ภาพเทพอสูรบรรพกาล : Archean Eon Art - ตอนที่ 163
ตอนที่ 163 การจัดการ
เฟิงโหวเทียนซิงโหวนั้นเป็นคนที่หล่อเหลา เขาเดินผ่านความมืดมา ยิ้มและพยักหน้าให้กับเมิ่งชวนและหลิวชีเยว่ “เดิมที่ข้าว่าจะมาร่วมงานแต่งงานของพวกเจ้า แต่ข้ามีธุระด่วนที่ต้องไปทําจึงทําให้มาไม่ได้”
“สังหารอสูรนั้นสําคัฯกว่าอยู่แล้วเจ้าค่ะ” หลิวชีเยว่กล่าวตอบ
“อืม” เฟิงโหวเทียนซิงโหวพยักหน้าเบาๆ “ข้ามีเรื่องที่จะต้องคุยกับเมิ่งชวน ชีเยว่ พวกเราค่อยคุยกันพรุ่งนี้”
“พรุ่งนี้ข้าจะทําอาหารให้ท่านกินเอง ท่านอาจารย์” หลิวชีเยว่กล่าวยิ้มๆก่อนจะเดินจากไปเงียบๆ
เฟิงโหวเทียนซิงโหว จางหวินอู่ และเมิ่งชวนเดินเข้าไปในห้องโถง ทั้งสามคนนั่งลงและปิดประตู
“ท่านอาจารย์ลุง ข้าขอถามได้ไหมว่าสิ่งนั้นคืออะไร” เมิ่งชวนกล่าวถาม เฟิงโหวเทียนซิงโหวรีบมาที่ด่านเป่ยเหอยามกลางคืน ดังนั้นมันต้องเป็นเรื่องที่เร่งด่วนมากเป็นแน่ หากเป็นเพียงเรื่องเล็ก เขาคงจะส่งจดหมายมาเพียงเท่านั้น เมิ่งชวนอดไม่ได้ที่จะเหลือบมองไปที่จางหวินอู่
จางหวินอู่กล่าวในทันที “อย่ามามองข้า ข้าก็ไม่รู้
เฟิงโหวเทียนซิงโหวกวาดสายตาผ่านทั้งคู่และกล่าวอย่างจริงจัง “ฟังให้ดี มีเพียงพวกเจ้าทั้งสองคนจากด่านเป่ยเหอเท่านั้นที่มีสิทธิ์รู้เรื่องที่ข้ากําลังจะบอก พวกเจ้าไม่สามารถบอกให้ใครฟังได้”
“มีเพียงพวกเราแค่สองคนที่รู้?” เมิ่งชวนและจางหวินอู่มองหน้ากัน พวกเขาต่างประหลาดใจ
“หลังจากพูดคุยกันกับถ้ําสวรรค์ทรายดําและเกาะสองโลกแล้ว พวกเราตัดสินใจจะทิ้งเมืองด่านขนาดเล็ก และขนาดกลางจนหมดภายในระยะเวลาหนึ่งปี”
เมิงชวนและจางหวินอู่ต่างตกใจกับสิ่งที่ได้ยิน
พวกเขาต้องยอมแพ้หลังจากที่ป้องกันเมืองด่านมาอย่างยากลําบากอย่างนั้นหรือ?
