Zui Qiang Wu Shen – เทพยุทธ์สะท้านภพ - ตอนที่ 575
ตอนที่ 575
สิบปีศาจผู้ยิ่งใหญ่
เมืองเยี่ยเฉิง ตั้งอยู่ในตำแหน่งตอนปลายของใจกลางแดนซีฮวง ตำแหน่งที่ตั้งของเมืองนั้นตั้งอยู่บริเวณทางตอนเหนือของหุบเขาชิวเซรี่ยห่างไปอีกแปดร้อยลี้ ทั้งสี่ด้านเป็นพื้นที่ราบเรียบ มีการพบเห็นป่าขนาดเล็กได้เป็นประปราย แต่ก็มิได้มีบริเวณใดที่พิเศษอันใด
ใจกลางของเมืองเยี่ยเฉิงนั้นได้มีหอสูงให้อยู่ตั้งเอาไว้อยู่ เยี่ยจงยืนมือไพล่หลังอยู่ แล้วก็ได้มีม้วนคัมภีร์โบราณอยู่ม้วนหนึ่งวางเอาไว้อยู่บนโต๊ะ ถูกวิเคราะห์จัดการเอาไว้อย่างละเอียด
“นี้ราวกับมิใช่อยู่ภายในพื้นที่ดินแดนแดนซีฮวงเลย กลับตั้งอยู่ในพื้นที่ที่เป็นของแดนตงฮวง ไม่ว่าจะมองอย่างไร ราวกับสมควรที่จะเรียกว่าเป็นซากปรักหักพังที่ถูกทิ้งเอาไว้ยังจะดีกว่า” เสี่ยวหลุนปรากฏขึ้นมาที่ด้านบนหัวไหล่ของเยี่ยจง กล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา
บนตัวของแผนที่โบราณนี้ ก็คือสิ่งของที่เมื่อวันก่อนเสี่ยวหลุนได้ช่วงชิงมาจากที่ใต้โลงศพหยกนั้น ทว่าแต่กลับมิได้มีการจดบันทึกวิชาฝึกปรือโบราณแต่อย่างไร กลับเป็นเพียงแค่เส้นทางแผนที่โบราณชิ้นหนึ่งเท่านั้น
จากการคาดเดาของเยี่ยจงและเสี่ยวหลุน ภายในแผนที่นี้ได้บันทึกเอาไว้ถึงพื้นที่แห่งหนึ่งเอาไว้ สมควรที่จะต้องเป็นบริเวณสถานที่ที่สืบทอดของจักรพรรดิฟ้าชิงก็เป็นได้ เห็นได้ชัดอย่างยิ่ง จักรพรรดิฟ้าชิงในสมัยก่อนได้เข้าสู่พื้นที่สุสานเซียน เข้าสู่เส้นทางต่อสู้แห่งเซียน แม้แต่ตัวเองก็ยังไม่อาจที่จะทำอะไรได้ ดังนั้นสิ่งที่ถูกซ่อนเร้นเอาไว้ก็คงจะต้องถูกนำออกมาไปตั้งแต่แรกแล้ว
และในบริเวณพื้นที่แห่งนี้ ก็ได้ตั้งอยู่ในพื้นที่ใจกลางแดนตงฮวง เมื่อได้มองจากความข้อนี้ นี้กลับมิได้มีความสอดคล้องกับเป้าหมายก่อนหน้านี้ของเยี่ยจงเลย
“ดูเหมือนว่า คงจะต้องเร่งเดินทางไปยังแดนตงฮวงโดยเร็วแล้ว!” เยี่ยจงถอนหายใจออกมาคำหนึ่ง แล้วก็ได้นำเอาแผนที่โบราณเก็บเอาไว้ วางเอาไว้ในที่เหมาะสมอย่างระมัดระวัง
“ซวบ——”
