การกลับมาของฮีโร่ - ตอนที่ 159
ตอนที่ 159
<<เสียงของยงน้อยงั้นเหรอ?>>
ยงน้อยคือมังกรฟ้าที่มีซงฮยองกิเป็นเจ้าของ เสียงที่หูซูฮยอนได้ยินเหมือนกับเสียงของยงน้อยไม่มีผิด เขาหันหน้ามองไปทางต้นเสียงที่ดังออกมา
ซูฮยอนแหงนหน้ามองท้องฟ้าสีครามด้านบนที่มีกลุ่มเมฆลอยไปตามแรงลมอย่างช้าๆ จุดที่เขายืนอยู่เป็นพื้นที่กว้างใหญ่และมีพืชพรรณเขียวชอุ่มขึ้นรอบตัว เส้นทางข้างหน้ามองเห็นมังกรตัวสีฟ้าขนาดมหึมานอนขดตัวอยู่ ปีกทั้ง 2 ข้างหุบเก็บไว้ข้างลําตัว
<<แม้เสียงที่ฉันได้ยินจะเป็นเสียงกรน ไม่ใช่เสียงคําราม แต่เจ้าของเสียงเป็นมังกรจริงๆด้วย>>
กลิ่นอายมังกรยามหลับยังน่าเกรงขามเหมือนยามตื่นไม่เปลี่ยนแปลง แม้มังกรตรงหน้าจะนอนขดตัว แต่ขนาดตัวโดยรวมของมันใกล้เคียงกับยงน้อยของซงฮยองกิทุกระเบียบนิ้ว และยงน้อยกับมังกรที่ซูฮยอนยืนสังเกตอยู่ตอนนี้ พวกมันทั้งคู่ต่างมีสีฟ้าเหมือนกัน
<<ในหมู่มังกรสีที่อยู่วรรณะสูงสุดคือสีแดง ส่วนต่ําที่สุดเป็นสีม่วง>>
ตามคําอธิบายที่จากหนังสือที่มัลคอล์มให้ยืม มังกรฟ้าคือมังกรที่พบเห็นได้บ่อยสุด
[การทดสอบของชั้นที่ 40 เริ่มต้นอย่างเป็นทางการ]
[กอบกู้โลกของมังกร มังกรตัวข้างหน้าจะนําทางคุณ]
“ ?”
เนื่องจากคําอธิบายมีใจความสั้นเกินไป ซูฮยอนจึงตัดสินใจยืนรออีกสักพัก เวลาผ่านไปหลายนาที่กลับได้ วี่แววคําอธิบายเพิ่มเติม หมายความว่าคําอธิบายมีแค่ 1 บรรทัด สิ่งเดียวที่ซูฮยอนสามารถพึ่งพาได้ คือมังกรที่นอนหลับอยู่ตรงหน้า
<<ซับซ้อนซ่อนเงื่อนตั้งแต่เริ่มต้นเลยเหรอเนี่ย สมแล้วที่เป็นการทดสอบชั้นที่ 40>>
ซูฮยอนขมวดคิ้วพลางใช้สายตาพินิจมองมังกรที่กําลังหลับใหลอย่างสบายอารมณ์ รอบตัวของเขาเป็นที่ราบกว้างใหญ่ ไม่รู้ว่าต้องเดินไปทางไหน แถมคําอธิบายก็แทบไม่มีข้อมูลเลย เขาคงต้องหวังพึ่งมังกรที่อยู่ตรงหน้าเพียงอย่างเดียว
<<โลกของมังกรงั้นเหรอ….>>
ที่นี่อาจเป็นโลกที่เหล่ามังกรเป็นใหญ่ แค่มองมังกรตัวข้างหน้าที่เอาแต่นอนโดยไม่เกรงกลัวว่าจะมีใครมาทําร้ายมัน ก็สามารถคาดเดาโครงสร้างของโลกคร่าวๆได้แล้ว
ในโลกแห่งนี้ การมีอยู่ของมังกรจะไม่ถูกมองว่าเป็นตัวตนที่แปลกประหลาด กลับกันมีโอกาสเป็นไปได้สูงว่ามนุษย์ต่างหาก ที่อาจถูกเหล่ามังกรมองว่าเป็นตัวตนที่แปลกประหลาดแทน
