Zui Qiang Wu Shen – เทพยุทธ์สะท้านภพ - ตอนที่ 573
ตอนที่ 573
เปิดโลงศพ
“นี้ก็พูดได้ยาก ไม่แน่ว่าสิ่งนี้จะเป็นสิ่งของพิเศษที่เซียนแท้จริงรักถนอมก็เป็นได้? ถึงกับสามารถที่จะให้มังกรอสรพิษที่มีพลังต่อสู้ในระดับมนุษย์ศักดิ์สิทธิ์สองตัวให้ความคุ้มกัน ข้าคิดว่า ที่ด้านในต่อให้มิใช่สุสานเซียนที่แท้จริง อย่างน้อยก็ต้องมีเป็นวัตถุที่มีความเกี่ยวข้องกับเซียนอยู่บ้าง? ไม่เช่นนั้นแล้วสถานที่แห่งนั้น จะถูกเรียกว่าเป็นพื้นที่สุสานเซียนได้อย่างไร แม้แต่หนึ่งในจักรพรรดิฟ้าห้าทิศอย่างจักรพรรดิฟ้าตะวันออกจักรพรรดิฟ้าชิง ก็มาถึงสถานที่แห่งนี้ในบั้นปลายชีวิตเพื่อเสาะหาสิ่งใด?” จงหลี่ยกมุมปากขึ้น แล้วก็ได้ยื่นมือเข้าไปลูบที่ตัวอักษร ทอสีหน้าแปลกใจ จากนั้นเขาก็ได้ยกนิ้วขึ้นมาเพื่อคำนวณ
หลังจากที่คำนวณแล้ว สีหน้าของเขาทันใดนั้นก็ได้แตกตื่นขึ้นมา เผยให้เห็นสีหน้าที่ยากจะเชื่อขึ้นมาได้: “ถึงกับสามารถคำนวณขึ้นมาได้จริงอย่างงั้นหรือ หากเป็นไปตามการคำนวณของข้า วัตถุชิ้นนี้แน่นอนว่าจะต้องเป็นโลงศพเก้าฟ้าสมบัติแห่งแดนซีฮวงในตำนานอย่างไม่ต้องสงสัย อีกทั้ง ภายในนี้ยังสมควรที่จะมีสิ่งของที่มาที่ไปที่ยิ่งใหญ่อีกด้วย……แต่ว่า สิ่งของชนิดนี้เป็นไปได้อย่างไรที่จะถูกคำนวณออกมาได้? นี้ไม่สมเหตุสมผลเอาซะเลย!”
ควรทราบว่า การทำนายทายทักนั้น ก็เป็นเพียงแค่สิ่งที่ถูกกำหนดมาจากสวรรค์ส่วนหนึ่งเท่านั้น และมิได้กล่าวถึงเซียน เพียงแต่เป็นการกล่าวถึงจักรพรรดิฟ้าเท่านั้น ก็เรียกได้ว่าถือเป็นขีดจำกัดของการทำนายลิขิตจากสวรรค์แล้ว โลงศพนี้เก้าฟ้า สมควรที่จะไม่อาจที่จะใช้การคำนวณขึ้นมาได้จึงจะถูกต้อง แต่ก็นึกไม่ถึงว่าจะสามารถที่จะคำนวณขึ้นมาได้ แน่นอนว่าย่อมไม่สมควรที่จะถือเป็นเรื่องที่ปกติแต่อย่างไร