ท่ามกลางอากาศ ทันใดนั้นก็ได้มีประกายแสงสาดเข้ามา จากนั้นไม่นานนักก็ได้พบเห็นเงาจางๆ สายหนึ่งเคลื่อนไหวประดุจลำแสงขึ้นมา ประดุจว่ามีแต่เพียงเงาก็มิปาน แล้วก็ได้เข้ามาใกล้จนถึงบริเวณทางด้านหน้า เข้ามาจนถึงมุมหนึ่งของหอ
ผู้มานั้นมีท่าทีที่สง่างามเป็นอย่างยิ่ง ดูไปแล้วมีอายุเพียงแค่สิบเจ็ดสิบแปดปีเท่านั้นเอง อีกทั้งยังมีเส้นผมสีดำขวับ มีขนตาที่เรียวยาวสั่นไหวไปมา ผิวพรรณขาวเนียนผ่องดุจหยก ใบหน้ากระจ่างงดงามราวตุ๊กตาก็มิปาน จนทำให้ผู้คนที่มองอดไม่ได้ที่จะเหมือนกับหยุดหายใจลงได้ อีกทั้งยังทำให้ภายในจิตใจอดไม่ได้ที่จะเกิดความรู้สึกที่น่าเข้าหาอยู่ชนิดหนึ่ง
“ยินดีที่ได้พบคุณหนูซือคงชิงฉี” เยี่ยจงงงงันขึ้นมาเล็กน้อย คิดไม่ถึงอีกฝ่ายจะสามารถที่จะมาหาถึงที่ ทว่าเขาก็เพียงหัวเราะแล้วกล่าวออกมาด้วยวาจาที่เปี่ยมไปด้วยมารยาท เพราะว่านี้ถือเป็นหนึ่งในสายโลหิตมหาราชันแห่งแดนมนุษย์ซือคงจาที่ถือได้ว่ามีความสัมพันธ์กับตนเองที่ไม่เลวเลยทีเดียว
“เจ้าก็ช่างใจกล้าเทียบฟ้าเกินไปแล้ว เป็นไปอย่างที่ท่านปู่ข้าคาดเดาก็มิปาน จนถึงวันนี้ยังไม่ออกไปจากแดนซีฮวงอีก ข้าไปหาศิษย์พี่ใหญ่จงหลี่เพื่อให้ลองทำนายดูแล้ว จึงค่อยมาหาจนถึงสถานที่แห่งนี้ได้” ซือคงชิงฉีก็ได้ฉีกยิ้มจนเห็นฟันที่ขาวขึ้นมา หัวเราะออกมาเล็กน้อย จนทำให้เมืองที่ไม่ถือว่าใหญ่โตมากมายนักแห่งนี้ต่างก็ตกอยู่ภายใต้มนตร์เสน่ห์ขึ้นมา
“พี่จงหลี่ ระยะนี้เป็นอย่างไรบ้าง?” เยี่ยจงยิ้มน้อยๆ ทราบว่าจงหลี่อย่างน้อยก็คงจะได้กลับไปแล้ว
“ยังถือว่าดีอยู่ ทางด้านของหุบเขาหมื่นปีศาจก็ได้มีมหาราชันทั้งสองตนออกหน้า มาหาศิษย์พี่ใหญ่เพื่อที่จะทวงถ้วยทุนเทียนกลับคืน ศิษย์พี่ใหญ่แน่นอนว่าย่อมไม่ให้ เขาขณะนี้ก็ได้เชิญท่านปู่ออกมา ทั้งสองฝ่ายตอนนี้ต่างก็กำลังคุมเชิงกันอยู่” ซือคงชิงฉีถอนหายใจแล้วกล่าวออกมาคำหนึ่ง
“คนของหุบเขาหมื่นปีศาจ ยังคงทำเรื่องหน้าอายเช่นนั้นได้อีกนะ นี้คงจะโทษข้า ครั้งที่แล้วสมควรที่จะจัดการมหาราชันปีศาจลิ่วเอ่อให้ตายไปด้วย ไม่เช่นนั้นแล้วก็คงจะไม่เกิดเรื่องเช่นนี้!” เยี่ยจงหัวเราะออกมา “ทว่าคุณหนูชิงฉีช่วยข้าส่งข่าวกลับไปให้พี่จงหลี่สักเรื่องได้หรือไม่ ครั้งต่อไปที่ได้พบเจอกับปีศาจมหาราชันของหุบเขาหมื่นปีศาจอีก ข้าจะต้องช่วยเขาชำระโทสะให้สักคราแน่นอน”