<<คําบรรยายบอกให้ฉัน “กอบกู้” โลกใบนี้ แล้วจะให้ฉัน “กอบกู้” โลกใบนี้จากอะไร?>>
ในมุมมองของซูฮยอนโลกใบนี้ค่อนข้างสงบสุข ไม่มีความจําเป็นต้องให้เขาช่วยเหลือเลยสักนิด
<<อืม…บางทีอาจมีรายละเอียดที่ฉันยังไม่รู้ก็ได้>>
ซูฮยอนส่ายหัวไล่ความคิดที่ไม่จําเป็นออก สําหรับรายละเอียดที่เขายังไม่รู้ เดินหน้าต่อไปเรื่อยๆในอนาคต รายละเอียดคงเปิดเผยออกมาเอง
ด้จากเสียงสังเคราะห์ บอกว่า
ยอนควรให้ความสนใจมังกรตัวข้างหน้ามากกว่า เพราะมังกรตัวข้างหน้าจะนําทางเขา
“มิรุ”
ซูฮยอนเอื้อมมือออกไปด้านหน้าตั้งใจอัญเชิญมิรออกมาข้างนอก ไม่นานมิรุก็ปรากฏตัวขึ้นเหนือหัวของเขา ทันทีที่มิรุได้มีโอกาสออกมาเที่ยวเล่นข้างนอกอีกครั้ง มันสยายปีกแล้วบินฉวัดเฉวียนรอบๆตัวซูฮยอน พร้อมคํารามออกมาอย่างมีความสุข ขนาดตัวของมิรุตอนนี้ใหญ่กว่าตัวซูฮยอนหลายเท่า
คิ้ว!!! คิ้ว!!!
แม้ว่าขนาดตัวของมิรุจะใหญ่กว่าเมื่อก่อน แต่นิสัยของมิรุยังคงเหมือนเด็กน้อยเช่นเดิม
ขณะที่มิรุกําลังบินวนรอบๆอย่างสนุกสนาน สายตาของมิรุเหลือบไปเห็นมังกรตัวหนึ่งกําลังหลับไหลอยู่ใกล้ๆ เปลือกตาของมิรเบิกกว้างด้วยความตกใจสุดขีด
“โลกใบนี้ มีเผ่าพันธุ์มังกรเหมือนนายอาศัยอยู่ด้วย ทําให้นายสามารถออกมาเที่ยวเล่นข้างนอกได้”
ซูฮยอนไม่ค่อยอัญเชิญมิรุออกมาข้างนอกบ่อยนัก เพราะขนาดตัวที่ใหญ่เกินไปของมังกรแดง อาจสร้างความหวาดกลัวให้แก่ผู้คน หรือถูกเข้าใจผิดว่าเป็นมอนสเตอร์ที่หลุดออกมาจากดันเจี้ยน
แต่ที่นี่คือโลกของมังกร มิรุจึงสามารถออกมาข้างนอกได้โดยไม่มีปัญหากวนใจตามมาภายหลัง อีกอย่าง การที่ซูฮยอนอัญเชิญมิรุออกมา เพราะมีเหตุผลอยู่
<<อัญเชิญมิรุออกมาข้างนอก อาจทําให้ฉันง่ายต่อการพบเบาะแสเกี่ยวกับมิรุก็ได้ ไม่รู้ว่าการตัดสินใจของฉันจะได้ผลไหม แต่มันก็คุ้มค่าที่จะลอง>>
ซูฮยอนให้ความสนใจตัวตนของมิรุค่อนข้างมาก ในสายตาของเขาตัวตนของมิรุเต็มไปด้วยปริศนา แม้แต่ซงฮยองกิผู้เชี่ยวชาญสัตว์ศักดิ์สิทธิ์มากๆคนหนึ่ง ก็ไม่สามารถให้คําตอบได้ว่ามิรุมีที่ไปที่มาอย่างไร
กระทั่งเผ่าพันธุ์มังกรด้วยกันก็ตอบไม่ได้ ยกตัวอย่างเช่นมังกรฟ้าของซงฮยองกิ ไม่ว่าซงฮยองกิจะซักไซ่ให้ตายยังไง มังกรฟ้าก็ให้คําตอบแก่ผู้เป็นนายไม่ได้ นอกจากกัมหัวทําความเคารพมิรุตามสัญชาตญาณ
