เทพปีศาจผงาดฟ้า - ตอนที่ 163
ตอนที่ 163 ไร้ความเมตตา
เทียนเฉินบีบฝ่ามือแน่นขึ้นเรื่อยๆ จนกระทั่งได้ยินเสียงกระดูกลั่นแตก ดวงตาของหลู่เชียะเบิกโพลง จากนั้นไม่นานนักเขาก็เหลือเพียงแค่ร่างที่ไร้วิญญาณ เทียนเฉินจับร่างไร้ลมหายใจของหลู่เชียะโยนลงกับพื้นอย่างอย่างมิใยดี ก่อนจะหันมองไปทางอื่นๆต่อ
“ปีศาจ!! หมอนั่นเป็นปีศาจ!! หนีเร็ว!!”
เสียงร้องตะโกนดังขึ้นทั่วทั้งบริเวณ และสถานที่แห่งนั้นก็เกิดความโกลาหลวุ่นวายไปทั่ว บางคนที่หวาดกลัวอย่างมากก็พากันวิ่งหนีออกไปทางหน้าประตู ส่วนคนที่กล้าหาญหน่อยก็หยิบอาวุธของตนเองขึ้นมา แล้วพุ่งเข้าใส่เทียนเฉินทันที แต่ก็ไร้ประโยชน์สิ้นดี เพราะอาวุธของพวกเขาหาได้ระคายเคืองผิวของเทียนเฉินเลยแม้แต่น้อย
บาดแผลของเทียนเฉินก่อนหน้านี้ก็ได้มลายหายไปเช่นกัน หลงเฉินจ้องมองภาพเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นด้วยความตกตะลึง นั่นเพราะเทียนเฉินสังหารผู้คนตายไปคนแล้วคนเล่า มีผู้ใดสามารถรอดชีวิตไปได้ และเพียงไม่นาน ทั่วทั้งบริเวณนั้นก็เหลือเพียงแค่ร่างไร้วิญญาณนอนเกลื่อนกลาดอยู่
มีเพียงหญิงสาวผมสีฟ้าที่ยังคงรอดชีวิต เวลานี้นางกําลังนั่งคุกเข่าตัวสั่นเทิ้มด้วยความหวาดกลัว น้ําตาไหลรินออกจากดวงตาทั้งสองข้าง เมื่อเห็นเหล่าสหายต้องตายไปต่อหน้าต่อตาเช่นนั้น
ร่างของเทียนเฉินหายไปจากจุดที่ยืนอยู่ และไปปรากฏตัวอีกครั้งตรงหน้าหญิงสาวผมสีฟ้า เขาเอื้อมมือออกไปรวบลําคอของหญิงสาวไว้แน่น พร้อมกับยกร่างของนางจนลอยขึ้นกลางห้วงอากาศ
หญิงสาวถูกบีบคอจับยกขึ้นกลางอากาศเช่นนั้น จึงได้แต่ดิ้นรนพยายามที่จะสูดเอาอากาศเข้าไป นางจ้องมองเทียนเฉิน แต่กลับพบว่าดวงตาทั้งคู่ของเขาได้กลายเป็นสีดําสนิท และดูโหดเหี้ยมไร้ซึ่งความเมตตาปราณี แตกต่างและตรงข้ามกับดวงตาของเทียนเฉินก่อนหน้านี้โดยสิ้นเชิง
“ทะ.. ท่านอาจารย์.. กะ.. กลับมา.. เมื่อใด.. เจ้า.. ต้อง.. ตายแน่!”
