อั่งเปาทะลุโลก (发个红包去未来 ) - ตอนที่ 385
บทที่ 385 การเชิญเข้างานรับรางวัล
อู่ฮาวเหรินไม่คิดว่าวันที่เขามาเข้าทํางานในวันถัดมา, จะมีคนจากสามองค์กรมารอคอยเขาอยู่แล้ว
นอกจากตัวแทนของเหรียญฟิลด์ กับรางวัลโนเบลแล้ว ยังมีตัวแทนของรางวัลวูลฟ์มาด้วย
ซึ่งจุดประสงค์ของตัวแทนทั้ง 3 นี่เหมือนกันทั้งหมดคือ, พวกเขาทั้งหมดต้องการที่จะเชิญเขาไปเข้างานรับรางวัล ซึ่งแค่การปรากฏตัวของตัวแทนรางวัลโนเบลเท่านั้นก็แสดงให้เห็นว่าเขาได้รับรางวัลโนเบลแล้ว
“สวัสดีครับคุณอู่, ผมชื่อว่ามาเจลแลน, ครั้งนี้ผมมาในฐานะตัวแทนขององค์กรรางวัลโนเบลครับ, ผมอยากจะขอเชิญคุณอู่ไปเข้าร่วมงานรับรางวัลโนเบลครับ, แล้วก็ผมอยากจะบอกคุณว่าพวกเราตั้งใจที่จะมอบรางวัลโนเบลสาขาการแพทย์ให้กับคุณ, ส่วนรางวัลโนเบลสาขาฟิสิกข์นั้นยังอยู่ในการคัดเลือกกันอยู่,จึงยังตกลงกันไม่ ได้ในตอนนี้ครับ”
ในเมื่อคนที่มานั้นสุภาพมาก, ถึงอู่ฮาวเหรินจะไม่สนใจรับรางวัล แต่ถ้าบอกไปแบบนั้นก็คงจะไม่ดี
“สวัสดี, คุณมาเจลแลน, ผมขอขอบคุณมากสําหรับการมอบรางวัลให้ผม, แต่ทว่าในปัจจุบันผมไม่มั่นใจว่าผมจะมีเวลาที่จะไปเข้าร่วมงานรึเปล่านะครับ ดังนั้นผมไม่สามารถรับประกันได้ว่าผมจะไปรึเปล่านะครับ”
“อ้อ, แล้วก็เรื่องของเงินรางวัลของผม, ผมอยากให้คุณบริจาคให้กับมูลนิธิช่วยเหลือเด็กนานาชาติครับ”จริงๆแล้ว, การคัดเลือกในปีนี้,กว่ารางวัลจะได้รับก็เดือนธันวาคมปีหน้า,นี่จึงเป็นการปฏิเสธโดยนุ่มนวลของอู่ฮ่าวเหริน
เมื่อมาเจลแลนได้ยินคําพูดของอู่ฮาวเหริน, ถึงแม้ว่าเขาจะยังมีรอยยิ้มบนใบหน้าของเขา แต่เขาก็คงจะรู้สึกอึดอัดอยู่ดี
ในอดีตที่ผ่านมา, ผู้คนต่างก็ตื่นเต้นเมื่อพวกเขาได้ยินว่าพวกเขาได้รับรางวัลโนเบล, แต่การตอบสนองของอู่ฮาวเหรินในวันนี้และการบอกว่าเขาไม่มีเวลาที่จะเข้าร่วมการรับรางวัลโนเบลนั้นทําให้เขารู้สึกผิดหวังเล็กน้อย
แต่ทว่า, มาเจลแลนนั้นก็รู้ดีเรื่องของสถานการณ์ในปัจจุบันของฟิวเจอร์กรุ๊ปดี, แต่ก็เรียกได้ว่าต้องมีความมั่นใจในตัวเองมากถึงจะพูดแบบนี้ได้
“ผมหวังว่าคุณอู่จะสามารถสละเวลามาเข้าร่วมนะครับ, ในงานรับรางวัลนั้น, พวกเราจะจัดการประชุมเพื่อแลกเปลี่ยนความคิดเห็นระหว่างนักวิทยาศาสตร์ด้วยกันซึ่งจะทําให้คุณอู่ได้รู้จักนักวิทยาศาสตร์ที่มีความสามารถคนอื่นอีกมากมายนะครับ”
