เทพปีศาจผงาดฟ้า - ตอนที่ 164
ตอนที่ 164 เจ้าไปไหนไม่ได้
“เหตุใดแม้แต่ศาลาเจียนตี้ยังไม่มีข้อมูลในเรื่องนี้?” หลงเฉินเอ่ยถามขึ้นด้วยสีหน้างุนงง
“เป็นไปได้ว่าแคว้นที่เจ้าถามถึงนั้นมิได้อยู่ในทวีปนี้ และนั่นเป็นเหตุผลเพียงข้อเดียวที่ข้าพอจะคิดออก หากเจ้าต้องการข้อมูลเกี่ยวกับทวีปอื่นๆ เจ้าจะต้องไปสอบถามจากสาขาจักรวรรดิที่อยู่ใกล้ๆกับทวีปนั้น..” ชายวัยก ลางคนเอ่ยตอบหลงเฉิน ก่อนจะก้มลงอ่านตําราในมือต่อไป
“มิทราบว่าท่านพอจะบอกข้าได้หรือไม่ว่า ข้าควรต้องไปจักรวรรดิใดที่พอจะหาข้อมูลที่ต้องการได้?” หลงเฉินเอ่ยถามด้วยท่าทางอ่อนน้อม
“หากเจ้าต้องการข้อมูลที่มิได้เป็นความลับสําคัญ ก็ต้องจ่ายค่าข้อมูลเป็นจํานวนห้าเรียญทองคําขาว..” ชายวัยกลางคนเอ่ยตอบโดยไม่แม้แต่จะเงยหน้าขึ้นมามอง
“นี่คือเหรียญทองคําขาวจํานวนห้าเหรียญ..” หลงเฉินวางเหรียญลงบนโต๊ะตรงหน้าชายวัยกลางคนทันที
“นี่เจ้าคงจะมาจากตระกูลที่ร่ํารวยมากเลยสินะ!! นี่เป็นข้อมูลที่เจ้าต้องการ..” ชายวัยกลางคนตอบยิ้มๆพร้อมกับยื่นตําราเล่มหนึ่งให้กับหลงเฉิน
“ตําราเล่มนี้เป็นข้อมูลเกี่ยวกับแคว้น จักรวรรดิ และเมืองต่างๆทั้งหมด ภายในตํารายังมีแผนที่ที่จะนําพาเจ้าไปยังดินแดนต่างๆด้วย และทั้งหมดนี้เขียนขึ้นโดยคนของศาลาเจียนตี้..” ชายวัยกลางคนบอกกับหลงเฉิน
“ขอบคุณท่านมาก!” หลงเฉินเอ่ยขอบคุณชายวัยกลางคน ก่อนจะเดินออกมาจากศาลาเจียนพร้อมกับองค์หญิงหมิงยู่
“แม้ว่าพวกเราจะยังหาที่ตั้งของแคว้นเอสเทอเรียไม่พบ แต่อย่างน้อยก็ได้รู้ว่ามันมิได้อยู่ในทวีปนี้ อีกทั้งยังได้รู้ว่าจะไปสอบถามข้อมูลได้จากที่ใดได้ด้วย..” หลงเฉินเอ่ยบอกองค์หญิงหมิงยู่ด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม
“นั่นสินะ!” องค์หญิงหมิงยู่พยักหน้าพร้อมกับจ้องมองหลงเฉิน
หลงเฉินและองค์หญิงหมิงยู่ออกจากเมืองนี้ไป และยังคงเดินทางมุ่งหน้าไปยังเมืองหลวงของจักรวรรดิหวนจื่อ ซึ่งก็คือเมืองสายฟ้า!
ทั้งคู่เดินผ่านป่าและเมืองต่างๆหลายเมือง ระหว่างทางที่เดินทางไปกับองค์หญิงหมิงยู่ หลงเฉินก็ได้ต่อสู้กับสัตว์อสูรมากมาย หญิงสาวก็ได้ร่วมต่อสู้กับเขาด้วยเป็นบางครั้งบางคราว เมื่อต้องเผชิญกับสัตว์อสูรที่แข็งแกร่งกว่ามาก และหลงเฉินไม่สามารถจัดการเพียงลําพังได้
ทั้งสองคนเดินทางในเวลากลางวัน แล้วหยุดพักผ่อนนอนหลับ และฝึกฝนวิชาในยามค่ําคืน แม้ว่าองค์หญิงหมิงยู่จะต้องพักค้างคืนกับหลงเฉิน แต่เพราะทั้งคู่เดินทางร่วมกันมาเป็นเวลานาน ทําให้หญิงสาวไว้ใจและเชื่อใจหลงเฉินมาก จึงสามารถนอนหลับได้อย่างไร้กังวล
ทั้งคู่ใช้เวลาเดินทางเป็นเวลามากกว่าสิบวัน และในที่สุดทั้งสองคนก็มาถึงเมืองสายฟ้า ซึ่งอยู่ใกล้ๆกับเทือกเขาสูง และล้อมรอบด้วยต้นไม้เขียวขจี
“ที่นี่มีเมฆล่องลอยหนาแน่นยิ่งนัก เหมือนกับที่ข้าเคยอ่านพบเจอในตํารา ช่างเป็นสถานที่ที่เหมาะสําหรับการฝนวรยุทธยิ่งนัก!”
