ภาพเทพอสูรบรรพกาล : Archean Eon Art - ตอนที่ 162
ตอนที่ 162 ปีต่อมา
“เกาะสองโลกรับมือไม่ไหวแล้ว” ป่ายเหยาเยว่หันไปมองจินหรู “จินหวู เขาหยวนชมีวิธีแก้ปัญหาหรือเปล่า?”
“ถ้ําสวรรค์ทรายดํามีสมบัติจากนอกโลกถึงสองชิ้น” จนหวีกล่าวด้วยรอยยิ้ม “จอมจักรพรรดิทรายดําบุกตะลุยไปทั่วโลกด้วยของทั้งสองอย่างนั้น เขาหยวนชูทําได้เพียงป้องกัน! ขาเชื่อว่าถ้ําสวรรค์ทรายดําของเจ้าคงจะมีวิธีการแก้ปัญหามากกว่าของข้าเสียอีก”
ป่ายเหยาเยวส่ายหัว “เคยมีสํานักนับไม่ถ้วนพยายามจะกําราบเขาหยวนชู แต่ว่าไม่เคยมีใครท่าได้ยิ่งไปกว่านั้นถ้ําสวรรค์หยวนชูเองก็ยังเป็นของเขาหยวนชอีกต่างหาก วิชาลึกลับที่เจ้าเคยแสดงให้เห็นเมื่อครานั้น”วนิรันดร์ในพริบตา“มันทําให้เกาะสองโลกและถ้ําสวรรค์ทรายดําต้องตกตะลึงข้าเกรงว่าคราครั้งนี้พวกเราต้องพึ่งเขาหยวนชูเพื่อคิดหาคําตอบ
จินหวถอนหายใจและกล่าว “พวกอสูรกําลังบีบบังคับพวกเราด้วยความแข็งแกร่งของมัน!พละกําลังของพวกมันนั้นมากกว่าเรามากหากเป็นเช่นนี้ต่อไปมนุษย์จะต้องพ่ายแพ้เป็นแน่แท้
ป่ายเหยาเยว่เงียบไป
เพราะพวกอสูรนั้นแข็งแกร่ง พวกมันจึงทําได้ทุกอย่างตั้งใจ
“เราจะปล่อยให้พวกมันเข้ามาอย่างนั้นรึ?” ปายเหยาเยวถาม
“เขาหยวนชจะคงสภาพเหมือนเดิมได้ประมาณสามร้อยปีหากเราใช้วิธีอื่น” จินหวกล่าว “ข้าเชื่อว่าถ้ําสวรรค์หยวนชูก็คงจะใกล้เคียงกัน”
“สมแล้วที่เป็นเขาหยวนชู สํานักพวกเจ้าป้องกันได้ดี” ป่ายเหยาเยวส่ายหัว “พวกเราอยู่ได้มากสุดเพียงสองร้อยปีอย่างไรก็ตาม หากเกาะสองโลกทนไม่ไหวแล้วจริงๆ และพวกเราต้องทิ้งเมืองด่านขนาดเล็กและขนาดกลางล่ะก็…”
“พวกเราคงจะจบสิ้นภายในห้าสิบปีอย่างแน่นอน”
“หากเป็นเช่นนั้นเราจะปล่อยให้ราชาอสูรบุกเข้ามาหรือเปล่าล่ะ?” ป่ายเหยาเยวถาม “โลกมนุษย์จะต้องอันตรายขึ้นเป็นแน่”
จินหวูกล่าว “เราไม่มีสิทธิ์ตัดสินใจ ตอนนี้ควรหารือกับคนในสํานักก่อน จากนั้นเราจะมาพูดถึงเรื่องนี้ในอีกสิบวัน”
“ปรมาจารย์ของเขาหยวนชทั้งสามและผู้พิทักษ์วิถีทั้งสองจะค่อยๆปรึกษากันไป ถ้ําสวรรค์ทรายดําของพวกเราจะไวกว่านั้นมากพวกเราจะตัดสินใจได้ในสามวัน” ป่ายเหยาเยว่ยิ้มก่อนจะหายไป ในหมู่นิกายทั้งสามเขาหยวนชมีอิสระมากที่สุด ถ้ําสวรรค์ทรายดํานั้นเข้มงวดมากที่สุด ส่วนเกาะสองโลกกระตือรือร้นมากที่สุดเพราะไม่ว่าอย่างไรแล้วเกาะสองโลกก็ถูกตามล่านับตั้งแต่ก่อตั้งขึ้นมา…
ในช่วง 800 ปีที่ผ่านมานี้เกาะสองโลกเพียงต้องจัดการกับอสูรเท่านั้นนั่นจึงทําให้ 800 ปีที่ผ่านมานี้เป็นเรื่องง่ายเหล่าเทพอสูรของเกาะสองโลกอยู่สบายมากกว่าเก่า
ผู้พิทักษ์วิถีทั้งสอง? จินหวขมวดคิ้วน้อยๆในขณะที่มองดูร่างลวงตาของป่ายเหยาเยว่หายไปเธอรู้ถึงผู้พิทักษ์วิถทั้งสองของเขาหยวนชุด้วยอย่างนั้น?