“ในครั้งนี้ มหาราชันปีศาจลิ่วเอ่อกับปีศาจมหาราชันจินชือแห่งหุบเขาหมื่นปีศาจที่ได้ปรากฏกายขึ้นมา พี่เยี่ยก็อย่าได้กล่าววุ่นวายไปจะดีกว่า กล่าวกันว่าภายในร่างกายของปีศาจมหาราชันจินชือมีเชื้อสายของคุนเผิงเอาไว้อยู่ ฝีมือของคุนเผิงนั้นถือได้ว่ามีความรวดเร็วเป็นอย่างยิ่ง ต่อให้พี่เยี่ยท่านใช้ออกมาด้วยวิชาดำดินรุกคืบ ต้องมาพบเจอกับมันก็ใช่ว่าจะสามารถที่จะหลบหนีได้พ้น” ซือคงชิงฉีกล่าว
*คุนเผิง 鲲鹏 คือปลาที่กลายเป็นนกในปรัชญาของจวงจื่อหมายถึงสามัญชนย่อมไม่เข้าใจความคิดของผู้ยิ่งใหญ่
เยี่ยจงงงงันขึ้นมาเล็กน้อย เริ่มที่จะเข้าใจขึ้นมาเล็กน้อย ในครั้งนี้ซือคงชิงฉีกลับมิได้คิดที่จะมาหาโดยที่ไม่มีที่มาที่ไป อย่างน้อยก็จงใจที่จะมาส่งข่าวเช่นนี้มาให้แก่ตนเอง
“ทว่าก็ไม่จำเป็นที่จะต้องเป็นห่วงมากจนเกินไป พื้นที่สุสานเซียนแห่งดินแดนเสี่ยวหนานยังไม่ถึงช่วงเวลาสิ้นสุด ก่อนหน้านี้ ในช่วงเวลาที่ดินแดนเสี่ยวหนานถูกปิดแล้วครั้งหนึ่ง ก็ได้มีชนชั้นมหาราชันพบว่าภายในนั้นได้มีการปรากฏขึ้นมาของตำหนักขนาดใหญ่ขึ้นมา ทางด้านบนของตำหนักนั้นได้มีตัวอักษรสีเลือดเขียนไว้ด้วยตัวอักษรว่าเซียนปรากฏขึ้นมา มีชนชั้นมหาราชันกล่าวไว้ว่า ก่อนหน้านี้สุสานทั้งสองชั้น ต่างก็พบแต่กับความว่างเปล่า และแท้จริงแล้วสุสานนั้นกลับตั้งอยู่ภายในใจกลางของความว่างเปล่านั้น ขณะนี้ได้แม้ว่าจะมีการรวมตัวกันขึ้นมาของชนชั้นมหาราชันอีกครั้งมากมาย จนเป็นจำนวนที่น่าตกใจ แต่ว่ากลับต่างก็มุ่งหน้าไปยังทางด้านของตัวอักษรสีโลหิตที่เขียนคำว่าเซียนที่ใจกลางดินแดนเสี่ยวหนาน ดังนั้น ขอเพียงพี่เยี่ยไม่เข้าไปใกล้ยังเขตแดนสายนั้น เห็นได้ชัดว่าย่อมไม่มีการลงมือของชนชั้นมหาราชันอย่างแน่นอน” ซือคงชิงฉียิ้มน้อยๆ พูดขึ้นมาด้วยข่าวที่มีความสำคัญที่สุดออกมา
