จอมเวทอหังการ - ตอนที่ 268
บทที่ 268: หมาป่าระดับนักรบ!
เฉียวอวฮัวและจ้าวหม่าหยันนั้นแนะนําโม่ฝาน ว่าเขาไม่ควรทําสัญญากับอสูรเวทในมิติอัญเชิญเด็ดขาด
กล่าวง่ายๆก็คือ ถ้าหากวันใดวันหนึ่งอสูรเวทในมิติตัวนี้แข็งแกร่งมากพอที่จะจัดการกับเจ้าของมิติได้ มันจะไม่มีวันเชื่อฟังคําสั่งของเจ้าของมิติอีกต่อไป
อีกอย่างก็คือมันอาจจะมีความเป็นไปได้ที่อสูรอัญเชิญของเขาจะตายตกไปในระหว่างการต่อสู้ภายในมิตินั้น ซึ่งมันเป็นการลงทุนที่ไม่คุ้มค่าเอาเสียเลย
เช่นนี้นักเวทธาตุอัญเชิญส่วนใหญ่จะไม่ยอมใช้เวทมนตร์ระดับมัชฌิมนี้จนกว่าจะได้พบเจอกับอสูรสัญญาที่คู่ควรมากพอจะจ่ายเงินให้ พวกเขาจะรับพวกมันมานับตั้งแต่ยังเป็นไข่และฟูมฟักมันราวกับลูกน้อยของตนเอง
โม่ฝานนั้นไม่ใช่คนที่อ่อนโยนอะไรขนาดนั้น แต่ถ้าในวันนั้นหมาป่าวิญญาณตัวนี้ไม่ได้ใช้ร่างกายของตนเอง เพื่อรับการโจมตีของวายุหมุนทอร์นาโดแทนเขาในการแข่งขันประลองเวทมนตร์อสูรเมื่อครั้งเปิดภาคเรียน โม่ฝานก็คงไม่คิดจะใช้คาถาอสูรสัญญากับมันเช่นกัน
หมาป่าวิญญาณตัวนี้ซื่อสัตว์และกล้าหาญอย่างมาก โม่ฝานเชื่อว่าตลอดการเดินทางที่แสนสําคัญของเขา มันจะร่วมเดินไปด้วยอยู่เสมอ การช่วยให้มันสามารถวิวัฒนาการไปสู่อีกระดับนั้นไม่ใช่เรื่องราวที่สูญเปล่าแต่อย่างใดเลย
หมาป่าวิญญาณนั้นรับรู้ได้ถึงความคิดของโม่ฝานอย่างชัดเจน ดังนั้นมันจึงเอาศีรษะของมันมาถูไถกับร่างกายของผู้เป็นนายราวกับว่าตนเองเป็นเพียงลูกสุนัขตัวเล็กๆ
ภายนอกอาณาเขตที่ปลอดภัยนั้นเป็นเขตแดนของปีศาจร้ายมากมาย ซึ่งถ้าหากว่าหมาป่าวิญญาณได้ พัฒนาไปอีกระดับมันก็จะมีโอกาสรอดชีวิตจากอันตรายเหล่านั้นสูงมากขึ้น อีกทั้งในโลกมิติของมันก็ด้วยเช่นกัน ความแข็งแกร่งนั้นไม่ว่าอย่างไรก็จําเป็นสําหรับมันอย่างมาก
“เอาล่ะ เด็กดี… เริ่มกันเลย!” โม่ฝานกล่าวกับหมาป่าวิญญาณตรงหน้า
หมาป่าวิญญาณค่ารามออกมาดังสนั่นอย่างมีความสุข มันไม่สามารถระงับความตื่นเต้นนี้ไว้ได้เลย
ขั้นแรกคือการชําระล้างสายเลือดให้บริสุทธิ์มากที่สุดก่อน จากนั้นค่อยจัดการเกี่ยวกับวิญญาณและร่างกาย โม่ฝานจดจําทุกขั้นตอนได้อย่างแม่นยํารวมทั้งจํานวนเงินกว่ายี่สิบล้านหยวนที่เขาได้ทุ่มเทลงไป ทั้งหมดนี้เพื่อให้โอกาสการสําเร็จมากกว่าห้าในสิบ ถ้าหากหมาป่าวิญญาณไม่สามารถเพิ่มระดับของตนเองได้ แน่นอนว่าตัวตนที่แข็งแกร่งของเขาก็จะถูกลบหายไปด้วยเช่นกัน
นักเวทธาตุอัญเชิญจํานวนมากนั้นจําเป็นจะต้องใช้พลังเวทมากมายเพื่อให้เป็นอาหารแก่อสรอัญเชิญ กล่าวอีกอย่างก็คือถ้าหากว่ามันพัฒนาไปอีกระดับ พลังเวทที่มันต้องการก็จะมากขึ้นด้วยเช่นกัน
การชําระล้างสายเลือดนั้นเป็นสิ่งที่ใช้เวลาค่อนข้างนาน มันคล้ายกับการถ่ายเลือดในโรงพยาบาล เขาจําเป็นจะต้องดึงเลือดของหมาป่าวิญญาณออกมาก่อนหาในสิบส่วน จากนั้นถ่ายเลือดใหม่เข้าไปเพื่อกระตุ้นการเปลี่ยนแปลงของเลือดที่เหลืออยู่
แต่ทว่าสิ่งที่จําเป็นจะต้องระมัดระวังอย่างยิ่งในขั้นตอนนี้ก็คือ หมาป่าวิญญาณสามารถตายตกได้ถ้าหากกว่าเลือดของมันเหลือน้อยกว่าห้าในสิบส่วน เช่นนี้เขาจึงต้องระมัดระวังในการถ่ายเลือดออกอย่างมาก!