“ฉันสงสัยจัง ว่าจะคุยกับมังกรตรงหน้ารู้เรื่องหรือป่าว…”
ซูฮยอนสูดหายใจเข้าลึกๆ แล้วก้าวเท้าเดินไปหามังกรที่กําลังอยู่ในห้วงนิทรา
ซงฮย็องกิเคยบอกกับเขาว่าต่อให้ไม่ใช่ช่วงจําศีล มังกรก็สามารถนอนหลับได้นานถึง 2-3 ปี ซูฮยอนรู้สึกผิดในใจเล็กน้อยที่ต้องปลุกมังกรให้ตื่นกลางคัน แต่ถ้าจะให้เขาทิ้งการทดสอบ แล้วรอให้มังกรตื่นเองตามธรรมชาติ แบบนี้ก็คงไม่ไหว…
“ขอโทษนะครับ ผมมีเรื่องอยากสอบถามสักหน่อย ไม่ทราบว่าสะดวกไหม?”ซูฮยอนส่งเสียงเรียกมังกรฟ้า สิ่งมีชีวิตที่กําลังนอนหลับกระดิกหางเล็กน้อย แต่ส่วนหัวของมันยังคงนอนราบติดไปกับพื้นดิน เสียงกรนที่คล้ายกับเสียงคํารามดังออกมาทางโพลงจมูกไม่ขาดสาย
“เอ่อ….ปลูกด้วยปากคงจะไม่ตื่นแหงๆ”
ซูฮยอนยกเท้าขึ้น จากนั้นก็กระทืบลงไปบนพื้นเต็มแรง
ตูม!!
แรงสั่นสะเทือนที่รุนแรงแล่นไปตามพื้นดินปลุกมังกรให้ตื่นขึ้นจากหัวงนิทรา มังกรตรงหน้าหลับลึกเป็นอย่างมาก ทําให้ซูฮยอนต้องใช้กําลังเข้าช่วย ถ้าไม่ปลุกด้วยวิธีนี้ ตะโกนเรียกจนเสียงแหบเสียงแห้ง มังกรคงไม่ยอมตื่น
“ผมก็ไม่อยากทําแบบนี้หรอก แต่ผมมีเรื่องอยากคุยกับคุณจริงๆ”
โฮกกกกกก….
มังกรที่เห็นซูฮยอนกล้ารบกวนการนอนหลับของมัน รีบยกหัวขึ้นพร้อมเปล่งเสียงคํารามดังสนั่น มันตั้งใจข่มขู่ให้อีกฝ่ายเกิดความหวาดกลัว แต่เหมือนจะไม่เป็นผล ใบหน้าของซูฮยอนเรียบเฉยไม่ต่างจากเดิม
-มนุษย์? เจ้ามาทําอะไรที่นี่?
โทนเสียงทุ่มต่ําคล้ายๆชายวัยกลางคน ดังก้องขึ้นในหัวของซูฮยอน
ซูฮยอนถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก ปัญหาเกี่ยวกับการสื่อสารระหว่างมนุษย์กับมังกรเหมือนจะไม่ต้องกังวลอีกต่อไป
“คุณพูดภาษาของมนุษย์ได้ด้วย แสดงว่าคุณต้องมีความรู้เกี่ยวกับภาษามนุษย์ไม่น้อยแน่ๆ”
-มนุษย์ช่างโง่เขลายิ่งนัก ข้าจะบอกอะไรให้ ตอนที่ข้าอายุได้ 100 ปีบริบูรณ์ ข้าก็เชี่ยวชาญด้านการใช้เวทมนตร์แปลภาษาของเผ่าพันธุ์อื่น ต่อให้เจ้าไม่ใช่เผ่าพันธุ์มนุษย์ แต่เป็นเผ่าพันธุ์ป่าเถื่อนที่ไร้อารยธรรม ข้าก็สามารถสื่อสารได้ไม่มีปัญหา
“สุดยอด!! ในเมื่อคุณมีอายุมากกว่าผม ต่อจากนี้ผมจะเรียกคุณว่าผู้อาวุโส”
-ตอบคําถามของข้ามาเจ้ามนุษย์ เจ้ามาทําอะไรที่น?