“ไม่ต้องคิดอะไรมากเช่นนั้นแล้ว คิดหาวิธีเปิดมาออกมาแล้วค่อยว่ากันอีกครั้งเถอะ หากว่าสถานการณ์ไม่ถูกต้องแล้วละก็ ก็ย้ายกันเข้าไปยังด้านในของดินแดนเสี่ยวหนานกัน จัดการหลอกเจ้าพวกคนกลุ่มนั้นให้ตายไปเลย” เยี่ยจงหลังจากนั้นก็ได้งงงันขึ้นมา กล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา กระนั้นพวกเขาเรียกได้ว่าไม่มีเวลาที่จะเสียไปมากกว่านี้ได้อีกแล้ว โดยเฉพาะก็คือเขา ที่พร้อมจะหลบหนีไปได้ตลอดเวลา หากมิใช่เป็นเพราะโลงศพนี้เก้าฟ้า เขาขณะนี้ก็คงจะหลบหนีไปจนไม่เห็นแม้แต่เงาแล้ว
“ทว่า ของสิ่งนี้ก็เหมือนกับพวกเราได้เห็นที่ตำหนักสวรรค์เก้าชั้นเมื่อวันก่อนแต่ต่างกันตรงที่โลงศพหยกนั้นมีขนาดที่ใหญ่โตกว่า หากกล่าวว่าสิ่งของทั้งสองสิ่งไม่มีความเกี่ยวข้องกันแล้วละก็ ต่อให้ตีข้าให้ตายข้าก็ไม่เชื่อ” จงหลี่เขย่าไปที่โลงศพหยกขนาดเล็กซ้ายทีขวาที หมุนไปมาไม่หยุด ในเวลาเดียวกันก็ได้วิเคราะห์ แต่ว่าเมื่อหลังจากที่ทำไปได้สักพัก เขากลับยังไม่อาจที่จะหาวิธีในการเปิดโลงศพหยกนี้ขึ้นมาได้ ราวกับของสิ่งนี้อันที่จริงเหมือนกับไม่มีไส้ใน แต่เป็นเพียงหยกศิลาทั้งชิ้นก็มิปาน
“ผิดปกติแล้ว จากการคำนวณ วัตถุชิ้นนี้สมควรที่จะสามารถที่จะเปิดออกถึงจะถูกต้อง” จงหลี่ปากห้อยลง ทอสีหน้าหดหู่อย่างยิ่ง เขานั้นแตกฉานวิชาคำนวณทำนาย สามารถที่จะทำนายออกมาได้ว่าวัตถุชิ้นนี้ที่แท้เป็นอะไร แต่ว่าก็ยังไม่อาจที่จะทำนายถึงวิธีการที่จะเปิดมันออกมาได้อย่างไร นี้จึงทำให้เขาแทบจะกระอักเลือดออกไป
“มาให้ข้าลองดูเถอะ” ไต๋ซือหวู่โหวครุ่นคิดสักพัก ก็ได้รับโลงศพหยกเข้ามา นิ้วมือของเขาก็ได้ทอประกายแสงขึ้นมา นิ้วแต่ละนิ้วก็ได้จิ้มลงไป แต่ว่ากลับไม่มีอะไรเกิดขึ้นมาเลยแม้แต่น้อย เห็นได้ชัด วิชาพิเศษเฉพาะของเขาเช่นนี้ก็ยังไม่อาจที่จะเปิดโลงศพนี้หยกออกมาได้
ต่อจากนี้ เยี่ยจง หลิงเฟ่ย ชิงหญิงทั้งสามคนก็ยังคงผลัดกันลงมือ รวมไปทั้งการใช้ลมปราณไหลเข้าไป ด้วยพลังลมปราณเทวะเป็นต้น การลงมือแต่ละอย่างก็ได้ถูกใช้ออกมาแล้ว แต่ว่าทั้งหมดต่างก็เหมือนกับติดอย่างกลางท้องทะเลอันกว้างใหญ่ แทบจะไม่มีผลลัพธ์ใดเกิดขึ้นมาเลยแม้แต่น้อย นี้ราวกับว่าวัตถุชิ้นนี้ไม่อาจที่จะเปิดออกมาได้อย่างแน่นอนก็มิปาน
