การกลับมาของฮีโร่ - ตอนที่ 174
ตอนที่ 174
คําพูดที่ไม่นึกไม่ฝันว่าจะได้ยิน ดังกังวานไปทั่วโสตประสาทของซูฮยอน
ซูฮยอนเป็นคนที่เก็บอาการค่อนข้างเก่งและไม่ตื่นตระหนกตกใจกับอะไรง่ายๆ แต่ถ้อยคําที่กอร์ดอนโรฮันกล่าวเมื่อครู่ ทําเอาสมองของเขาลัดวงจร ความคิดอ่านหยุดชะงัก
“นายอยากเข้าร่วมกิลด์ของพวกเรา? พูดจริงพูดเล่นเนี่ย”
“ตกใจอะไรเบอร์นั้น? นายไม่ชอบความคิดของฉันสินะ งั้นก็ช่างมันเถอะ”
“ไม่ใช่อย่างนั้นหรอก ถ้าจําไม่ผิดนายเคยให้สัมภาษณ์กับนักข่าวมาก่อนว่าไม่สนใจเข้าร่วมกิลด์ใด แต่จู่ๆนายก็พูดโพล่งว่าอยากเข้ากิลด์ ฉันเลยแปลกใจนิดหน่อย”
มีกิลด์หลายแห่งคะยั้นคะยอเชิญชวนกอร์ดอนโรฮันอย่างเอาเป็นเอาตาย พยายามดึงตัวอีกฝ่ายให้เข้าร่วม เป็นสมาชิกกิลด์ที่ติดอันดับโลกส่วนใหญ่มักมีถิ่นฐานตั้งอยู่บนแผ่นดินสหรัฐอเมริกาจะบอกว่าสหรัฐอเมริกา เป็นดินแดนที่รวบรวมกิลด์ชื่อดังเอาไว้ที่เดียวกันก็ไม่ผิดนัก นอกจากกิลด์ในประเทศแล้ว ต้องไม่ลืมว่ายังมีกิลด ต่างประเทศอีกนับไม่ถ้วนที่มีความสัมพันธ์ใกล้ชิดทางด้านธุรกิจกับบริษัทกอร์ดอน พวกเขาเองก็ประสงค์อยากได้ตัวกอร์ดอนโรฮันเป็นสมาชิกกิลด์ด้วยเช่นกัน
หากมีกอร์ดอนโรฮันสังกัดอยู่ในกิลด์ ความปรารถนาที่จะเป็นกิลด์อันดับหนึ่งของโลก จะไม่ใช่ฝันลม ๆ แล้ง ๆ อีกต่อไป
แต่กอร์ดอนโรฮันบอกปัดคําเชิญชวนจากกิลด์ทุกครั้ง โดยให้เหตุผลว่า
“ฉันไม่ชอบคลุกคลีกับฝูงชนจํานวนมาก”
กอร์ดอนโรฮันยึดมั่นในคําพูดของตนเองเสมอ พูดแล้วไม่คืนคํา คําไหนคํานั้น ในเมื่อบอกว่าไม่เข้าก็คือไม่เข้า เขาไม่สังกัดกิลด์ใดและยืนหยัดด้วยลําแข้งของตัวเองจวบจนถึงปัจจุบัน..
“ฉันเคยพูดว่าจะไม่เข้าร่วมกิลด์ก็จริง แต่สมาชิกกิลด์ของนายมีแค่ 4 คนเอง หากนับรวมฉันไปด้วยก็เป็น 5 คน แค่ 5 คน คงไม่นับเป็นฝูงชนหรอกมั้ง?”
“นายรู้หรือป่าวว่าจุดประสงค์ที่พวกเราตัดสินใจสร้างกิลด์ขึ้นคืออะไร?”
“รู้สิ ฉันได้ยินสาระสําคัญมาหมดแล้ว และมันเป็นเหตุผลที่ฉันตัดสินใจอยากเข้าร่วมกิลด์ของนาย รูปแบบกิลด์ที่นายคิดจะสร้างเป็นกิลด์ทหารรับจ้างใช่ไหมล่ะ?”
“ถูกต้อง”
“บอกตามตรงว่าฉันไม่คิดอยากโจมตีดันเจี้ยนเลยสักนิด เพราะภายในดันเจี้ยนมีแต่มอนสเตอร์อ่อนแอสู้เอา เวลาเข้าหอคอยแห่งการทดสอบดูจะคุ้มค่ากว่า”
“ถ้าอย่างงั้น ทําไมนายถึง..”