“ไม่ใช่ว่านั่นจะหมายความว่าจะไม่มีใครคอยกันไม่ให้อสูรเข้ามาเป็นจํานวนมากอย่างนั้นหรือ?” จางหวินอ่อดถามออกมาไม่ได้
“มันจะเลวร้ายกว่าการที่ประตูพิภพที่ไม่เสถียรปรากฏขึ้นมาเป็นพันเท่า จะมีผู้คนตายเป็นจํานวนมาก” หน้าของเมิ่งชวนซีดเผือด เขารู้ว่าพวกอสูรมีแผนจะจัดการกับมนุษย์! พวกมันจะกวาดล้างมนุษย์จนสิ้นและครองโลกใบนี้ หากพวกเขายังปล่อยให้อสูรเข้ามาอีก ผลที่ตามมาคงจะ…
ท่านเพียงแค่คิด
เฟิงโหวเทียนซิงโหวหยิบเอกสารแผ่นบางออกมาสองแผ่นก่อนจะยื่นให้เมิงชวนและจางหวินอู่
ทั้งสองรีบผลักเอกสารอ่านในทันที
สีหน้าของเมิ่งชวนเปลี่ยนไปเมื่อได้อ่านเอกสารนั้น
เอกสารนั้นอธิบายสถานการณ์ปัจจุบันเกี่ยวกับเรื่องอสูรที่ซ่อนอยู่ในโลกมนุษย์
“อันที่จริงแล้ว ประตูพิภพที่ไม่เสถียรจํานวนมากมายได้ปรากฏขึ้นมาในช่วง 800 ปีที่ผ่านมาอสูรจํานวนมาก ได้แทรกซึมเข้ามาในโลกของเราอยู่แล้ว” เฟิงโหวเทียนซิงโหวกล่าว “จํานวนอสูรที่แทรกซึมเข้ามาในโลกมนุษย์ทั้งหมดนั้นมันมากกว่าที่เจ้าจะจินตนาการออก แต่ถึงอย่างนั้นพวกมันก็เป็นเพียงราชาอสูรระดับสอง พวกมันอ่อนแอ และเทพอสูรหน่วยข่ายปฐพีก็กําลังไล่ล่าพวกมัน นั่นทําให้พวกมันต้องหลบซ่อนตัวอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ดังนั้นจึงหาได้ยากที่พวกมันจะปรากฏตัวต่อหน้ามนุษย์ ปกติแล้ว พวกมันจะโผล่ตัวและโจมตีใส่ปราการหมู่บ้าน หลังจากโจมตีเสร็จ พวกมันก็จะรีบหนีไปอย่างรวดเร็ว”
“ปราการหมู่บ้านหลายแห่งถูกโจมตีโดยอสูรที่หลบซ่อนอยู่ในโลกมนุษย์” เมิ่งชวนนึกขึ้นมาได้ “นิกายทั้งสามอธิบายมาโดยตลอดว่านั่นเป็นผลจากประตูพิภพที่ไม่เสถียร ซึ่งสามารถอธิบายได้ว่าทําไมการโจมตีนั้นถึงเกิดขึ้นอย่างกะทันหันและหายไปอย่างรวดเร็ว”
“แน่นอนว่าประตูพิภพที่ไม่เสถียรหายไปอย่างรวดเร็ว” เฟิงโหวเทียนซิงโหวกล่าว “แต่หากผู้คนรู้ว่าอสูรจํานวนมากขนาดนั้นหลบซ่อนอยู่ในพื้นที่กันดารในแถบภูเขาและแม่น้ํา คงจะเกิดความตื่นตระหนกไปมากกว่านี้เสียอีก”
“ไม่น่าแปลกใจเลย…” เมิ่งชวนพยักหน้าเล็กน้อย นับตั้งแต่ที่เขาได้เป็นผู้ลาดตระเวณ เขาได้พบกับการโจม ตีของอสูรที่เกิดจากประตูพิภพที่ไม่เสถียรมาน้อยกว่าสิบครั้ง และแม้การโจมตีเหล่านั้นจะเกิดขึ้นในพื้นที่ที่ห่างไกลและไม่มีใครขอความช่วยเหลือ แต่มันคงจะเยอะกว่าจํานวนประตูพิภพที่ใครๆก็รู้เป็นแน่
เห็นได้ชัดว่าการโจมตีใส่ปราการหมู่บ้านหลายๆครั้งนั้น ไม่สามารถระบุได้ว่าเกิดมาจากประตูพิภพที่ไม่เสถียรหรือไม่
“เกาะสองโลกรั้งไว้ไม่ไหวแล้ว?” สีหน้าของจางหวินอู่เปลี่ยนไปเมื่อได้อ่านเอกสาร เมิ่งชวนเองก็เช่นกัน
