Tranxending Vision – เนตรเนรมิตร - ตอนที่ 232
TXV – 232 คำเตือน !
หมู่บ้านหยู่หลิงเป็นหมู่บ้านเล็กๆที่ครอบครัวของเฉินตูอาศัยอยู่อย่างเงียบสงบ
การรักษาด้วยการฝังเข็มของเซี่ยเหล่ยใช้เวลากว่าครึ่งชั่วโมง ผลจากการรักษาทำให้ใบหน้าเฉินตูเหยินดูดีขึ้นถึงแม้ว่าเขาจะเดินยังไม่เป็นเหมือนคนปกติทั่วไปแต่เขาสามารถพูดออกมาได้เป็นคำพูด ในบางครั้งก็พูดออกมาเป็นประโยค……
เมื่อการรักษาเสร็จสิ้น เซี่ยเหล่ยถึงกับเหงื่อตกออกมาอาจเป็นเพราะความเครียดและเหนื่อยล้า
เฉินตูเทียนหยินนำผ้าเช็ดหน้าเช็ดมาเหงื่อบนหน้าของเซี่ยเหล่ยอย่างช้าๆและนุ่มนวล
เซี่ยเหล่ยแสดงสีหน้าภูมิใจออกมาเล็กน้อยก่อนจะพูดออกมาว่า “เสร็จแล้วครับ”
เฉินตูเหยินส่งผ้าเช็ดหน้าให้เซี่ยเหล่ย เขายิ้มมุมปากก่อนจะพูดว่า “คุณเซี่ย ขอบคุณ”
“คุณลุง ไม่ต้องขอบคุณผมหรอกหากคุณลุงออกกำลังกายให้บ่อยขึ้น ไม่นานคุณลุงก็จะกลับมาเดินได้ตามปกติก่อนเทศกาลฤดูใบไม้ผลิแน่นอน” เซี่ยเหล่ยตอบ
เฉินตูเหยินแสดงสีหน้ามีความสุขที่ได้ยินเช่นนั้น “ทุกวันนี้ เทียนหยินพูดถึงคุณมากกว่าผมสะอีก คุณคือคนที่ดีมากในโลกนี้มีโรงพยาบาลที่ดีที่สุดมีหมอที่ดีที่สุดแต่ไม่สามารถรักษาผมได้แต่…..คุณสามารถรักษาผมให้หายได้มันเป็นเรื่องที่วิเศษมาก คุณได้ให้ชีวิตใหม่กับผม ผมขอบคุณมากจริงๆ บอกผมมาเถอะว่าคุณต้องการอะไร? “
“คุณลุงครับ ผมไม่ต้องการอะไรจากคุณลุงหรอกแค่คุณลุงมีสุขภาพร่างกายที่แข็งแรงก็พอแล้ว ” เซี่ยเหล่ยตอบกลับทันที
“เรื่องนี้……….” เฉินตูเหยินมองไปยังเฉินตูเทียนหยิน
“พ่อ ฉันเคยบอกพ่อแล้ว เซี่ยเหล่ยไม่ใช่คนที่ทวงบุญคุณหรอกนะ เขาไม่ได้ต้องการเงินของพ่อหรอก ” เฉินตูเทียนหยินพูดด้วยรอยยิ้ม
“แล้วผมจะตอบแทนคุณได้อย่างไร?” เฉินตูเหยินยิ้ม
“คุณลุง ไม่ต้องพูดอะไรแล้วครับ ผมจะพาคุณลุงออกไปดูดวงอาทิตย์ด้านนอกนะ ” เซี่ยเหล่ยพยุงเฉินตูเหยินขึ้นไปนั่งบนรถเข็นก่อนจะเลื่อนรถเข็นของเขาออกไปด้านนอก
เฉินตูเทียนหยินหยิบผ้าห่มและเดินตามเซี่ยเหล่ยไป…….