“แต่บางครั้งมอนเตอร์ในดันเจี้ยนก็ไม่ได้อ่อนแอเสมอไป ลีจุโฮบอกกับฉันว่า ไม่ช้าก็เร็ว ดันเจี้ยนระดับสูงที่ผู้ตื่นขึ้นรับมือได้ยากจะโผล่ขึ้นเยอะยิ่งกว่านี้”
ดูท่ากอร์ดอนโรฮันและลีจุนโฮจะเปิดอกพูดคุยกันหลายประเด็นมาก่อน เพื่อเป็นหลักประกันชักจูงผู้ตื่นขี้นชาวอเมริกันให้เข้ามามีส่วนร่วม ลีจุนโฮจึงลองบอกกล่าวความตั้งใจของซูฮยอนให้อีกฝ่ายฟัง และมันก็ได้ผลอย่างที่หวังไว้…
“หากมีดันเจี้ยนระดับสูงเกิดขึ้นจริงอย่างที่พวกนายคาดการณ์ไว้ ย่อมหมายความว่ามอนสเตอร์ที่อาศัยอยู่ภายในดันเจี้ยน ต้องมีความแข็งแกร่งยิ่งขึ้น “กอร์ดอนโรฮันกล่าวด้วยสีหน้าเคร่งขรึมอย่างที่ไม่เคยเห็นมาก่อน
“ในฐานะที่ฉันเป็นมนุษย์โลกคนหนึ่ง ฉันก็ไม่อยากให้โลกใบนี้ถูกทําลายเหมือนกัน”
ลีจุนโฮเป็นหนึ่งในไม่กี่คนที่สามารถคาดเดาอนาคตข้างหน้าของโลกใบนี้ได้ และหยั่งรู้ถึงสภาพปัจจุบันของโลกดีกว่าใคร เพราะเขามีข้อมูลเกี่ยวกับสถานการณ์ดันเจี้ยนที่บันทึกโดยสํานักงานผู้ตื่นขึ้นทั่วโลกอยู่ในกํามือ
กอร์ดอนโรฮันเป็นคนที่มีไหวพริบปฏิภาณดีเลิศ เขาตระหนักดีว่า หากสถานการณ์ยังคงดําเนินต่อไปเช่นนี้ โลกคงถึงกาลอวสาน
“แทบเป็นไปไม่ได้ ที่คนๆเดียวจะเปลี่ยนแปลงโลกใบนี้ ซึ่งหมายความว่านายต้องการใครสักคนยืนหยัด เคียงบ่าเคียงไหล่ นอกจากนายแล้ว ในสายตาของฉัน ผู้ตื่นขึ้นแรงค์ S ส่วนใหญ่เป็นได้แค่ [ปลาซิวปลาสร้อย] ไม่มีค่าให้เหลียวแล
คําพูดของกอร์ดอนโรฮันเปี่ยมไปด้วยความอวดดีและมั่นใจ เขากล่าวอย่างชัดเจนว่าผู้ตื่นขึ้นแรงค์ S จากต่างประเทศ นักการเมืองตัวเป้งของโลก หรือ ผู้นําบริษัทชั้นนําของโลก ทุกสิ่งอย่างล้วนเป็น [ปลาซิวปลาสร้อย]
อาจเป็นคําพูดที่ฟังดูแรงและหยามหยันคนอื่นมากเกินไป แต่กอร์ดอนโรฮันมีคุณสมบัติครบครันที่จะพูดแบบนี้ เขาไม่ได้ตั้งใจวางมาดอวดเบ่งใหญ่โต แต่มันคือความทะนงตนที่ติดตัวมาตั้งแต่เกิด
“นายแตกต่างจากพวกเขา เพราะนายสามารถเอาชนะฉันได้ ผู้ตื่นขึ้นที่มีความแข็งแกร่งเหนือฉันคงมีแค่นายคนเดียว อย่างน้อยฉันก็แข็งแกร่งรองจากนาย ฉันอาจมีประโยชน์กับนายก็ได้ ว่าไง จะรับฉันเข้าเป็นสมาชิกกิลด์ด้วยไหม?”
“เอ่อ….”ซูฮยอนอ๋องพักหนึ่ง ยื่นมือไปทางชาวอเมริกาอย่างช้าๆ ก่อนจะกล่าวว่า
“แน่นอนสิ ยินดีต้อนรับสกิลด์ของพวกเรา ฉันรู้สึกเป็นเกียรติอย่างยิ่งที่จะได้ทํางานร่วมกันกับนาย”
“เช่นกัน!! ได้ยินอย่างนี้ ค่อยอารมณ์ดีขึ้นมาหน่อย”
กอร์ดอนโรฮันเผยรอยยิ้มแป้นและจับมือของซูฮยอนโต้ตอบกลับไป
“ตั้งแต่วันนี้ ฉันอยู่ในการดูแลของนายแล้ว อย่าลืมประคบประหงมฉันดีๆด้วยล่ะ”
หลังจากการจับมือและตระกองกอดกับกอร์ดอนโรฮันพอเป็นพิธีจบ ซูฮยอนสูดลมหายใจเข้าลึกๆหลายครั้ง หวังสะกดความตื่นเต้นลง และค่อยๆก้าวเดินขึ้นไปบนเวที ที่จัดเตรียมไว้เสร็จสรรพ
เวทีที่ซูฮยอนกําลังขึ้นไปเหยียบ ได้รับความสนใจจากผู้คนนับไม่ถ้วน ไม่สิ ต้องบอกว่าผู้คนจากทั่วโลกต่างหากถึงจะถูก
เมื่อขึ้นไปยืนบนเวที ซูฮยอนต้องหรี่ดวงตาลง เพราะแสงแฟลชจากกล่องกระหน่ํารัวมาไม่หยุด
ไม่ว่าจะกี่ครั้งต่อกี่ครั้ง เขาก็ปรับตัวให้ชินกับบรรยากาศแบบนี้ไม่ได้สักที ความเครียดที่พึ่งจางหายไป เรี่มก่อตัวขึ้นอีกรอบ…
“นั่นมันกอร์ดอนโรฮันไม่ใช่เหรอ!!”