หญิงสาวพยายามรวบรวมพลังเฮือกสุดท้ายที่มี เอ่ยกับเทียนเฉินด้วยความโกรธแค้นเกลียดชัง เพราะนางรู้ตัวดีว่าหมดหวังที่จะมีชีวิตรอดต่อไปได้อีกแล้ว
เทียนเฉินบีบล่าคอของนางแน่นยิ่งขึ้น จนกระทั่งนางหยุดหายใจไปในที่สุด จากนั้นจึงจับร่างของนางโยนออกไปอย่างไร้ปราณี ก่อนจะหันมองไปรอบๆบริเวณ สถานที่แห่งนี้เต็มไปด้วยร่างไร้วิญญาณ และหากพบว่าผู้ใดยังรอดชีวิต ก็จะถูกสังหารตายจนสิ้น
เขาก้าวเท้าเดินออกจากประตูสํานักดารา แต่ก่อนที่เขาจะทันได้ก้าวเท้าต่อไปเป็นครั้งที่สอง จู่ๆ ร่างของเขาก็ทรุดลงไปกองกับพื้น และพลังความแข็งแกร่งเมื่อครู่ของเทียนเฉินก็มลายหายไปทันที ดวงตาสีดําสนิทนั้นกลับเป็นดวงตาปกติดังเดิม
เทียนเฉินหันกลับไปมองร่างไร้วิญญาณที่นอนเกลื่อนกลาดอยู่บนพื้น แต่สีหน้าของเขากลับยังคงสงบนิ่งมิเปลี่ยนไปแม้แต่น้อย เขาหันไปมองร่างไร้วิญญาณของเด็กสาวที่เขาชื่นชอบนอนแน่นิ่งอยู่ สีหน้าของเขาหม่นหมองลงเพียงแค่เล็กน้อย แต่แล้วก็กลับเป็นปกติดังเดิม
เทียนเฉินพยายามที่จะลุกขึ้นนั่ง แต่เขาเพิ่งจะรู้ตัวว่า เวลานี้ตนเองไม่สามารถแม้แต่จะขยับกล้ามเนื้อภายในตัวได้เลยแม้แต่น้อย
“มีคนมา”
หลงเฉินซึ่งดูเหตุการณ์อยู่สัมผัสได้ถึงรัศมีแข็งแกร่งที่ปรากฏขึ้น เขาจ้องมองไปที่ประตูทางเข้าออกสํานัก และพบว่ามีคนสองคนกําลังเดินตรงไปที่นั่น คนผู้หนึ่งดูเหมือนจะเป็นชายชราในวัยหกสิบปี ผมและหนวดเคราของเขาขาวโพลน สวมใส่อาภรณ์สีขาวทั้งชุด ส่วนอีกคนดูเหมือนจะอยู่ในวัยยี่สิบปลายๆเท่านั้น
ทั้งคู่ถึงกับตระหนกตกใจ และตกตะลึงกับภาพที่ได้เห็นตรงหน้า..
“ท่านเจ้าสํานักก่.. นี่มันเกิดอะไรขึ้น?!!”
ชายหนุ่มในวัยยี่สิบปลายๆร้องตะโกนออกมาด้วยความตกใจ สีหน้าของเขาบ่งบอกว่ากําลงตกตะลึงกับสิ่งที่ได้เห็น และรีบวิ่งเข้าไปด้านในสํารวจดูทันที แต่กลับพบว่ามิมีผู้ใดรอดชีวิตเลยแม้แต่คนเดียว
หลังจากสํารวจจนทั่วแล้ว ชายหนุ่มก็ได้วิ่งกลับมาหาเจ้าสํานักภูทันที..
