การกลับมาของฮีโร่ - ตอนที่ 160
ตอนที่ 160
<<เจ้าเดรัจฉานนั่น มาโผล่ที่โลกใบนี้ได้ไง?…>>
การปรากฏตัวของฟาฟเนียร์ ทําให้ซูฮยอนไม่สามารถรักษาท่าทางสงบเยือกเย็นได้ ห้วงอารมณ์ของเขาปั่นป่วนพลุ่งพล่าน มอนสเตอร์ตรงหน้าเคยทําลายโลกของซูฮยอนมาก่อน มันเปรียบเสมือนภูเขาลูกใหญ่ที่เขาต้องก้าวข้ามไปให้ได้ และเป็นเป้าหมายที่ต้องกําจัด แม้ว่าจะต้องแลกด้วยชีวิตก็ตาม
ซูฮยอนเผลอตัวกําหมัดแน่นเกินไปจนเล็บมือจิกเข้าเนื้ออ่อน ความเจ็บปวดบริเวณฝ่ามือเรียกสติที่กําลังปั่นป่วนให้กลับมาสงบดังเดิม ไม่มีเหตุผลอะไรที่เขาต้องกระวนกระวายใจตอนนี้ เพราะภาพที่เห็นตรงหน้าทั้งหมด เป็นเพียงภาพลวงตาที่เคยเกิดขึ้นในอดีตเท่านั้น
<<ไม่สิ ต่อให้มันไม่ใช่ภาพลวงตา แต่ภาพที่ฉันเห็นเป็นของจริง ฉันก็ต้องควบคุมอารมณ์ของตัวเองให้ได้ ไม่ควรตื่นตระหนกเกินเหต>>
ต้องขอบคุณภาพลวงตาจริงๆ ซฮยอนตระหนักได้ทันที ว่าหากเขาต้องเผชิญหน้ากับฟาฟเนียร์อีกในอนาคต เขาจะรับมือและจัดการอารมณ์ของตัวเองยังไง
ในการต่อสู้ความปั่นป่วนถือเป็นสิ่งที่อันตรายมาก แค่ความตึงเครียดเพียงนิดเดียวก็ทําให้ร่างกายตอบสนองได้ช้าลง หากมีความปั่นป่วนเพิ่มเข้ามาอีก คงแพ้ตั้งแต่ยังไม่เริ่มสู้
ภาพเหตุการณ์ที่ซูฮยอนได้เห็นทั้งหมดในวันนี้ ไม่ต่างอะไรกับการฝึกฝนจิตใจ ให้มีความแข็งแกร่งยิ่งขึ้น เพราะมันช่วยให้เขาเรียนรู้การควบคุมอารมณ์ของตัวเอง หากต้องเผชิญกับฟาฟเนียร์อีกในอนาคต
-เจ้าเรียกสติของตัวเองกลับมาได้เร็วใช้ได้
เสียงมังกรฟ้าดังขึ้นในจิตใจของซูฮยอน เพราะเสียงของมังกรฟ้านี้เอง ช่วยเสริมสร้างความมั่นใจให้ซูฮยอนยิ่งขึ้น ว่าภาพที่เห็นเป็นเพียงภาพดวงตา ไม่ใช่ของจริงแต่ประการใด..
“งั้นเหรอครับ แต่เมื่อกี้ผมเกือบสติลอยไปแล้วเหมือนกัน”
-สําหรับมนุษย์แล้ว การควบคุมอารมณ์ของตนเองเป็นเรื่องที่ยากมาก เจ้าแตกต่างจากมนุษย์คนอื่นจริงๆ หลังจากที่เจ้าเห็นสิ่งมีชีวิตตัวนั้น อารมณ์ของเจ้าเกิดความปั่นป่วนขึ้นมาอย่างกะทันหัน เพราะอะไรกัน? เจ้ารู้จักสิ่งมีชีวิตตัวนั้นงั้นรึ?
คําถามจากมังกรฟ้า ทําเอาซูฮยอนเกิดความลังเลขึ้นมา เขานิ่งเงียบไปสักพัก ก่อนจะค่อยๆเปิดปากตอบคําถามมังกรฟ้า
“มอนสเตอร์ตัวนั้น ทําลายโลกของผม”
-โลกของเจ้า….?