“คือว่า….”
ซูฮยอนกระอีกกระอัก ไม่รู้จะพูดอะไรออกไปดี
<<มังกรตรงหน้าจะใช้กรงเล็บตะปบฉันหรือป่าว หากฉันบอกว่า ฉันมาเพื่อช่วยโลกใบนี้?>>
โดยธรรมชาติมังกรทุกตัวแล้ว มักถือว่าเผ่าพันธุ์ของพวกเขาเหนือกว่าเผ่าพันธุ์มนุษย์
ก.งพาเขาเหนือกว่าเผ่าพันธ์มนษย์ จากเนื้อหาในหนังสือ ที่ยืมมัลคอล์มอ่าน บอกไว้ว่ามังกรเป็นผู้สอนเวทมนตร์ให้แก่มนุษย์ รวมถึงวิชาความรู้และอารยธรรมต่างๆ ส่วน ใหญ่มังกรล้วนถ่ายทอดให้ทั้งสิ้น
จึงเป็นเหตุผลว่าทําไม มังกรถึงได้คิดว่าพวกมันคือผู้มีเมตตาต่อมนุษย์ หากซูฮยอนพูดความจริงไปว่า เขามาเพื่อช่วยโลกใบนี้ คิดเหรอว่ามังกรที่ทะนงศักดิ์จะเชื่อคําพูดมนุษย์ตัวเล็กจ้อยอย่างเขา..
<<หรือฉันจะอ้างว่าตัวเองหลงทางดี…?>>
แต่ทันใดนั้นเอง……..
มังกรฟ้าก็สังเกตเห็นตัวตนของมิรุ ลําตัวขนาดใหญ่ที่เคยนอนขดตัวราบไปกับพื้น รีบผลุนผลันยันร่างใหญ่โตลุกขึ้นทันที
-มังกรแดง??
คิ้ว!!! คิ้ว!!!
มิรุคงหวาดกลัวมังกรฟ้าตรงหน้าเป็นแน่ เพราะมิรบินไปแอบอยู่ด้านหลังของซูฮยอนด้วยหน้าถอดสี
<<ฝ่ายตรงข้ามหน้ากลัวขนาดนั้นเลยเหรอ?>>
ซูฮยอนมองไปที่มิรุ ซึ่งเอาแต่ซ่อนตัวอยู่ด้านหลัง ก่อนจะหันกลับไปมองที่มังกรฟ้าต่อ
เมื่อเปรียบเทียบกับมังกรฟ้าของซงฮยองกิ ขนาดตัวของทั้งคู่มีความใกล้เคียงกัน แต่ถ้าวัดกันที่ความแข็งแกร่งแล้ว ซูฮยอนพูดได้อย่างเต็มปากว่า มังกรฟ้าตัวตรงหน้าแข็งแกร่งกว่ามังกรฟ้าของซงฮยองกิหลายเท่า
สาเหตุที่มังกรฟ้าของซงฮยองกิอ่อนแอกว่า เพราะมังกรฟ้าของซงฮยองกิมีอายุเพียงไม่กี่ปีเท่านั้น
เทียบกับมังกรฟ้าตรงหน้าซูฮยอนแล้ว มันปลดปล่อยกลิ่นอายประวัติศาสตร์อันยาวนานที่พรรณนาเป็นคําพูดไม่ได้ออกมา ราวกับว่ามันมีชีวิตอยู่มาเนิ่นนาน หมายความว่าอายุของมันอาจมากกว่า 100 ปี
<<มังกรฟ้าตัวนี้ มีอายุมากแค่ไหนกันแน่?>>
ความแข็งแกร่งของมังกรแบ่งออกเป็น 2 อย่าง
อย่างแรกคือ โทนสี
อย่างที่สองคือ อายุของมังกร
เมื่อลองพิจารณาจาก 2 อย่างที่ยกมา มังกรฟ้าที่ยืนอยู่ตรงหน้าซูฮยอน ไม่ได้มีระดับสูงไปกว่ามังกรของซงฮยองกิเลย แต่เหตุผลที่มังกรฟ้าตัวนี้ทรงพลังยิ่งกว่ามังกรของซงฮยองกิ เพราะมันมีชีวิตอยู่มาอย่างเนินนาน..