ทิ้งเมืองด่านขนาดกลางและปล่อยให้อสูรเข้ามาอย่างนั้นรึ?แผนเช่นนี้ได้รับการต่อต้านจากเขาหยวนชูและถ้ําสวรรค์ทรายดําอย่างหนัก!การปล่อยให้ราชาอสูรระดับสามเข้ามาในโลกมนุษย์เป็นจํานวนมากเรียกได้ว่าเป็น หายนะ แต่ว่า เกาะสองโลกนั้นควบคุมเมืองด่านขนาดกลางมากที่สุดหากพวกเขาทิ้งภาระหน้าที่นี้ไปแม้เขาหยวนชูและถ้ําสวรรค์ทรายดําก็ไม่สามารถรับมือกับปญหาที่จะเพิ่มขึ้นมาได้
เหล่าคนที่หัวไวต่างรู้ดีว่ามนุษย์ไม่สามารถป้องกันอสูรได้ตลอดไป และเมื่อเกาะสองโลกวางแผนที่จะทิ้งเมืองด่านขนาดเล็กและขนาดกลางไปจนหมด นั่นจึงทําให้เป็นการเร่งความเปลี่ยนแปลงในเขาหยวนชูและถ้ําสวรรค์ทรายดําเพียงเท่านั้น
สิบวันต่อมา ที่เขาหยวนชู
ปรมาจารย์จินหวู ปรมาจารย์ป่ายเหยาเยว่ และปรมาจารย์ฉ่หยิ่งอู่ต่างลงมติเป็นเอกฉันท์ว่ามนุษย์จะทิ้งเมืองด่านขนาดเล็กและขนาดกลางจนหมดภายในสองปี!
แทนที่จะค่อยๆเสียกําลังไปอย่างช้าๆ พวกเขาควรรักษาพลังเอาไว้และวางแผนสําหรับมนุษย์ชาติในอนาคต! ยิ่งไปกว่านั้นเหล่าผู้นําของโลกมนุษย์ต่างรู้ดีว่ามีอสูรแทรกซึมอยู่ในโลกนี้มากมายแล้วอสูรธรรมดา และราชาอสูรที่อ่อนแอมักจะแทรกซึมเข้ามาในโลกมนุษย์ผ่านประตูพิภพที่ไม่เสถียรข่ายปฐพี่ของเขาหยวนชู เริ่มไล่ล่าราชาอสูรที่บุกเข้ามาในโลกมนุษย์อยู่แล้วและแม้พวกเขาจะทิ้งเมืองด่านขนาดเล็กและขนาดกลางมันก็จะมีเพียงราชาอสูรระดับสามเป็นอย่างมากไม่ใช่สิ่งที่พวกเขาจะรับมือไม่ได้
แน่นอนว่าราชาอสูรระดับสามนั้นเป็นอันตรายกว่ามากบางตัวสามารถขึ้นไปถึงระดับสได้เลยด้วยซ้ํา! เมื่อเทียบกับราชาอสูรระดับสองแล้วความสามารถในการทําลายล้างของพวกมันทรงพลังมากยิ่งกว่าเป็นพันเท่า!
