ภาพเทพอสูรบรรพกาล : Archean Eon Art - ตอนที่178
ตอนที่178 ถูกล้อม
เจ้าวังเฮ้ยฉ่ยมองไปยังชายหนุ่มในชุดที่ขาดรุ่งริ่งและเกราะในที่แตกหัก “ทําได้ดี ทําได้ดี” เจ้าวังเฮ่ยนุ่ยเต็มไปด้วยความโกรธเกรี้ยว ตอนแรกเขาคิดว่าจางหวินเฟิงนั้นเป็นภัยที่สุด แต่ว่าตอนนี้เขารู้สึกว่าเม็งชวนเป็นภัยมากกว่า! หากมีเมิ่งชวนอยู่ เทพอสูรจะได้เปรียบอย่างมาก พวกเขาสามารถสู้และหนี้ได้ตามใจต้องการ กระทั่งจับเขาไว้ก็ยังได้ เขาไม่มีทางแก้ปัญหานี้เลยแม้แต่น้อย
“แค่รั้งมันไว้ก็พอ” จางหวินเฟิงกล่าวผ่านกระแสจิต “หากมีศิษย์น้องเมิ่งอยู่ด้วย เขาจะไม่มีทางทําอะไรข้าได้หรือหนีไปจากเขตแดนข้าได้อย่างแน่นอน”
“ถ้าเป็นเช่นนั้น มันก็ทําอะไรเทพอสูรคนอื่นๆไม่ได้เช่นกัน” หยางฟางพยักหน้า
“เทพอสูรมหาสุริยันเช่นเจ้าทั้งสามต้องการจะจับข้าไว้รึ?” เสียงของเจ้าวังเฮ่ยนุ่ยดังก้อง “ก็ได้ ข้าจะยอมเล่นด้วย”
เจ้าวังเฮ่ยนุ่ยยืนอยู่ที่เดิม แต่ว่าหางงูของเขาที่ยาวกว่าสิบปิ้ง ก็ฟาดออกมาด้วยพละกําลังอันมหาศาล
ครีน!
พื้นดินข้างใต้แยกออกจากกัน เผยให้เห็นหลุมลึกที่ยาวกว่าสิบจัง หลุมนั้นลึกประมาณเจ็ดถึงแปดริ้ว ข้างใต้นั้นมีอุโมงค์อยู่! มนุษย์นับร้อยที่อยู่ในอุโมงค์นั้นตายไปเพราะแรงกระแทกเลือดสาดกระเซ็นไปทั้งอุโมงค์
“รั้งข้าไว้ต่อไปส” หางงูของเจ้าวังเฮ่ยนุ่ยยังคงฟาดลงไปในอีกที่ เช่นเดียวกัน มันส์รางหลุมลึกกว่าสิบจิ้งขึ้น เผยให้เห็นอุโมงค์ที่อยู่ข้างใต้และเช่นเดียวกัน มนุษย์ที่อยู่ในนั้นก็ตายไปเพราะแรงกระแทก ประชากรของรัฐเจียงนั้นค่อนข้างหน้าแน่น ปกติแล้วครอบครัวนับสิบจะหลบอยู่ในอุโมงค์ขนาดใหญ่ อุโมงค์เหล่านี้ถูกซ่อนไว้อย่างดี เป็นเรื่องยากที่อสูรชั้นต่ําจะหาเจอ ในขณะที่ราชาอสูรต้องพยายามหา ส่วนเจ้าวังเฮ่ยนุ่ยสามารถสัมผัส ได้ถึงกระแสพลังของมนุษย์ผ่านเขตแดนแก่นสารแห่งจิตของมัน
ราชาอสูรธรรมดาต้องใช้สองสามวินาทีเพื่อจะทะลวงเข้าสู่อุโมงค์ แต่ว่าการโจมตีธรรมดาๆของราชาอสูรระดับสี่สามารถแยกพื้นดินและสังหารมนุษย์ที่อยู่ข้างในนั้นได้ทั้งหมด
เพียงชั่วพริบตา หางงูนั้นก็ฟาดออกมาอีกสองครั้ง ทําลายอุโมงค์ที่อยู่ใกล้ๆไปอีกสองแห่ง
“ข้าจะสังหารทุกอย่างในพื้นที่นี้ ข้าอาจสังหารไปเป็นร้อยเป็นหมื่น ไม่ก็เป็นแสนเลยก็ได้” เจ้าวังเฮ่ยนุ่ยจ้องเทพอสูรทั้งสามอย่างเย็นชา “ขังข้าไว้สิ”
แววตาของเมิ่งชวน จางหวินเฟิงและหยางฟางระอุไปด้วยความแค้นเมื่อได้เห็นดังนั้น การที่ได้เห็นมนุษย์ถูกสังหารต่อหน้านั้นทําให้พวกเขารู้สึกว่าเป็นเทพอสูรที่ไร้ประโยชน์!