สิ่งที่น่าเหลือเชื่อก็คือโม่ฝานนั้นเป็นนักเวทที่ค่อนข้างจะมีความละเอียดรอบคาบอย่างมาก เขาสามารถควบคุมเวทมนตร์ของตนเองได้อย่างเหลือเชื่อ ขณะที่เขาดึงเอาเลือดออกจากร่างกายของหมาป่าวิญญาณห้าในสิบ ในพริบตาเขารีบเติมเลือดเข้าไปทดแทนในร่างกายของมันอย่างรวดเร็ว ทุกอย่างเป็นไปอย่างราบรื่นโดยไม่มีสะดุด
สําหรับสายพันธุ์ของหมาป่านั้น สายเลือดของพวกมันเป็นสิ่งที่ล้ําค่าอย่างมากและค่อนข้างที่จะหาได้ยาก มันมักจะพบเจอกรณีที่เลือดไม่สามารถเข้ากันได้อยู่เสมอ แม้ว่าร่างกายของหมาป่าวิญญาณนี้จะเกร็งและบิดเบี้ยวอย่างน่าเกลียดสักเล็กน้อย แต่ทว่าสุดท้ายแล้วการเปลี่ยนแปลงสายเลือดนั้นก็ผ่านไปได้ด้วยดี
สายเลือดที่บริสุทธิ์นั้นจะสามารถเพิ่มความแข็งแกร่งให้กับอสูรสัญญาได้อย่างยอดเยี่ยม ไม่ว่าอย่างไร นี่คือสิ่งที่สําคัญที่สุดเสมอ
จากนั้นเขาก็จัดการช่วยเหลือมันโดยการเติมสายเลือดของอสูรระดับนักรบเข้าไปอีกครั้งและให้หมาป่าวิญญาณพักผ่อนสักครู่หนึ่งเพื่อปรับสภาพ
หมาป่าวิญญาณส่งเสียงหอนออกมาพร้อมกับยืนขึ้นอีกครั้ง มันกําลังส่งสัญญาณให้โม่ฝานดําเนินการต่อ
“ความแข็งแกร่งนี้ช่างน่าประทับใจ!” โม่ฝานพยักหน้ารับ
โครงสร้างของวิญญาณนั้นเป็นส่วนที่เต็มไปด้วยความเสี่ยง มันเปราะบางอย่างมาก แน่นอนว่าถ้าหากคาถาใดสามารถโจมตีวิญญาณของสิ่งมีชีวิตนั้นๆได้ มันจะสร้างความเจ็บปวดเสียยิ่งกว่าทางกายภาพ!