“นี้มันเรื่องผีสางอะไรกัน หากว่าเป็นหยกศิลาธรรมดา แล้วถูกพวกเราพลิกไปมาเช่นนี้ ต่อให้เป็นไม่เสียหาย อย่างน้อยก็คงจะต้องเกิดร่องรอยบางส่วนขึ้นมา? ของสิ่งนี้ก็ถือว่าดี ไม่มีปฏิกิริยาแต่อย่างไร นี้กำลังเหยียดหยามพวกเราอยู่อย่างงั้นหรือ……” จงหลี่ส่ายหน้า จากนั้นก็ได้นับนิ้วคำนวณต่อ ในครั้งนี้เขาทำนายได้สักพัก ทันใดนั้นใบหน้าก็ได้ขาวซีดขึ้นมา กระอักโลหิตออกมาคราหนึ่งอย่างรุนแรง ในเวลาเดียวกันส่ายหน้าแล้วกล่าว “เกิดเรื่องใหญ่แล้ว ข้าก็คำนวณอีกรูปแบบหนึ่งออกมาได้ ของสิ่งนี้เป็นศพแห่งสุสานเซียนอย่างไม่ต้องสงสัย อีกทั้งยังมีระยะเวลายาวนานที่น่าตกใจ ไม่แน่ว่าอาจจะเป็นสิ่งของแห่งยุคเลยก็ว่าได้ แทบจะไม่สมควรที่จะปรากฏขึ้นมาในยุคนี้ อีกทั้ง วัตถุชิ้นนี้ยังเป็นถึงศพแห่งสวรรค์เก้าชั้น มิอาจที่จะมาอยู่บนละอองธุลีจึงจะถูกต้อง แต่ว่าไม่ทราบว่าเป็นเพราะอะไร กลับปรากฏขึ้นในที่นี้ในตอนนี้”
สีหน้าของจงหลี่ปรากฏอาการปั้นยากขึ้นมา หากเป็นไปตามคำพูดของเขา ในครั้งนี้เขาที่ได้ใช้ความสามารถในการทำนายขึ้นมา สิ่งของที่ทำนายออกมาได้นั้นเองก็ย่อมที่จะมีค่าจนนับไม่ได้เลยทีเดียว ไม่อาจที่จะผิดพลาดไปได้ อีกทั้งยังเป็นการยืนยันได้ว่าของสิ่งนี้เป็นศพของเซียนจริง
เยี่ยจงขมวดคิ้วขึ้นมา ต่อมาเมื่อได้ดูโลงศพหยกอย่างละเอียดแล้ว ในเวลาเดียวกันก็ได้ส่งเสียงให้เสี่ยวหลุนภายใต้จิตสำนึก คิดที่จะให้มันชี้แนะดู
“เจ้าสังเกตไปที่สัญลักษณ์เหล่านั้นให้ดี อาจจะเข้าใจขึ้นมาเลยก็ได้ อีกทั้งยังเป็นลักษณะที่ไม่ธรรมดาอย่างถึงที่สุด ไม่ว่าจะเป็นสัญลักษณ์สายใดก็ย่อมที่จะมีที่มาของมัน ต่างก็เกิดจากการรวมขอของอักขระนับไม่ถ้วน อักขระเหล่านี้เป็นเหมือนตัวแทนของชั้นดาราตะวันจันทราพฤษชาตินกปลาและแมลงเป็นต้น อีกทั้งยังถือได้ว่าเป็นเหมือนกับบันทึกในสมัยโบราณประเภทหนึ่ง——ของสิ่งนี้ นอกเสียจากว่าจะเป็นผู้ฝึกปรือพลังยุทธ์เนตรสวรรค์เท่านั้น ไม่อย่างนั้นพวกเจ้าก็ยังมองไม่ออกกัน อีกทั้ง ต่อให้เป็นปู่หลุนข้าที่ถือเป็นบุคคลที่มาจากสมัยโบราณจวบจนตอนนี้ นึกไม่ถึงก็ยังไม่อาจที่จะดูเข้าใจถึงอักขระเหล่านั้นว่าที่แท้แล้วบันทึกถึงอะไรอยู่กันแน่ เกรงว่าในดินแดนแห่งนี้อาจจะไม่อาจที่จะหาคนที่สามารถดูได้เข้าใจของสิ่งของเหล่านี้ได้ก็เป็นได้” เสี่ยวหลุนงงงันขึ้นมาสักพัก จึงได้ตอบกลับไปยังภายในห้วงสมองของเยี่ยจง มันส่งเสียงเคร่งเครียดขึ้นมาอย่างถึงที่สุด เห็นได้ชัดของสิ่งนี้ได้อยู่นอกเหนือการคาดเดาไปอย่างมากมายแล้ว
“ทว่า ข้านั้นกลับสามารถที่จะแน่ใจได้ว่า นี้สมควรที่จะต้องเป็นโลงศพเก้าฟ้าอย่างไม่ต้องสงสัย แต่ว่าข้าเองก็ยังไม่เข้าใจ สมบัติแห่งสี่ดินแดน ไม่ว่าจะเป็นแดนหอคอยแห่งแดนตงฮวง หรืออาจจะเป็นโลงศพเก้าฟ้าแห่งแดนซีฮวง ฐานหกวิถีหวนกลับแห่งดินแดนเป่ยฮวงเป็นต้น สิ่งเหล่านี้ต่างก็ถือได้ว่าจัดเป็นสิ่งของในระดับพิเศษ ยังไม่เคยได้พบเจอมาก่อน ของสิ่งนี้เป็นไปได้อย่างไรที่จะปรากฏขึ้นมาในตอนนี้สถานที่แห่งนี้?” วาจาของเสี่ยวหลุนนั้นได้แฝงเอาไว้ด้วยความคิดที่ลึกล้ำอยู่อีกชนิดหนึ่ง เห็นได้ชัดว่าเขาเองก็ยังคิดไม่เข้าใจในข้อนี้ได้
เยี่ยจงครุ่นคิด ระหว่างนั้นก็ได้พูดตามที่เสี่ยวหลุนได้กล่าวออกมา ผู้คนทั้งหมดต่างก็งงงันขึ้นมาอยู่ครู่หนึ่งแล้ว ของสิ่งนี้มีที่มาที่ไปที่ชัดเจนได้ แม้ว่าจะไม่อาจที่จะเปิดขึ้นมาได้ แต่ว่าสัญลักษณ์บนโลงศพเก้าฟ้าสมบัติแห่งแดนซีฮวง ก็เพียงพอที่จะทำให้ผู้คนตื่นเต้นได้แล้ว
“เอาละ อย่าได้คิดเรื่องเช่นนี้เลย แน่นอนว่าตัวของวัตถุชิ้นนี้ก็ย่อมเพียงพอแล้ว เปิดมันขึ้นมา ไม่แน่ว่าภายในนั้นจะมีวาสนาของพวกเรา!” ไต๋ซือหวู่โหวครุ่นคิดสักพัก เมื่อได้ตัดสินใจแล้ว ไม่ว่าจะเป็นอย่างไรก็จำเป็นที่จะต้องเปิดวัตถุชิ้นนี้ในที่แห่งนี้ให้ได้
ในครั้งนี้ โลงศพหยกก็ได้ผลัดกันเปลี่ยนมือไปยังผู้คนทั้งหมดอยู่รอบหนึ่ง เมื่อวนมาจนอยู่ที่เยี่ยจง เขาก็ได้ลองควบคุมพลังกายาทองไม่สูญสลายออกมา ใช้พลังทั่วทั้งร่างกายในการขับเคลื่อน แต่ก็ยังไม่อาจมีวิธีขยับวัตถุชิ้นนี้ได้เลยแม้แต่น้อย
เมื่อมาจนถึงขณะนั้น ผู้คนทั้งหมดต่างก็ไร้คำจะกล่าว ของสิ่งนี้ก็ช่างไม่เห็นแก่ผู้คนเอาเสียเลย เอาแต่เป็นเช่นนี้ ผู้ใดจะสามารถที่จะเปิดมันขึ้นมาได้กัน?