“บ้าเอ๊ย” แววตาของจางหวินเฟิงและเมิ่งชวนแดงก่ํา ในขณะที่หยางฟางที่ดูโกรธเกรี้ยวมากที่สุดก็ตะโกนออกมา “อสูรฟ้า ตาย!” เขาถือขวานขนาดใหญ่ทั้งสองขณะพุ่งออกไป
“ฮ่าๆ…” เจ้าวังเฮ่ยฉุยขยับออกไปไกลหลายสิบจัง หางยาวของเขาฟาดลงพื้นอีกครั้ง พื้นแยกออกและมีมนุษย์อีกนับร้อยที่ตายไป
“มาสู้กับข้าซะดีๆ!” หยางฟางคํารามพร้อมกับพลังที่พุ่งพรวด ความเร็วของเขาเพิ่มขึ้นอย่างมหาศาลและพุ่งเข้าใส่เจ้าวังเฮ่ยฉัยที่ถูกเขตแดนกดดันอยู่
“วิชาต้องห้ามเทพอสูร?” เจ้าวังเฮ่ยนุ่ยไม่หยุด เขาถือเข็มวารีในมือทั้งสองข้างและเผชิญหน้ากับหยางฟาง
ตูมๆๆ!
ในตอนที่ทั้งคู่ปะทะกัน เจ้าวังเฮ่ยนุ่ยกระเด็นไปทางด้านหลัง เพียงเขาขยับหางงู เขาก็เปลี่ยนทิศทางและหลบการโจมตีอันน่าสะพรึงของหยางฟางไปได้
“มานี่!” หยางฟางโกรธจัด เขาเร็วมาก อีกทั้งการโจมตีก็ยังเร็วมากขึ้นไปอีก เจ้าวังเฮ่ยนุ่ยไม่กล้าจะปัดป้อง การโจมตี และถูกกดดันโดยสิ้นเชิง
“ไม่ดีแล้ว ความเร็วและวิชาการเคลื่อนไหวของมันเพิ่มขึ้น ยิ่งไปกว่านั้นมันยังแข็งแกร่งกว่าก่อนหน้านี้อีก สีหน้าของเจ้าวังเฮ่ยฉัยเปลี่ยนไป เมื่อหยางฟางใช้วิชาต้องห้ามเทพอสูร เจ้าวังเฮ่ยฉุยถูกหยางฟางและเขตแดนของจางหวินเฟิงกดดันโดยสิ้นเชิง
จางหวินเฟิงคอยคุมสถานการณ์อยู่ไกลๆ เมื่อเห็นดังนั้นเขาก็ส่งกระแสจิตออกไปทันที “ศิษย์น้องเมิ่งๆ พวกเรามีโอกาสที่จะสังหารเจ้าวังเฮ่ยนุ่ยได้ ทําตามที่ข้าบอก”
ในตอนที่หยางฟางโจมตีด้วยขวานอีกครั้งนั่นเอง
ตูม!