“พวกเขาล้วนตายหมดแล้ว..” เจ้าสํานักคู่พิมพ์ออกมาเบาๆ ก่อนที่ชายหนุ่มจะทันได้รายงานอะไร
“เว้นแต่เขาเพียงผู้เดียวเท่นั้น.. เขาปลอดภัยดีและมิได้รับบาดเจ็บเลยแม้แต่น้อย!” เจ้าสํานักภู่เอ่ยต่อพร้อมกับหันมองไปทางเทียนเฉิน
“ผู้ใดกันที่กล้าทําเรื่องโหดเหี้ยมถึงปานนี้?” ชายหนุ่มเอ่ยถามขึ้นด้วยสีหน้าดุดันยิ่ง
“เป็นเขา..” เจ้าสํานักก่ยกมือขึ้นชี้ไปทางเทียนเฉินอย่างช้าๆ
“เป็นเขางั้นรึ?! ท่านเจ้าสํานัก.. นั่นมันเทียนเฉิน!! ข้ารู้จักคนผู้นี้ดี ข้าเคยพยายามที่จะถ่ายทอดวรยุทธบ่มเพาะให้กับเขา แต่ก็ไร้ประโยชน์สิ้นดี ผ่านไปเนิ่นนานแต่เขากลับไม่สามารถแม้แต่จะทะลวงเข้าสู่ขั้นหนึ่งของอาณาจักรผสานกายาได้!” ชายหนุ่มเอ่ยคัดค้านมิเห็นด้วย
“เจ้ามิสังเกตเห็นอะไรบ้างเลยรี? เขาเป็นผู้เดียวที่รอดชีวิตมาได้ เสื้อผ้าที่เขาสวมใส่อยู่นั้นก็มีรอยถูกฟันด้วยอาวุธมีคม แต่กลับไร้บาดแผลตามร่างกาย และเวลานี้เขาก็มสามารถแม้แต่จะขยับเขยื้อนร่างกายได้..”
“ทั้งหมดนี้ย่อมแสดงให้เห็นว่า เขาได้ใช้วิชามารสังหารทุกคนในที่นี้!!”
เจ้าสํานักก่เอ่ยตอบด้วยน้ําเสียงเคร่งเครียด ในขณะเดียวกันสายตาก็จับจ้องอยู่ที่ร่างของเทียนเฉิน..
“นี่มัน..” ชายหนุ่มถึงกับนิ่งอึ้งไปด้วยความตกตะลึง เมื่อได้ฟังคําอธิบายจากเจ้าสํานัก
“เหตุใดเจ้าจึงต้องทําเช่นนี้?” เจ้าสํานักก่จ้องมองเทียนเฉินพร้อมกับร้องตะโกนถาม
“เป็นเพราะ.. เป็นเพราะข้าเองก็แข็งแกร่งพอที่จะทําอะไรเช่นนี้อย่างไรเล่า.. หาใช่เฉพาะผู้บ่มเพาะพลังเช่นพวกเจ้าที่จะทําเรื่องอยุติธรรมได้ฝ่ายเดียว!” เทียนเฉินจ้องมองเจ้าสํานักก่ในขณะที่ตอบกลับไป
“เจ้าเป็นปีศาจ!! เจ้าจะต้องตายเพราะบาปที่ตนเป็นผู้ก่อขึ้น!” เจ้าสํานักก่ร้องตะโกนออกมาพร้อมกับยกมือขึ้นชี้หน้าเทียนเฉิน
เปลวไฟเล็กๆปรากฏขึ้นที่ปลายนิ้วของชายชรา และค่อยๆขยายยาวขึ้นเรื่อยๆ จนกระทั่งกลายเป็นเปลวไฟร้อนระอุที่มีเส้นผ่าศูนย์กลางถึงยี่สิบเซ็นติเมตร
“ข้ามเคยใช้กฏแห่งไฟทําร้ายหรือเข่นฆ่าผู้ใดมาก่อนเลย แต่วันนี้ เจ้าจะต้องตายเพราะกฎแห่งไฟของข้า!”
ชายชราร้องตะโกนออกมาด้วยสีหน้าดุดัน และเวลานี้ลูกไฟร้อนแรงก็กําลังพุ่งตรงเข้าใส่ศรีษะของเทียนเฉิน..