มังกรฟ้าไม่ได้ซักไซ้ซูฮยอนเพิ่มเติม เผ่าพันธุ์มังกรมีอายุขัยที่ยืนยาวกว่าเผ่าพันธุ์มนุษย์หลายเท่า มังกรจึงมีสัญชาตญาณจับผิดคําพูดโกหกของฝ่ายตรงข้าม และจากการที่มังกรฟ้าลองตรวจสอบคําพูดของซูฮยอน อีกฝ่ายไม่ได้พูดโกหก…
<<มังกรที่กําลังประจันหน้ากับฟาฟเนียร์…..>>
สายตาของซูฮยอนเพ่งมองไปยังการต่อสู้บนท้องฟ้า…
<<เป็นมังกรแดงอย่างที่คิดจริงด้วย>>
ฟรี่บ!!
มังกรแดงสะบัดปีกขนาดใหญ่โต ฉีกกระชากกลุ่มเมฆสีดําที่บดบังแสงอาทิตย์ ราวกับว่ามังกรแดงกําลังประกาศความตั้งใจแรงกล้าของมันว่าโลกใบนี้มันจะต้องกอบกู้กลับมาเป็นเหมือนเดิมให้จงได้
ฟาฟเนียร์จ้องมองไปยังมังกรแดง 5 ตัว ที่อยู่ตรงหน้า
ยักษ์ตัวสีม่วงที่มีหัวเป็นมังกร หรือที่รู้จักกันดีในชื่อฟาฟเนียร์ เมื่อลองนําขนาดตัวฟาฟเนียร์ไปเทียบกับขนาดตัวของมังกรแดง ฟาฟเนียร์มีขนาดตัวที่เล็กกว่ามังกรแดงมาก แต่ความแข็งแกร่งไม่ได้วัดกันที่ขนาดตัวเสมอไป ซูฮยอนเชื่อเต็มอกว่าการต่อสู้ครั้งนี้ ฟาฟเนียร์ต้องเอาชนะมังกรแดงได้แน่
<<การต่อสู่ใกล้จะเริ่มแล้วสินะ>>
หลังจากเมฆสีดําบนท้องฟ้าหายไปจนหมด เหล่ามังกรแดงก็พร้อมใจกันกระโจนเข้าหาฟาฟเนียร์….
วุป!!
ทันใดนั้นเอง หมอกสีดําที่ปกคลุมร่างกายซูฮยอนก็ค่อยๆสลายหายไป ภาพลวงตาที่กําลังเข้าด้ายเข้าเข็ม ตัดจบไปแบบดื้อๆ
“อะไรกัน? จบแล้วเหรอ….”
-ฟังจากน้ําเสียงของเจ้า เหมือนกําลังผิดหวังนะ
ซูฮยอนพยักหน้าให้กับคํากล่าวของมังกรฟ้า สายตามองท้องฟ้าและผืนป่าเขียวขจีที่ทอดยาวไกลสุดลูกหูลูกตา เขากระสันอยากเห็นมากๆว่าการต่อสู้ระหว่างฟาฟเนียร์กับมังกรแดงจะยุติลงเช่นไร
ยิ่งไปกว่านั้น ยังเป็นโอกาสดีของเขาที่จะเก็บเกี่ยวข้อมูลความสามารถของฟาฟเนียร์ แต่น่าเสียดายที่ภาพตัดไปซะก่อน
-ขอโทษเจ้าด้วยจริงๆ ภาพลวงตาที่เจ้าเห็นเป็นเพียงความทรงจําส่วนหนึ่งของพี่ชายข้า
“หมายความว่า….”
– พี่ชายของข้าสิ้นชีวิตระหว่างสงคราม ความทรงจําที่ข้าเก็บรวบรวมมาได้เหลือเพียงเศษเสี้ยว ภาพเหตุการณ์ที่เจ้าเห็นจึงจบลงแค่นั้น
มังกรมีอายุขัยที่ยาวนานกว่ามนุษย์ แม้เวลาจะไม่ใช่เครื่องวัดระดับความสัมพันธ์ แต่การมีชีวิตอยู่อย่างยืนยาวก็ไม่ได้มีข้อดีเสมอไป เมื่อสูญเสียสมาชิกคนสําคัญในครอบครัว ความโศกเศร้าที่ได้รับจะวนเวียนอยู่รอบตัวไปอีกนาน
แต่เหมือนมังกรฟ้าจะไม่เสียใจกับการตายของพี่ชายเลย….