เยี่ยจงที่พอจะทราบขึ้นมาได้ ก็ได้พยักหน้าตอบรับน้อยๆ เห็นได้ชัดก่อนหน้านี้สิ่งที่ตนเองได้พบเห็นมาทั้งหมด ได้ปรากฏขึ้นมาอีกครั้งแล้ว และชนชั้นมหาราชันเหล่านั้นคงจะไม่ทราบ โลงศพเก้าฟ้านั้นได้ถูกตนเองช่วงชิงออกมาแล้ว ย่อมต้องคิดว่า ตำหนักใหญ่ที่เขียนเอาไว้ด้วยคำว่าเซียนสีโลหิตนั้น จึงถือเป็นสิ่งที่มีอยู่ดั่งเดิมทั้งหมด ทว่าเช่นนี้ก็ดี อย่างน้อยตนเองก็ไม่จำเป็นที่จะคงจะไร้ซึ่งอันตรายช่วงระยะหนึ่ง อีกทั้งยังหยิบยืมโอกาสนี้ออกไปจากแดนซีฮวงได้
“ทว่า หมื่นเรื่องราวกับยังมีข้อผิดพลาดอยู่อีกหนึ่งแห่ง แม้ว่าชนชั้นมหาราชันจะรวมตัวกันขึ้นมาอีกครั้งที่ดินแดนเสี่ยวหนาน แต่ว่าบุตรศักดิ์สิทธิ์สตรีศักดิ์สิทธิ์ทั่วทั้งดินแดน กลับมุ่งเป้าเข้ามาหายังทางด้านของพี่เยี่ยแล้ว ข้าสามารถที่จะขอให้ศิษย์พี่ใหญ่ทำนายสถานที่ท่านอยู่ออกมาได้ อย่างน้อยคนอื่นๆ ก็น่าจะทำได้เช่นเดียวกัน พี่เยี่ยการเคลื่อนไหวในวันข้างหน้าคงจะต้องระมัดระวังเอาไว้หน่อยแล้ว” ซือคงชิงฉีก็ได้เปลี่ยนเรื่องขึ้นมา แล้วก็ได้ยิ้มขึ้นมาอย่างมีเลศนัยแล้วเอ่ยปากขึ้นมา
“อ๋อ ไม่ทราบว่าในตอนนี้ต่างก็เป็นคนจากที่ใดกันที่ออกมาตามรังควานข้าอยู่?” เยี่ยจงหัวเราะไปมา ทอสีหน้าเย็นเยียบขึ้นมา ราวกับว่าจะว่าไปก็ไม่ใช่เรื่องราวของตัวเองก็มิปาน
“มีผู้คนมากมาย อีกทั้งต่างก็เป็นคนที่สุดยอดด้วยกันทั้งสิ้น คนเหล่านี้แม้ว่าจะมิใช่ทำเพื่อหรือได้รับการเชื้อเชิญจากหุบเขาหมื่นปีศาจกับตำหนักอัสนีลี้ลับก็ตาม แต่ว่าแน่นอนว่าย่อมต้องมีอยู่จำนวนมากที่ต่างก็มุ่งเป้ามาที่คัมภีร์กฎแห่งสวรรค์กับคัมภีร์สายทางแห่งดวงตะวัน เพราะว่าคนมากมายต่างก็คิดว่า พี่เยี่ยสามารถที่จะโดดเด่นได้อย่างรวดเร็วจนถึงขั้นนี้ได้ ก็เพราะว่าเนื่องจากมีสิ่งของทั้งสองสิ่งนี้อยู่” ซือคงชิงฉีกล่าว
“เจาะจงกว่านี้หน่อยไม่ได้หรือ?” เยี่ยจงยกมุมปากไปมา คำพูดเช่นนี้มีอะไรแตกต่างกับไม่ได้กล่าวออกมากัน
“ข่าวสารที่น่าเชื่อถือได้นั้น ข้ากลับไม่ทราบกระจ่างมากนัก กระนั้นพวกเราต่างก็เป็นเชื้อสายแห่งเผ่ามนุษย์ คนมากมายต่างก็ทราบว่าบรรพบุรุษข้าได้ยืนอยู่ทางฝ่ายของท่าน ดังนั้นข่าวที่ข้าได้รับมา จึงน้อยเสียยิ่งกว่าน้อย……แต่ว่า ขณะนี้ที่จำเป็นจะต้องระวังที่สุด ก็คือสิบปีศาจผู้ยิ่งใหญ่แห่งหุบเขาหมื่นปีศาจ”
“สิบปีศาจผู้ยิ่งใหญ่แห่งหุบเขาหมื่นปีศาจ!”