“กอร์ดอนโรฮันเข้าร่วมงานอย่างที่หลายคนเคยบอกไว้จริงๆด้วย”
“2 คนนั้น ไปสนิทกันตั้งแต่เมื่อไหร่ ฉันไม่เห็นรู้เรื่องเลย?”
นักข่าวบอกตากล้องส่วนตัวให้ถ่ายภาพพวกเขา 2 คนเก็บไว้เยอะๆ กอร์ดอนโรฮันเดินที่ไหล่ขึ้นมาบนเวทีพร้อมกับซูฮยอนด้วยท่าที่ผ่อนคลาย ต่างจากซูฮยอนที่มีกิริยาอาการกระวนกระวายใจเผยออกมาให้เห็นประปราย
กอร์ดอนโรฮันมีอากัปกิริยาเหมือนปกติ เพราะเขามีประสบการณ์พบปะคนดังจากทั่วมุมโลกและคุ้นชินกับบรรยากาศนักข่าวรุมล้อมเป็นอย่างดี ยิ่งไปกว่านั้นเขาเป็นถึงเจ้าภาพงานสงครามแก่งแย่งอันดับที่พึ่งปิดม่านลงไปได้ไม่นาน ซึ่งงานสงครามแก่งแย่งอันดับตระการตายิ่งกว่างานนี้หลายสิบเท่า
ลีจุนโฮยืนอยู่ด้านหลังเวทีพินิจมองซูฮยอนอย่างเงียบๆ แม้ว่ารูปลักษณ์ภายนอกของซูฮยอนหลังจากเดินขึ้นไปบนเวทีจะดูสุขุมเยือกเย็น แต่ลีจุนโฮและซูฮยอนรู้จักมักคุ้นกันมานาน เขาจึงสามารถอ่านสีหน้าท่าทางภายในของซูฮยอนได้
<< ซูฮยอนกําลังรู้สึกประหม่า >>
ชายผู้ไม่เคยหวั่นเกรงในการโจมตีดันเจี้ยนเลยสักครั้ง กําลังแสดงท่าทางเงอะงะออกมาต่อหน้าชุมนุมชน
ตรงตามที่ลีจุนโฮเคยคาดคิดไว้ไม่มีผิด ซูฮยอนไม่เหมาะกับงานติดต่อสื่อสารกับคนอื่นเท่าไหร่นัก จึงเป็นสาเหตุที่ทําให้เขาอาสาเตรียมงานแทนซูฮยอนทุกอย่าง
งานที่ลีจุนโฮอาสาจัดเตรียมให้ซูฮยอน ออกมาดูดีและไม่มีที่ติ
ที่เหลือก็แค่…
<< วันนี้นายเป็นตัวเอกของงาน พยายามเข้าล่ะ >>
ครั้งนี้เขาไม่สามารถยื่นมือช่วยเหลือซูฮยอนได้อีก เนื่องจากโลกใบนี้ต้องการซูฮยอน ไม่ใช่ตัวเขา
หน้าที่ของลีจุนโฮมีแค่จัดเตรียมเวทีให้เรียบร้อยเท่านั้น ใบหน้าของซูฮยอนมีความสําคัญอย่างมากในการกระจายข้อความไปยังประเทศอื่นๆทั่วโลก
ไม่นานเสียงไมโครโฟนบนเวทีพลันดังขึ้น…
ซูฮยอนสูดหายใจเข้าลึกๆ สงบสติอารมณ์อีกครั้ง ปั้นยิ้มกล่าวเสียงเนิบนาบ “สําหรับผมแล้ว วันนี้เป็นวันที่มีความสําคัญอย่างยิ่งและเป็นนิมิตหมายอันดี”
เขาใช้เวลากล่าวสุนทรพจน์เปิดพิธีไม่นาน ก่อนจะเข้าสู่เนื้อหาหลัก…
ซูฮยอนพูดเน้นย้ําเฉพาะเนื้อหาที่สําคัญ เปิดเผยรายละเอียดปัญหาร้ายแรงที่อาจเกิดขึ้นจากดันเจี้ยนในอนาคต โดยอ้างอิงข้อมูลที่เก็บรวบรวมจากส่านักงานผู้ตื่นขึ้นทั่วโลก
ทุกคําพูดล้วนแล้วแต่เป็นเรื่องที่น่าเหลือเชื่อ
ชุมนุมชนที่อยู่ในห้องจัดงานต่างพากันเงียบกริบ ไม่มีใครกล้าเอ่ยปากพูด ภายในห้องโถงที่กว้างใหญ่ มีเพียงเสียงซูฮยอนและแสงแฟลชจากกล้องกระพริบเท่านั้นที่ดังลอยออกมา
“หวังว่าคู่มือโจมตีที่ผมเขียนขึ้น จะมีประโยชน์ต่อผู้ตื่นขึ้นทุกคน ในการสร้างรากฐานให้มั่นคง และยกระดับความแข็งแกร่ง แน่นอนว่าคู่มือของผม ไม่ได้จํากัดแค่ผู้ตื่นขึ้นเท่านั้น คนที่ไม่มีพลังก็สามารถอ่านคู่มือได้ศึกษาไว้ตั้งแต่เนิ่นๆ ไม่มีอะไรเสียหาย เพื่อวันข้างหน้าพลังที่หลับใหลอยู่ในตัวตื่นขึ้นมา จะได้มีแนวทางในการปฏิบัติ”
นักข่าวคนหนึ่งยกมือตั้งคําถามอย่างสงสัย “คุณคิมซูฮยอนครับ เหตุผลที่คุณตั้งใจเปิดเผยข้อมูลต่อสาธารณะ ทั้งหมดที่ทําไป เพื่อยกระดับวงการผู้ตื่นขึ้นให้ก้าวหน้าใช่ไหมครับ?”