<<บางทีมังกรฟ้าอาจเคยชินกับการเสียคนสําคัญไปแล้วก็ได้?>>
ซูฮยอนได้รับรู้ความเป็นมาของสงครามที่เหล่ามังกรต้องเผชิญหน้าจากมังกรฟ้า และเขายังทราบอีกว่าฟาฟเนียร์ มอนสเตอร์ที่เคยทําลายโลกมนุษย์ในอดีต มีส่วนเกี่ยวข้องสงครามในครั้งนี้ด้วย
<<ไม่ใช่แค่โลกของฉันเท่านั้น ที่โดนเจ้าฟาฟเนียร์บุกรุก>>
ซฮยอนมองไปที่มังกรฟ้าด้วยสายตาที่แปลกออกไปจากเดิมเล็กน้อย..
<<ในเมื่อฟาฟเนียร์มาโผล่ที่โลกใบนี้ได้ แสดงว่าโลกทุกใบบนหอคอยแห่งการทดสอบ ฟาฟเนียร์ก็สามารถไปเหยียบได้ทุกเมื่อเช่นกันสินะ>>
ตกลงสิ่งมีชีวิตที่อาศัยอยู่ในหอคอยแห่งการทดสอบเป็นเพียง โปรแกรม” ที่สร้างขึ้นโดยระบบ หรือเป็นสิ่งมีชีวิตที่มีตัวตนอยู่จริงๆกันแน่?
คําถามที่ซูฮยอนพยายามหาคําตอบอยู่นาน แต่ก็หาไม่ได้วนกลับมาในหัวของเขาอีกครั้ง จนถึงทุกวันนี้ เรื่องที่เขาสงสัยก็ยังเป็นปริศนา…
<<ช่างเถอะ อย่าพึ่งไปคิดถึงเรื่องนั้นเลย>>
ซูฮยอนส่ายหัวไล่ความคิดที่ไม่จําเป็นออก
<<โลกใบนี้ก็คือโลกใบนี้ ฉันมีสิ่งที่ต้องทํา คิดแค่นั้นพอ>>
ซูฮยอนทราบอยู่แก่ใจว่าบททดสอบที่ระบบกําหนดมา เขาจําเป็นต้อง เอาตัวเข้าไปพัวพันกับโลกที่ตั้งอยู่ในหอคอยแห่งการทดสอบอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ แต่จะเป็นการดีที่สุด หากรู้จักห้ามใจตัวเองไม่ให้ถลําลึกจนเกินไป เพราะการที่ปล่อยตัวไหลตามน้ําไปเรื่อยๆ จะส่งผลร้ายต่อร่างกายผู้ทดสอบมากกว่าส่งผลดี
ตอนนี้ไม่ใช่เวลามานั่งค้นหาความเชื่อมโยงระหว่างโลกใบนี้กับฟาฟเนียร์ ต่อให้ใช้สมองคิดพิเคราะห์หนักแค่ไหน ก็หาคําตอบที่แน่นอนไม่ได้อยู่ดี
สิ่งที่สําคัญที่สุดสําหรับตอนนี้ คือผ่านการทดสอบชั้นที่ 40 ไปให้ได้
“มังกรแดงทุกตัว เสียชีวิตหลังสงครามยุติเหรอครับ?”
“ถูกต้อง
“คุณพอรู้รายละเอียดเจ้าสิ่งมีชีวิตที่ฆ่ามังกรแดงไหม?”
“สิ่งมีชีวิตที่สังหารมังกรแดง จู่ๆก็ปรากฏตัวขึ้นพร้อมรุกรานโลกของข้า มันไม่ได้โผล่ตัวเดียว แต่นําทัพมอนสเตอร์จํานวนมากติดตามมาด้วย มอนสเตอร์ที่มันนํามา บุกโจมตีทุกอย่างที่ขวางหน้า ลักษณะภายนอกของสิ่งมีชีวิตตัวนั้นค่อนข้างแปลกประหลาดทีเดียว หัวเป็นมังกร แต่กลับมีร่างกายเหมือนมนุษย์ แถมในตัวของมันยังมีสายเลือดเผ่าพันธุ์ยักษ์ไหลเวียนอยู่อีก
“เผ่าพันธุ์ยักษ์..?”
