมองสํารวจไปรอบกาย เขาพบว่าดาบสีดําที่เทียนเฉินทิ้งไว้นั้น กําลังเปล่งประกายประกายสว่างเจิดจ้า รูปร่างของดาบก็เริ่มเปลี่ยนไป มันค่อยๆหลอมรวมกลายเป็นแท่งกลมๆ
หลงเฉินลุกขึ้นยืน และค่อยๆก้าวเท้าเดินเข้าไปใกล้ๆดาบเล่มนั้น และหยิบมันขึ้นมาดู เขายกมันขึ้นมาดูและผมอักษรที่เขียนไว้ว่า