ในช่วงฤดูหนาวเป็นช่วงที่แทบจะไม่มีแสงสว่างแต่วันนี้มีแสงแดดมากเป็นพิเศษ ท้องฟ้าสีฟ้าและดวงอาทิตย์ที่อบอุ่น เซี่ยเหล่ยพาเฉินตูเหยินไปยังสวนหลังบ้าน ก่อนที่หยุดยืนตรงกลุ่มของดอกคาเมเลียที่เบ่งบานสวยงาม ห่างไปไม่ไกลก็เห็นยอดภูเขาที่ถูกปกคลุมไปด้วยป่าทึบบางจุดที่ต้นไม้ดูเบาบาง บางจุดก็เห็นสีเขียวได้อย่างชัดเจน กลีบดอกไม้กระทบกับแสงแดดอ่อนๆและในป่าก็เต็มไปด้วยเหล่าของดอกไม้ ช่างเป็นภาพที่น่าชื่นชมจริงๆ
“จริงๆแล้ว ผมไม่คิดเลยว่าชีวิตนี้จะได้เห็นทิวทัศน์ที่สวยงามเช่นนี้ ผมรู้สึกว่าเหมือนฝันไปเลยจริงๆ ” เฉินตูเหยินพูดพร้อมถอนหายใจ
คนที่สามารถมองเห็นได้ปกติไม่สามารถเข้าใจความรู้สึกของคนที่เคยตาบอดและกลับมามองเห็นได้อีกครั้งหรอก โดยเฉพาะคนที่เคยรู้สึกเหมือนตกนรกไปแล้วอย่างเฉินตูเหยินเท่านั้นที่จะเข้าใจความรู้สึกนี้
“คุณลุงใช้ปั้นปลายชีวิตให้มีความสุขนะครับ ทุกๆวันต้องเป็นวันที่ดีอย่างแน่นอน ” เซี่ยเหล่ยพูดพร้อมรอยยิ้ม
“ฮ่า ฮ่า ” เฉินตูเหยินยิ้มทั้งหัวเราะ “เซี่ยเหล่ยได้ยินว่าคุณมีแฟน ทำไมคุณไม่พาเธอมาด้วยละ?”
เขาได้ยินเช่นนั้นจึงไม่รู้ว่าจะตอบเช่นไรกลับไป
“พวกเรา……เลิกกันแล้วครับ ” เซี่ยเหล่ยตอบด้วยสีหน้าเศร้าหมอง
“จริงหรอ? ผมไม่น่าถามเช่นนั้นเลย” เฉินตูเหยินพูดด้วยน้ำเสียงรู้สึกผิด
“ไม่เป็นไรครับ” เซี่ยเหลี่ยตอบ
เฉินตูเทียนหยินได้ยินเช่นนั้นจึงเงียบ เธอไม่มีคำถามอะไรจะถามเซี่ยเหล่ยต่อเพราะเธอรู้ว่าเซี่ยเหล่ยไม่สบายใจแต่ในไม่ช้าเธอก็แอบยิ้มออกมา……….
ทันใดนั้นโทรศัพท์ของเซี่ยเหล่ยก็ดังขึ้น เขาก้มลงมองชื่อบนหน้าจอโทรศัพท์ก่อนจะพูดว่า “ขอโทษนะครับ ผมขอตัวไปรับสายโทรศัพท์ก่อน ” เขาเดินออกไปรับโทรศัพท์ไม่ไกลจากบริเวณนั้นมากนัก
“เทียนหยิน เขาเพิ่งอกหักมา ลูกควรทำให้เขาสบายใจขึ้นนะ ” เฉินตูเหยินพูดด้วยความเป็นห่วง
“เขาไม่ได้ต้องการความสบายใจหรอกพ่อ ถ้าเขาไม่สามารถทนต่อความเจ็บปวดในใจได้ เขาก็ไม่สามารถเป็นผู้ชายที่เข้มแข็งในอนาคตได้ ” เฉินเทียนหยินตอบ
เฉินตูเหยินมองไปที่เฉินตูเทียนหยิน “พ่อรู้ว่าลูกชอบเขา ตอนนี้เขาก็เลิกกับแฟนแล้ว ลูกควรทำให้เขาสบายใจนะ เขามีบุญคุณกับเรามากมายเรื่องนี้สำคัญมากจำที่พ่อสอนได้ใช่ไหม?”
