จอมเวทอหังการ - ตอนที่ 254
บทที่ 254: ทีมไฟท์
ในเวลาของเช้าวันนี้มีนักเรียนจากสถาบันอื่นซึ่งจะต้องเข้าร่วมการประลองกับมหาวิทยาลัยจักรพรรดิและในตอนบ่ายจะเป็นคู่ของมหาวิทยาลัยจักรพรรดิกับสถาบันเมิงจู่
แน่นอนว่าการประลองในครั้งนี้เต็มไปด้วยผู้ชมอย่างเนืองแน่น ผู้คนมากมายให้ความสนใจกับเหตุการณ์ที่กําลังจะเกิดขึ้นอย่างล้นหลาม
โม่ฝานนั้นวุ่นวายอยู่กับจี้ทมิฬของเขาตลอดทั้งคืน ซึ่งในเช้าตรู่วันนี้นักเรียนคนอื่นติดตามอู่ฮั่นเพื่อไปชมการต่อสู้กันหมดแล้ว แต่ทว่าโม่ผ่านไม่ได้คิดจะไปดูสิ่งไร้สาระเหล่านั้น เขาใช้เวลาทั้งหมดในช่วงเช้านี้นอนหลับลึกอยู่บนเตียงของตนเอง ถ้าหากว่าเขาไปร่วมชมการต่อสู้พวกนั้นเขาจะเอาเรี่ยวแรงที่ไหนไปต่อสู้กับนักเรียนสุดเย่อหยิ่งจากมหาวิทยาลัยจักรพรรดิกันล่ะ?
ขณะที่โม่ผ่านกําลังนอนหลับอยู่ นักเรียนคนอื่นนั้นยืนอยู่ที่บริเวณเวทีประลองแล้ว
สถาบันที่เข้าร่วมในการประลองครั้งนี้มีทั้งหมดหกสถาบันด้วยกัน ซึ่งทั้งหมดนี้เป็นสถาบันที่มาจากทาง เหนือ ใต้ ออกและตกของประเทศ พวกเขาล้วนเป็นสถาบันที่เต็มไปด้วยชื่อเสียง
อย่างไรก็ตามนักเรียนจากมหาวิทยาลัยจักรพรรดิไม่ได้กังวลเกี่ยวกับสถาบันอื่นๆมากนัก เป้าหมายที่แท้จริงของพวกเขานั้นคือนักเรียนจากสถาบันเมิงจู่เท่านั้น
ในเช้าตรู่ ความรู้สึกของการอยากจะต่อสู้นั้นถาโถมเข้ามาในบทสนทนาของทุกคน หลัวซ่งและซือต้าหลงนั้นเป็นบุคคลที่เต็มไปด้วยเรี่ยวแรงและความเย่อหยิ่ง ทั้งสองนั้นต้องการที่จะปะทะกับใครบางคนเต็มที่แล้ว บทสนทนาที่เต็มไปด้วยการเหยียดหยันได้เริ่มขึ้นทันทีในเช้านี้ข้างเวทีประลอง
“หลัวซ่ง นายน่ะเป็นคนที่ฉลาดนะ ฉันรู้ว่านายไม่ต้องการที่จะเป็นหางของนกฟีนิกซ์หรอกใช่ไหม ถ้าเช่นนั้น นายก็เลยพยายามที่จะเป็นหงอนไก่… เอ๊ย หัวไก่แทน! อ่า ฉันมาคิดๆดูเรื่องนี้แล้ว มันก็สมเหตุสมผลอยู่นะ สำหรับใครบางคนอย่างนายน่ะ ความแข็งแกร่งก็อยู่ในระดับกลางๆของมหาวิทยาลัยจักรพรรดิเท่านั้นเอง ฉันว่าสถานที่แห่งนี้มันคงไม่เหมาะกับนายนักหรอก” ซื้อต้าหลงกล่าวอย่างตรงไปตรงมา เขารู้สึกแค่อยากจะพูดเขาก็พูดมันออกมาอย่างโจ่งแจ้ง
*ผู้แปล : หลัวซ่งเคยอยากเข้ามหาวิทยาลัยจักรพรรดิมากแต่เข้าไม่ได้
อู่ฮั่นที่ได้ยินเช่นนั้นรู้สึกโกรธทันที สายตาของเขาเหลือบไปหาเจ้าของประโยคนี้อย่างฉับไว
“ไอ้เด็กสารเลว แกจะบอกว่าแกเป็นฟีนิกซ์แล้วฉันเป็นไก่งั้นเหรอ?”