แม้ผู้อื่นจะมิทันได้สังเกตเห็น แต่หลงเฉินเห็นอย่างชัดเจนว่า ยันต์สีแดงแผ่นหนึ่งเคลื่อนออกมาจากแหวนในนิ้วของเทียนเฉิน
และเมื่อยันต์สีแดงปรากฏขึ้นในมือของเทียนเฉินแล้ว ร่างของเขาก็หายวับไปจากบริเวณนั้นทันที ลูกไฟร้อนแรงที่พุ่งเข้าใส่ร่างของเทียนเฉินนั้น จึงกระแทกเข้ากับผืนดินว่างเปล่า และเกิดเป็นรอยไหม้บนพื้นให้เห็นอย่างชัดเจน แต่ไร้ซึ่งร่างของเทียนเฉิน
“นี่มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่?!”
หลังจากยืนนิ่งเงียบด้วยความตะลึงครู่ใหญ่ ในที่สุดชายหนุ่มก็เป็นฝ่ายรําพึงรําพันออกมาด้วยความงุนงง สายตาของเขาจับจ้องอยู่ที่จุดซึ่งร่างของเทียนเฉินนอนแน่นิ่งอยู่ก่อนหน้า
“จะเกิดอะไรขึ้นได้เล่า?!! พวกเราปล่อยให้เจ้าปีศาจร้ายนั่นหนีรอดไปได้แล้วน่ะสิ! จากนี้ไปจะต้องมีผู้คนตายภายใต้เงื้อมือของเขาอีกมากมาย..” เจ้าสํานักก่เอ่ยขึ้นพร้อมกับเงยหน้าขึ้นมองไปยังเมฆาที่ลอยล่องอยู่บนท้องนภา
“เจ้าไปแจ้งข่าวให้กับครอบครัวของศิษย์แต่ละคนรับรู้ด้วย..” ชายชราร้องสั่งเด็กหนุ่มที่ยืนอยู่ข้างกาย
หลงเฉินมิรู้ว่าตนเองรู้สึกอย่างไรเช่นกัน แต่เหตุการณ์ในครั้งนี้ ทําให้ภาพของเทียนเฉินในความทรงจําของเขานั้นเปลี่ยนไปโดยสิ้นเชิง เขากระโดดเข้าไปภายในสํานักดารา เพื่อที่จะตรวจสอบอย่างละเอียดอีกครั้ง แต่กลับกลายเป็นว่า เขามสามารถกระโดดลงไปได้ และภาพตรงหน้าก็ได้เปลี่ยนเป็นสีขาวทั้งหมด
หลงเฉินลืมตาตื่นขึ้นจากความฝัน และพบว่าร่างกายของตนนั้นเปียกชุ่มไปด้วยเหงื่อ แต่พลังบ่มเพาะของตนเองนั้นกลับแข็งแกร่งกว่าก่อนที่เขาจะหลับไหลไป
หลงเฉินเพิ่งรู้ตัวว่าตนเองได้ทะลวงเข้าสู่ขั้นที่เก้าอาณาจักรแก่นปราณทองคําได้แล้ว เขาหันไปมองรอบกายด้วยสีหน้างุนงง และพบว่าองค์หญิงหมิงยู่กําลังนั่งมองเขาด้วยสีหน้าประหลาดใจ
“เหตุใดเจ้าจึงจ้องมองข้าด้วยสายตาเช่นนั้นเล่า?” หลงเฉินเอ่ยถาม
“เมื่อครู่ท่านฝันเรื่องอะไร?! สีหน้าของท่านในยามหลับเปลี่ยนไปเปลี่ยนมาอยู่ตลอดเวลา..” องค์หญิงหมิงยู่เอ่ยถามด้วยน้ําเสียงอ่อนโยน
“ข้าฝันถึงสหายของข้า เขากําลังอาละวาด..” หลงเฉินเอ่ยตอบกลับไป
“ช่างเถิด.. ว่าแต่นี่กี่โมงที่ยามแล้วล่ะ?” หลงเฉินลุกขึ้นยืนพร้อมกับเอ่ยถามต่อ
“นี่เข้าสู่ยามเย็นแล้ว ท่านหลับไปนานมากทีเดียว!” องค์หญิงหมิงยู่เอ่ยตอบยิ้มๆ
“ในเมื่อเจ้ารู้สึกว่าข้าหลับไปนานเช่นนี้ เหตุใดจึงไม่ปลุกข้าเล่า?” หลงเฉินถามกลับ
“ข้าเห็นว่าท่านฝึกวรยุทธทั้งคืนแล้วน่ะสิ ข้าจึงมิกล้ารบกวนเวลาพักผ่อนของท่าน” องค์หญิงหมิงยู่จ้องมองหลงเฉินพร้อมกับเอ่ยตอบ
“คิดไม่ถึงว่าเจ้าจะเป็นคนละเอียดละออเช่นนี้! เอาล่ะ รอข้าอาบน้ําแต่งตัวประเดี๋ยว จากนั้นพวกเราค่อยออกไปสอบถามผู้คนแถวนี้ว่า มีผู้ใดรู้จักแคว้นเอสเทอเรียของเจ้าบ้าง..”