ถ้าหากว่าก่อนหน้านี้การหลอมรวมวิญญาณไม่สําเร็จและจิตวิญญาณทั้งหมดถูกทําลายลงไป แน่นอนว่านั่นจะกลายเป็นจุดจบของหมาป่าวิญญาณด้วยเช่นกัน
กระบวนการในก่อนหน้านี้ล้วนแต่เป็นการทดสอบความมุ่งมั่น ซึ่งมันเป็นขั้นตอนที่โม่ฝานไม่สามารถเข้าไปยุ่มย่ามได้เลย สิ่งเหล่านี้ขึ้นอยู่กับหมาป่าวิญญาณว่ามันจะสามารถอดทนต่อความเจ็บปวดได้ไหม
หมาป่าวิญญาณร้องคร่ําครวญออกมาในขณะที่โม่ฝานกําลังถ่ายเทวิญญาณเข้าไปในร่างกายของมัน
เนื่องจากระดับที่แตกต่างกันของจิตวิญญาณอสูร แน่นอนว่าสิ่งที่สูงกว่าย่อมต้องการที่จะกลืนกินพวกตัวเล็กทั้งหมด วิญญาณระดับต่ํากําลังถูกข่มขู่อย่างหนัก สิ่งที่เลวร้ายที่สุดที่สามารถเกิดขึ้นได้สําหรับอสูรเวทระดับต่ําก็คือจุดจบของพวกมันจะมาถึงถ้าหากว่าจิตวิญญาณระดับนักรบนั้นกลืนกินจิตวิญญาณทั้งหมดของมันไป!
วิญญาณระดับนักรบนั้นสูงกว่าวิญญาณระดับสามัญ พวกมันทั้งหมดล้วนแต่เป็นไปตามกฎแห่งป่า หมาป่าวิญญาณนั้นไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากอดทนจากแรงกดดันของวิญญาณระดับนักรบให้ได้ มิฉะนั้นถ้าหากวิญญาณของมันถูกกลืนกินไปพร้อมกับ เช่นนี้มันจะกลายร่างเป็นศพเดินได้ทันที
โม่ฝานจับจองเหตุการณ์ตรงหน้าด้วยความใกล้ชิดราวกับพ่อที่กําลังรอลูกน้อยของตนอยู่ที่หน้าห้องคลอด
เสียงร้องของหมาป่าวิญญาณดังออกมาอย่างต่อเนื่อง เห็นได้ชัดว่าร่างกายของมันกําลังแบกรับความเจ็บปวดไว้มากมาย
ขากรรไกรของมันสบกันแน่นมาก ฟันแหลมคมและเขี้ยวยาวคมปลาบเด่นชัดเป็นสง่าเมื่อจ้องมอง มันสบกันราวกับว่าจะทําลายอีกฝั่งให้แตกหักให้ได้ สําหรับเสียงร้องที่โหยหวนของมันนั้นราวกับว่าหัวใจของมันกําลังถูกฉีกขาดออกจากกัน ซึ่งความเจ็บปวดนี้ทําให้โม่ฝานรู้สึกเจ็บปวดตามไปด้วย
ในขั้นตอนนี้ใช้เวลาทั้งหมดเพียงห้านาทีเท่านั้น แต่ทว่าโม่ฝานนั้นรู้ดีว่าสําหรับหมาป่าวิญญาณมันเป็นอะไรที่ยาวนานกว่านั้น…
ไม่ว่าอย่างไรท้ายที่สุดแล้วมันสามารถอดทนจนผ่านพ้นไปได้
หมาป่าวิญญาณมักจะปฏิเสธการรักษาของโม่ฝานอยู่เสมอ มันไม่เคยร้องขอให้โม่ฝานจัดการบาดแผลของมันด้วยเวทมนตร์ของเขาเลย มันจะรอให้บาดแผลค่อยๆสมานเข้าหากันเอง ทุกสิ่งนั้นฟื้นฟูด้วยพลังกายของมันเองทั้งสิ้น
แม้ว่าการฟื้นฟูของมันจะไม่ได้ดีเลิศมากนักสําหรับอสูรเวทระดับสามัญ แต่ทว่ามันก็เพียงพอที่จะแสดงออกถึงความมุ่งมั่นที่มันมี!
หมาป่าวิญญาณนอนแผ่อย่างหมดแรงหลังจากถูกทรมานจากการสร้างวิญญาณ
ไม่ว่าร่างกายของอสูรเวทตัวนั้นจะแข็งแกร่งมากเพียงใด แต่ทว่าในเรื่องของจิตวิญญาณแล้วพวกมันอ่อนแออย่างมาก ไม่แปลกเลยที่มันจะเจ็บปวดมากในขั้นตอนนี้
แต่อย่างไรก็ตามขั้นตอนทั้งหมดยังไม่ได้จบลง…
ขั้นตอนการเสริมสร้างความแข็งแกร่งให้กับร่างกายนั้นเป็นส่วนที่ง่ายที่สุดในสามขั้นตอน มันสามารถกินกระดูกและหัวใจ เพื่อชดเชยพลังงานที่เสียไปก่อนหน้านี้ได้อย่างง่ายดาย
หมาป่าวิญญาณส่งเสียงร้องออกมาหลังจากที่มันนอนพักสักครู่
“อยากจะไปต่อแล้วใช่ไหม?” โม่ฝานถาม
หมาป่าวิญญาณพยักหน้ารับ
“เยี่ยม เราควรจะตีเหล็กในขณะที่มันยังร้อนอยู่!”