“ซื่อต้าหลงอย่าหยาบคายเช่นนั้น ขอทุกท่านจงอย่าได้ถือสาเลย ผมขอโทษแทนชื่อต้าหลงด้วย เขาค่อนข้างเป็นคนที่หยาบกระด้างเกินไป ได้โปรดยกโทษให้พวกเราด้วย” ลูยหมิงรีบพูดออกไปอย่างรวดเร็ว เพื่อไม่ให้เกิดความขัดแย้งที่บานปลาย
เขาเป็นคนที่หยาบกระด้างเกินไปงั้นเหรอ? อาจารย์สู่ยหมิงมีความคิดเช่นนี้จริงๆเหรอ?” คู่ฮั่นสาปแช่งอยู่ภายในใจอย่างไม่สบอารมณ์
อู่ฮั่นสูดลมหายใจเข้าลึกๆพร้อมกับเผยสีหน้าเย็นชาออกมา แม้ว่าเขาจะจบจากสถาบันเมิงงูและดํารงตําแหน่งอาจารย์อยู่ที่นี่ เขาไม่มีเหตุผลอะไรที่จะลดตัวลงไปเพียงเพราะอีกฝ่ายคือมหาวิทยาลัยจักรพรรดิ!
“เอ่อ..” ลุยหมิงเห็นสีหน้าไม่พอใจของอีกฝ่ายเขารีบเร่งเปลี่ยนหัวข้อการสนทนาอย่างรวดเร็ว “เมื่อตอนที่ผมไปรับพวกคุณมา ผมจําได้ว่ามีนักเรียนทั้งหมดเก้าคนไม่ใช่เหรอ ทําไมในตอนนี้เหลือเพียงแปดคนล่ะ?”
เฉียวอวฮัวนั้นเริ่มรู้สึกดีกับโม่ฝานขึ้นมาเยอะกว่าเดิมมาก เขารีบขัดจังหวะอู่ฮั่นพร้อมตอบออกไปทันที “นักเรียนคนนั้นนอนไม่ค่อยหลับ ตอนนี้เขากําลังพักผ่อนอยู่”
“ฮ่าฮ่าฮ่า พวกคุณไม่จําเป็นจะต้องรู้สึกกดดันขนาดนั้นก็ได้นะ นี่เป็นเพียงการประลองเรียกน้ําย่อยเท่านั้น พวกคุณทั้งหมดถึงกับนอนไม่หลับเลยงั้นเหรอ!” ลุยหมิงเริ่มระเบิดเสียงหัวเราะออกมาทันที
“…” ใบหน้าของเฉียวอวฮัวเปลี่ยนเป็นดํามืดอย่างรวดเร็ว
นับตั้งแต่ได้พบกันเมื่อวานนี้ เขารู้สึกว่าลูยี่หญิงคนนี้มีปัญหากับพวกเขาทั้งหมดอยู่อย่างลับๆ ในวันนี้ทุกคนได้เข้าใจอย่างถ่องแท้แล้วว่าชายคนนี้ไม่ได้มีอะไรดีเลยแม้แต่สิ่งที่พ่นออกมาจากปากของเขาเอง!