“ไม่ใช่ สิ่งที่ผมทําไม่ใช่เพื่อความก้าวหน้า…”ซูฮยอนช้อนตามองนักข่าวและตอบกลับไป น้ําเสียงคล้ายหนักแน่นกว่าเก่า “ถ้าจะเรียกให้ถูก ต้องบอกว่าเพื่อความอยู่รอด”
เพื่อความอยู่รอด…
ระหว่าง [ความก้าวหน้า] และ [ความอยู่รอด] ความหมายที่สื่อออกมาแตกต่างกันอย่างชัดเจน ซูฮยอนกําลังบอกเป็นนัยๆว่า หากต้องการมีชีวิตอยู่ต่อไป คู่มือที่เขาเขียนขึ้นเป็นปัจจัยสําคัญที่ขาดไปไม่ได้…
ทุกคําพูด ทุกการกระทํา ทุกอย่างล้วนออกมาจากใจจริง
“คู่มือพึ่งเสร็จสิ้นกระบวนการแปลภาษาต่างประเทศ เพื่อวางจําหน่ายตามประเทศต่างๆทั่วโลก และเริ่มเข้าสู่ขั้นตอนการตีพิมพ์เมื่อไม่กี่วันก่อน ผมเชื่อว่าอีกประมาณ 1-2 เดือน พวกคุณสามารถหาซื้อคู่มือได้ตามแผงร้านขายหนังสือใกล้บ้าน”
“ในปัจจุบันมีหนังสือและคู่มือเกี่ยวกับผู้ตื่นขึ้นวางขายเต็มไปหมด เปิดตัวไปอาจไม่เป็นที่ต้องการของผู้คน เท่าที่ควร ผมเกรงว่ารายได้จากการขายคู่มือ คง….”
“เราไม่ได้ทําเพื่อหวังผลประกอบการอยู่แล้ว กอร์ดอนโรฮันตอบคําถามนักข่าวกลับอย่างรวดเร็ว
แววตาแหลมคมของกอร์ดอนโรฮันเขม็งมองนักข่าว ทําให้นักข่าวเกิดความพรั่นพรึง น้ําเสียงของซูฮยอนให้ความรู้สึกผ่อนคลายเป็นกันเอง แต่น้ําเสียงของกอร์ดอนโรฮันให้ความรู้สึกกดดันหายใจลําบาก
“บริษัทกอร์ดอน , ซองอิลกรุ๊ป และผู้สนับสนุนรายย่อยคนอื่นๆ ไม่เคยคาดหวังผลประโยชน์จากรายได้อยู่แล้ว เพราะ [ความอยู่รอด] สําคัญเหนือสิ่งอื่นใด พวกคุณขี้หูอุดตันหรือไง ซูฮยอนยืนพูดอยู่ปาวๆ ว่าทําเพื่อ [ความอยู่รอด] คิดเหรอว่าคนอย่างซูฮยอนจะสนใจเรื่องเงิน? เป็นถึงนักข่าววันหลังคนอื่นพูดอะไร หัดจําใส่หัวบ้าง ไม่ใช่เข้าหูซ้ายทะลุหูขวา”
คําพูดเชือดเฉือนตรงไปตรงมาของกอร์ดอนโรฮัน ทําเอานักข่าวที่เอ่ยปากถามเมื่อครู่ ก้มหน้างุดอย่างช้าๆ ไม่กล้าเงยหน้าขึ้น บรรดานักข่าวคนอื่นๆสัมผัสได้ว่าบรรยากาศภายในห้องเริ่มมืดมนลง…
กอร์ดอนโรฮันสามารถเปลี่ยนแปลงสถานการณ์รอบข้างได้ ด้วยการพูดเพียงครั้งเดียว
หลังจากบรรยากาศโดยรอบกลับมาสงบเงียบ กอร์ดอนโรฮันเอ่ยพูดขึ้นอีกครั้ง…
“ระบบดันเจี้ยนเสมือนจริงที่คิดค้นโดยผู้ตื่นขึ้นชั้นแนวหน้าอย่าง จอห์นนี เดปป์ และพึ่งเปิดตัวไปได้ไม่นาน บริษัทกอร์ดอนจะเป็นคนรับผิดชอบระบบดันเจี้ยนเสมือนจริงทั้งหมด และเตรียมกระจายระบบดันเจี้ยนเสมือนจ ริงให้ครอบคลุมประเทศทั่วโลกโดยเร็วที่สุด เพื่อลดอัตราการเสียชีวิตของผู้ตื่นขึ้นที่อาจเกิดขึ้นระหว่างโจมตีดันเจี้ยน หรือการทดสอบในหอคอย”
“ผมมีคําถามครับ ระบบดันเจี้ยนเสมือนจริง มีรูปแบบการทํางานอย่างไร?”นักข่าวท่านหนึ่งถาม
“เชื่อว่าพวกคุณคงเคยดูคลิปเปิดตัวระบบดันเจี้ยนเสมือนจริงมาแล้วใช่ไหม? แค่เข้าไปนอนในแคปซูลที่ผ ลิตขึ้นโดยเฉพาะ สกิลภาพลวงตาของ จอห์นนี เดปป์ จะเริ่มทํางานและส่งผ่านเข้าไปในแคปซูล จากนั้นพวกคุณก็จะได้สัมผัสประสบการณ์ดันเจี้ยนเสมือนจริง เอาง่ายๆก็เหมือนกับเล่นเกม VR นั้นแหละ แต่ รูป รส กลิ่น เสียง ทุกอย่างสมจริงยิ่งกว่า VR หลายสิบเท่า”
“หากเริ่มวางขายจริง ราคาจะแพงหรือป่าวครับ?”