“ใช่ ก็เนื่องด้วยในช่วงนี้ มีสิบปีศาจผู้ยิ่งใหญ่แห่งหุบเขาหมื่นปีศาจที่มิได้เข้าร่วม ส่วนยอดฝีมือคนอื่นๆ แม้ว่าจะต่างก็มุ่งหน้าเข้ามาหาพี่เยี่ย แต่ว่ากลับต่างก็มิได้มีความแค้นต่อกันแต่อย่างไร คงจะไม่สู้อย่างไม่คิดชีวิตแน่ แต่ว่าสิบปีศาจผู้ยิ่งใหญ่ที่มาจากหุบเขาหมื่นปีศาจ กลับแข็งแกร่งทุกตน อีกทั้ง เพราะว่ามหาราชันปีศาจทุนเทียนถูกสังหารไปอย่างอัปยศ พวกเขาแน่นอนว่าคงจะใช้ออกมาด้วยพลังทั้งหมด” ซือคงชิงฉีทอสีหน้าเคร่งเครียดแล้วเอ่ยปากขึ้นมา
“สามารถที่จะมีความแข็งแกร่งมากแค่ไหน? หากเทียบกับบุตรศักดิ์สิทธิ์หมื่นปีศาจได้หรือไม่?” เยี่ยจงยกมุมปากไปมาแล้วกล่าว
“แม้ว่าบางทีจะไม่อาจที่จะเทียบได้กับบุตรศักดิ์สิทธิ์หมื่นปีศาจสตรีศักดิ์สิทธิ์ แต่ว่าก็ไม่แตกต่างกันมากมายนัก ราชันปีศาจเหล่านี้ต่างก็เป็นลูกมือของเก้ามหาราชันปีศาจผู้ยิ่งใหญ่เลยก็ว่าได้ อย่างน้อยก็มีอยู่หลายคนที่อยู่ในระดับราชันขอบเขตพลังเทวะขั้นที่สี่อยู่หลายคนแล้ว ที่เหลือที่อ่อนแอที่สุดก็คงจะเป็นระดับราชันพลังเทวะขั้นที่สาม……อีกทั้ง ที่สำคัญที่สุดก็คือ เล่าลือกันว่า มีอยู่หลายคนที่ได้ผ่านพ้นมาจากพ้นพลังสวรรค์อีกด้วย จึงมีกายเนื้อที่ไร้ที่เปรียบยิ่งนัก” ซือคงชิงฉีกล่าว
“ผ่านพ้นมาจากพ้นพลังสวรรค์งั้นหรือ? พ้นพลังสวรรค์ของสิ่งนี้เช่นนั้นถือเป็นเรื่องปกติหรือไง?” เยี่ยจงขมวดคิ้วเล็กน้อย ข่าวลือเช่นนี้ถือได้ว่ามิใช่เรื่องที่เล็กน้อยเลยอย่างยิ่ง
“ในโลกนี้มีผู้พรสวรรค์มากมายเสียจริง แต่ว่าถึงกับผ่านพ้นจากพ้นพลังสวรรค์ได้กลับมีอยู่น้อยเสียยิ่งกว่าน้อย แต่ว่าหุบเขาหมื่นปีศาจกระนั้นถือได้ว่าเป็นขุมกำลังใหญ่ที่ถูกสืบทอดมาอย่างยาวนานของเผ่าปีศาจ บนโลกใบนี้ถือได้ว่ามียอดฝีมือไม่น้อยที่เป็นถึงผู้อาวุโสเก็บตัวเร้นกายอยู่ไม่น้อยเลย อีกทั้งยังเรียกได้ว่าเป็นเก้ามหาราชันปีศาจผู้ยิ่งใหญ่เองที่ได้คัดเลือกสอนสั่งออกมาด้วยตนเอง ยอดฝีมือเหล่านี้แม้ว่าตามปกติจะไม่มีชื่อเสียงที่ชัดเจน แต่ว่าแน่นอนว่าย่อมต้องถือเป็นกองกำลังที่มีพลังในระดับสูงสุดของหุบเขาหมื่นปีศาจ ไม่อาจที่จะดูแคลนได้เลยแม้แต่น้อย!”