-มังกรแดงอยู่กับเจ้านานหรือยัง?
“พวกเราอยู่ด้วยกันเข้าปีที่ 2 แล้วครับ”ซูฮยอนตอบคําถามของมังกรฟ้า
-ทําไมมังกรแดงถึงไปอยู่กับมนุษย์ได้…?
“ผู้อาวุโสพอรู้ประวัติความเป็นมาของมิรบ้างหรือป่าวครับ เอ่อ….ผมหมายถึงมังกรแดงที่กําลังหลบอยู่ด้านหลังผมตัวนี้น่ะครับ”
มังกรฟ้านิ่งเงียบไม่ยอมตอบคําถามซูฮยอนกลับ ทว่าปฏิกิริยาที่มังกรฟ้าแสดง ทําให้ซูฮยอนมั่นใจในบางอย่าง
<<กะแล้วเชียว>>
สัญชาตญาณในตัวของซูฮยอนกําลังบอกว่า [ปฏิกิริยาความเงียบ] ที่มังกรฟ้าเผยออกมา หมายความว่ามังกรฟ้าต้องรู้อะไรบางอย่าง ซูฮยอนค่อนข้างมั่นใจเต็มเปี่ยม ว่าเขาจะได้ข้อมูลเกี่ยวกับมิรุจากมังกรฟ้าตัวนี้
“เจ้าไปเจอมังกรแดงที่ไหน?
เดิมที่ซูฮยอนคิดจะตอบว่า “ผมได้มาจากรางวัลการเคลียร์บททดสอบ แต่คิดไปคิดมา เขาควรหาคําตอบที่ดูเหมาะสมกับความเป็นจริงให้ได้มากที่สุดจะดีกว่า
“ผมบังเอิญไปเจอมันตอนที่กําลังฟักออกจากไข่พอดี หลังจากนั้นมันก็ติดผมแจ ไม่ยอมห่างไปไหน”
-เจ้าบอกว่ามันฝึกออกมาจากไข่?
“ใช่ครับ”
“อย่างงั้นเหรอ
หลังจากมังกรฟ้าได้ยินคําตอบ การแสดงออกทางสีหน้าของมันอึมครึมขึ้น เหมือนกับกําลังครุ่นคิดอะไรบางอย่าง…
มังกรถือได้ว่าเป็นสิ่งมีชีวิตที่มีความรู้สูงส่ง อย่างน้อยมังกรฟ้าตัวนี้ต้องรู้ตัวตนของมิรุแน่ๆ ในใจของซูฮยอนเต็มไปด้วยความคาดหวัง ซูฮยอนไม่ทิ้งช่วงนานรีบพูดกับมังกรฟ้าต่ออีกครั้งว่า..
“ผมอยากรู้การดํารงอยู่ของมังกรแดง และ…”
ซูฮยอนเกิดอาการลังเลขึ้นมาเล็กน้อย ก่อนตัดสินใจพูดออกไปด้วยความระมัดระวัง
“สถานการณ์ปัจจุบันของโลกใบนี้เป็นยังไงบ้าง?”