เพราะทั้งสามนิกายใหญ่ได้ตัดสินใจจะทิ้งเมืองด่านขนาดเล็กและขนาดกลางภายในสองปี พวกเขาจึงเริ่มแผนการหลายอย่างในช่วงระยะเวลาสองปีนี้จะมีแผนการอพยพขนานใหญ่แผนข่ายดักจับแผนไฟสัญญาณและแผนการใหญ่อีกสองแผนการที่กําลังเตรียมพร้อมทั้งหมดนี้เป็นการเตรียมการสําหรับความเปลี่ยนแปลงในโลกมนุษย์ พวกเขาต้องพยายามอย่างเต็มที่เพื่อปกป้องเหล่ามนุษย์
แผนการอพยพครั้งใหญ่นั้นจะย้ายคนจํานวนมากไปในพื้นที่อื่นๆมีผู้คนจํานวนนับไม่ถ้วนอาศัยอยู่รอบเมื่อ งด่านขนาดเล็กและขนาดกลางอย่างเช่นใกล้ๆด่านเป่ยเหอก็มีคนอาศัยอยู่กว่าแสนคนแล้วและพวกเขาเหล่านี้ทุกคนต้องย้ายถิ่นฐาน!เพราะไม่ว่าอย่างไรแล้วพื้นที่รอบๆเมืองด่านจะไม่สามารถอาศัยอยู่ได้หากเหล่าอสูรถูกปล่อยให้เข้ามาได้โดยไม่มีการป้องกัน
ทุกอย่างเกิดขึ้นอย่างเงียบๆ โดยที่ทุกอย่างเป็นความลับ
ส่วนเทพอสูรมหาสุริยันอย่างเพิ่งชวนนั้นไม่รู้อะไรเลยแม้แต่น้อยเขาอยู่ในด่านเป่ยเหอและยังใช้ชีวิตคู่รักอย่างมีความสุขกับหลิวเยว่
ในตอนนี้ได้ย่างเข้าฤดูใบไม้ผลิแสงแดดอ่อนส่องเข้ามาในห้องทํางานของเพิ่งชวน
“ดูดีมากเลยล่ะ” หลิวชีเยวมองดูภาพวาดของเพิ่งชวนตาเธอเป็นประกายและใบหน้าก็เปลี่ยนเป็นสีแดง
“ชีเยว่ นี่เพื่อเจ้าเลยล่ะ” เพิ่งชวนยิ้มและส่งมันให้กับหลิวชีเยว่
หลิวชีเยว่หยิบภาพวาดออกมาดูด้วยความหลงใหล ภาพวาดนั้นเป็นหญิงสาวคนหนึ่ง ร่างของเธอปกคลุมไป ด้วยเปลวเพลิงร่างจําแลงของวิหคเพลิงอยู่ด้านหลังเธอ เกาทัณฑ์ของเธอถูกดึงจนถึงพร้อมกับที่เธอจ้องมองออกไปด้วยสายตาที่แหลมคม
มันเป็นภาพที่หลิวชีเยวสังหารราชาอสูรที่ด่านเป่ยเหอแม้นจะเป็นเพียงภาพเหมือน แต่เพิ่งชวนใช้เวลากว่าครึ่งเดือนในการวาด เขาเก็บรายละเอียดทุกส่วนกระทั่งเส้นผมหรือผิวหนังบนใบหน้าต่างถูกระบายด้วยความเอาใจใส่เขาบดสีด้วยตนเองเลยด้วยซ้ํา
“วิเศษมากเลยล่ะ” หลิวชีเยว่กล่าวเบาๆ
เพิ่งชวนทุ่มเทอารมณ์ที่มีเข้าไปในภาพวาด เส้นผมทุกเส้นดูราวกับถูกเขาหวีให้อย่างละเอียด พวกเขาเติบโตมาพร้อมกัน ต่อสู้เสี่ยงเป็นเสี่ยงตายไปด้วยกัน เพิ่งชวนรู้สึกยินดียิ่งนักที่เขาได้มีหลิวเยว่อยู่ข้างกายรู้สึกยินดียิ่งที่เธอพร้อมจะมุ่งหน้าต่อไปกับเขา และรู้สึกขอบคุณในโชคชะตาที่ยอมให้พวกเขาได้แต่งงานกัน
“ชีเยว่ ข้าจะวาดให้เจ้าทุกปี ดีไหม?” เพิ่งชวนยิ้ม
“จริง?” หลิวชีเยว่รู้สึกตื่นเต้นและมีความสุข