-ข้าไม่ทราบรายละเอียดทั้งหมด แต่มีสิ่งหนึ่งที่ข้าจําได้ไม่มีวันลืม เจ้าสัตว์เดรัจฉานนอกคอกนั่น ทําให้โลกของข้าได้รับความทุกข์ทรมานอย่างแสนสาหัส สุดท้ายโลกที่เคยมีอารยธรรม ก็กลายเป็นไร้อารยธรรม ไม่ต่างอะไรกับยุคมืดที่กินเวลามานานแสนนาน
เมื่อซูฮยอนได้ยินคําว่า ยุคมืดที่กินเวลามาแสนยาวนาน” จากปากมังกรฟ้า เขาเฉลียวใจได้ถึงความจริงบางอย่างที่มองข้ามไป โลกใบนี้ถูกรุกรานโดยฟาฟเนียร์และกองกําลังมอนสเตอร์ แต่ทําไมสภาพแวดล้อมรอบๆถึงได้เงียบสงบเช่นนี้ ไม่มีกลิ่นอายของสงครามหลงเหลืออยู่เลย
“แล้วสงครามยุติลงยังไง อย่าบอกนะว่าพวกมังกรขับไล่มันไปได้?”
-พูดด้วยความสัตย์จริง ขนาดมังกรแดงยังสู้กับมันไม่ได้ เจ้าคิดว่าพวกเราจะต่อกรกับมันได้รี?
มังกรฟ้าใช้น้ําเสียงข็งขัง ตอบคําถามซูฮยอน…
“โลกของข้าโดนทําลายจนย่อยยับ แต่พวกเรายังมีชีวิตอยู่ ไม่ได้ถูกทําลายไปพร้อมกับโลกใบนี้
“ผู้อาวุโสหมายความว่าไง?”
-ตอนที่เกิดสงคราม ข้าอยู่ในช่วงจําศีลพอดี มังกรที่รอดชีวิตส่วนใหญ่ ก็อยู่ในช่วงจําศีลเหมือนกัน สิ่งมีชีวิตที่รุกรานโลกของข้า หาสถานที่จําศีลของมังกรไม่พบ มันเลยคิดว่ามังกรทุกตัวตายหมดแล้ว จึงกลับไปโลกเดิมของมัน
“แสดงว่า…”
-หลังจากที่พวกเราตื่นขึ้นจากการจําศีล พวกเราค่อยๆฟื้นฟูโลกแห่งนี้กลับขึ้นมาใหม่ที่ละนิด เนรมิตชีวิตใหม่ให้โลกที่ตายไปแล้ว และพยายามคืนสีสันให้กับท้องฟ้า
“อย่างงี้ก็แปลว่าสงครามจบแล้วสิ?”
-ไม่ สงครามยังไม่จบซะทีเดียว
มังกรฟ้ากล่าวตอบด้วยน้ําเสียงเอาจริงเอาจัง
-สงครามยังคงดําเนินต่อไป
“ยังมีการต่อสู้เกิดขึ้นอีกเหรอครับ?”
“สิ่งมีชีวิตที่บงการเหล่ามอนสเตอร์จากไปแล้วก็จริง แต่มอนสเตอร์จํานวนมากที่มันนํามา ยังอาศัยอยู่บนโลกของพวกเรา พวกเราจึงผนึกกําลังเข้าด้วยกัน ต่อสู้กับพวกมอนสเตอร์เหล่านั้น ในที่สุดพวกเราก็สามารถแย่งชิงดินแดนขนาดเล็กแห่งหนึ่งได้สําเร็จ
ดินแดนขนาดเล็กที่มังกรฟ้ากล่าว หมายถึงท้องฟ้าสีครามและผืนป่าเขียวขจีแห่งนี้ มีเพียงพื้นที่บริเวณแถวนี้เท่านั้น ที่ไม่โดนมอนสเตอร์ยึดครอง เผ่าพันธุ์มังกรปกครองที่นี่อย่างแท้จริง
-พวกเรามาถึงแล้ว
อุปII
คลื่นลมแรงตีปะทะใบหน้าซูฮยอน ดวงตาของเขาหรี่ลงโดยอัตโนมัติ ด้านหน้าไกลออกไป มีสิ่งปลูกสร้างคล้ายเมืองใหญ่ของมนุษย์ตั้งอยู่…
<<นั่นมันเมืองของมนุษย์เหรอ?>>
มองภายนอกค่อนข้างเหมือนกับเมืองมนุษย์ทั่วไป แม้ที่นี่จะเป็นโลกของเหล่ามังกร แต่อาจจะมีมนุษย์บางส่วนอาศัยอยู่ที่นี่ด้วย
ฟรี่บ!!