“เรามีแผนที่จะปล่อยให้เช่าก่อน ในอนาคตอาจปล่อยขาย ส่วนเรื่องราคาจะถูกจะแพงขึ้นอยู่กับระดับดันเจี้ยนที่เลือก….”
ระบบดันเจี้ยนเสมือนจริง..
เป็นอีกหนึ่งเรื่องสําคัญและมีคนจับตามองมากพอๆกับคู่มือโจมตีของคิมซูฮยอนเลยทีเดียว ไม่สิ เผลอๆผู้ตื่นขึ้นส่วนใหญ่อาจสนใจระบบดันเจี้ยนเสมือนจริงมากกว่าเสียด้วยซ้ํา
สําหรับผู้ตื่นขึ้นแล้ว การที่ตัวเองสามารถลองเชิงดันเจี้ยน ก่อนออกปฏิบัติการจริง เป็นอะไรที่มีประโยชน์มาก เพราะพวกเขาไม่ต้องเอาชีวิตไปเสี่ยงกับอันตรายโดยตรง
เมื่อกอร์ดอนโรฮันอธิบายจบลง ชุมนุมชนที่ยืนอยู่หน้าเวทีเริ่มแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกันอย่างออกรส ไม่ว่าจะเป็นคู่มือหรือระบบดันเจี้ยนเสมือนจริง ทุกอย่างถูกเตรียมการไว้ เพื่ออนาคตหลายสิบปีข้างหน้า
“และสุดท้ายนี้…”หลังจากกอร์ดอนโรฮันกล่าวจบไปได้ไม่นาน ลีจุนโฮที่รออยู่ด้านหลังเวที เดินขึ้นมาหน้าเวที ก่อนจะเปล่งเสียงฉะฉานว่า…
“ผมขอยืมโอกาสนี้ ประกาศเรื่องสําคัญสักหนึ่งเรื่อง พวกเรากําลังจะก่อตั้งกิลด์ขึ้น”
“กิลด์?”
“คงไม่ใช่ว่าคิมซูฮยอนจะเป็นกิลด์มาสเตอร์หรอกนะ…?”
“ไหนใครบอกว่า คิมซูฮยอนสังกัดอยู่ในองค์กรของผู้อํานวยการสํานักงานไง?”
“นายไปฟังมาจากใคร? คิมซูฮยอนเนี่ยนะจะไปอยู่ใต้อาณัติของคนอื่น? ฝันไปเถอะ สู้เป็นนายตัวเองสบายใจกว่าเยอะ ตามความคิดของฉันผู้อํานวยการสํานักงานและคิมซูฮยอนเป็นแค่พันธมิตรกัน ไม่มีอย่างอื่นแอบแฝง
ทันทีที่ลีจุนโฮป่าวประกาศว่าจะก่อตั้งกิลด์ ทั่วห้องจัดงานแถลงพลันเกิดเสียงคุยโขมงโฉงเฉง
นักข่าวและกลุ่มฝูงชนที่ยืนอยู่ในห้องจัดการ ต่างทราบกันดีว่าซูฮยอนเปรียบเสมือนนกน้อยที่บินอยู่บนท้องฟ้าอย่างอิสระเสรี ไม่ขึ้นตรงต่อกิลด์ใด การสร้างกิลด์ไม่ใช่เรื่องเล็ก โดยเฉพาะซูฮยอนยิ่งแล้วใหญ่ เพราะมันหมายความว่าต่อจากนี้ ซูฮยอนจะถูกผูกมัดโดยกิลด์และอยู่ภายใต้ร่มธงร่วมกับคนอื่นๆ อิสรภาพที่เคยมีจะหายไป…
“พวกคุณคงคิดว่าคิมซูฮยอนจะเป็นกิลด์มาสเตอร์ ทว่าความจริงกลับไม่เป็นเช่นนั้น แม้ผมจะไม่ได้เป็นผู้ตื่นขึ้นแรงค์ S อย่างคนอื่นเขา แต่ตําแหน่งกิลด์มาสเตอร์ผมจะเป็นคนรับหน้าที่เอง และจะพยายามสุดความสามารถ ให้เหมาะสมกับตําแหน่ง สําหรับสมาชิกในกิลด์นั้น ประกอบไปด้วย…”
ขณะที่ลีจุนโฮกําลังแจ้งรายชื่อสมาชิกในกิลด์ ทุกคนในห้องพร้อมใจกันปิดปากเงียบ เพราะไม่อยากพลาด แม้แต่เสี้ยวว่าสมาชิกในกิลด์ที่กําลังจะประกาศออกมามีใครบ้าง…
“คิมซูฮยอนที่ยืนอยู่ตรงนี้คนหนึ่ง และ…”
ฮักจุน และ โทมัส ก้าวออกมาจากหลังเวที แสงสว่างจากสปอร์ตไลท์ที่แขวนติดอยู่บนเพดานสาดส่องกระทบไปยังร่างกายของพวกเขาทั้ง 2
“ทุกท่านที่อยู่ในห้องนี้ คงทราบกันดีว่า โทมัส และ ชเวฮักจุน เป็นผู้ตื่นขึ้นแรงค์ S พวกเขาเป็นสมาชิกส่วนหนึ่งของกิลด์เรา…”
ลีจุนโฮแอบเหลือบตามองไปที่กอร์ดอนโรฮันเป็นรายต่อไป..
