ภาพเทพอสูรบรรพกาล : Archean Eon Art - ตอนที่ 177
ตอนที่ 177 เผชิญหน้า
เจ้าวังเฮยฉัยมองดูเทพอสูรมหาสุริยันทั้งสามจากไกลๆและรู้สึกขบขัน เขาอดใจไม่ได้ที่จะส่งเสียงหัวเราะเบาๆออกมาและพูด “นิกายอสูรฟ้าของเราหลบซ่อนอยู่ตลอดช่วงเวลาที่ผ่านมาทําให้อสูรฟ้าระดับสี่เช่นพวกข้าไม่ได้แสดงพลัง นั่นทําให้พวกเจ้าทั้งสามหลงละเมอไปหรืออย่างไรว่าจะเอาชนะข้าได้ในการปะทะ?”
ทั้งสามคนยังคงระมัดระวังตัว
“นั่นเจ้าวังเฮ่ยนุ่ย” จางหวินเฟิงกล่าวผ่านกระแสจิต “เราลองดูได้
“เทพอสูรจากทางเขตตะวันออกมากมายตายไปในการต่อสู้มากกว่าเขตอื่นรวมกัน ดังนั้นต้องแน่นอนอยู่แล้วที่จะมีอสูรฟ้าระดับสี่หลบซ่อนอยู่ที่นี่” แววตาของหยางฟางเปี่ยมไปด้วยจิตสังหาร เขาเป็นเพียงเทพอสูรมหาสุริยันจากเขาหยวนชูที่ฝึกร่างอสูรกายาทรงพลัง และอยู่ในเขตแดนแห่งเจตจํานงเพียงเท่านั้น ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ไม่มีผู้ใดในระดับมหาสุริยันสามารถเอาชนะเขาในเรื่องพละกําลังได้ ในตอนนี้ เขารู้สึกคันไม้คันมือที่จะสู้กับอสูรฟ้าระดับสี่ “ศิษย์พี่จางขอให้ข้าได้สู้กับมันตรงๆ! ข้าไม่กลัวที่จะประมือกับมัน”
“ระวังตัวด้วย ไม่ว่าอย่างไรมันก็เข้าถึงเขตแดนแห่งเต่ขั้นสูงแล้ว” เมิ่งชวนกล่าว “การเคลื่อนไหวของมันนั้นยอดเยี่ยมมากมันสามารถทําลายวิชากระบี่ของข้าได้ในการแลกเปลี่ยนกระบวนท่าเพียงครั้งเดียว”
ในขณะที่ทั้งสามคนกําลังศัยกัน เจ้าวังเฮ่ยนุ่ยที่อยู่ไกลๆก็ขยับตัว
ฟุบ
ร่างของเจ้าวังเฮ่ยนุ่ยพร่ามัวในขณะที่เขาพุ่งเข้าใส่ทั้งสามคนในฐานะผู้นําของหนึ่งในสายวิชาของนิกายอสูรฟ้าทั้งเจ็ดเขาจะหนีเมื่อเผชิญหน้ากับเทพอสูรมหาสุริยันเพียงสามคนได้อย่างไร! เขาเพียงแค่ต้องสังหาร เท่านั้น!
“มันมาแล้ว” จางหวินเฟิงออกคําสั่งในทันที “ข้าจะกดพลังมันไว้อย่างเต็มกําลัง น้องเมิ่ง เราจะทําตามแผน ของเจ้าน้องหยาง เอาเลย!”