ถึงแม้มาเจลแลนจะพูดด้วยน้ำเสียงเรียบๆ แต่อู่ฮาวเหรินก็พอจะรู้ความหมายที่ซ่อนอยู่
ซึ่งเหมือนจะบอกว่าถ้าเขาไม่ไปเข้าร่วม, เขาจะเสียโอกาสนะยังไงอย่างงั้น
อู่ฮาวเหรินก็ยิ้มและตอบกลับไป “ผมจะไปถ้าผมมีเวลานะครับ”
เมื่อเจอกับคําตอบของอู่ฮาวเหริน, มาเจลแลนก็ทําได้แค่ผงกหัวเท่านั้นและนั่งลงอย่างผิดหวังและไม่ได้พูดอะไรออกมา
“สวัสดี, คุณอู่ฮาวเหรินครับ,ผมชื่อว่าคาร์เตอร์ครับ,ในครั้งนี้ผมมาในฐานะของสมาพันธ์คณิตศาสตร์ระหว่างประเทศครับ,ผมอยากที่จะเชิญคุณไปเข้าร่วมงานรับรางวัลเหรียญฟิลด์ด้วยครับยินดีด้วยนะครับคุณอู่,จากการวิจัยเรื่อง AI,ของบริษัทของคุณอู่นั้นทําให้ประสบความสําเร็จในครั้งนี้ครับ”
เมื่อเทียบกับคําพูดที่สุภาพของมาเจลแลน, น้ำเสียงของคนๆนี้ฟังดูหยิ่งๆกว่า, ทําให้คนที่ได้ฟังรู้สึกไม่ค่อย ดีเท่าไร, ราวกับว่าการที่พวกเขามอบรางวัลให้กับฟิวเจอร์กรุ๊ปนั้นเป็นรางวัลที่ยิ่งใหญ่มาก
“คุณคาร์เตอร์ครับ เดี๋ยวผมจะให้คนในแผนกวิจัยคอมพิวเตอร์ของบริษัทผมไปรับรางวัลแทนนะครับ, ส่วน ตัวผม, ผมคิดว่าผมคงไม่สามารถไปเข้าร่วมงานรับรางวัลได้หรอกครับ”
“คุณอู่, ผมคิดว่าคุณควรจะสละเวลามาเข้าร่วมงานนะครับ เพื่อที่ทั้งคุณและบริษัทของคุณจะได้เป็นที่รู้จัก ของกลุ่มนักคณิตศาสตร์, รางวัลเหรียญฟิลด์นี้จะตกเป็นของบริษัทของคุณ ผมได้ยินมาว่าในตอนแรกมันติด อุปสรรคใหญ่อยู่, เพราะมีบางคนในสมาพันธ์คณิตศาสตร์ที่ไม่เห็นด้วยที่จะยกความดีความชอบเรื่องของ AL. ให้ กับบริษัทของคุณน่ะครับ”
คําพูดทิ้งท้ายของคนๆนี้ทําให้อู่ฮาวเหรินถึงกับพูดอะไรไม่ออก, นี่เขาคิดจริงเหรอว่าบริษัทฟิวเจอร์กรุ๊ปนั้น จะสนใจรางวัลนี้จริงๆ
“คุณคาร์เตอร์, บริษัทของผมและตัวแทนไม่ต้องการการยอมรับจากสมาพันธ์คณิตศาสตร์หรอกครับ, ถ้า พวกเขาคิดว่ารางวัลนี้ไม่ควรที่จะมอบให้บริษัทของเราแล้ว, จะยกเลิกการให้รางวัลของผมไปเลยก็ได้นะครับ ผมคิดว่าบริษัทฟิวเจอร์กรุ๊ปของผมนั้นไม่จําเป็นต้องการชื่อเสียงแบบนี้หรอกครับ”
คาร์เตอร์นั้นไม่คิดว่าอู่ฮาวเหรินนั้นจะสวนกลับมาแบบนี้ เขาจึงนั่งลงแบบเงอะงะและไม่รู้ว่าจะตอบอะไรดี
มาเจลแลนซึ่งนั่งอยู่ข้างๆเขาก็มองเขาด้วยสีหน้าแปลกๆ, เพราะเขาเองก็ไม่คิดว่าชายคนนี้จะพูดด้วย ท่าทางที่หยิ่งยะโสแบบนั้น