“จริงสิ” เพิ่งชวนพยักหน้า “ลูกผู้ชายพูดแล้วไม่คืนค่า”
“ก็ได้ๆ” หลิวชีเยวดีใจ “หากเจ้าวาดภาพปีละครั้ง เจ้ากวาดลูกๆเข้าไปได้หากพวกเรามีและเมื่อพวกเราแก่เจ้าก็จะวาดภาพข้าที่แก่ชราพร้อมผมที่เริ่มขาวหงอกภาพวาดเหล่านี้จะเป็นการบันทึกแต่ละปีของข้าและการที่เจ้าทํามันขึ้นมาเอง มันคงจะยอดเยี่ยมไปเลยล่ะ”
“แน่นอน ข้าจะวาดภาพเจ้าทุกๆปีอย่างแน่นอน”เพิ่งชวนพยักหน้า
“หากข้าต้องตายเพราะสู้กับราชาอสูร หากตอนนั้นข้ายังไม่แก่ก็คงจะดี เพราะว่าข้าจะได้เป็นสาวงามไปตลอ ดกาลยังไงเล่า”หลิวเยว่พูดอย่างมีความสุข“แต่การที่ได้อยู่จนแก่เฒ่าเองก็ดีเหมือนกันไม่ว่าอย่างไรก็วิเศษ มากแล้วล่ะ”
เพิ่งชวนดีใจที่เห็นภรรยาของตนมีความสุข เมื่อมีคู่ชีวิตคอยอยู่เคียงข้างก็รู้สึกได้ว่าช่วงเวลานั้นช่างแสนงดงาม
เขาได้ใส่ความรู้สึกที่มีต่อภรรยาเข้าไปในภาพเหมือนภาพแรก เขาได้ค้นหาคําตอบจากตัวตนภายในในระหว่างการวาดภาพขึ้นมา และนั่นทําให้แก่นสารแห่งจิตเปลี่ยนไปเล็กน้อย แต่ว่าแก่นสารแห่งจิตก็ยังอยู่ไกลจากระดับที่สามอีกมากนัก
หนึ่งปีหลังจากวันแต่งงานผ่านไปในชั่วพริบตา เมื่อปีที่แล้ว เหล่าอสูรพยายามจะโจมตีด่านเป่ยเหอเพียงแค่ ครั้งเดียวพวกมันมีราชาอสูรหัวกะทิมาแปดตัวอีกครั้งราชาอสูรเองก็มีเขตแดนป้องกันนานาชนิดพวกมันไม่เข้าประชิดตัวเพิ่งชวนแม้แต่น้อย เช่นเดียวกันกับเพิ่งชวนที่ไม่พุ่งเข้าใส่เขตแดนอย่างประมาท
ไม่ว่าเขาจะแข็งแกร่งแค่ไหน แต่เขตแดนก็สามารถลดพลังของเขาลงได้ถึงสามส่วน มันอันตรายมากที่จะพุ่งเข้าไปพวกอสูรนั้นคงอยากที่จะส่ารวจพลังของเพิ่งชวน พยายามล่อให้เข้าโจมตีเข้าใส่แต่ทว่าเพิ่งชวนยังระมัดระวังมากและไม่ทําอะไรไม่คิดหน้าคิดหลัง เหล่าอสูรได้แต่กลับไปโดยไม่มีอะไรเป็นชิ้นเป็นอันมันเสียอสูรธรรมดาไป 70000 ตน รวมไปถึงราชาอสูรระดับสองอีก 39 ตน
ในช่วงปีที่ผ่านมานี้ เพิ่งชวนได้ไปช่วยเสริมกําลังให้เมืองอื่นๆสี่ครั้งในฐานะผู้ลาดตระเวน เขาเสริมกําลังให้มณฑลๆหนึ่งและหัวเมืองอีกสามที่สําเร็จลุล่วงไปด้วยดี
วันที่ 3 กุมภาพันธ์ในตอนกลางคืน
“น้องเมิ่ง” จางหวินอู่ลอบพาคนๆหนึ่งเข้ามา
เพิ่งชวนและหลิวชีเยว่เดินออกมาจากห้องทํางานและต้อนรับพวกเขา
“ท่านอาจารย์ลุง” เพิ่งชวนกล่าว
“ท่านอาจารย์” หลิวเยวโค้งคํานับด้วยความตื่นเต้น คนๆนั้นคืออาจารย์ของหลิวชีเยว่ เพิ่งโหวเทียนซิงโหว