หลงเฉินพึมพําออกมาด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม และควบม้าตรงเข้าไปที่ประตูเข้าเมืองทันที..
แต่แล้วจู่ๆ อสุนีบาตสีเงินก็ฟาดลงจากท้องนภาเบื้องบน เข้าใส่เทือกเขาบริเวณใกล้ๆ ก่อนจะตามมาด้วยเสียงฟ้าร้องคํารามกึกก้อง
ทันทีที่เสียงฟ้าร้องคําราม และเสียงอสุนีบาตผ่าลงมา องค์หญิงหมิงยู่ก็โผเข้ากอดร่างของหลงเฉินที่อยู่ด้านหน้าไว้ด้วยความตกใจ หลงเฉินถึงกับชะงักเมื่อเนินอกนุ่มนั้นเบียดเสียดอยู่กับแผ่นหลังของเขา
“นี่เจ้ากลัวเสียงฟ้าผ่าด้วยรึ?” หลงเฉินเอ่ยถามยิ้มๆพร้อมกับหันไปมอง
“ข้าไม่ได้กลัว!!” องค์หญิงหมิงยู่ร้องตอบเสียงดัง และรีบผละออกจากร่างของหลงเฉินทันที
แต่ก็ไม่นานนัก.. เพราะประเดี๋ยวเดียวหลังจากนั้น อสุนีบาตอีกสายก็ผ่าลงมาเสียงดังกึกก้อง องค์หญิงหมิงยู่ถึงกับโผกอดร่างของหลงเฉินอีกครั้ง หลงเฉินสัมผัสได้ถึงอ้อมกอดและเนินอกที่อ่อนนุ่มขององค์หญิงหมิงยู่ เขาจึงรีบเอื้อมมือไปสัมผัสท่อนแขนเรียวงามของนาง พร้อมกับกระซิบข้างหูด้วยน้ําเสียงอ่อนโยน
“ไม่เป็นไรหรอก.. เจ้ากอดข้าไว้เช่นนี้ล่ะ ข้าจะดูแลปกป้องเจ้าเอง!” หลงเฉินเอ่ยขึ้นด้วยน้ําเสียงห่วงใย
“ขอบคุณเจ้ามาก..” องค์หญิงกระซิบตอบเสียงเบา และยังคงโอบกอดร่างของหลงเฉินอยู่เช่นนั้น
“พวกเจ้าสองคนมาจากที่ใด?” ทหารรักษาหน้าประตูเมืองเอ่ยถามขึ้น เมื่อเห็นหลงเฉินขี่ม้าเข้ามาใกล้
“พวกเราสองคนมาจากจักรวรรดิซุย..” หลงเฉินเอ่ยตอบด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้ม
“ค่าธรรมเนียมเข้าเมืองสิบเหรียญเงินต่อคน พวกเจ้ามากันสองคนก็ยี่สิบเหรียญเงิน..” ทหารรักษาประตูเมืองบอกกับหลงเฉิน
“นี่ค่าธรรมเนียม..”
หลงเฉินยื่นเหรียญเงินจํานวนยี่สิบเหรียญให้กับทหารเฝ้าประตู จากนั้นเขาก็เปิดให้หลงเฉินขี่ม้าเข้าไปข้างใน
ระหว่างทางที่ขี่ม้าเข้าไปภายในเมืองนั้น องค์หญิงหมิงยู่ก็กอดร่างของหลงเฉินไว้แน่น ทั่วทั้งเมืองสายฟ้าปกคลุมไปด้วยเมฆหนาแน่น ไม่เห็นแม้แต่ร่องรอยของดวงตะวัน
หลงเฉินขี่ม้าไปตามถนนที่วุ่นวาย และเที่ยวสอบถามเส้นทางจากชาวเมืองไปตลอดทาง
“หลีกไปII”
จ่ๆ เสียงร้องตะโกนก็ดังขึ้น หลงเฉินหันมองไปทางต้นเสียง ก็พบเด็กสาวผมแดงกําลังควบม้าพุ่งตรงเข้ามาด้วยความเร็วสูง ผู้คนที่เดินอยู่ต่างก็พากันกระโดดหลบเข้าข้างทางเพื่อหลีกหญิงสาวและม้าของนาง
หลงเฉินพบว่า ด้านหลังของหญิงสาวนั้นมีชายหนุ่มสามคนกําลังควบม้าตามนางมาอย่างรวดเร็วเช่นกัน..