มาเจลแลนรู้สึกสับสน, ไม่ใช่ว่าเขาบอกเองเหรอไปแล้วเหรอว่าสมาพันธ์คณิตศาสตร์ระหว่างประเทศเป็นค นสั่งให้เขามาที่นี่น่ะ แล้วทําไมเขาที่พูดกับฟิวเจอร์กรุ๊ปด้วยท่าทีแบบนั้นกันนะ
คาร์เตอร์พูดอะไรไม่ออก, แต่ก็ไม่ได้พูดอะไรออกไป, เพราะเขาเชื่อว่าอู่ฮาวเหรินนั้นจะต้องรู้สึกผิดกับสิ่งที่ เขาพูดในวันนี้
และคนสุดท้าย, แอนนา ก็พบว่าบรรยากาศในตอนนี้เหมือนจะไม่ถูกต้อง “คุณอู่ฮาวเหรินคะ, ดิฉันเป็นตัว แทนขององค์กรรางวัลวูลฟ์, ถ้าคุณไม่สะดวกที่จะมาเข้าร่วมงานของพวกเรา คุณจะส่งใครมาเข้าร่วมงานนี้ก็ได้ นะคะ, แต่แน่นอนว่า มันจะเป็นเกียรติมากถ้าคุณจะมาเข้าร่วมงานของพวกเรานะค่ะ”
เมื่อได้ยินที่แอนนาพูด, อู่ฮาวเหรินก็เกือบจะหัวเราะออกมา, เพราะความแตกต่างมันมากเกินไป, และสิ่งที่ เธอพูดนั้นมันขัดกับสิ่งที่คาร์เตอร์พูดอย่างเห็นได้ชัด
สีหน้าของคาร์เตอร์ถึงกับบูดเบี้ยวและหันไปมองแอนนา แต่ก็ไม่ได้พูดอะไรออกมา
ดูท่าพวกเขาจะเป็นศัตรูกัน, ซึ่งเหมือนจะเห็นเรื่องแบบนี้ได้ในทุกวงการจริงๆ
“ถ้างานมอบรางวัลของคุณจะมาจัดขึ้นที่ในจีน, ผมจะเข้าร่วมอย่างแน่นอน, แล้วก็ เดี๋ยวผมจะจัดหาเรื่องพื้น ที่และอุปกรณ์ให้ครับ”
“คุณอู่คะ, ข้อเสนอของคุณนั้นดีมากเลยค่ะ, งั้นดิฉันจะกลับไปแจ้งกับทางองค์กรเมื่อดิฉันกลับไปถึงที่นั่น แล้วนะคะ” แอนนาตอบกลับมาอย่างยินดี
หลังจากที่ส่งคนพวกนี้กลับไป,หวังหลานก็ได้เข้ามาหาอู่ฮาวเหรินและพูดขึ้น”ท่านประธานคะ,ฉันคิดว่าต่อไปบริษัทของพวกเราจะต้องเป็นข่าวใหญ่อีกแน่ๆค่ะ”
“ฮ่าๆ, อาจจะนะ”
หลังจากที่ทั้งสามคนกลับไปยังองค์กรของพวกเขาและได้รายงานเรื่องในวันนี้
ไม่มีการตอบสนองอะไรจากทางด้านของรางวัลโนเบล,เพราะเคยมีผู้ที่ปฏิเสธรางวัลโนเบลมาก่อนแล้ว,จึงเป็นเรื่องปกติที่จะมีคนที่ไม่เข้าร่วมงานรับรางวัลนี้
พวกเขาแค่จะมอบรางวัลให้กับผู้คนที่เสียสละอย่างใหญ่หลวงให้กับโลก,ดังนั้นจึงไม่มีผลอะไรกับพวกเขาถ้าคนๆนั้นจะไม่มารับรางวัลนี้
จากการรายงานเรื่องนี้ของคาร์เตอร์จากสมาพันธ์คณิตศาสตร์ระหว่างประเทศซึ่งแน่นอนว่าไม่เป็นมิตรเท่าไรนัก,โดยเฉพาะพวกนักคณิตที่เคยต่อต้านการมอบรางวัลให้ฟิวเจอร์กรุ๊ปนั้น,จึงได้เรียกร้องให้ยกเลิกการมอบรางวัลให้ฟิวเจอร์กรุ๊ป