“บางที ลองใช้การโลหิตเซ่นวัตถุชิ้นนี้ดู อาจจะสามารถเปิดขึ้นมาได้ก็ได้?” ชิงหญิงทันใดนั้นเอ่ยปากขึ้นมา เห็นได้ชัดว่านางได้นึกถึงช่วงเวลาในตอนที่กำลังเปิดตำหนักศิลาขึ้นมาได้ โลหิตสีดำที่ไหลรินไปมากลับกลายเป็นที่หวั่นไหวต่อจิตใจผู้คนยิ่งนัก
ทุกคนต่างก็งงงันขึ้นมาเล็กน้อย จากนั้นต่างก็พยักหน้าไปตามๆ กัน หลังจากนั้นจงหลี่ก็ได้ทำการทดลองก่อน จนท้ายที่สุดแม้แต่หยดเลือดของตัวชิงหญิงเองเหล่านั้น ก็ยังใช้การไม่ได้ผล
“แม้แต่โลหิตของชนชั้นมหาราชันก็ใช้ไม่ได้?” ไต๋ซือหวู่โหวที่มองดูจนเกิดอาการเจ็บปวดใจในขณะที่หยดโลหิตบริสุทธิ์ลงไป กลุ่มผู้คนต่างก็ไร้คำจะกล่าว แม้แต่เช่นนี้ก็ยังไม่ได้ผลอีก
“บางที ต้องใช้โลหิตบริสุทธิ์ภายในร่างกายของมังกรอสรพิษที่มีพลังการต่อสู้ในระดับมนุษย์ศักดิ์สิทธิ์ทั้งสองตัวจึงจะสามารถที่จะเปิดขึ้นมาได้อย่างงั้นหรือ?” เยี่ยจงทันใดนั้นเอ่ยปากขึ้นมา ทอสีหน้าแฝงเอาไว้ด้วยความคาดเดาอยู่อีกหลายส่วน มังกรอสรพิษทั้งสองตัวนั้นในช่วงเวลาที่ได้ปรากฏตัวออกมาก็ได้ตายไปทันที ทุกผู้คนต่างก็คาดคิดกันว่าจะต้องเป็นผู้คุ้มกันโลงศพหยกอย่างแน่นอน แต่ว่าเยี่ยจงมีการคาดเดาอีกอย่าง ร่างกายของมังกรอสรพิษนั้นอาจจะเป็นกุญแจสำหรับโลงศพหยกก็เป็นได้
“เหว่ยเหว่ยเหว่ย เสี่ยวเยี่ยจง โลหิตบริสุทธิ์ของมังกรอสรพิษระดับศักดิ์สิทธิ์ ไม่ว่าจะเป็นเพียงแค่หยดเดียวก็ถือได้ว่ามีความล้ำค่ามากมายอย่างไร้ที่เปรียบ ชนชั้นมหาราชันที่ได้นำมันไปหลอมต่างก็คงสามารถที่จะได้รับประโยชน์อยู่ไม่น้อย เจ้าคงจะมิใช่เตรียมที่จะทำสิ่งของเช่นนี้สิ้นเปลืองไปหรอกนะ?” ไต๋ซือหวู่โหวทอสีหน้าเสียดายขึ้นมามิได้ เพราะว่าเขาเองก็เข้าใจได้เป็นอย่างดี โลหิตบริสุทธิ์ของมนุษย์ศักดิ์สิทธิ์แท้จริงแล้วมีความสำคัญมากมายแค่ไหนกัน
“ไม่แน่ว่า นี้จะมีความลับแห่งการสำเร็จเป็นเซียนอยู่ก็เป็นได้ หรืออาจจะมีศพเซียนอยู่จริงก็ได้ หากว่าสามารถที่จะได้โลหิตของเซียนมาเพียงหยดเดียว ก็ย่อมดีกว่าโลหิตบริสุทธิ์ของมนุษย์ศักดิ์สิทธิ์นับหมื่นเท่า” เยี่ยจงเอ่ยปากขึ้นมาอย่างเย็นชา