ก่อนเอ่ยขึ้นว่า…
“เขาคนนั้น ก็เป็นสมาชิกของกิลด์เราเช่นกัน”
“อะไรนะ!! กอร์ดอนโรฮันก็ด้วยเหรอ?”
“กิลด์ของคิมซูฮยอนเป็นแหล่งซ่องสุมสัตว์ประหลาดชัดๆ”
กลุ่มชมนุมชนส่งเสียงพูดคุยระคนตกใจจ้าละหวัน พวกเขาพยายามสํารวมสงบสติอารมณ์แล้ว แต่มันอดไม่ไหวจริงๆ เรื่องเหนือความคาดหมายเช่นนี้ ใครมันจะไปฝืนทนได้
การร่วมมือกันระหว่าง กอร์ดอนโรฮัน และ คิมซูฮยอน!!
ไม่เพียงแค่นั้น ยังมีผู้ตื่นขึ้นแรงค์ S อีก 2 คน กับ ลีจุนโฮ ที่เปรียบเสมือนมันสมองหลักของกิลด์ สมาชิกภายในกิลด์ทุกคนล้วนแล้วแต่เป็นบุคคลที่มีความสามารถและมีดีกรีไม่ธรรมดา
“กิลด์ที่พวกเราสร้างขึ้น จะใช้ชื่อว่า พารากอน”เสียงพูดของซูฮยอนดังขึ้นท่ามกลางความอลหม่าน
“และมันเป็นกิลด์ทหารรับจ้าง”
พายุลูกใหญ่เคลื่อนตัวพัดผ่านไป…
ไม่ว่าจะเป็น คู่มือโจมตีสําหรับผู้ตื่นขึ้น ระบบดันเจี้ยนเสมือนจริง หรือ กิลด์ที่กอร์ดอนโรฮันและซูฮยอนร่วมกันสร้างขึ้น
หยิบยกประเด็นใดประเด็นหนึ่งขึ้นมาเล่นข่าว รับประกันเลยว่าต้องได้กระแสตอบรับอย่างล้นหลามจากทั่วโลกแน่ๆ แต่ข่าวทั้ง 3 ดันปล่อยออกมารวดเดียว
และผลลัพธ์หลังจากนั้น….
-ไม่เห็นจะน่าสนใจตรงไหน สุดท้ายพวกเขาก็แค่อยากขายคู่มือและแคปซูลเท่านั้นแหละ ปากพร่ําบอกว่าโลกกําลังตกอยู่ในอันตราย แต่ดันไม่บอกว่าอันตรายคืออะไร ตลกชิบหายเลยว่ะ มาดูสิว่าจะมีหมาลงเชือกี่ตัว
L ต่อให้ไม่ขายคู่มือ คิมซูฮยอนก็มีเงินมีทองเต็มมืออยู่แล้ว กอร์ดอนโรฮันก็เช่นกัน พื้นเพครอบครัวของเขาร่ํารวยกว่าพวกเราไม่รู้กี่เท่า ความคิดเห็นของนายแสดงให้รู้เลยว่าการศึกษาเป็นสิ่งสําคัญ
L การกระทําของซูฮยอนและกอร์ดอนโรฮันคงมีเป้าหมายบางอย่างแน่นอน พูดตรงๆว่าในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา อุบัติเหตุที่เกิดจากดันเจี้ยนมีอัตราเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสําคัญ เหตุการณ์ที่ประเทศอินเดียประสบพบเจอ เป็นตัวอย่างให้เห็น ถามจริงๆนายเคยติดตามข่าวสารบ้างไหม? หรือเก่งแต่ปากสู่รู้อยู่หลังแป้นพิมพ์
L ถ้าคิมซูฮยอนต้องการเงินจริง สู้เอาเวลาไปโจมตีดันเจี้ยนไม่ดีกว่าเหรอ?