“ไม่ว่าคนๆนั้นจะมาหรือไม่มา เพียงแค่พวกเราไม่กี่คนก็สามารถจัดการกับพวกคุณได้ไม่ยากเย็นนักหรอก” เงินหมิงเฉวียนได้ยินเช่นนั้นรู้สึกโกรธจนหน้าแดง เขาลุกขึ้นยืนพร้อมสายตาคมปลาบมองไปยังกลุ่มของมหาวิทยาลัยจักรพรรดิทันที
“อย่างนั้นเหรอ? นายคิดว่านายสามารถจะอวดเบ่งได้ทุกที่งั้นเหรอ?” เหล่าหมิงฉยวนกล่าวออกมาด้วยรอยยิ้มเย็นชา
“ที่แกพูดออกมาน่ะหมายถึงใครกันแน่?” เฉินหมิงเฉวียนโต้กลับทันควัน
“พอได้แล้ว อะไรคือการโต้เถียงกันไปมาเช่นนี้? ใช้ความสามารถของพวกคุณจัดการสิ่งต่างๆในช่วงบ่ายแทนเถอะ อย่าเสียเวลาพูดพล่าม!” คู่ฮันแทรกขึ้นมาอย่างเย็นชา
“อ่าใช่แล้ว ใช้ความแข็งแกร่งเพื่อพิสูจน์ตัวเองกันดีกว่านะ” ลุยหมิงนั้นเต็มไปด้วยความเจ้าเล่ห์มากมาย แท้จริงแล้วเขาไม่สนเลยสักนิดว่าความสัมพันธ์ระหว่างนักเรียนเหล่านี้จะเป็นอย่างไร
“แล้วโม่ฝานล่ะ? เขาไปไหนถึงยังไม่มา?”
“ตอนนี้เขาตื่นแล้วครับ อย่างไรก็ตามเขาบอกว่าเขาจะแวะไปพบคนรักของตนเองสักหน่อย แน่นอนว่าเขาจะมาทันในช่วงบ่าย” จําวหม่าหยันกล่าวออกมาตรงๆ
โม่ผ่านตื่นขึ้นมาในช่วงบ่าย ทุกคนออกไปจากห้องหมดแล้วเหลือเพียงเขาและอาหารกลางวันของตนเอง เขาจัดการทุกสิ่งอย่างเงียบเชียบและเร็วรี่
มหาวิทยาลัยจักรพรรดินั้นค่อนข้างที่จะใหญ่มาก ความแตกต่างอย่างชัดเจนที่สุดของสองสถาบันนี้ก็คือต้นไม้ที่สูงใหญ่ราวกับจะแตะท้องฟ้าได้ เส้นทางเล็กๆเต็มไปด้วยต้นไม้ขนาดใหญ่ล้อมรอบเอาไว้ทุกหนแห่ง อีกทั้งการออกแบบต่างๆยังแสดงถึงการออกแบบของสถาปัตยกรรมสมัยโบราณ มันแตกต่างจากนครเซี่ยงไฮ้ที่ พัฒนาไปตามเทคโนโลยีของยุคปัจจุบันโดยสมบูรณ์
ทุกสิ่งนั้นสมเหตุสมผลแล้วที่เป็นเช่นนี้ สถานที่แห่งนี้เต็มไปด้วยประวัติศาสตร์และผู้คนที่มากความสามารถอย่างล้นเหลือ แม้แต่ท่อระบายน้ําที่แสนสกปรกยังมีชื่อเป็นของตนเอง การออกแบบของพวกมันเต็มไปด้วยกลิ่นอายแห่งความโบราณกาล ไม่แปลกใจเลยว่าทําไมนักเรียนที่นี่จึงได้เต็มไปด้วยความหยิ่งยโส สถานที่แห่งนี้ เต็มไปด้วยผู้เชี่ยวชาญที่สูงส่งราวกับก้อนเมฆ มันสะท้อนความโด่งดังของวีรบุรุษในตํานานมากมาย แม้แต่บุคคลที่ถ่อมตนก็ยังมีความกล้าที่จะแสดงออกอย่างเย่อหยิ่งเมื่อได้เข้าสู่สถานที่แห่งนี้!
