จอมเวทอหังการ - ตอนที่ 269
บทที่ 269: หมาป่าจ้าวสงคราม!
ออร่านั้นเป็นสัญลักษณ์เพียงอย่างเดียวของอสูรระดับนักรบ!
อสูรระดับสามัญนั้นไม่มีออร่าพลังของตนเอง พวกมันสามารถข่มขู่อสูรเวทที่ต่ําต้อยกว่าด้วยพละกําลังและรูปร่างอันสูงส่งพร้อมกับจิตสังหารที่แผ่กระจายออกมา
อย่างไรก็ตามเมื่ออสูรตัวนั้นก้าวเข้าสู่ระดับนักรบ ออร่าพลังที่ล้นเหลือของมันจะแผ่กระจายออกมาอย่างน่าเกรงขาม ถือได้ว่าเป็นการประกาศอาณาเขตของตนเอง มันสามารถข่มขอสูรเวทที่อยู่ใกล้เคียงได้โดยที่ไม่ต้องทําอะไรทั้งสิ้น และอาจจะสามารถขัดขวางการร่ายเวทมนตร์ของนักเวทระดัชมัชฌิมได้ด้วย
เสียงหอนครั้งที่สามเกิดขึ้น ขณะนี้โม่ฝานรู้ได้อย่างง่ายดายว่ามันแตกต่างจากเมื่อก่อนโดยสิ้นเชิง เสียงบาดหูนี้ทําให้สมองของเข้าอื้ออึงไปชั่วขณะ
ฝนยังคงลอยคละคลุ้งอยู่ในอากาศอย่างหนาแน่นเช่นเดิม ลมกรรโชกแรงไม่มีท่าทีว่าจะหยุดลงแต่อย่างใด หมาป่าวิญญาณในตอนนี้มีร่างกายที่สูงกว่าสี่เมตร!
ท้ายที่สุดความโกลาหลทุกอย่างได้หายไปจนหมดสิ้น วิสัยทัศน์ของเขากลับมาเป็นปกติอีกครั้ง รูปร่างของหมาป่าวิญญาณปรากฏขึ้นอย่างแจ่มชัด โม่ฝานจับจ้องไปที่ร่างกายของมันพร้อมกับอุทานภายในใจได้เพียงคําเดียว “สุดยอดไปเลย!”
ก่อนหน้านี้รูปร่างของหมาป่าวิญญาณนั้นคืออสูรร้ายที่เต็มไปด้วยความดุร้ายเกรี้ยวกราด สิ่งเดียวที่โดดเด่น ก่อนหน้านี้คือขนสีฟ้าเข้มของมันเท่านั้น
ในตอนนี้รูปร่างของมันดูสมดุลอย่างมาก ทั้งกล้ามเนื้อต่างๆ ทุกส่วนล้วนแต่เต็มไปด้วยความสมบูรณ์แบบ แขนและขาของมันเรียวขึ้นและดูสมส่วนทําให้ไม่ดูดุร้ายมากเกินไป แต่ทว่ากลับทําให้มันชวนมองอย่างมาก!
โม่ฝานรู้สึกประหลาดใจกับการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่นี้ ท้ายที่สุดแล้วสิ่งมีชีวิตเหล่านี้มักจะไม่ค่อยเปลี่ยนแปลงรูปร่างมากนัก ไม่ว่าจะเป็นความแข็งแกร่งหรือความคล่องตัวใดๆก็ตาม คราวแรกโม่ฝานคิดว่าหมาป่า วิญญาณของเขาคงจะดูดุร้ายมากขึ้นยิ่งกว่าเดิมและคงจะเกรี้ยวกราดมากกว่านี้อีกหลายเท่า แต่ทว่ามันกลับเปลี่ยนเป็นความปราดเปรียวที่เพิ่มเข้ามาดูฉลาดหลักแหลมและสง่างามอย่างมาก!
มันตรงกับคําพูดที่ว่า “ลูกไม้หล่นไม่ไกลตัน” เจ้านายของมันนั้นเต็มไปด้วยความสง่างามและฉลาดอย่างมาก ในตอนนี้อสูรอัญเชิญของเขาก็กําลังเดินตามรอยเท้าของเขามาได้อย่างยอดเยี่ยม!