ดังนั้นพวกเขาจึงได้เริ่มหารือว่าจะยกเลิกการมอบรางวัลให้ฟิวเจอร์กรุ๊ปหรือไม่
ส่วนทางด้านของวูลฟ์, จากการรายงานของแอนนาทําให้องค์กรรางวัลวูลฟ์นั้น ตื่นเต้นกันเล็กน้อย
ซึ่งส่วนใหญ่แล้วเงินรางวัลเหล่านี้ได้รับการสนับสนุนมาจากบริษัทและเศรษฐี,ยิ่งไปกว่านั้นทางด้านชื่อเสียงของรางวัลวูลฟ์นั้นก็ไม่ได้ยิ่งใหญ่อะไรเมื่อเทียบกับเหรียญฟิลด์
ถ้าพวกเขาสามารถร่วมมือกับฟิวเจอร์กรุ๊ปได้ด้วยชื่อเสียงในปัจจุบันนั้น,พวกเขาเชื่อว่ารางวัลวูลฟ์นั้นจะต้องดึงดูดความสนใจจากคนทั่วโลกได้แน่
ทางด้านของฟิวเจอร์กรุ๊ปนั้น,อู่ฮาวเหรินคิดว่าไม่น่าจะมีเรื่องอะไแล้ว,ทันทีที่เขาได้เข้าห้องแล็บเขาก็ได้ยินว่ามีรางวัลเทคโนโลยีคอมพิวเตอร์ของอเมริกาและรางวัลทัวริงมาเสนอให้ฟิวเจอร์กรุ๊ป
คนเหล่านี้ดูเหมือนจะมาหาเขาหลังจากที่หารือกันมาก่อนแล้วเลย,ซึ่งเขาไม่รู้ว่าข่าวนี้หลุดออกมาหรืออ ย่างไร เพราะในวันเดียวนั้น,เขาได้รับอีเมล์รับรางวัลมากกว่า 10 ฉบับ
“ท่านประธานคะ, ถ้าคุณได้รับรางวัลรางวัลพวกนี้ทั้งหมด,ห้องออฟฟิศของคุณต้องมีที่วางไม่พอแน่ๆเลยค่ะ”หวังหลานพูดติดตลก
อู่ฮาวเหรินส่ายหัว, มองดูอีเมล์และพูดขึ้น”ถ้ามีเวลาก็จะไปรับรางวัลพวกนี้ละกัน,แต่ว่ารางวัลพวกนี้ไม่มีค่าอะไรในฟิวเจอร์กรุ๊ปอยู่แล้ว”
หวังหลานผงกหัว, มันเป็นตามที่อู่ฮาวเหรินว่าจริงๆ,ด้วยชื่อเสียงของฟิวเจอร์กรุ๊ปในโลกตอนนี้แล้วรางวัลพวกนี้ไม่ต่างอะไรไปกับน้ำตาลโรยหน้าบนขนมเค้กเท่านั้น
ยิ่งเรื่องของเงินรางวัลด้วยแล้ว,ยิ่งไม่เป็นที่ดึงดูดใจของฟิวเจอร์กรุ๊ปเลย
ชื่อเสียงและเงินทองไม่ได้มีความสําคัญอะไรกับอู่ฮาวเหรินในตอนนี้
ในเวลานี้, สิ่งที่เขาต้องการจริงๆคือการคิดว่าจะต้องทําอย่างไรถึงจะพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีของโลกได้
หลายวันมานี้, มีบางสิ่งที่เขาได้เรียนรู้มาจากระบบซองแดงทําให้อู่ฮาวเหรินนั้นอยากที่จะออกต่อดวงดาวมากขึ้น,แต่น่าเสียดายที่เทคโนโลยีในปัจจุบันนั้นมันเป็นไปไม่ได้เลยที่เขาจะสามารถไปได้ถึงสหพันธ์แห่งดวงดาวได้
ยิ่งไปกว่านั้น,จากสภาพของมนุษยชาติในปัจจุบัน,ต่อให้เขาสามารถไปถึงสหพันธ์จักรวาลได้,ก็คงจะไม่เป็นที่ยอมรับของอารยธรรมต่างๆ,พวกเขาจะมองพวกเราเป็นแค่ชนพื้นเมืองบนดาวที่ยังไม่เจริญเท่านั้น