เจ้าวังเฮียลุ่ยรู้สึกได้ถึงแรงกดดันในเขตแดนของจางหวินเฟิงเพิ่มขึ้นอย่างมหาศาล แรงกดดันนี้นั้นทรงพลังมาก ภายใต้แรงกดดัน พละกําลังของเจ้าวังเฮ่ยนุ่ยลดลงอย่ามากอีกครั้ง จนเหลือแค่เพียงสามส่วนจากพละกำลังปกติ
“ตาย!” จางหวินเฟิงคํารามด้วยความโกรธเกรี้ยว พบัวเพิ่มมากขึ้นในขณะที่ผิวหนังเปลี่ยนเป็นสีแดง เขาเองก็ใช้วิชาต้องห้ามเทพอสูร ทําให้แรงกดดันของเขตแดนเพิ่มมากยิ่งขึ้นไปอีก
ไม่ดีแล้ว” ในทันทีที่แรงกดดันเพิ่มขึ้น เจ้าวังเฮ่ยนุ่ยก็ไม่ทันตั้งตัว หยางฟางที่ใช้วิชาต้องห้ามก็ฟาดขวานลงไปแล้วพอดี การโจมตีนี้หมายจะเอาชีวิตเจ้าวังเฮ่ยนุ่ย!
เจ้าวังเฮ่ยนุ่ยสัมผัสได้ถึงความตายที่เข้ามาเยือน ไม่มีเวลาแม้แต่จะใช้วิชาต้องห้าม ในช่วงเวลาแห่งความเป็นความตายเช่นนี้ เขาสะบัดหางจนเกิดเป็นภาพติดตาเข้าใส่ขวาน
ฉับ!
เลือดสาดกระเซ็นไปทั่วบริเวณ
หางขนาดยักษ์กระเด็นออกไป สีหน้าของเจ้าวังเฮ่ยนุ่ยซีดลงในทันที หางเกินครึ่งถูกตัดขาด ทําให้ชิ้นส่วนหางที่เหลืออยู่กระตุกไปมา
ปัง! เจ้าวังเฮ่ยฉัยใช้วิชาต้องห้าม ทําให้พลังเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว
“ต้องหนีแล้ว! หลังจากใช่วิชาต้องห้าม เจ้าวังเฮ่ยนุ่ยไม่สนใจอะไรอีกต่อไปและมุ่งหน้าเพื่อจะหนี
“หนี้รึ?” หยางฟางตะโกนและตามไป จางหวินเฟิงเองก็ไล่ตามไปเช่นกัน
อย่างไรก็ตาม หลังจากใช้วิชาต้องห้ามไป พละกําลังของเจ้าวังเฮ่ยนุ่ยนั้นเพิ่มขึ้นอย่างมหาศาล แม้เขตแดนจะทรงพลัง แต่เขาก็ยังมีความเร็วประมาณแปดถึงเก้าส่วนของความเร็วปกติ ความเร็วเช่นนั้นนั้นไวกว่าหยางฟางและจางหวินเฟิงมาก นั่นเป็นเพราะทุกอย่างที่เพิ่มระดับขึ้นหลังจากไปถึงระดับสี่
ส่วนหยางฟางและจางหวินเฟิงนั้น พวกเขาต่างแข็งแกร่งในบางจุด และต้องสังเวยความเร็วเพื่อความเชี่ยวชาญในจุดๆนั้น
ตูมๆๆ!
เจ้าวังเฮียลุ่ยรู้สึกได้ในทันทีว่ามีลําแสงกระบี่ฟาดเข้าใส่เขา
“เมิ่งชวน เจ้าไม่เป็นอันตรายกับข้าเลยสักนิด!” เจ้าวังเฮ่ยฉัยมั่นใจ เขาไม่ต้องการจะโจมตีในระหว่างหลบหนี เพราะมันจะส่งผลต่อความเร็วเขา เขาตัดสินใจว่าจะใช้พลังอสูรเพื่อป้องกันการโจมตี! นั่นเพราะเขารู้สึกว่าลําแสงกระบี่เหล่านั้นอ่อนแอเกินกว่าจะเป็นภัยต่อเขา
เมื่อล่าแสงกระบี่ฟันเข้าใส่เจ้าวังเฮ่ยนุ่ย มันก็ไม่ทําอันตรายแก่เขา แต่ว่ามันทําให้พลังทําลายล้างของหยินหยางเข้าสู่ร่างกาย หางของเจ้าวังเฮ่ยนุ่ยถูกตัดออกไป ดังนั้นเมื่อพลังหยินหยางระเบิดออกในร่างกายของเขา เลือดก็ทะลักออกมาจากหางที่ขาดนั้น แรงระเบิดนั้นทําให้เจ้าวังเฮ่ยนุ่ยช้าลงมหาศาล
หยางฟางตามทันอย่างรวดเร็ฑ์
“ตาย!” หยางฟางโจมตีตามเมิ่งชวนด้วยขวาน
ปังๆๆ!