“อืม” เมิ่งชวนและหยางฟางพยักหน้า
หยางฟางหรี่ตาดูเจ้าวังเฮยฉัยที่เปลี่ยนดูพร่ามัว เขาหยิบขวานสองอันที่อยู่บนหลังออกมาพร้อมกับปล่อยพลังปราณและถือไว้ในมือทั้งสองข้าง! ใบขวานนั้นค่อนข้างจะใหญ่ และขวานทั้งสองอันนั้นก็ดูราวกับโล่ขนาดใหญ่เมื่อถืออยู่ตรงหน้า
“ศิษย์พี่จาง ศิษย์น้องเมิ่ง ช่วยระวังให้ข้าด้วย” ความมุ่งมั่นของหยางฟางพุ่งขึ้นในขณะที่เขาก้าวไปข้างหน้า และกระทืบลงพื้นร่างของเขาดูพร่ามัวในขณะที่พุ่งเข้าใส่เจ้าวังเฮ่ยนุ่ย
เจ้าวังเฮ่ยนุ่ยและหยางฟางปะทะกันในชั่วพริบตา
ฟุบ
พลังที่พุ่งพล่านในร่างของหยางฟางรวมกันที่มือขวา เขายกขวานขนาดยักษ์ในมือขวาขึ้นก่อนจะฟาดลงมา!
การโจมตีนี้ก่อให้เกิดแสงสีแดงสว่างจ้า! กระบวนท่านี้หลอมรวมพละกําลังและวิชาเข้าด้วยกันอย่างสมบูรณ์ แบบกระทั่งภูเขาก็ยังถูกแยกออกได้ แต่ว่าเจ้าวังเฮยฉัยมั่นใจและไม่สนอะไรมาก เจ้าวังเฮยฉุยถือเข็มวารีในมือทั้งสองข้างและยกขึ้นมากันขวานนั้น
ในตอนนั้นเอง
จางหวินเฟิงที่แข็งแกร่งในด้านเขตแดน ก็ปล่อยเขตแดนออกมาอย่างเต็มกําลัง ในฐานะเทพอสูรมหาสุริยันเพียงคนเดียวจากทั้งสามคนที่มีเขตแดนวิชาเทียบเท่ากับเจ้าวังเฮยฉัย พลังของเขตแดนจึงไม่ใช่อะไรที่จะดูถูกได้ เขาใช้พลังเพียงห้าส่วนในตอนแรกเพื่อที่จะหลอกศัตรู
ในจังหวะนั้นเอง เขาใช้พลังที่มีทั้งหมด ทําให้พลังกดดันของเขตแดนเพิ่มขึ้นอย่างมหาศาล!
ไม่ดีแล้ว เจ้าวังเฮ่ยนุ่ยสัมผัสได้ถึงแรงกดดันของเขตแดนที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว โดยที่ไม่ทันได้คิดอะไรขวานของหยางฟางก็ฟันเข้าใส่เข็มวารีทั้งสองของเจ้าวังเฮ่ยนุ่ย แรงกระแทกมหาศาลทําให้ร่างของเจ้าวังเฮียนุ่ยจมลงไปในดิน พื้นที่สิบจิ้งรอบๆตัวเจ้าวังเฮ่ยนุ่ยยุบลงไปเกือบหนึ่งจิ้งหลังการกระแทก
“ตาย!” หยางฟางดุดันมากขึ้นกว่าเดิม หลังจากฟาดขวานลงไป เขาก็ฟาดขวานอีกเล่มในมือซ้ายลงไป
ฟูม
ร่างที่พร่ามัวกระพริบก่อนที่เข็มวารีจะกันขวานเอาไว้ เจ้าวังเฮ่ยนุ่ยรีบเก็บกําลังและล่าถอยอย่างรวดเร็ว