มังกรฟ้าใช้สายตามองสลับไปมาระหว่างซูฮยอนกับมิรุ
-เรื่องที่เจ้าถาม เก็บไว้คุยระหว่างเดินทางดีกว่า
“หืม?”
มังกรฟ้าหันหลังให้ซูฮยอน หางยาววางนาบติดพื้น เห็นได้ชัดว่ามังกรฟ้ากําลังส่งสัญญาณให้ซูฮยอนปืนขึ้นไปบนหลังของมัน
ซูฮยอนละล้าละลังพักหนึ่ง ก่อนตัดสินใจปีนขึ้นไปบนหลังมังกรฟ้าพลางปลอบมิรุที่สั่นกลัวไม่หยุด เขาไม่รู้ว่ามังกรฟ้าตั้งใจจะทําอะไร แต่ข้อความที่ระบบชี้แจงมา บอกว่ามังกรฟ้าตัวนี้จะนําทางเขา มันคงไม่มีเจตนาร้าย
-จับไว้ให้แน่น ข้าจะออกเดินทางแล้ว
ปีกขนาดใหญ่ 2 ข้างคลี่ออก มังกรฟ้าถีบตัวจากพื้นและพุ่งขึ้นไปบนท้องฟ้าอย่างรวดเร็ว
เมื่อลอยเหนือพื้นขึ้นมาได้พอประมาณ มังกรฟ้าจึงเริ่มเอ่ยปากพูดกับซูฮยอน…
-มังกรแดงถือว่าเป็นสัญลักษณ์อย่างหนึ่ง
ความหวาดกลัวที่มิรุมีต่อมังกรฟ้าเริ่มบรรเทาลง ซูฮยอนเลิกปลอบมิรุและเงี่ยหูตั้งใจฟังคําพูดของมังกรฟ้า
-สีแดงเป็นสีที่มีเอกลักษณ์ ซึ่งบ่งบอกถึงสายเลือดโดยตรงของผู้ปกครองมังกรทุกตัว หรือเรียกอีกอย่างหนึ่งว่า ราชามังกร
“ราชามังกร…?”
สิ่งที่มังกรฟ้าพูด คงคล้ายๆกับยศถาบรรดาศักดิ์ที่ใช้กันอย่างแพร่หลายบนโลกมนุษย์ เพื่อแบ่งแยกชนชั้น และบ่งบอกถึงสถานะทางสังคม ให้ผู้อื่นเกิดความเคารพยําเกรง
มังกรก็แบ่งแยกชนชั้นไม่ต่างอะไรจากมนุษย์ โดยใช้สีของลําตัวแยกแยะเทือกเถาเหล่ากอ
และสีแดงจัดอยู่ในอันดับสูงสุด ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของทายาทสายตรงของราชามังกร
คิ้ว?
มิรุที่เกิดมาพร้อมกับสายเลือดสูงส่ง กําลังเอียงหัวไปด้านข้างและทําหน้ามึนงง ราวกับต้องการถามว่าพวกคุณคุยอะไรกันเหรอ?
ซูฮยอนทําได้เพียงถอนลมหายใจออกมาเบาๆ กับท่าทางไร้เดียงสาของมิรุและถามมังกรฟ้าว่า
“ผมจะตามหาครอบครัวของมิรได้ที่ไหน แล้วโลกใบนี้เกิดอะไรขึ้นกันแน่”
มังกรฟ้าเผยอาการกระฝึกกระหยักออกมาแวบหนึ่งและเอาแต่นิ่งเงียบไม่ยอมตอบคําถามซูฮยอน ผ่านไปได้สักพักมังกรฟ้าก็ตอบกลับด้วยน้ําเสียงแผ่วเบาผิดปกติ
-ทายาทสายตรงของราชามังกรที่รอดชีวิตไม่มีอีกแล้ว
“ว่าไงนะครับ?”