ภายในอพาร์ตเม้นต์…
เฉียนอ ฮัวนั้นนั่งอยู่ในห้องของตนเองพร้อมกับถือตําราโบราณลึกลับอยู่ในมือ อย่างไรก็ตามเขาไม่สามารถที่จะมีสมาธิอยู่กับหนังสือเล่มนี้ได้เลย
โดยปกติแล้วเมื่อเขาหยิบหยกหนังสือโบราณเกี่ยวกับโลกใบนี้ขึ้นมาอ่าน สมาธิทั้งหมดของเขามักจะจดจ่ออยู่กับตําราในมืออย่างไม่อาจหลีกเลี่ยง เขามักจะมีความต้องการที่จะอ่านหนังสือเหล่านี้อยู่ตลอดเวลา หากว่างเมื่อไหร่จําเป็นจะต้องหยิบยกมันขึ้นมาอ่านทันที
แต่อย่างไรก็ตามในตอนนี้ข่าวใหม่ที่เขาเพิ่งได้รับมาจากเพื่อนเก่านั้นทําให้เขารู้สึกไม่สบายใจอย่างมาก แม้ว่ามันจะยังไม่ได้ถูกยืนยันว่าเป็นความจริงไหมก็ตาม แต่สิ่งเหล่านี้เขาเคยได้ยินมันมาก่อนเกี่ยวกับเรื่องราวของธาตุใหม่ที่กําลังก่อตัวขึ้น
“อาวุโส ทําไมวันนี้ผมไม่เห็นโม่ฝานเลย?” คู่ฮั่นเดินเข้ามาพร้อมกับยิงคําถามทันที
“โอ้ เขาอยู่ที่สนามฝึกซ้อมน่ะ ตอนนี้เขากําลังช่วยหมาป่าวิญญาณพัฒนาสู่ระดับนักรบอยู่” เฉียนอวฮัวตอบกลับ
เจินหมิงเฉวียนและหลัวซ่งนั้นนั่งอยู่ในห้องนี้ด้วยเช่นกัน ขณะที่ทั้งสองได้ยินเช่นนั้นหลัวซ่งอดไม่ได้ที่จะระเบิดเสียงหัวเราะออกมา “แทบจะเป็นไปไม่ได้เลยที่มันจะสําเร็จ ไม่ว่าจะพยายามเท่าไหร่ก็คงจะไม่มีประโยชน์หรอก สุดท้ายแล้วเขาก็คงจะล้มเหลวและกลับคืนสู่ระดับต่ําสุดเท่านั้นแหละนะ”
แต่สําหรับเงินหมิงเฉวียนยังคงนั่งเงียบ เขาอดไม่ได้ที่จะรู้สึกอิจฉาเมื่อได้ยินชื่อของโม่ฝาน
มันไม่สมเหตุสมผลเลยที่ได้รู้ว่าแท้จริงแล้วโม่ฝานนั้นครอบครองธาตุคู่มาตั้งแต่กําเนิด
“พวกเราลองไปดูกันดีกว่า ไม่ว่ายังไงมันก็คงจะดีถ้าหากว่าไม่มีอบัติเหตอันตรายอะไรเกิดขึ้นในตอนฮั่นเสนอ
“อืม ไปสิ”
เงินหมิงเฉวียนและหลัวซ่งสบตากันอยู่ครู่หนึ่งก่อนที่จะพูดออกมาพร้อมกันว่า “พวกผมไปด้วย!”