“ดูเหมือนว่ามหาราชันปีศาจทุนเทียนก็ช่างมีหน้ามีตาจังเลยนะ นึกไม่ถึงว่าจะสามารถที่จะเรียกกำลังคนมาได้มากมายถึงเพียงนี้เลย” เยี่ยจงยกมุมปากขึ้น
“ก็เพราะว่าการตายของมหาราชันปีศาจทุนเทียน ขุมกำลังของหุบเขาหมื่นปีศาจถือได้ว่ามีความซับซ้อนผิดแปลก มีผู้อาวุโสไม่น้อยต่างก็คิดที่จะเข้าไปนั่งแทนที่ของเก้ามหาราชันปีศาจผู้ยิ่งใหญ่ ไม่ง่ายเลยที่จะมีการตายของปีศาจมหาราชันตนหนึ่งเกิดขึ้นครั้งหนึ่ง เหล่าผู้อาวุโสที่ไม่เคยได้ปรากฏตัวก็ย่อมไม่อาจที่จะไม่เคลื่อนไหวได้ ต่อให้เป็นปีศาจมหาราชันอีกแปดตน ผู้ใดจะกล้าบอกว่าพวกเขาจะไม่มีความคิดเป็นของตนเองได้กัน? ในครั้งนี้ การลงมือของสิบปีศาจผู้ยิ่งใหญ่นี้ ผู้ใดที่สามารถฆ่าท่านเยี่ยจงได้ อย่างน้อยอาจจะสามารถทำให้ได้รับตำแหน่งหนึ่งในปีศาจมหาราชันได้” ซือคงชิงฉีก็ได้กล่าวขึ้นมาถึงความนัย
“เป็นเรื่องที่ดีเลย นึกไม่ถึงจะใช้ข้าเพื่อเป็นหนทางในการไต่เต้าขึ้นสู่ตำแหน่งอย่างงั้นเลยหรือ?” เยี่ยจงยิ้มน้อยๆ “เจ้าพวกกลุ่มเอาแต่ช่วงชิงอำนาจ สิบปีศาจผู้ยิ่งใหญ่ต่อให้ออกมากันครบ แต่ว่าอย่าได้ถูกข้าฆ่าไปจนหมดอย่างเด็ดขาดไปก็แล้วกัน เมื่อเวลานั้นมาถึง ข้าเกรงว่าจะทำให้หุบเขาหมื่นปีศาจต้องเป็นบ้ากันขึ้นมาแล้วจริงๆ ”
“ไม่ว่าจะอย่างไร ก็เป็นเจ้าที่เลือกด้วยตัวเอง ทว่าโดยความเห็นส่วนตัวของข้า พี่เยี่ยทางที่ดีก็หลีกหนีไปในขณะนี้จึงจะถือได้ว่าเป็นทางเลือกที่ดีที่สุด ไม่ว่าจะแดนตงฮวง แดนหนานฮวง เป่ยฮวง ต่างก็ถือได้ว่าเป็นบริเวณที่ไปซ่อนตัวที่ดีเลยละ เหตุใดต้องให้นำตนเองเข้าสู่วังวนกันอีก” ซือคงชิงฉีมองไปอย่างลึกซึ้งที่เยี่ยจงคราหนึ่ง เอ่ยปากขึ้นมาพร้อมแฝงเอาไว้ด้วยการเตือนสติอยู่หลายส่วน
เยี่ยจงเหมือนกับมีความคิดขึ้นมา หลังจากนั้นก็ได้หัวเราะขึ้นมาแล้วกล่าว : “ขอบคุณมากคุณหนูชิงฉีที่รักถนอม ครั้งนี้คุณหนูเอาชีวิตมาเสี่ยงเพื่อที่จะมาส่งข่าว ผู้น้อยแน่นอนว่าย่อมต้องใช้โอกาสในครั้งนี้ให้ดีที่สุด ช่วงชิงเวลาเพื่อที่จะจากออกไปได้อย่างห่างไกลจากดินแดนนี้”
ซือคงชิงฉีงงงันขึ้นมาเล็กน้อย ดวงตาคู่งามก็ได้จ้องมองไปที่เยี่ยจงด้วยความประหลาดใจ กล่าวพึมพำออกมา : “ท่านคงจะไม่ได้คิดว่า จะไปจัดการกับสิบปีศาจผู้ยิ่งใหญ่ก่อนหรอกนะ จากนั้นแล้วจึงค่อยออกไปอีกครางั้นหรือ? เช่นนี้ถึงแม้ว่าจะระบายอารมณ์ได้ แต่ก็ถือว่าเป็นการกระทำที่โง่เขลาเกินไปแล้ว”
“หุบเขาหมื่นปีศาจและตำหนักอัสนีลี้ลับมิใช่ประกาศไปทั่วทั้งฟ้าดินแล้วหรือ มิใช่ว่าต้องการที่จะมาคุกคามข้าหรือยังไงกัน?” เยี่ยจงหัวเราะไปมา “ในเมื่อพวกเขาคิดที่จะมาหาเรื่องข้าเอง ข้าก็ไม่อาจที่จะเป็นเต่าหดหัวหลบอยู่แต่ในกระดองได้หรอกนะ คงต้องลองเดิมพันเล่นๆ ดูสักครั้งแล้วละ จากนั้นค่อยเดินทางไปยังดินแดนอื่น รอจนวันที่ข้าเข้าสู่ระดับมหาราชัน จะจะกลับมาฆ่าสังหารอีกครา เพื่อที่จะได้เล่นกับพวกเขาอีกสักรอบ!”