มังกรฟ้าร่อนลงจอดหน้าประตูเข้าเมือง มันหุบปีกและเอาหางวางระนาบไปกับพื้น ซูฮยอนและมิรุค่อยๆปืนลงมาจากหลังของมัน
-เจ้ายืนรอข้าสักครู่
หลังจากมังกรฟ้าพูดจบ มันยกตัวตั้งตรง ใช้เท้าหลังยืนทรงตัว เกล็ดที่ปกคลุมร่างกายของมังกรฟ้าเกิดแรงสั่นไหวและเริ่มเคลื่อนที่ไปรวมตัวกันเป็นกลุ่มก้อนอย่างช้าๆ
แกร็ก!! แกร็ก!!
รูปร่างใหญ่โตของมังกรฟ้าเปลี่ยนแปลงไปจากเดิมอย่างรวดเร็ว เพียงไม่นานขนาดตัวที่ใหญ่โตก็หดเล็กลงจนใกล้เคียงกับขนาดตัวของมนุษย์ แต่ระดับความสูงของมันเกินกว่ามนุษย์ทั่วไปจะมีได้ แถมช่วงไหล่ยังกว้างกว่ามนุษย์ไม่รู้กี่เท่า
สรีระร่างกายของมังกรฟ้าในตอนนี้ เหมือนมนุษย์เกือบทุกอย่าง จุดที่แตกต่างจากมนุษย์และสะดุดตาคงเป็นเกล็ดมังกรที่ปกคลุมร่างกายเป็นกระหย่อมๆ
<<ครึ่งมนุษย์ครึ่งมังกร? ไม่สิ นี่อาจเป็นเวทมนตร์จําแลงกายประเภทหนึ่งล่ะมั้ง?>>
ซูฮยอนเคยเห็นมังกรใช้เวทมนตร์เปลี่ยนรูปลักษณ์เป็นมนุษย์มาหลายครั้ง อย่างไรก็ตาม นี่เป็นครั้งแรกที่เขาได้มีโอกาสเห็นมังกรเปลี่ยนร่างเป็นมนุษย์ แต่ยังคงเอกลักษณ์เฉพาะตัวของมังกรเอาไว้
ขณะที่ซูฮยอนกําลังจ้องมองเหตุการณ์ตรงหน้าด้วยความประหลาดใจ มังกรฟ้าที่เปลี่ยนร่างเป็นครึ่งมนุษย์ครึ่งมังกรเสร็จสมบูรณ์ เปิดปากพูดพึมพําออกมาว่า
“พอมาอยู่ในร่างนี้แล้ว ขยับร่างกายได้สะดวกขึ้นเยอะเลย”
มังกรฟ้า กํามือ แบมือ 2-3 ครั้ง ก่อนจะยิ้มออกมาอย่างพึงพอใจ
ซูฮยอนที่ได้ยินคําพูดของมังกรฟ้า แสดงสีหน้ามึนงงและอดถามไม่ได้ว่า “รูปร่างมนุษย์สะดวกสบายกว่ารูปลักษณ์เดิมของผู้อาวุโสงั้นเหรอครับ?”
“ถูกต้อง ร่างมังกรใหญ่เทอะทะเกินไป อาจเป็นเพราะน้ําหนักด้วยส่วนหนึ่ง ทําให้การขยับตัวแต่ละครั้งเต็ม ไปด้วยความยากลําบาก สําหรับข้า ร่างจําแลงมนุษย์สบายกว่าร่างมังกรหลายเท่า แม้การจําแลงร่างต้องสูญเสียพลังเวทเยอะก็เถอะ”
ซูฮยอนนึกถึงร่างใหญ่โตของเหล่ามังกรและพยักหน้าเห็นด้วยกับคําพูดของมังกรฟ้า ร่างใหญ่โตของมังกรมีจุดเด่นอยู่ที่การโจมตีอันหนักหน่วง แต่ต้องแลกมาด้วยความเชื่องช้า ส่วนร่างมนุษย์ทําให้มังกรขยับร่างกายได้สะดวกขึ้น แถมยังว่องไวกว่าร่างมังกรอีกต่างหาก ทว่าการโจมตีอาจไม่รุนแรงเท่าร่างมังกร
“อย่าบอกนะว่ามังกรตัวอื่นๆก็ทําแบบนี้ได้…?”