ทั้งสองเดินตามคู่ฮั่นและเฉียนอวฮัวไปที่สนามฝึกซ้อม ซึ่งพอดิบพอดีกับเวลาของโม่ฝานในห้องซ้อมนั้นได้ หมดลงแล้ว ประตูสนามของเขาจึงเปิดออกโดยอัตโนมัติ
ขณะที่ทุกคนมาถึง กลิ่นที่รุนแรงกระแทกเข้ากับใบหน้าของพวกเขาอย่างไม่ทันตั้งตัว อีกทั้งยังมีลมพายุขนาดใหญ่ที่พัดกรรโชกอย่างรุนแรงจนไม่สามารถลืมตาขึ้นได้
“บัดซบ ตอนนี้เขาไม่สามารถควบคุมอสูรอัญเชิญของตัวเองได้งั้นเหรอ?” คู่ฮันตะโกนออกมาพร้อมกับท่าที่ กังวล
เห็นได้ชัดว่าบริเวณโดยรอบนี้เต็มไปด้วยเปลวไฟของโม่ฝาน ซึ่งเขากําลังต่อสู้กับบางสิ่งอยู่!
“มีความเป็นไปได้สูงมาก ถ้าหากว่าหมาป่าวิญญาณระดับสามัญตัวนั้นไม่อาจต้านทานพลังระดับนักรบได้ มันจะถูกกลืนกินจิตวิญญาณไปจนหมดสิ้น แล้วเมื่อถึงเวลานั้นแล้วอสูรอัญเชิญจะสูญเสียการควบคุมและตรา ประทับวิญญาณที่ผูกพันธ์กันระหว่างเจ้านายจะหายไปจนหมดสิ้น ส่งผลให้มันมีอิสระอีกครั้ง…”
“เฮ้อ ฉันควรจะเตือนเขาก่อนหน้านี้ว่าอย่าเอาอสูรอัญเชิญในมิติมาเป็นอสูรสัญญา มิฉะนั้นมันจะเกิดเรื่องอย่างนี้ขึ้น” คู่ฮันบ่นพึมพําออกมาพร้อมทั้งกังวลใจกับอันตรายที่กําลังเกิดขึ้นกับโม่ฝานอย่างหนัก
ดวงตาของหลัวซ่งและเงินหมิงเฉวียนทอประกายทันทีเมื่อได้ยินเช่นนั้น
นี่มันเป็นข่าวใหม่ที่ยอดเยี่ยมจริงๆ! ถ้าหากว่าอสูรอัญเชิญนั้นขัดขืนเขา นั่นหมายความว่าเขาจะต้องสูญเสีย
เวทและยังต้องเสียเงินจํานวนมากโดยเปล่าประโยชน์อีกด้วย!
ทั้งสี่รีบวิ่งตรงไปด้านในของสนามฝึกซ้อมอย่างรวดเร็ว พวกเขามองเห็นโม่ฝานยืนอยู่ตรงกลางสนามพร้อมกับเปลวไฟที่ดุร้ายของเขากําลังกวาดไปทั่วบริเวณอย่างเกรี้ยวกราด
อีกด้านหนึ่งของสนามคืออสูรเวทรูปร่างสูงใหญ่ขนสีดําทมิฬ ร่างกายของมันเต็มไปด้วยความสง่างามแต่ก็แอบแฝงไปด้วยความดุร้าย แขนขาของมันราวกับว่าเคลือบไว้ด้วยแสงจันทราและดูเหมือนทุกท่วงท่าการเคลื่อนไหวของมันนั้นราวกับว่ากําลังเหยียบอยู่บนเมฆา!
สายตาของพวกเขาทั้งหมดจับจ้องอยู่ที่หมาป่าขนดําทมิฬตรงหน้า เขี้ยวของมันใหญ่โตลักษณะราวกับเสือเขี้ยวดาบ ซึ่งความแหลมคมของมันนั้นไม่ต้องพูดถึงเพียงแค่มองด้วยตาเปล่าก็ทําให้ร่างกายสั่นสะท้านได้อย่างง่ายดาย ร่างกายของมันดูเด่นเป็นสง่าและชวนหลงใหลอย่างยิ่ง
“นั่นมัน..” เฉียนอวฮัวถอดแว่นของตนเองออกช้าๆ พร้อมกับขยี้ตาและจับจ้องอสูรเวทตรงหน้าด้วยสายตาที่ไม่เชื่อถือ
อู่ฮั่นนั้นไม่ค่อยรอบรู้เกี่ยวกับอสูรวิญญาณเท่าไหร่นัก แต่เขาสามารถรู้สึกได้ว่าเจ้าตัวนี้นั้นไม่ใช่อสูรธรรมดาทั่วไป แม้ว่าเขาจะใช้ความรู้สึกจับจ้องมัน เขารู้สึกได้ว่าบุคคลที่จะได้ครอบครองเจ้าตัวนี้ควรจะเป็นนักเวทธาตุอัญเชิญระดับสูงเท่านั้น นั่นเป็นเพราะว่าอสูรอัญเชิญตัวนี้มันดูดีเกินไป… ดูดีมาก!