“หากว่าเจ้าจะทำเรื่องเช่นนี้จริงแล้วละก็ ข้าอาจจะช่วยเจ้าเสาะหาข่าวสารสักหน่อยก็แล้วกัน” หลังจากที่ซือคงชิงฉีลังเล ก็ได้ยื่นยันต์หยกแผ่นหนึ่งให้แก่เยี่ยจง จากนั้นก็ได้หันกายไปเดินจากไป
“คุณหนูชิงฉีไม่จำเป็นที่จะต้องช่วยสนับสนุนหรอก เชิญกลับไปนั่งอยู่ที่เมืองเยี่ยเฉิงอย่างสบายใจได้ รอฟังข่าวดีจากข้าก็พอแล้ว” เยี่ยจงยิ้มน้อยๆ
“หากว่าเจ้าจะทำเรื่องเช่นนี้จริงแล้วละก็ ข้าอาจจะช่วยเจ้าเสาะหาข่าวสารสักหน่อยก็แล้วกัน” หลังจากที่ซือคงชิงฉีลังเล ก็ได้ยื่นยันต์หยกแผ่นหนึ่งให้แก่เยี่ยจง จากนั้นก็ได้หันกายไปเดินจากไป
เยี่ยจงจ้องมองไปที่แผ่นหลังของนางด้วยความลึกซึ้ง แต่กลับมิได้กล่าวอะไรออกมา
“หญิงสาวผู้นี้ไม่ธรรมดาเป็นอย่างยิ่ง นึกไม่ถึงแม้แต่ปู่หลุนข้าเองก็ยังมองนางไม่ออก” เสี่ยวหลุนทันใดนั้นเอ่ยปากขึ้นมา น้ำเสียงภายในคำพูดก็ได้แฝงเอาไว้ด้วยความครุ่นคิดขึ้นมาอยู่หลายส่วน
เยี่ยจงพยักหน้าตอบรับ กล่าว : “แน่นอนว่าย่อมต้องไม่ธรรมดา ยากนักที่นางจะปรากฏตัวขึ้นมา คงจะมิใช่มาแค่เพียงให้ข้าจากไปเท่านั้น เพียงแต่ยังคิดที่จะยืมมือข้า จัดการกับสิบปีศาจผู้ยิ่งใหญ่แห่งหุบเขาหมื่นปีศาจ”
เสี่ยวหลุนโพล่งขึ้นมาในทันที : “สิบปีศาจผู้ยิ่งใหญ่ มีอะไรเกี่ยวข้องกับนางกัน”
“นี้ข้าเองก็ไม่ทราบแล้ว แต่ว่าอย่างน้อยเรื่องที่สำคัญก็คือได้รับมาจากดินแดนเสี่ยวหนาน หากว่ามีคนหันเหความสนใจไปทางด้านนั้นได้ ก็สามารถที่จะส่งผลที่ดีต่อมหาราชันซือคง ทว่ามหาราชันซือคงนั้นมีบุญคุณต่อข้า ข้าครั้งนี้ก็คิดที่จะเดิมพันครั้งใหญ่ดูอีกสักครั้ง ก็คิดซะว่าไม่รู้ก็แล้วกัน” เยี่ยจงมองออกไปยังทางห่างไกล บนใบหน้าก็ได้ปรากฏรอยยิ้มที่เมินเฉยขึ้น “ก่อนหน้าที่จะไปยังแดนตงฮวง ขอจัดการกับเจ้าพวกที่ถูกเรียกว่าสิบปีศาจผู้ยิ่งใหญ่ก่อนเถอะ”
.
.
.
.