“พวกเขาก็ทําได้เหมือนกัน และพวกเขาอาศัยอยู่ในเมืองข้างหน้าเจ้านี้แหละ เมืองที่เจ้าเห็นตอนนี้ เป็นเมืองแห่งสุดท้ายที่เหลือรอด”
คําว่า [เมืองแห่งสุดท้าย] ทําให้ซูฮยอนนึกย้อนถึงคําพูดที่มังกรฟ้าเคยกล่าวเอาไว้ จนกระทั่งตอนนี้ สงครามยังคงดําเนินต่อไป หากซูฮยอนไม่ทราบมาก่อนว่าโลกใบนี้เคยเกิดสงครามขึ้น เขาคงหลงคิดไปเองว่าโลกใบนี้มีช่างสงบสุขเหลือเกิน เพราะในสายตาของซูฮยอนโลกใบนี้ได้กลิ่นอายความสันติสุข ผิดกลับโลกมนุษย์ที่เต็มไปด้วยความวุ่นวาย
“ข้าไม่รู้ว่าพวกเขาจะต้อนรับเจ้าหรือป่าว”มังกรฟ้ากล่าว
ซูฮยอนพยักหน้าเห็นด้วยกับคําพูดของมังกรฟ้า “ผมเข้าใจดี การที่มนุษย์ก้าวเข้าไปในเมืองมังกร คงรู้สึกแปลกพิลึก”
“ข้าไม่ได้หมายความว่าแบบนั้น”
มังกรฟ้าส่ายหัว จากนั้นจึงเดินไปที่ป้อมปราการ ช่องตรงกลางของป้อมปราการมีประตูเข้าเมืองปิดสนิทไว้อยู่…
ซูฮยอนเดินตามหลังมังกรพร้อมเปิดปากถามว่า “ผู้อาวุโสตั้งใจจะบอกอะไรกับผมกันแน่?”
“เหตุผลที่พวกเขาไม่ต้อนรับนาย เพราะมังกรแดงต่างหาก”
“เพราะมิรุเหรอครับ?”
คิ้ว?
ขณะที่ซูฮยอนถามมังกรฟ้า เขาหันหน้ามองมิรุที่อยู่ข้างตัวไม่ห่าง มิรุที่เห็นสายตาผู้เป็นเจ้าของมองมาแสดงสีหน้างุนงงและเอียงหัวไปด้านข้าง ราวกับจะถามว่า “มีอะไรกับผมหรือป่าวครับ” ยังไงอย่างนั้น
เมื่อเทียบกับในอดีตขนาดตัวของมิรุใหญ่ขึ้นมาก แต่ตามมาตรฐานของเผ่าพันธุ์มังกร มิรุยังถือว่าเป็นเด็กอยู่ ยิ่งไปกว่านั้นอัตราการเติบโตของมิรุเชื่องช้ากว่ามังกรตัวอื่นอย่างเห็นได้ชัด…
“หากเจ้าเข้าไปในเมือง เจ้าจะเข้าใจคําพูดของข้าได้เอง โดยส่วนตัวแล้ว ข้า…”มังกรฟ้าเลื่อนสายตาพินิจมิรุอย่างละเอียดถี่ถ้วน ก่อนจะละสายตาออกมาและกล่าวต่อจากประโยคเดิม
“ข้าอยากเห็นมังกรแดงเปลี่ยนแปลงโลกของเรา แม้จะแค่เล็กน้อยก็ยังดี”
มังกรฟ้าเดินมาหยุดอยู่หน้าป้อมปราการและเปล่งเสียงตะโกนออกมาดังสนั่น “มีอาคันตุกะมาเยือน!! จงเปิดประตู!!”
คริน!! ครืน!!