หลงเฉินไม่เพียงตัดสินใจที่จะไม่หลบเข้าข้างทาง แต่กลับควบม้าตามหญิงสาวผมแดงไป จนกระทั่งเข้าไปในระยะใกล้เคียง จึงได้ร้องตะโกนบอกให้นางหยุด
“ข้าบอกให้เจ้าหลีกทางอย่างไรเล่า? นี่เจ้ากําลังเห่าหอนอะไร?”
หญิงสาวร้องตวาดหลงเฉิน พร้อมกับฟาดแส้สีแดงในมือเข้าใส่ร่างของเขาด้วย หลงเฉินเห็นเช่นนั้นจึงรีบเอื้อมมือคว้าแส้ที่ฟาดตรงใส่หน้าอกของตนไว้ทันที แต่กลับรู้สึกปวดแสบปวดร้อนที่ฝ่ามือ
“นี่มันอะไรกัน?!”
หลงเฉินพึมพําออกมาพร้อมกับออกแรงกระชากแสเข้าหาตัว หญิงสาวที่ยังคงจับปลายแส้ไว้ถึงกับตกใจที่แส้ของตนถูกดึง และกระชากไปเช่นนั้น แต่ในระหว่างที่หญิงสาวกําลังตกใจอยู่นั้น ร่างของนางก็ถูกแรงกระชากดึงให้ร่วงหล่นลงจากหลังม้า และตกลงไปกองกับพื้น ส่วนม้าของนางก็ยังคงวิ่งออกไปเช่นเดิม
ชายหนุ่มทั้งสามที่ขี่ม้าตามมานั้น ก็ได้หยุดม้าของตนเองอย่างกะทันหันเช่นกัน เมื่อเห็นหญิงสาวตนร่วงลงไปกองกับพื้นเช่นนั้น
ทั้งสามคนรีบกระโดดลงจากม้าของตนเอง แล้ววิ่งตรงเข้าไปช่วยน้องสาว..
“องค์หญิง!! นี่เจ้าเป็นอะไรมากหรือไม่?” ชายหนุ่มทั้งสามคนเอ่ยถามพร้อมกันด้วยความเป็นห่วง
“ข้าไม่เป็นอะไร!!” หญิงสาวผมแดงเอ่ยตอบพร้อมกับลุกขึ้นยืน
“เจ้ากล้าทําร้ายข้า! แล้วเจ้าจะต้องเสียใจ! ข้าจะฆ่าเจ้า” หญิงสาวจ้องมองหลงเฉินด้วยสีหน้าโกรธเกรี้ยว พร้อมกับร้องคํารามออกมาด้วยความโมโห
“ข้าทําร้ายเจ้าแม่นาง? เช่นนั้นข้าต้องขออภัยด้วย!” หลงเฉินเอ่ยตอบในขณะที่กระโดดลงจากหลังม้า
“ห์!! นี่เจ้าคิดว่าหลังจากทําร้ายผู้อื่นแล้ว เพียงแค่คําขอโทษก็จะจบเรื่องงั้นรึ? โดยเฉพาะอย่างยิ่งคนที่เจ้าทําร้ายคือองค์หญิง! โทษของเจ้ามีเพียงสถานเดียวคือตัดหัวเสียบประจาน!” หนึ่งในจํานวนชายหนุ่มทั้งสามร้องตะโกนตอบกลับไป
หลงเฉินถึงกับอดหัวเราะไม่ได้เมื่อได้ยินคําพูดของชายหนุ่มผู้นั้น ร่างของหลงเฉินหายไปจากจุดที่ยืนอยู่ และไปปรากฏตัวอีกครั้งข้างกายหญิงสาว
“ไหนๆพวกเจ้าก็จะตัดหัวของข้าแล้ว ข้าก็ขอล่วงเกินองค์หญิงให้เต็มที่ก็แล้วกัน!”