L ฉันเห็นด้วยกับนาย ขายคู่มือจะได้เงินสักกี่วอนกันเชียว ซูฮยอนโจมตีดันเจี้ยนแค่เดี๋ยวเดียว ก็ได้เงินเอามาถมที่ได้
L แกไม่เคยได้ยินข่าวที่ซูฮยอนพิชิตดันเจี้ยนระดับสีน้ําเงินด้วยตัวคนเดียวเหรอวะ? ส่วนแบ่งที่เขาได้ นอนตีพุงอยู่ที่บ้านโดยไม่ทํางานทั้งชาติยังได้ ตั้งใจเขียนกระทู้ด้อยค่าคนอื่น แต่เสือกโชว์โง่ซะเอง ตลกดี
L ในขณะที่ทุกคนกําลังให้ความสนใจความรุ่มรวยของซูฮยอน แต่ฉันสนใจเรื่องอื่นมากกว่า และแล้วกิลด์ที่ไม่สามารถโค่นล้มก็ถือกําเนิดขึ้น ซูฮยอนและกอร์ดอนโรฮันสังกัดอยู่ในกิลด์เดียวกัน จะบอกว่าเป็นกิลด์ที่แข็งแกร่งที่สุดในโลกก็ไม่ใช่คําพูดเกินจริงเลยสักนิด จะว่าไป มีใครรู้บ้างว่ากิลด์ที่พวกเขาประกาศจะสร้างตั้งรกรากอยู่ที่ประเทศอะไร เกาหลีหรือสหรัฐอเมริกา?
ซูฮยอนไม่ได้ล็อกอินเข้าสู่ระบบเว็บไซต์ อเวจีออนไลน์นานมากๆ เนื่องจากไม่อยากเสียเวลาอันมีค่าโดยใช่เหตุ แต่ตอนนี้เขากําลังใช้นิ้วเลื่อนหน้าจอมือถืออ่านกระทู้ในเว็บไซต์ เพราะต้องการทราบว่าเหตุการณ์เมื่อวาน บุคคลทั่วไปจะมีความคิดเห็นอย่างไร..
และผลตอบรับที่ออกมา ดีกว่าที่เขาเคยคาดคะเนไว้…
“ดูเหมือนประชาชนทั่วไปจะเริ่มตระหนักได้ถึงอันตรายจากดันเจี้ยนมากขึ้นนะครับ”ฮักจนกล่าว
ซูฮยอนหันหน้าปรายตามองฮักจนที่กําลังนอนแผ่หลาอย่างเกียจคร้านบนโซฟา ปากเคี้ยวขนมกรุบกรับฮัก จนกําลังไล่อ่านความคิดเห็นของ ผู้คนในอเวจีออนไลน์ ผ่านแท็บเล็ตพีซีด้วยเหมือนกัน
“ข้อมูลเด่นชัดซะขนาดนั้น ถ้าพวกเขาไม่รู้สิ ถึงจะแปลก”
“ก็จริงครับ ข้อมูลที่เผยแพร่ออกมา บ่งบอกว่าโลกของมนุษย์กําลังเกิดการเปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว…”
อัตราการเกิดดันเจี้ยนทั่วโลกเพิ่มขึ้นกว่าปีก่อนๆอย่างทวีคูณ
โดยเฉพาะปี 2020 กราฟการเกิดดันเจี้ยนกระโดดขึ้นจากเดิมอย่างเห็นได้ชัด อีกนัยหนึ่งหมายความว่า เหตุการณ์ภัยพิบัติที่เกี่ยวข้องกับดันเจี้ยน ไม่ว่าจะเป็นดันเจี้ยนใหญ่หรือดันเจี้ยนเล็กเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องทั่วโลก
อันที่จริง แม่ไม่มีข้อมูลปล่อยออกมา ประชาชนทั่วไปก็สังเกตเห็นได้ถึงความผิดปกติก่อนแล้ว
และตอนนี้ ชายที่ผู้คนให้การจับตามองและเชื่อว่าเป็นผู้ตื่นขึ้นแข็งแกร่งที่สุดในโลกอย่างซูฮยอนออกมา ยืนยันเกี่ยวกับอันตรายจากดันเจี้ยนที่จะอุบัติขึ้นในอนาคต ช่วยไม่ได้ที่ผู้คนจํานวนมากจะออกมาแสดงความคิด เห็นตามตรรกะของตัวเอง จนเกิดปฏิกิริยาลูกโซ่ บางคนก็เชื่อเป็นตุเป็นตะ บางคนก็บอกงมงาย
“ผมรู้สึกว่าการกระทําของพวกเราเหมือนพาวเวอร์เรนเจอร์หรือซุปเปอร์ฮีโร่เบี้ยบเลย รวบรวมกลุ่มคนมากความสามารถและช่วยกันกอบกู้โลก ยังกับพล็อตหนังแน่ะ พี่ก็คิดเหมือนกันกับผมใช่ไหม?”ฮักจนหัวเราะร่าพักใหญ่ ก่อนที่สีหน้าจะเปลี่ยนเป็นเคร่งขรึม
“เมื่อไม่นานมานี้ ผมฝันร้าย อนาคตที่พี่เคยเล่าให้ผมฟัง ผมเริ่มเห็นเค้าลางแล้วว่าภาพที่ออกมาจะเป็นยัง
“จริงเหรอ?”