หลังจากนั้นไต๋ซือหวู่โหวกัดฟันขึ้นมา จึงได้ให้นำถ้วยทุนเทียนออกมา หลังจากนั้นก็ได้ทอสีหน้าเจ็บปวดขึ้นมานำโลหิตบริสุทธิ์ที่อยู่บนตัวศพของมังกรอสรพิษตัวหนึ่งออกมาหยดหนึ่ง
โลหิตที่ประดุจไข่มุกสีทองหยดหนึ่งก็ได้หยดลงบนโลงศพหยก ในขณะนั้น โลงศพหยกก็ได้สั่นไหวขึ้นมาเล็กน้อย สัญลักษณ์ทั้งหมดที่อยู่ด้านบนของโลงศพหยกนั้นต่างก็ทอเป็นประกายขึ้นมาเล็กน้อย
“ใช้ได้จริงด้วย เร็ว เอาออกมาอีกหลายหยด!” จงหลี่ลิงโลดขึ้นมาเป็นอย่างยิ่ง คิดไม่ถึงโลหิตบริสุทธิ์ของมังกรอสรพิษมนุษย์ศักดิ์สิทธิ์จะสามารถที่จะใช้ได้จริง
ไต๋ซือหวู่โหวขณะนี้ก็ไม่เจ็บปวดอีกต่อไป เขาได้หลอมโลหิตบริสุทธิ์ขึ้นมาอย่างรวดเร็ว หยดลงไปทีละหยดลงบนโลงศพหยกนั้น เมื่อโลหิตศักดิ์สิทธิ์สีทองหยดจนครบหยดที่เก้านั้นเอง โลงศพหยกที่มีขนาดเท่าหนึ่งฝ่ามือก็ได้ส่งเสียงดังขึ้นมาเบาๆ เดิมทีที่ด้านบนของโลงศพหยกที่เป็นเนื้อเดียวกัน ก็ได้ปรากฏเป็นร่องรอยขึ้นมาสายหนึ่ง
“ฝ่าโลงศพถูกเปิดแล้ว” คนมากมายจี๊จี๊จ๊ะจ๊ะออกมาด้วยเสียงที่ประหลาด ในเวลาเดียวกันมุ่งหน้าถอยไปทางด้านหลังอยู่หลายก้าว แล้วก็ได้วางโลงศพหยกบริเวณท่ามกลางสถานที่แห่งนี้
บรรยากาศความลี้ลับแต่ละสายก็ได้ปรากฏขึ้นมาตามรอยแยก หลังจากนั้นฝ่าครอบของโลงศพหยกก็ได้ปรากฏขึ้นมา ราวกับถึงเวลาที่จะเปิดขึ้นมาแล้ว
เยี่ยจงและคณะต่างก็เข้าใจขึ้นมาอย่างถึงที่สุด ในเวลาเดียวกันก็ได้ใช้ออกมาด้วยกระบี่แสงจันทร์และถ้วยทุนเทียนเพื่อคุ้มครองร่างกายเอาไว้ หลังจากนั้นจึงค่อยได้ไหลเวียนพลังลมปราณเพื่อที่จะเปิดฝ่าครอบโลงศพอย่างระมัดระวัง
เพราะว่า วัตถุชิ้นนี้เป็นโลงศพเก้าฟ้าสมบัติแห่งแดนซีฮวง ก็คงจะมีแต่สวรรค์เท่านั้นที่จะทราบได้ว่าเมื่อได้เปิดออกมาแล้วจะเกิดเรื่องอะไรขึ้น
“ผัวะ——”
ฝ่าครอบโลงศพของโลงศพก็ได้ถูกเปิดขึ้นมาด้านหนึ่งอย่างช้าๆ นอกเสียจากจะมีบรรยากาศความลี้ลับออกมายังภายนอกแล้ว ก็ไม่พบเห็นว่าจะมีสิ่งที่ประหลาดปรากฏขึ้นมาแต่อย่างไร
คนทั้งคณะต่างก็รวมตัวกันขึ้นมา เมื่อได้เห็นว่าเป็นเช่นนั้นแล้ว จงหลี่จึงได้กล่าวออกมา: “นี้ยังเป็นเพียงโลงศพชั้นนอก ดูเหมือนว่า สมควรที่จะมีด้วยกันทั้งหมดเก้าชั้น ชั้นสุดท้ายจึงจะถือได้ว่าเป็นตัวโลงศพอย่างแท้จริง”