-ข้าบอกว่าทายาทสายตรงของราชามังกรล้มตายไปหมดแล้ว มังกรบางตัวสันนิษฐานว่าทายาทมังกรแดงคงหนีไปกบดานที่ไหนสักแห่ง แต่ตามความคิดเห็นของข้า มังกรแดงที่ยังเหลือรอดชีวิต คงมีเพียงเล็กน้อยที่อยู่กับเจ้านั่นแหละ
คําบอกเล่ามังกรฟ้าสร้างความตกใจให้แก่ซูฮยอนเป็นอย่างมาก เขานึกไม่ถึงมังกรแดงตัวอื่นๆจะตายไปหมดแล้ว ตอนแรกเขาก็หลงคิดไปว่าตัวเองจะมีโอกาสเจอมังกรแดงที่มีขนาดตัวใหญ่กว่ามิรุเสียอีก
“เกิดอะไรขึ้นครับ ทําไมมังกรแดงถึง…?”
-เพราะสงคราม
“คุณบอกว่าสงคราม? ทําไมถึงเกิดสงครามได้?”
-ข้าไม่รู้จะอธิบายยังไง เห็นด้วยตาเจ้าเองจะดีกว่า
รูป
กลุ่มหมอกสีดําเข้าปกคลุมร่างกายซูฮยอนอย่างช้าๆ ซูฮยอนไม่ขัดขืนหรือต่อต้านมัน เขาปล่อยให้หมอกสีดําปกคลุมร่างต่อไป ไม่นานภาพตรงหน้าก็เกิดการเปลี่ยนแปลง ร่างกายของซูฮยอนรู้สึกไร้น้ําหนัก ราวกับกําลังล่องลอยไปบนอากาศ
ตูม!!!
โฮกกกกกกกก!!
เสียงระเบิดและเสียงคํารามดังขึ้นพร้อมกัน ท้องฟ้าด้านบนมืดสนิท แต่กลับมองไม่เห็นหมู่ดาว
ซูฮยอนหรีดวงตาลง เพื่อเพ่งมองภาพที่ปรากฏออกมาให้ชัดเจนยิ่งขึ้น
“นี่มัน ภาพลวงตา?”
ร่างกายของซูฮยอนกําลังลอยอยู่กลางอากาศ ขณะที่กิริยาท่าทางของเขายังคงนั่งชันเข่าอยู่เหมือนเดิม
ซูฮยอนรู้อยู่แล้วว่าภาพที่เห็นเป็นเพียงภาพลวงตา หลังจากสังเกตรายละเอียดที่อยู่ในภาพลวงตาทั้งหมด เขามั่นใจว่าภาพลวงตาที่เห็นอยู่ตอนนี้ คงเป็นเหตุการณ์ที่เคยเกิดขึ้นในอดีต
<< นี่คือสงครามที่มังกรฟ้าพูดถึงสินะ?>>
ซูฮยอนมองเห็นร่างไร้วิญญาณของมังกรนอนแน่นิ่งไกลออกไป
บนพื้นเกลื่อนกลาดไปด้วยซากศพมังกรและซากศพมอนสเตอร์ เลือดไหลรินออกมาจากร่างไร้วิญญาณของมังกร ก่อให้เกิดบ่อเลือดขนาดย่อม
<<เดี๋ยวก่อน นั่นมัน…>>
ทันใดนั้นเอง สายตาของซูฮยอนก็ไปสะดุดเข้ากับมอนสเตอร์ตัวหนึ่ง
โฮกกกก!!