เจ้าวังเฮ่ยนุ่ยที่ใช้วิชาต้องห้ามมีพละกําลังเพียงแปดถึงเก้าส่วนจากปกติภายใต้เขตแดนของจางหวินเฟิง ส่วนหยางฟางนั้นมีพละกําลังที่มากกว่าปกติ
ถึงการจู่โจมจะไม่เหมือนก่อนหน้านี้แต่การที่สามารถตัดหางได้ในการโจมตีเพียงหนึ่งครั้ง ก็ทําให้เขาถูกกดดันโดยสิ้นเชิง
“รับนไป! ตายๆๆๆ!” หยางฟางเริ่มคลั่ง
เจ้าร่างอสูรกายาทรงพลังแข็งแกร่งเกินไป ข้าทนได้ไม่นานแน่ เป็นเพราะเขตแดนนี้ทั้งนั้นเลย เขตแดนนี้สะกดพลังของข้าไว้เกินครึ่ง” เจ้าวังเฮ่ยนุ่ยเคร่งเครียด
จางหวินเฟิงและหยางฟางนั้นเป็นหนึ่งในเทพอสูรมหาสุริยันที่แข็งแกร่งที่สุดของเขาหยวน เมื่อพวกเขาร่วมมือกัน ผลลัพท์ที่ได้ก็จะออกมางดงามเพราะความแข็งแกร่งของพวกเขาที่สนับสนุนกัน! ในจังหวะนั้น พวกเขาไม่สนชีวิตและใช้วิชาต้องห้ามเทพอสูร ทําให้เจ้าวังเฮ่ยนุ่ยเผชิญกับสถานการณ์ที่ยากลําบาก
เจ้าวังเฮ่ยนุ่ยรับการโจมตีได้ห้าครั้งได้อย่างยากลําบาก เขาหลบหนีออกจากการโจมตีของหยางฟางอย่างยากเย็นและหนีต่อไป
ซุ่มๆๆ!
ลําแสงกระบี่นับสิบพุ่งเข้าใส่เจ้าวังเฮ่ยนุ่ย
เมื่อเห็นลําแสงกระบี่ที่พุ่งเข้ามา เจ้าวังเฮียลุ่ยก็ต้องใจสั่น เขาได้แต่ตะโกนออกมาด้วยความโกรธเกรี้ยว “เมิ่งชวน ถ้าเจ้ากล้าพอก็มาสู้กับข้าตรงๆ!” คราวนี้เขาไม่รับลําแสงกระบี่ด้วยร่าง แต่เขาผสานพลังอสูรเข้ากับ เข็มวารีเพื่อป้องกันลําแสงกระบี่ แต่ว่าการทําเช่นนั้นทําให้เขาชลง จึงทําให้หยางฟางมีโอกาสตามมาทัน
“หากข้าไม่จัดการเมิ่งชวน ข้าหนีไม่รอดแน่” เจ้าวังเฮ่ยนุ่ยเข้าใจในจุดนี้ แม้เขาจะสามารถป้องกันลําแสงกระบี่ของเมิ่งชวนได้ เมิงชวนก็สามารถแบกหยางฟางไปด้วยด้วยวิชาต้องห้ามได้อยู่ดี
แต่เขาจะจัดการกับเมิ่งชวนอย่างไรนั้น เขาคิดไม่ออกเลย เจ้าวังเฮ่ยนุ่ยรู้สึกว่าเทพอสูรทั้งสามอาจจะเอาชนะเขาได้จริงๆ