คนมากมายในขณะที่กำลังหารือกันอยู่ รู้สึกว่าจะต้องมีไม่น้อยไปกว่าแปดเก้าชั้นอย่างแน่นอน หากไม่เปิดตัวโลงศพอีกทั้งหมดแปดชั้นแล้วละก็ ก็คงยากที่จะทราบได้ว่าภายในนั้นมีอะไรกันแน่
ต่อมา คนมากมายต่างก็ได้ให้ไต๋ซือหวู่โหวทำต่อไป เพราะว่านอกเสียจากเขาแล้ว คนอื่นๆ ต่างก็ไม่มีพลังฝีมือที่จะหลอมโลหิตบริสุทธิ์ของมังกรอสรพิษมนุษย์ศักดิ์สิทธิ์ออกมาได้
ไต๋ซือหวู่โหวใบหน้ากระตุกขึ้นมาด้วยความเจ็บปวด มาจนถึงขั้นนี้แล้วเขาเองก็ย่อมที่จะเข้าใจดี ว่าหลังจากที่เปิดโลงศพนี้เก้าฟ้านี้แล้ว แต่เมื่อได้นึกถึงว่าเขายากนักที่จะได้รับซากศพของมังกรอสรพิษระดับศักดิ์สิทธิ์ทั้งสองตัวได้ นี้มิใช่ถึงคราวจบสิ้นแล้วหรือไรกัน
ทว่า เรื่องเมื่อดำเนินมาจนถึงขั้นนี้ ต่อให้จะใช่หรือไม่ เขาก็ยังไม่อาจที่จะแน่ใจได้ ต่อมาก็ได้แต่หลอมโลหิตศักดิ์สิทธิ์ต่อไป หยดลงไปด้านบนของโลงศพหยก
ในครั้งนี้ โลหิตศักดิ์สิทธิ์สีทองทั้งหมดสิบแปดหยดเต็มๆ โลงศพหยกก็ได้ค่อยๆ ที่จะถูกปเปิดขึ้นมา หลังจากนั้นภายในนั้นก็ได้ปรากฏชั้นเล็กๆ ชั้นหนึ่งขึ้นมาจากวัสดุของโลงศพ
“จะเอาอีกหรอ!” ไต๋ซือหวู่โหวทอสีหน้าประหลาดขึ้นมา
“ไม่เป็นไร เอามาอีก พยายามเข้า” คนมากมายคะยั้นคะยอเขา ในเมื่อไม่จำเป็นที่จะต้องใช้โลหิตของตนเองอยู่แล้ว พวกเขาจึงไม่ได้เป็นห่วงเลยแม้แต่น้อย
ในครั้งนี้ แล้วก็ได้หยดโลหิตศักดิ์สิทธิ์สีทองลงไปอีกทั้งหมดยี่สิบเจ็ดหยด ฝ่าโลงศพชั้นที่สามก็ได้ถูกเปิดออกมาขึ้นมา
“ไม่เพียงแต่เป็นโลงศพเก้าฟ้า เก้าเก้ารวมเป็นหนึ่ง (九九归一) ” มาจนถึงขั้นนี้ คนมากมายต่างก็เข้าใจแล้ว วัตถุชิ้นนี้สมควรที่จะถูกอักขระซ้อนกันเป็นชั้นๆ อย่างถึงที่สุด โลงศพเดิมที่แบ่งเป็นเก้าชั้น จนเมื่อตอนที่ต้องเปิดในชั้นสุดท้าย อย่างน้อยก็คงจะต้องใช้โลหิตศักดิ์สิทธิ์ด้วยกันทั้งหมดแปดสิบเอ็ดหยดเพื่อที่เปิดออก
*九九归一เป็นสุภาษิตที่พูดถึงสิ่งที่มีเก้าชั้นเก้ารอบ รวมกันเป็นแปดสิบเอ็ดครับ ส่วนนี้ผู้แปลก็งงเหมือนกันครับเป็นเหมือนศัพท์ทางศาสนาพุทธ
“เปิดต่อไปเถอะ เปิดต่อไปเถอะ!” ทุกคนต่างก็คะยั้นคะยอ เพื่อให้ไต๋ซือหวู่โหวทำเร็วขึ้นมาอีกหน่อย
ไต๋ซือหวู่โหวราวกับกำลังทอสีหน้าร่ำไห้ออกมา ไม่อาจที่จะหยดโลหิตบริสุทธิ์ลงไปทีละหยดต่อไป……