ประตูป้อมปราการขนาดใหญ่ค่อยๆแง้มเปิดออกอย่างช้าๆ ประตูป้อมปราการไม่จําเป็นต้องใช้แรงงานคนในการเปิด เพราะบานประตูมีกลไกพิเศษติดตั้งเอาไว้ ทําให้ประตูสามารถเปิดเองได้ โดยใช้เสียงของมังกรเป็นตัวขับเคลื่อน
“เข้าไปกันเถอะ”
มังกรฟ้านําซูฮยอนและมิรเข้าไปในเมือง
สภาพแวดล้อมหลังกําแพงให้ความรู้สึกเหมือนเมืองมนุษย์ยุคกลาง ซึ่งซูฮยอนคุ้นเคยกับบรรยากาศแบบนี้เป็นอย่างดี สถานที่แห่งนี้ไม่ต่างอะไรกับเมืองที่เขาเคยพบเจอระหว่างการทดสอบเลย
<<มังกรสอนมนุษย์ให้เข้าถึงวิถีแห่งเวทมนตร์ มังกรคลุกคลีอยู่กับมนุษย์นานวันเข้าก็เลยค่อยๆซึมซับวัฒนธรรมมนุษย์มาด้วย หรือป่าวนะ?>>
ในขณะที่ซูฮยอนกําลังใช้หัวสมองวิเคราะห์เรื่องที่ตนตั้งสมมติฐาน จู่ๆมังกรฟ้าที่เดินอยู่ด้านหน้าก็พูดโพล่งขึ้นว่า
“ข้าขอถามเจ้าอย่างหนึ่ง เจ้ามีความคิดเห็นยังไงเกี่ยวกับพวกเรา ข้าหมายถึง พวกมังกร”
“หืม?”
“ไม่ใช่มังกรทุกตัวจะดูถูกมนุษย์และมองว่าเป็นเผ่าพันธุ์ชั้นต่ํา แต่เพราะพฤติกรรมของมังกรบางตัวที่ชอบแสดงกิริยาเหยียดหยามเผ่าพันธุ์อื่นกลายเป็นที่รู้จักในหมู่มนุษย์ พวกเราจึงกลายเป็นปลาติดร่างแห โดนเหมารวมไปด้วยว่าเป็นพวกชอบดูหมิ่นถิ่นแคลนเผ่าพันธุ์อื่น ทว่าความจริงแล้วกลับไม่ได้เป็นเช่นนั้น มังกรจํานวนมากไม่เคยคิดดูถูกดูแคลนเผ่าพันธุ์อื่นเลย นอกจากเผ่าพันธุ์มนุษย์แล้ว พวกเรายังได้เรียนรู้และซึมซับวัฒนธรรมจากเผ่าพันธุ์อื่นๆอีกนับไม่ถ้วน และนํามาปรับใช้ให้เหมาะสมกับเผ่าพันธุ์มังกร จนมีสภาพอย่างที่เจ้าเห็น”
“หมายความว่าเมืองแห่งนี้….”
“เมืองที่เจ้ากําลังเหยียบย่ําอยู่ พวกเราสร้างขึ้นจากการเลียนแบบเมืองมนุษย์ เมื่อนานมาแล้ว เครือญาติพี่น้องเผ่าพันธุ์มังกรของพวกเราออกไปเที่ยวเล่นเมืองมนุษย์โดยสวมหน้ากากปิดบังตัวตนที่แท้จริงเอาไว้ ทันทีที่เขาก้าวเท้าเข้าเมืองมนุษย์ เขาตระหนักได้ทันทีว่าโครงสร้างเมืองที่มนุษย์คิดค้นขึ้น เหมาะแก่การอาศัยอยู่ร่วมกัน เพราะแนวคิดของเขา จึงเกิดเมืองแห่งนี้ขึ้น”
มังกรฟ้าอธิบายประวัติเพิ่มเติมของมังกรให้ซูฮยอนทราบ ไม่ว่าจะเป็นประเภทของมังกร วัฒนธรรมของมังกร วิถีชีวิตของมังกร ลักษณะเฉพาะของมังกร ชนชั้นวรรณะของมังกร และมังกรที่รวมตัวกัน จัดตั้งกลุ่มเฉพาะกิจของตัวเองขึ้นมา
มิรุส่ายหน้าเพราะไม่เข้าใจว่าพวกเขากําลังคุยเรื่องอะไรกัน ผิดกับซูฮยอนที่หูผึ่ง ตั้งใจฟังเรื่องที่มังกรฟ้าเล่าอย่างเป็นจริงเป็นจัง สายตาเปล่งประกายราวกับว่าเข้าใจความเป็นมาของมังกรได้มากยิ่งขึ้น..
“ผู้อาวุโส บล็องก์!”