“หมาป่าจ้าวสงคราม!” ในที่สุดเฉียวอวี่ฮัวก็ร้องชื่อของอสูรร้ายตรงหน้าออกมาอย่างตื่นเต้น “มันคือหมาป่าจ้าวสงครามจริงๆ มันคือสายพันธุ์ของหมาป่าที่เต็มไปด้วยความคล่องแคล่ว!”
“หมายความว่า… โม่ฝานสามารถพัฒนาอสูรอัญเชิญของเขาได้สําเร็จงั้นเหรอ?” คู่ฮั่นจ้องมองสิ่งมีชีวิตที่สง่างามตรงหน้าด้วยแววตาที่ประหลาดใจระคนตื่นเต้น
อสูรเวทระดับนักรบสามารถต่อสู้กับนักเวทระดับมัชฌิมได้ถึงสองสามคนในคราวเดียว ดังนั้นถ้าหากนักเวทธาตุอัญเชิญคนไหนสามารถครอบครองอสูรอัญเชิญระดับนักรบได้ พวกเขาจะอยู่เหนือกับนักเวทในรุ่นเดียวกันโดยสมบูรณ์ เช่นเดียวกับลือเชิงเห่อซึ่งครอบครองอสูรอัญเชิญระดับนักรบด้วยเช่นกัน แม้ว่าเงินหมิงเฉวียนและมู่หนิวเจียวคือนักเวทระดับมัชฌิม ก็ยังไม่สามารถจะต่อกรกับอสูรร้ายระดับนักรบตัวนั้นได้เลย
แต่ทรัพยากรที่นักเวทธาตุอัญเชิญจําเป็นจะต้องมีในการพัฒนาอสูรเวทของตนเองนั้นนับได้ว่าเป็นเรื่องที่ยิ่งใหญ่อย่างมาก การสูญเสียในครั้งนี้นั้นมากกว่าธาตุอื่นๆหลายเท่านัก หมาป่าวิญญาณของโม่ฝานนั้นขึ้นแท่นอันดับหนึ่งเมื่อมันเปิดตัวที่สถาบันเมิงจู่ครั้งแรก อย่างไรก็ตามผ่านมากว่าหนึ่งปีแล้วหมาป่าวิญญาณก็ยังไม่ได้พัฒนาความแข็งแกร่งของมันขึ้นเลย ซึ่งนั่นกลายเป็นจุดอ่อนของมันไปโดยปริยาย แต่โชคยังเข้าข้างเขาอยู่ เพราะวันนี้โม่ฝานได้ประสบความสําเร็จในการวิวัฒนาการอสูรเวทของตนเองแล้ว นี่คือปัจจัยสําคัญที่จะตัดสินว่า นักเวทธาตุอัญเชิญคนนั้นจะกลายเป็นเทพเจ้าหรือเป็นเพียงสวะชิ้นหนึ่ง!
แต่สิ่งที่แน่นอนในตอนนี้ก็คือโม่ฝานที่อ่อนแอคนนั้นได้ตายไปพร้อมกับอดีตแล้ว!
ในตอนนี้โม่ฝานกลายเป็นเจ้าของอสูรร้ายผู้ซึ่งมีความสามารถเป็นขุนศึกที่ยอดเยี่ยมในสงคราม มันสามารถเพิ่มพลังการต่อสู้ของโม่ฝานเพิ่มขึ้นได้มากถึงสามในสิบส่วนอย่างง่ายดาย!