เจ้าวังเฮ่ยนุ่ยเช็ดเลือดออกจากมุมปากและยิ้มให้กับหยางฟางก่อนจะมองไปที่จางหวินเฟิงและเมิ่งชวน “พวกเจ้าเล่ห์เหลี่ยมเยอะเสียจริงนะเขตแดนของเฟิงโหวเทพอสูรหลายคนยังไม่แข็งแกร่งเท่าพวกเจ้าเลย เขตแดนของเจ้าส่งผลต่อข้ามาก” เจ้าวังเฮ่ยนุ่ยกล่าวและมองไปยังจางหวินเฟิง จากนั้นเขาก็กวาดสายตามองไปที่ หยางฟาง “พลังของร่างอสูรกายาทรงพลังก็มากกว่าที่ข้าคิดไว้เสียอีกยังมีเจ้าเมิ่งชวนอีก…เจ้าวิ่งหนีเก่งเพียง อย่างเดียวสินะไม่ลองโจมตีใส่ข้าล่ะ? เขตแดนนี้กําลังกดดันข้าอยู่เลย”
เมิ่งชวนที่ยืนอยู่ไกลไม่สนใจเขา
ในการต่อสู้เสี่ยงเป็นเสี่ยงตายเช่นนี้ เขาต้องมีเหตุผลและนิ่งสงบ! เขารู้ว่าจะใช้กําลังอย่างไรและเลี่ยงการใช้ข้อบกพร่อง แม้เขตแดนนั้นจะกําลังกดดันเจ้าวังเฮ่ยนุ่ยอยู่ แต่หากเขาเข้าปะทะในระยะประชิดเจ้าวังเอ่ย นุ่ยคงจะใช่วิชาต้องห้ามเพื่อโจมตีใส่เขาอย่างเต็มที่ และนั่นจะเป็นอันตรายมาก
“ขี้ขลาดเหลือเกิน นอกจากเจ้านั่น ก็ไม่มีพวกเจ้าคนไหนกล้าสู้กับข้า” เจ้าวังเฮ่ยนุ่ยมองไปที่หยางฟาง “เจ้าอสูรกายาทรงพลังคิดว่าจะเอาชนะข้าได้?”
เมื่อพูดจบก็มีหางงูยาวงอกออกมาจากกันกบ
ฟุบ
เจ้าวังเฮยฉัยพุ่งเข้าใส่หยางฟางอย่างรวดเร็ว ในขณะที่พุ่งเข้าไป เขาก็ใช้หางยาวนั้นเพื่อสนับสนุนหางนั้น ช่วยเพิ่มพละกําลังให้เขาได้ ดังนั้นวิชาการเคลื่อนไหวก็จะรวดเร็วและคาดเดาไม่ได้มากยิ่งขึ้น อย่างไรก็ตามเขตแดนนี้กําลังกดดันเขาอย่างหนัก ไม่เช่นนั้นการเคลื่อนไหวของเขาคงจะคาดเดาไม่ได้มากยิ่งกว่าเดิม
“ดีเลย” หยางฟางไม่กลัวแม้แต่น้อย เขาชอบการต่อสู้ตรงๆเพราะร่างอสูรกายาทรงพลังของเขา
ตูมๆๆๆ!
หยางฟางใช้ขวานในมือทั้งสองข้าง ขวานทั้งสองนั้นสอดประสานกันอย่างงดงามในขณะที่เขาพุ่งเข้าใส่
แต่ว่าเจ้าวังเฮ่ยุ่ยไม่ปะทะกันโดยตรงกับเขา อาวุธเช่นเข็มวารีนั้นไม่เหมาะแก่การปะทะกันตรงๆ เขานั้นคล่องแคล่วและโจมตีอย่างต่อเนื่องจนทําให้ใจของหยางฟางแน่นขึ้น แต่ว่าขวานของหยางฟางนั้นใหญ่พอที่จะปกป้องในพื้นที่ขนาดใหญ่ จึงทําให้การโจมตีของเจ้าวังเฮ่ยนุ่ยล้มเหลว
“บ้าเอ้ย เป็นเพราะเจ้าแก่จางหวินเฟิงนั่น เขตแดนมันทรงพลังเกินไป ข้าปล่อยพลังออกมาได้เพียงหกส่วน เท่านั้น พลังและความเร็วของข้าลดลงมากทําให้ข้าจัดการเจ้าอสูรกายาทรงพลังนี่ไม่ได้ เจ้าวังเฮ่ยนุ่ยหงุดหงิด หากนี่เป็นการสู้ตัวต่อตัว เขาคงจะสังหารเทพอสูรกายาทรงพลังนี้ได้ในสิบกระบวนท่า