“จริงครับ ในความฝัน พี่ลีจุนโฮ ยันซอน คนที่ผมรู้จักทุกคนเสียชีวิตกันหมด โลกทั้งใบถูกทําลายย่อยยับ ทุกหย่อมหญ้าเต็มไปด้วยกองเนินซากศพ…”ฮักจนปิดแท็บเล็ตพีซีแล้ววางลงข้างตัว
“เพราะความฝันนั้น ทําให้ผมรู้สึกไม่สบายใจ ผมเข้าใจแล้วว่าทําไมพี่ถึงตรากตรํามุ่งไปข้างหน้าอย่างไม่ย่อท้อ ขวนขวายหาความแข็งแกร่งอย่างไม่ลดละ และอีกอย่าง พี่ครับ…”
“หืม? มีอะไรเหรอ?”
“วิถีชีวิตของพี่เป็นแบบนี้มานาน ตั้งแต่เป็นผู้ตื่นขึ้นใหม่ๆแล้วใช่ไหมครับ?”
ซูฮยอนไม่รู้จะตอบคําถามของฮักจุนยังไงดี…
แต่ท่าทางฮักจนจะไม่คาดหวังคําตอบจากเขาอยู่แล้ว ภายหลังที่ฮักจนพูดจบ ก็รีบยันตัวลุกขึ้นจากโซฟา “ผมรีบกลับบ้านดีกว่า ต่อจากนี้ผมไม่สามารถเอ้อระเหยได้อีก ไม่เช่นนั้นผมคงไล่ตามพี่ไม่ทันแน่ ผมต้องเคลียร์ การทดสอบชั้นที่ 70 ให้ได้เร็วๆซะแล้ว”
“เป็นความตั้งมั่นที่ดี พยายามให้เต็มที่ล่ะ”
“พี่ก็เหมือนกันครับ”
ฮักจนหมุนตัวออกจากบ้านของซูฮยอนด้วยสีหน้ามาดมั่น ซูฮยอนรู้สึกว่ากิริยาท่าทางของชายหนุ่มแตกต่างจากปกติ ส่วนหนึ่งอาจเป็นเพราะฝันร้าย ส่งผลให้ฮักจนดูกระตือรือร้นยิ่งกว่าเดิม
ซูฮยอนยกมือนวดหน้าผาก ก่อนลุกขึ้นจากเก้าอี้
<< ฉันเองก็ควรพยายามให้หนักขึ้น จะมัวกระยืดกระยาดอยู่ต่อไปไม่ได้ >>
ปัญหาใหญ่ที่ซูฮยอนเป็นกังวล ได้รับการดูแลจัดการหมดแล้ว
ฮักจนปีนป่ายหอคอยแห่งการทดสอบถึงชั้นที่ 70 เป็นที่เรียบร้อย แม้ว่าระดับความยากและความสําเร็จระหว่างซูฮยอนและฮักจนจะแตกต่างกัน แต่ผลลัพธ์โดยรวมของฮักจนนับว่าไม่เลว เผลอๆอาจดียิ่งกว่าผู้ตื่นขึ้นบางคนเสียด้วยซ้ํา ทางด้านซูฮยอนนั้น พึ่งเคลียร์การทดสอบชั้นที่ 40 ได้ เมื่อ 3-4 วันที่แล้ว
<< เฮ้อ ฉันเสียเวลาอยู่ในชั้นที่ 40 นานเกินไปจริงๆ >>
ซูฮยอนติดแหง็กอยู่บนชั้นที่ 40 นานกว่า 4 เดือน อย่างไรก็ตาม ผลตอบแทนและรางวัลที่ได้รับกลับคืนมา ถือว่าไม่แย่ แต่ทุกครั้งที่ซูฮยอนหวนนึกถึงเวลาที่ใช้ไปบนชั้นที่ 40 เป็นอันต้องรู้สึกปวดใจทุกที่ ความคิดเสียดายเวลามักแล่นเข้ามาให้หัวของเขาเสมอ
เทียบกับฮักจนที่ผ่านการทดสอบด้วยระดับความยากแปด หรือผู้ตื่นขึ้นคนอื่นๆที่เลือกระดับความยากต่ํากว่าความเร็วในการปีนป่ายหอคอยของซูฮยอนต้วมเตี้ยมเหมือนเต่าคลาน..
<< ไม่สิ คิดแบบนั้นก็ไม่ถูก การตัดสินใจของฉันไม่ได้ผิดซะทีเดียว >>
วิธีการที่ซูฮยอนเลือกใช้ไม่ผิด แม้ตัวเขาจะขยับขึ้นชั้นถัดไปช้ากว่าคนอื่น แต่เขากล้าพูดได้เต็มปากว่าราก ฐานของตนเองแน่นกว่าผู้ตื่นขึ้นคนอื่นอย่างแน่นอน สเตตัสที่พอกพูนขึ้น เป็นตัวพิสูจน์ว่าการตัดสินใจของเขาถูกต้องและมาถูกทางแล้ว
<< ที่สําคัญ….. >>
หลังกลับออกมาสู่โลกแห่งความจริง เวลาเคลื่อนผ่านไปแล้วทั้งสิ้น 2 วันเต็ม ก่อนที่ซูฮยอนจะเริ่มการทดสอบต่อไป เขามีสิ่งหนึ่งที่ต้องจัดการให้ลุล่วง
<< ไม่รู้ว่าป่านนี้ เจ้าของร้านจะจัดหา [อีลิกเซอร์] ที่ฉันสั่งจองไว้ครบหรือยัง? >>