ราชวงศ์เยวที่ยิ่งใหญ่กําลังลําบากกว่าอีกสองราชวงศ์มาก พวกเขามีเทพอสูรที่น้อยกว่าและมีเมืองด่านมากกว่า นั่นจึงทําให้เกาะสองโลกต้องส่งเทพอสูรระดับมหาสุริยันทั้งหมดของพวกเขาไปที่เมืองด่านขนาดเล็กและขนาดกลางจนหมดในระยะเวลาสิบปีนี้ พวกเขาขาดกําลังคนเป็นอย่างมาก ในช่วงสิบปีที่ผ่านมา สถานการณ์ ของเกาะสองโลกแย่ลงเรื่อยๆทุกปี มีเทพอสูรตายประมาณ 20-30 คนทุกๆปี
“ก่อนหน้านั้น สถานการณ์ของเกาะสองโลกแย่กว่าเขาหยวนชูและถ้ําสวรรค์ทรายดําเพียงนิดเดียวเท่านั้น” เมิ่งชวนกล่าวเบาๆ
เฟิงโหวเทียนซิงโหวถอนหายใจ “ในตอนนั้น พวกเขามีเทพอสูรเพียงพอที่จะไล่อสูรออกไปได้ แต่เพราะว่าขาดกําลังคน จํานวนเทพอสูรที่ตายในการต่อสู้จึงเพิ่มมากขึ้น และด้วยจํานวนคนที่ตายมากขนาดนี้ จํานวนเทพอสูรที่สามารถใช้งานได้จึงมีน้อยลง จึงทําให้เกิดสถานการณ์เช่นนี้”
เฟิงโหวเทียนซิงโหวกล่าว “ก่อนหน้านี้พวกเขายังคงยื้อเอาไว้ได้ แต่จํานวนผู้เสียชีวิตในช่วงหลายปีที่ผ่านมาเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะเมื่อสองปีก่อน เกาะสองโลกเสียเทพอสูรไปถึง 61 คน เกาะสองโลกมีเทพอสูรอยู่กี่คนกันเล่า? หากเป็นเช่นนี้ต่อไป เทพอสูรของเกาะสองโลกทั้งหมดคงจะตายภายในสิบปี และถึงจะไม่ตายทั้งหมด ก็คงจะใช้เวลาเพียงสามถึงสี่ปีก่อนที่พวกเขาจะต้านทานเหล่าอสูรไม่ได้อีกต่อไป นั่นจะทําให้พวกเขาพังทลายลงอย่างสมบูรณ์”
“ราชวงศ์เยวที่ยิ่งใหญ่มีประตูพิภพขนาดกลางทั้งหมด 93 แห่งในเขตของพวกเขา และแม้เขาหยวนชูและถ้ําสวรรค์ทรายดําจะยื่นมือเข้าไปช่วยเหลือ แต่นั้นก็จะทําให้กําลังพลของเราลดลงไปด้วยเช่นกัน หากเป็นเช่นนั้น เทพอสูรมหาสุริยันเกินครึ่งของพวกเราคงจะตายในการต่อสู้ สํานักทั้งสามจะอ่อนแอลงอย่างหนัก และพวกเราจะไม่สามารถป้องกันได้อีกต่อไป และหากเป็นเช่นนั้นแล้ว พวกอสูรจะเริ่มโจมตีเราอย่างเต็มกําลัง ดังนั้นแล้วสํานักทั้งสามจึงตัดสินใจจะทิ้งเมืองด่านขนาดเล็กและขนาดกลางจนหมด”
เมิ่งชวนและจางหวินอ่อ่านเอกสารเสร็จแล้ว พวกเขาเข้าใจเป็นอย่างดีแล้วว่าสถานการณ์ในตอนนี้นั้นย่ําแย่มากเพียงไหน และพวกเขาเองก็เข้าใจว่านิกายทั้งสามไม่มีทางเลือก
“พวกเราจะเสริมหน่วยข่ายปฐพีให้แข็งแกร่งขึ้น จะมีเทพอสูรเข้าเป็นส่วนหนึ่งของหน่วยปฐพี่มากขึ้น” เฟิงโหวเทียนซิงโหวกล่าว “พวกเราเองก็จะเฝ้าดูประตูพิภพขนาดเล็กและขนาดกลางทุกแห่งเช่นกัน เมื่อใดก็ตามที่พวกมันเข้ามาในโลกมนุษย์ พวกเราก็จะจับตาดูมัน! จากนั้นก็จะส่งเทพอสูรที่ทรงพลังเข้าไปสังหารพวกมันทั้งหมด”
“ในโลกมนุษย์ มนุษย์ครองความได้เปรียบ” จางหวินอู่พยักหน้า “และแม้พวกเราจะทิ้งเมืองด่านขนาดเล็กและขนาดกลาง ก็จะมีเพียงราชาอสูรระดับสามเท่านั้นที่สามารถผ่านประตูพิภพมาได้อย่างมาก พวกมันก็จะได้ เป็นราชาอสูรระดับสี่หลังจากทะลวงผ่านขึ้นไป แต่เทพอสูรมนุษย์ก็สังหารพวกมันได้อย่างง่ายดาย