ระหว่างที่ซูฮยอนและมังกรฟ้ากําลังเดินไปตามท้องถนน จู่ๆมังกรที่มีเกล็ดสีเขียวก็วิ่งโร่มาหาพวกเขาอย่างรีบร้อน
เมื่อเห็นว่ามังกรที่กําลังวิ่งมาหาเรียกมังกรฟ้าว่า [ผู้อาวุโส] บ่งบอกได้ชัดเจนว่าอายุของมังกรฟ้าต้องเยอะพอสมควร
ชนชั้นวรรณะของมังกรถือเป็นสิ่งที่สําคัญมาก แต่ซูฮยอนพอทราบมาบ้าง มังกรตัวไหนที่มีชีวิตอยู่มาเนิ่นนาน จะได้ความเคารพจากมังกรตัวอื่น โดยไม่คํานึกถึงชนชั้นวรรณะเดิมของมังกรตัวนั้น และดูเหมือนจะเป็นอย่างนั้นจริงๆ
“ท่านสบายดีใช่ไหมขอรับ? ตั้งแต่ท่านออกจากเมือง พึ่งผ่านไปแค่ไม่กี่ปีเอง”
มังกรเขียววิ่งมาหยุดอยู่ตรงหน้ามังกรฟ้าพร้อมเอ่ยปากถามด้วยความพิศวงงงงวย
บล็องก์ที่มังกรเขียวกล่าวออกมา คือชื่อจริงของมังกรฟ้า
เมื่อเปรียบเทียบระยะเวลาปกติที่มังกรใช้จําศีลแล้ว การจําศีลของบล็องก์มีระยะเวลาที่สั้นเกินไป มังกรเขียวเลยอดสงสัยไม่ได้ว่าเกิดอะไรขึ้น..
“สบายดีกับผีน่ะสิ ข้ายังจําศีลไม่เต็มอิ่มเลย”
“หมายความว่าไงขอรับ?”
“ข้าถูกปลุกให้ตื่นขึ้นกลางคัน โดยฝีมือชายหนุ่มที่อยู่ข้างๆ” บล็องก์กล่าวตอบพลางชี้นิ้วไปทางซูฮยอน
สายตาของมังกรเขียวเลื่อนไปมองซูฮยอน จากเดิมที่มีสีหน้าอ่อนโยน แปรเปลี่ยนเป็นสีหน้าถมึงทึงโดยพลัน เหตุผลที่สีหน้าของมังกรเขียวเกิดการเปลี่ยนแปลง เพราะสังเกตเห็นตัวตนของมิรุ ซึ่งกําลังยืนหลบอยู่ด้านหลังซูฮยอน
“มะ..มังกรแดง?”
“เด็กคนนี้อาศัยอยู่กับมนุษย์ อายุย่างเข้า 3 ขวบ”
“ทําไมทายาทของมังกรแดงถึงมาอยู่ในเมืองแห่งนี้ได้?”
สิ้นคําสบถของมังกรเขียว ซูฮยอนอดไม่ได้ต้องหรี่นัยน์ตาลง
ซูฮยอนไม่รู้ว่าพวกเขากําลังคุยอะไรกัน เนื่องจากพวกเขาใช้ภาษาของมังกรในการสื่อสารระหว่างกัน ถึงกระนั้นซูฮยอนยังพอคาดเดาได้เล็กๆน้อยๆ ว่าพวกเขากําลังคุยอะไร ผ่านการสังเกตน้ําเสียงและการแสดงออกของมังกรเขียวที่มีความเป็นศัตรูเล็ดลอดออกมา
“เจ้ามีปัญหาอะไร? มีกฎห้ามมังกรแดงเข้าเมืองด้วยรี? เมืองแห่งนี้ยินดีต้อนรับมังกรทุกตัว ขอแค่เป็นเผ่าพันธุ์มังกรเหมือนพวกเราพอ สําหรับมนุษย์คนนี้ ข้ารับรองเขาเอง”
“ผู้อาวุโส ท่านก็รู้ดีไม่ใช่รุ ว่าทายาทของมังกรแดงทอดทิ้งพวกเรา ข้ารู้ว่าผู้อาวุโสบล็องก์ยังคงเคลือบแคลงในเรื่องนั้น แต่ว่า.”มังกรเขียวใช้สายตาที่เปี่ยมไปด้วยความดูถูกเหยียดหยามมองไปยังมิรุ
“มังกรแดงตัวนี้เป็นได้แค่ทายาททรยศเท่านั้น!”