ทะเลสาบที่ตั้งอยู่ไกลออกไป มีเต่ายักษ์ตัวหนึ่งโผล่ขึ้นมาเหนือผิวน้ํา มันมีชื่อว่า…
<<เต่าไททัน>>
รูปร่างใหญ่โตของเต่าไททัน กินพื้นที่ของทะเลสาบไปครึ่งหนึ่ง กระดองที่อยู่บนหลังของมัน มีความแข็งแกร่งทนทานเป็นอย่างมาก สามารถป้องกันอาวุธได้หลายรูปแบบ
ซูฮยอนคุ้นเคยกับเต่าไททันเป็นอย่างดี เพราะเขาเคยเผชิญหน้ากับมันมาก่อน
<<ปกติมอนสเตอร์ตัวนั้นพบได้ในดันเจี้ยนระดับสีนิลกาฬไม่ใช่เหรอ? แล้วมันมาโผล่ที่นี่ได้ไง?…>>
เมื่อซูฮยอนลองสํารวจบริเวณรอบๆให้ถี่ถ้วน เขาพบว่ามอนสเตอร์ทรงพลังที่ตัวเองรู้จักและคุ้นเคยเป็นอย่างดี ไม่ได้ปรากฏออกมาแค่ตัวเดียว
มอนสเตอร์ที่กําลังเปิดฉากทําสงครามกับเหล่ามังกรบนสนามรบ บางตัวมีลักษณะคล้ายคลึงกับมอนสเตอร์ที่ซูฮยอนเคยเห็นผ่านตาทุกประการ
ในบรรดามอนสเตอร์ที่โผล่ออกมา ซูฮยอนจําชื่อได้ไม่หมดทุกตัว แต่เขายังพอจํารูปลักษณ์ภายนอกของพวกมันได้…
สถานการณ์บริเวณทะเลสาบตอนนี้ เต่าไททันกําลังเปิดฉากต่อสู้กับกลุ่มมังกรส้ม ซึ่งเหล่ามังกรที่กําลังกุลีกุจอกลุ้มรุมเต่าไททัน มีขนาดตัวที่ใหญ่โตไม่แพ้เต่าไททันเลย
การที่ได้เห็นมังกรส้มถึง 5 ตัว ต่อสู้กับเต่าไททันอย่างดุเดือด เป็นภาพที่หาชมได้ยากมาก
<<อย่างนี้นี่เอง ฉันพอจะเข้าใจอะไรบางอย่างแล้ว>>
ซูฮยอนกระจ่างแล้วว่าสงครามที่ถ่ายทอดผ่านภาพลวงตาของมังกรฟ้าคืออะไร..
<<ภาพเหตุการณ์ที่คล้ายๆแบบนี้ ยังคงตราตรึงอยู่ในความทรงจําของฉันไม่เลือนหาย>>
ท้องฟ้าสีดํามืดสนิท ฝูงมอนสเตอร์บุกโจมตีอย่างกะทันหัน
การระบาดของดันเจี้ยนไม่สามารถหยุดยั้งได้อีกต่อไป…
ตูม!! ตูม!! ตูม!!
จู่ๆซูฮยอนก็สัมผัสได้ถึงคลื่นพลังอันมหาศาล เขารีบหันหน้าไปมองต้นตอของคลื่นพลังที่ว่าอย่างรวดเร็ว
สิ่งมีชีวิตที่กําลังจะปรากฏตัวออกมา มีกลิ่นอายที่น่าเกรงขามยิ่ง กระทั่งเจ้าของภาพลวงตาก็ตระหนักได้ถึงความน่ากลัวของมัน
แม้ร่างของมันจะยังไม่เผยโฉมออกมา แต่ซูฮยอนคุ้นเคยกับคลื่นพลังของมันดี
<<มันใกล้จะออกมาแล้ว>>
บอสที่บงการเหล่ามอนสเตอร์และสัตว์อสูรอยู่เบื้องหลัง ค่อยๆก้าวออกมาจากช่องว่างมิติแล้วเดินผ่านร่าง ของซูฮยอนไป
ยักษ์ที่มีหัวเป็นมังกร ชื่อของมันคือ…
<<ฟาฟเนียร์>>
ทันทีที่ซูฮยอนได้เห็นรูปร่างสิ่งมีชีวิตตัวนั้นทนโท่เต็ม 2 ตา เจตนาฆ่าฟันที่หนาแน่นพรั่งพรูออกมาจากร่างกายของเขาอย่างบ้าคลั่ง
*************
ระดับดันเจี้ยนในเรื่องมี 7 ระดับสี ได้แก่
1.สีแดง
2.สีส้ม
3.สีเหลือง
4.สีเขียว
5.สีน้ําเงิน
6.สีนิลกาฬ
7.สีม่วง