ใจของหยางฟางแน่น เขาระมัดระวังตัวมาก หลังจากที่ได้แลกเปลี่ยนกระบวนท่า เขาก็เข้าใจว่าอีกฝ่ายนั้น ทรงพลังมากแค่ไหน หลังจากที่เขตแดนของจางหวินเฟิงทําให้อีกฝ่ายอ่อนแอลงมากหยางฟางก็ได้เปรียบอย่างมากในด้านของพละกําลัง แต่ก็ไม่ถึงได้เปรียบโดยสิ้นเชิง! เจ้าวังเฮ่ยุ่ยยังแข็งแกร่งกว่าเขามากในหลายๆด้าน
ในแง่ของวิชาการเคลื่อนไหว? ในแง่ของความซับซ้อนของกระบวนท่า? ในแง่ของความเร็วในการโจมตีอีก? หยางฟางเทียบเจ้าวังเฮ่ยนุ่ยไม่ได้ในหลายๆด้าน
“โชคดีที่ข้ามีศิษย์พี่จาง
จางหวินเฟิงฝึกร่างเทพกายาอมตะ ซึ่งเชี่ยวชาญในวิชาเขตแดนมากที่สุดในหมู่ร่างเทพอสูรระดับสูงพิเศษ ทั้งสิบสองร่างเขตแดนของเขานั้นทรงพลังมากพอที่จะทําให้เฟิงโหวเทพอสูรอ่อนกําลังลงได้ แรงกดดันที่เจ้าวังเฮยฉัยได้รับจึงมากเสียยิ่งกว่า ดังนั้นแล้วเขาหยวนชูจึงเลือกให้เขาเป็นคนป้องกันเมืองนี้
ข้าต้องสังหารจางหวินเฟิงนี่ให้ได้ มันเป็นอันตรายสําหรับข้ามาก พลังรวมกันที่หางและขาของเจ้าวังเฮ่ยนุ่ยพลังอสูรปะทุขึ้นก่อนที่ร่างของเขาจะพร่ามัวและพุ่งเข้าใส่จางหวินเฟิง
จางหวินเฟิงนั้นแก่ชรามากแล้ว
เจ้าวังเฮ่ยนุ่ยไม่คิดจะตามล่าเขาเพราะว่าอีกไม่นานจางหวินเฟิงก็จะแก่ตาย! ยิ่งไปกว่านั้นก็ไม่มีทางที่เขาจะกลายเป็นเฟิงโหวเทพอสูรได้ แต่ว่าจางหวินเฟิงกลับกลายเป็นอุปสรรคชิ้นใหญ่ในการบุกรุกเมืองหลวงรัฐเจียงคราวนี้!
“เตรียมตัวตาย” เจ้าวังเฮ่ยนุ่ยพุ่งเข้าใส่จางหวินเฟิง เขามั่นใจว่าเมื่อไรก็ตามที่เข้าใกล้ได้ มันก็เป็นเรื่องง่ายที่จะสังหารจอมยุทธสายเขตแดนอย่างน้อยมันก็เป็นเรื่องง่ายสําหรับเจ้าวังเฮ่ยนุ่ย!
ฟุบ
เส้นสายฟ้าพุ่งผ่านหน้าเจ้าวังเฮ่ยนุ่ยไป ทิ้งไว้ให้เขาต้องมึนงง เพียงพริบตาร่างนั้นก็ไปอยู่ข้างๆจางหวินเฟิง และนั่นไม่ใช่ใครอื่นนอกจาเมิ่งชวน
เมิ่งชวนจับแขนจางหวินเฟิงและเปลี่ยนเป็นสายฟ้าอีกครั้ง คราวนี้ความเร็วของเขาลดลงเพียงเล็กน้อย เหลือเพียงเจ็ดส่วนจากความเร็วปกติ แต่ว่าด้วยความเร็วนี้…เขายังเร็วพอๆกับราชันเทพอสูร!
ฟุบ
เจ้าวังเฮ่ยนุ่ยมองภาพตรงหน้าด้วยความมึนงง เมิ่งชวนพาจางหวินเฟิงไปหาหยางฟาง
“เจ้าคิดว่าจะทําร้ายศิษย์พี่จางได้ตอนที่ข้าอยู่นี่?” เมิ่งชวนยิ้มให้เจ้าวังเฮยฉัย