ถึงกระนั้นแล้วสีหน้าของเมิ่งชวนก็ยังคงดูไม่สู้ดี
เขาเข้าใจแผนการนี้จากเหตุและผล วิธีนี้จะช่วยลดอัตราการเสียชีวิตของเทพอสูรมนุษย์อย่างมาก เพราะเท พอสูรมนุษย์นั้นได้เปรียบในโลกมนุษย์ ราชาอสูรไม่สามารถทําอะไรได้มากแม้พวกมันจะเข้ามาโดยไม่ถูกขวา งก็ตาม
แต่ปัญหาเพียงอย่างเดียวของแผนการนี้คือจะมีมนุษย์จํานวนมากที่ต้องตาย
“หากพวกเราปกป้องมนุษย์ธรรมดาต่อไป เผ่าพันธุ์มนุษย์ทั้งหมดคงจะถูกกวาดล้างภายในระยะเวลาไม่กี่สิบปี” เฟิงโหวเทียนซิงโหวกล่าว “พวกเราไม่มีทางเลือก สิ่งที่ทําได้ในตอนนี้คือสังหารราชาอสูรเหล่านั้นและลดความเสียหายให้น้อยที่สุดเท่าที่จะทําได้”
“สังหารพวกมันให้หมด” จางหวินอู่พยักหน้า “อันที่จริงแล้ว ข้ามีความรู้สึกว่าความกดดันของเมืองด่านขนาดกลางนั้นเพิ่มขึ้น ข้าก็คิดว่าสํานักจะเพิ่มจํานวนศิษย์ใหม่ต่อปีขึ้น”
“การเลี้ยงดูศิษย์นั้นต้องใช้ทั้งเวลาและทรัพยากร” เฟิงโหวเทียนซิงโหวกล่าว “การรับศิษย์เพิ่มนั้นเป็นตัวเลือกที่แย่มาก ทรัพยากรของเขาหยวนชูจะลดลงไปไวกว่าที่จะเพิ่มขึ้น ในช่วงเวลาสองถึงสามร้อยปีต่อจากนี้ พวกเรามีความเสี่ยงที่บ่อโลหิตเทพอสูรจะเหือดหายจนหมด หากเป็นเช่นนั้นเส้นทางเทพอสูรคงจะถูกตัดขาด”
จางหวินอู่และเมิ่งชวนพยักหน้า
ในอดีต มนุษย์ได้พบเจอวิกฤติเช่นนี้อยู่ ในตอนนั้น เหล่าเทพอสูรที่ทรงพลังได้ยอมเสียสละผลึกโลหิตของพวกเขาเพื่อเติมพลังให้แก่บ่อโลหิตเทพอสูรและสานต่อมรดกของเทพอสูรต่อไปได้ แต่ถึงกระนั้นหลังจากนั้นก็ให้กําเนิดเทพอสูรมาเพียงเล็กน้อยเท่านั้น
ในปัจจุบัน การให้กําเนิดเทพอสูรเป็นจํานวนมากทําให้เหล่านิกายใหญ่ต้องควบคุมความสมดุลระหว่างความเร็วในการเก็บสะสมและความเร็วในการใช้
“เราต้องทิ้งเมืองด่านขนาดเล็กและขนาดกลาง และเมื่อเป็นเช่นนั้น พื้นที่รอบๆเมืองด่านขนาดเล็กและขนาดกลางจะไม่สามารถอยู่อาศัยได้ ผู้คนจํานวนมากต้องย้ายถิ่นฐาน”
“แต่ว่ามันมีคนมากเกินกว่าจะย้ายได้” เมิ่งชวนและจางหวินอู่ตกใจมาก ในหนึ่งพื้นที่นี้มีมนุษย์กว่าหมื่นกว่า แสนคน และเมืองด่านขนาดเล็กและขนาดกลางจํานวนมากเช่นนั้น จํานวนคนที่จะต้องย้ายที่อยู่คงจะมหาศาล!
เฟิงโหวเทียนซิงโหวกล่าว “ไม่ต้องกังวล ในช่วงปีที่ผ่านมานี้ ทั้งสามนิกายได้เตรียมการเรื่องนี้อย่างลับๆแล้ว อาหารและที่อยู่อาศัยได้ถูกเตรียมการไว้แล้ว อย่างประชากรของด่านเป่ยเหอจะถูกย้ายไปที่เมืองรอบๆ 18เมือง และด้วยการแยกแบ่งออกไป ทําให้เมืองแต่ละเมืองสามารถรับมือกับจํานวนคนได้”
เมื่อได้ยินเช่นนั้นเมิ่งชวนและจางหวินอู่ก็โล่งใจ
“จากวันนี้เป็นต้นไป ข้าจะเป็นคนคุมด่านเป่ยเหอ“เฟิงโหวเทียนซิงโหวมองไปที่จางหวินอู่” ศิษย์หลานจางเจ้าคงจะได้รับคําสั่งมาแล้ว”