หลงเฉินหัวเราะคิกคักพร้อมกับร้องบอกหญิงสาว ก่อนจะเดินตรงไปที่ห้องอาบน้ํา
หลังจากนั้น หลงเฉินและองค์หญิงหมิงยู่ก็ได้เดินออกไปนอกโรงเตี้ยม..
“พวกเราจะไปที่ใดกันรึ?” องค์หญิงหมิงยู่เอ่ยถามหลงเฉินระหว่างที่เดินไปตามท้องถนน
“เจ้าเคยได้ยินชื่อศาลาเจียนตี้หรือไม่?” หลงเฉินเอ่ยถาม
“ข้ามิเคยได้ยินมาก่อนเลย มันคืออะไรงั้นรึ?” หญิงสาวตอบกลับทันที
“ที่นั่นเป็นหนึ่งในสามของหน่วยข่าวกรองชั้นนําเลยทีเดียว และมีสาขาอยู่ทั่วทุกเมืองเช่นเดียวกับหอโอสถศาลาเจียนตี้นี้เป็นความหวังเดียวของพวกเรา ที่จะสอบถามเรื่องแคว้นเอสเทอเรียของเจ้าอย่างไรล่ะ”
ไม่นานนัก ทั้งสองคนก็ได้มาถึงหน้าบ้านสีดําหลังหนึ่ง หลิงเฉินกับองค์หญิงหมิงยู่จึงได้เดินเข้าไปด้านใน
แต่เพียงแค่ก้าวเท้าเข้าไปก้าวแรก หลงเฉินก็สังเกตเห็นว่าบ้านทั้งหลังกลับว่างเปล่าไร้ผู้คน มีเพียงชายวัยกลางคนสวมใส่อาภรณ์สีเขียว ซึ่งกําลังนั่งอ่านตําราอยู่ด้านหลังโต๊ะเพียงผู้เดียวเท่านั้น เขาหันมามองหลงเฉินที่กําลังก้าวเดินเข้ามา
“ต้องการสอบถามข่าวคราวเรื่องใดงั้นรึ?” ชายวัยกลางคนเอ่ยถามขึ้น
“พวกเราต้องการมาสอบถามเรื่องที่ตั้งของแคว้นเอสเทอเรีย และต้องการขอซื้อแผนที่สําหรับเดินทางไปที่นั่นด้วย” หลงเฉินเอ่ยตอบชายผู้นั้น
“แคว้นเอสเทอเรียงั้นรึ? ข้าเองมิเคยได้ยินมาก่อนเลย เสียใจด้วย หน่วยของเรามิมีข้อมูลเรื่องนี้ ข้าคงจะช่วยอะไรเจ้าไม่ได้” ชายวัยกลางคนเอ่ยตอบหลงเฉินในทันที