ไม่รู้ว่าเป็นเพราะความรู้ต่างๆที่เขาได้รับเพิ่มมาจากเฉียวอว์ฮัวหรือเปล่า ในตอนนี้อารมณ์ของเขานั้นต้องการที่จะเดินไปรอบๆมหาวิทยาลัยจักรพรรดิเพื่อตรวจสอบสิ่งต่างๆ แต่ทว่าเขากลับต้องถอนหายใจยาวอย่างน่าเสียดาย…เขาหายจากกลุ่มมานานมากแล้ว หมดเวลา!
ด้วยความช่วยเหลือจากพี่สาวคนหนึ่ง โม่ฝานจึงเดินทางมาถึงสนามประลองในที่สุด
เวทีการประลองนั้นยิ่งใหญ่อย่างมาก มันมีเสาสีขาวด้านนอกทําให้ดูโอ่อ่าและให้บรรยากาศลึกลับราวกับยืนอยู่ท่ามกลางกรุงโรมโบราณ
รูปแบบของสนามประลองแห่งนี้เต็มไปด้วยความแปลกประหลาด ในใจของเขารู้สึกตื่นเต้นกับบรรยากาศเช่นนี้อย่างมาก ดูเหมือนว่าด้านในของมันนั้นคล้ายคลึงกับกรุงโรมซึ่งมีรูปร่างเป็นวงกลม คล้ายกับมันถูกออกแบบมาให้เหมือนกับรวงผึ้งทําให้ดูน่าสนใจและชวนหลงใหลอย่างช่วยไม่ได้
หลังจากที่ขาของโม่ผ่านก้าวเข้ามาในสนามประลอง เขารู้สึกว่าเขามาได้ทันเวลาพอดี นี่เป็นช่วงที่มหาวิทยาลัยจักรพรรดิจะต้องสู้กับสถาบันเมิงจู่
ขณะที่เขาเดินมาถึงทีมของตนเอง เขารับรู้ได้ถึงบรรยากาศที่สุดแสนจะกดดัน ทุกคนเต็มไปด้วยจิตสังหารอย่างท่วมท้น โม่ฝานรู้สึกว่าปัญหาในตอนนี้จะต้องใช้การต่อสู้เยียวยาเท่านั้น!
“มีอะไรกันรึเปล่า?” โม่ผ่านหันไปถามจ้าวหม่าหยัน
“มันจะมีอะไรได้อีกล่ะ? พวกเขาปะทะฝีปากกันน่ะ หลัวซึ่งโต้เถียงกับนักเรียนของมหาวิทยาลัยจักรพรรดิที่ ชื่อซือต้าหลง บรรยากาศจึงได้คุกรุ่นเช่นนี้” จ้าวหม่าหยันอธิบายเรียบๆ
“เยี่ยมไปเลย ฉันชอบบรรยากาศอย่างนี้ชะมัด ถ้าหากว่าพวกเขาต่อสู้กันด้วยความเมตตาและอ่อนน้อมล่ะก็… ฉันคงจะต้องเอาหัวมุดดินเพื่อออกไปจากสถานที่แห่งนี้” โม่ฝานกล่าวออกมาอย่างชอบใจ
“ฉันก็ด้วย” จ้าวหม่าหยันไม่ปฏิเสธเช่นกันว่าเขามีรสนิยมเช่นนี้
แน่นอนว่าเรื่องความขัดแย้งของมหาวิทยาลัยจักรพรรดิกับสถาบันเมิงจู่นั้นเป็นสิ่งที่ทุกคนรู้ดีอยู่แล้ว
ผู้คนมากมายล้วนแต่ตื่นเต้นเมื่อมารวมตัวกันอยู่ในสถานที่แห่งนี้ ทั้งสองฝ่ายไม่จําเป็นเลยที่จะต้องแสดง ความเมตตาต่อกัน พวกเขาต้องการที่จะต่อสู้กันทันทีที่สามารถทําได้ ทุกคนจะได้เห็นกันว่าในวันนี้สถาบันเมิงจูนั้นสมควรที่จะได้รับขานนามว่าเป็นสถาบันอันดับหนึ่งของประเทศหรือไม่! หรือว่าจะเป็นฝ่ายมหาวิทยาลัยจักรพรรดิซึ่งจะสามารถโค่นล้มสถาบันเมิงงูและรักษาตําแหน่งอันดับหนึ่งกันแน่!