หลงเฉินเอ่ยตอบ พร้อมกับยกมือขึ้นลูบไล้แก้มอ่อนนุ่มขององค์หญิง
หญิงสาวถึงกับหน้าแดงก่ํา และกําหมัดชกเข้าที่ใบหน้าของหลงเฉินสุดกําลัง แต่แทนที่หลงเฉินจะหลบหลีก เขากลับยืนยิ้ม และสามารถคว้าข้อมือของหญิงสาวไว้ได้อย่างง่ายดาย พร้อมกับกระชากร่างของนางเข้าไปไว้ในอ้อมกอดของตน
“หากเจ้ายังอยากมีชีวิตอยู่ยืนยาว ก็ควรต้องระมัดระวังกิริยาให้มากกว่านี้” หลงเฉินกระซิบข้างหูของหญิงสาวก่อนจะปล่อยนางให้เป็นอิสระดังเดิม
“ไอ้คนสารเลว!!” ชายหนุ่มทั้งสามที่ตามหญิงสาวมาร้องคํารามด้วยความโกรธ พวกเขาหยิบอาวุธของตน เองออกมา และพุ่งตรงเข้าหาหลงเฉินทันที
หลงเฉินเคลื่อนไหวเพียงไม่กี่ครั้ง ก็สามารถทําให้พวกมันทั้งสามคนลงไปนอนกองอยู่ที่พื้น พร้อมกับร้องคร่ําครวญออกมาด้วยความเจ็บปวดได้
“ข้าเชื่อว่าพวกเจ้าล้วนมาจากตระกูลสูงส่ง และมั่นอกมั่นใจในฝีมือของตนเองยิ่งนัก จึงได้จองหองพองขนกันเช่นนี้ แต่พวกเจ้าคงลืมไปแล้วว่า เหนือขุนเขายังมีท้องนภา!” หลงเฉินจ้องมองชายหนุ่มทั้งสามพร้อมกับร้องบอก
“ส่วนเจ้า.. พวกเขาเรียกเจ้าว่าองค์หญิง! เจ้าก็คงเป็นบุตรสาวของผู้ครองเมืองนี้สินะ! เจ้าเป็นถึงองค์หญิง แต่กลับมีคํานึงถึงความปลอดภัยของประชาชนในเมือง ครั้งนี้ข้าจะยกโทษให้เจ้า แต่หากให้ข้าพบเห็นเจ้าทําเช่นนี้อีก ครั้งต่อไปข้าจะไม่อภัยให้เจ้าแน่!”
หลงเฉินร้องตะโกนบอกด้วยน้ําเสียงดุดัน พร้อมกับเดินตรงไปที่มาของตนเอง
“เหนือขุนเขายังมีท้องนภา… วาจาเปี่ยมด้วยปัญญาเช่นนี้ แต่กลับออกจากปากของเด็กหนุ่ม! นี่เจ้าคิดว่าทําร้ายพวกเขาแล้วจะจากไปได้ง่ายๆเช่นนี้?”
ชายชราผู้หนึ่งเดินเข้ามาใกล้หญิงสาว พร้อมกับจ้องมองหลงเฉินด้วยสีหน้าเคร่งเครียด
“ท่านลงเหยา!” หญิงสาวร้องอุทานเสียงดังพร้อมกับยิ้มออกมาทันที เมื่อเห็นชายชราปรากฏตัวขึ้น
“แม่สาวน้อย! เจ้านี่ช่างหาเรื่องนักนะ! แต่ไม่เป็นไร ข้าจะสะสางให้เจ้าเอง!” ชายชรากล่าวกับหญิงสาวพร้อมกับยิ้มเอ็นดู
“เจ้าตามข้ากลับไปพบฝ่าบาท เจ้าจะต้องได้รับการลงโทษ” ชายชราจ้องมองหลงเฉินพร้อมกับเอ่ยตอบ
“ยอดฝีมือขั้นจุติพิภพ..” หลงเฉินพึมพําขณะที่สายตายังคงจับจ้องอยู่ที่ชายชรา
“ข้าน่าจะลองประมือดเสียหน่อย ข้ารู้สึกว่าสามารถรับมือองชายชราด้วยสีหน้าเคร่งเครียด
“ข้าจะมิไปไหนกับเจ้าทั้งนั้น ข้ารีบ.. และต้องการจะไปจากที่นี่เดี๋ยวนี้!”
หลงเฉินหันไปตอบ พร้อมกับก้าวขึ้นไปนั่งบนหลังม้า ส่วนในมือก็ได้นําดาบราชันย์ออกมาเตรียมพร้อมไว้แล้ว
“หากข้าไม่อนุญาต เจ้าก็ไปไหนไม่ได้ทั้งนั้น!” ชายชราเอ่ยขึ้น พร้อมกับหายไปจากจุดที่ยืนอยู่ทันที