ในที่สุดก็มาถึงขั้นตอนสําคัญ เมื่อเสร็จสิ้นจากกระบวนการทั้งสามแล้ว ควรจะให้หมาป่าวิญญาณเริ่มการทะลุเข้าสู่ระดับต่อไปทันที นี่ก็เพราะทุกสิ่งนั้นยังสดใหม่อย่างมาก แน่นอนว่าหมาป่าวิญญาณก็ไม่อยากจะพลาด โอกาสที่ยอดเยี่ยมเช่นนี้ด้วยเหมือนกัน
โม่ฝานเริ่มถ่ายพลังเวทมนตร์ของเขาให้กับหมาป่าวิญญาณ หลังจากนี้โชคชะตาทั้งหมดได้อยู่ในมือของมันแล้ว!
หมาป่าวิญญาณยืนอยู่ตรงใจกลางสนามฝึกซ้อม ร่างกายของมันชุ่มฉ่ําไปด้วยเหงื่อไคล แต่ทว่ากลับให้ความรู้สึกที่ดุดันอย่างยิ่ง ร่างกายของมันนั้นดูบางลงไปมากแต่ทว่าในสายตาเต็มไปด้วยความเกรี้ยวกราดและจิตสังหารที่รุนแรง
มันเงยหน้าขึ้นฟ้าพร้อมกับปลดปล่อยเสียงหอนออกมาดังลั่น
เสียงร้องที่โหยหวนเต็มไปด้วยพลังงาน ออร่าที่แผ่กระจายออกมาอย่างแข็งแกร่งก่อให้เกิดกระแสลมขนาดใหญ่ ขนสีน้ําเงินเข้มกําลังสะบัดอย่างกรรโชกภายใต้แรงลมที่ถูกสร้างขึ้นด้วยตัวของมันเอง
โม่ฝานนั้นเคยเห็นเหตุการณ์เช่นนี้มาก่อน คราวนั้นมันคือหมาป่าตาเดียวที่กําลังวิวัฒนาการไปสู่หมาป่าเวทสามตา การปรากฏตัวของมันในคราวนั้นคืออาการเหนื่อยหอบและเต็มไปด้วยจิตสังหารแรงกล้า
ฉากที่คุ้นเคยได้ปรากฏขึ้นในหัวของโม่ฝาน แต่ทว่ากลิ่นอายของหมาป่าวิญญาณที่กําลังยืนอยู่ตรงหน้าของเขานั้นแข็งแกร่งกว่าหมาป่าตาเดียวในวันนั้นอย่างมาก
แต่ทุกสิ่งนั้นล้วนสมเหตุสมผลอยู่แล้ว หมาป่าตาเดียวในวันนั้นเพียงแค่ดื่มน้ําพุศักดิ์สิทธิ์เข้าไปเพียงเล็กน้อยเท่านั้น ซึ่งมันทําให้จิตวิญญาณของหมาป่าตาเดียวแข็งแกร่งขึ้นแต่ทว่าสิ่งอื่นไม่ได้แข็งแกร่งตาม
หมาป่าวิญญาณปล่อยเสียงครวญครางออกมาอีกครั้ง
ในขณะนี้ความแข็งแกร่งแผ่กระจายออกมาจากร่างกายของมัน ซึ่งมันคือคลื่นพลังมหาศาลที่มันพยายามจะ กักเก็เอาไว้แต่สุดท้ายก็ไม่อาจต้านทานได้จึงจําเป็นจะต้องปลดปล่อยมันออกมา ซึ่งทําให้โม่ฝานที่ยืนอยู่ใกล้ๆจําเป็นจะต้องถอยหลังไปหลายเมตรแม้ว่าเขาจะอยู่ในระดับมัชฌิมก็ตาม
ลมกรรโชกแรงปรากฏขึ้นรอบพื้นที่แห่งนี้ อย่างไรก็ตามเมื่อฝุ่นทั้งหมดได้เลือนหายไป โม่ฝานมองเห็นพายุทอร์นาโดขนาดใหญ่กําลังหมุนอยู่รอบกายของหมาป่าวิญญาณ
“ออร่านี้มัน… สําเร็จแล้วงั้นเหรอ?” โม่ฝานอุทานออกมาอย่างแผ่วเบาพร้อมกับใช้มือขยี้ตาที่กําลังถูกโจมตีด้วยเศษฝุ่นมากมาย