“พวกเราจะต่อสู้กันแบบไหนเหรอ?” โม่ผ่านใช้ศอกของเขาสะกิดม่หนิวเจียวซึ่งสวมเสื้อกันหนาวขนเป็ดสีขาวนั่งอยู่ด้านข้างของเขา ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความอยากรู้อยากเห็น
ถ้าหากว่าเป็นคนอื่นทําเช่นนี้กับเธอ แน่นอนว่ามู่หนิวเจียวจะใช้วายุหมุนทอร์นาโดส่งบุคคลผู้กล้าหาญเช่นนี้ให้ลอยไปสุดขอบฟ้าทันที เพราะว่าเธอไม่ได้ชื่นชอบให้ใครมาแตะเนื้อต้องตัวเช่นนี้อยู่เป็นทุนเดิม
แต่อย่างไรก็ตามพวกเขาทั้งสองคนนั้นอาศัยอยู่ร่วมห้องกัน เช่นนี้มันจึงมีความคุ้นเคยอย่างมาก เธอแสร้งทําเหมือนว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้นทั้งนั้นกับเหตุการณ์เช่นนี้
“พวกเราจะออกไปสี่คนและพวกเขาก็จะส่งไปสี่คนเหมือนกัน เรียกว่าทีมไฟท์น่ะ” มู่หนิวเจียวถอนสายตาออกจากใบหน้าที่เข้ามาใกล้ของโม่ผ่านพร้อมกับรักษาระยะห่างเล็กน้อย
“เยี่ยม ฉันชอบ!” โม่ผ่านตบหน้าขาของตนเองพร้อมกับรอยยิ้มชั่วร้ายปรากฏบนใบหน้า
ในขณะนี้ทุกคนยังคงมีคาถาจํานวนมากที่พวกเขายังไม่สามารถเข้าใจมันได้อย่างถ่องแท้ ถ้าหากว่าจะต้องต่อสู้มันด้วยตัวคนเดียว แน่นอนว่าพวกเขาจําเป็นจะต้องพึ่งพาอุปกรณ์ของตนเองซะส่วนมาก โดยพื้นฐานแล้วบุคคลที่จะมีสิทธิ์ชนะในการต่อสู้แต่ละครั้งคือคนที่มีพลังเวทล้นเหลือและยืนอยู่ได้นานกว่าผู้อื่นในการต่อสู้ ที่น่าเบื่อหน่าย…
แต่การต่อสู้แบบทีมไฟท์นั้นแตกต่างออกไป นักเวทแต่ละธาตุนั้นมีความสามารถเฉพาะตัวและยังมีอุปกรณ์เวทมนตร์เพื่อสนับสนุนตนเอง ด้วยความร่วมมือกันของทุกฝ่ายจะทําให้การต่อสู้ยิ่งสมดุลมากขึ้น การนําสถาบันทั้งหมดมาเข้าร่วมการประลองในครั้งนี้ถือได้ว่าเป็นการแบ่งแยกระดับของเหล่านักเรียนอย่างชัดเจน นี่คือ การทดสอบที่เต็มไปด้วยความเข้มข้น พวกเขาจําเป็นจะต้องมีความแข็งแกร่ง ไหวพริบ ทักษะการเอาตัวรอด และแน่นอนว่าจําเป็นจะต้องมีทักษะการต่อสู้เป็นทีม!