“ก่อนหน้านี้ลูกพยายามอย่างมากแต่ก็พ่ายแพ้ให้กับหลางซือเหยา ลูกจะไม่พยายามเพื่อผู้ชายคนนี้อีก ลูกคือเฉินตูเทียนหยินถึงแม้ว่าผู้ชายคนนี้จะดีที่สุดในโลก เขาต้องเป็นคนที่ต้องการลูกมากกว่าที่ลูกต้องการเขา ! ” เฉินตูเทียนหยินตอบพ่อของเธอกลับไป
เฉินตูเหยินยิ้มแบบขมขื่นก่อนจะตอบว่า “เขาเป็นผู้ชายที่ดีมาก ผู้ชายทุกคนต้องการผู้หญิงมาข้างกาย เขาก็เป็นผู้ชายคนหนึ่ง พ่อเข้าใจลูก บางครั้งในชีวิตคนเราก็ไม่สามารถควบคุมได้ไม่มีอะไรรับประกันได้หรอกว่าในอนาคตหลางซือเหยาจะไม่กลับเข้ามาในชีวิตของเขาอีก ลูกว่าจริงไหม ? ถ้าหลางซือเหยากลับเข้ามาอีกครั้งมันก็คงจะเป็นเรื่องยากที่ลูกจะได้เข้าไปในหัวใจของเขา ”
เฉินตูเทียนหยินยิ้มทีละน้อยก่อนจะแสดงสีหน้าที่เต็มไปด้วยรอยยิ้มออกมา “เขาเพิ่งจะอกหักมา มันคงจะเร็วเกินไปที่จะให้ผู้หญิงคนอื่นเข้าไปในชีวิตของเขา เขาคงต้องการคนที่เขาเลือกเข้าไปอยู่ในชีวิตของเขาเองมากกว่า อย่ากังกลไปเลยพ่อ ตอนนี้พ่อต้องพักฟื้นก่อนนะ ”
เฉินตูเหยินถอนหายใจก่อนจะพูดว่า “ลืมมันไปเถอะ พ่อคงกำหนดชีวิตลูกไม่ได้ ลูกยังสาว ลูกยังมีทางเลือกอีกมาก พ่อคิดว่าตอนนี้ลูกกำลังสับสนกับเรื่องราวที่เกิดขึ้น ”
เมื่อเซี่ยเหล่ยคุยโทรศัพท์เสร็จแล้วเขาจึงเดินกลับมาและพูดว่า “ ขอโทษครับ ผมต้องไปจัดการบางเรื่องที่บริษัทผมคงต้องกลับก่อน คุณลุงไว้ผมจะกลับมาใหม่นะครับ ”
“เกิดอะไรขึ้นหรอ? คุณยังไม่ทานอาหารเที่ยงเลยนะจะกลับแล้วหรอ? ” เฉินตูเหยินถาม
“ไว้โอกาสหน้านะครับ ผมลาแล้วไว้ผมจะแวะมาใหม่นะครับ เทียนหยิน ไปก่อนนะไว้เจอกันใหม่” เซี่ยเหล่ยบอกลาก่อนที่จะหันหลังเดินกลับไปซึ่งสีหน้าของเขาในตอนนี้ดูกังวลเป็นอย่างมาก
“เกิดอะไรขึ้นหรอ?”
“ไม่มีอะไรหรอกเรื่องเล็กน้อยหน่ะ ผมไปก่อนนะ ” เซี่ยเหล่ยตอบ
ทั้งสองมองเซี่ยเหล่ยเดินจากไปหลังจากนั้นเฉินตูเหยินจึงพูดกับเฉินตูเทียนหยินว่า “ไม่ไปส่งเขาหน่อยหรอ?”
“ไม่ต้องไปส่งหรอกพ่อ ” เฉินตูเทียนหยินตอบอย่างเย็นชา
เฉินตูเหยินหลุบตาลง เขาหยุดคิดไม่ได้ว่าลูกสาวของเขามีอารมณ์แบบไหนกันแน่ อารมณ์ของพวกผู้หญิงช่างเข้าใจยากซะเหลือเกิน
แต่ในขณะนั้นเฉินตูเทียนหยินแอบยิ้มออกมา……….
เซี่ยเหล่ยเลี้ยวรถกลับไปที่บริษัทอุตสาหกรรมอาชาสายฟ้าเมื่อขับรถผ่านประตูไปก็พบกับกลุ่มคนงานในเครื่องแบบของสำนักอุตสาหกรรม เครื่องแบบเชิงพาณิชย์และเครื่องแบบแผนกตรวจสอบคุณภาพ เซี่ยเสวียและกวนหลิงชานกำลังเจรจากับหัวหน้าคนนึงอยู่เมื่อเซี่ยเหล่ยเห็นเช่นนั้นจึงเดินลงจากรถอย่างรวดเร็ว
กวนหลิงชานหันไปเห็นเซี่ยเหล่ยจึงรีบเดินเข้าไปหาและพูดว่า “ประธานเซี่ย คุณมาได้ทันเวลาพอดี พวกเขายืนยันว่าสินค้าของเรามีปัญหาด้านคุณภาพมีความเสี่ยงด้านความปลอดภัยขั้นร้ายแรง ฉันพยายามอธิบายแล้วแต่พวกเขาไม่ฟัง ”
และนี่คือเรื่องที่เซี่ยเหล่ยคุยกับกวนหลิงชานขณะที่อยู่บ้านของเฉินตูเหยิน ในสายโทรศัพท์นั้นเธออธิบายสถานการณ์ไม่ละเอียดเท่ากับเขามาเจอสถานการณ์เองจริงๆ
“ผมรู้ ตรงนี้ผมจะจัดการเอง คุณช่วยไปที่สำนักงานและใช้โทรศัพท์บนโต๊ะของผมโทรหานายกเทศมนตรีหู่ฮั่ว บอกเขาเกี่ยวกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้น ผมอยากรู้ว่าเขาจะมีวิธีแก้ไขอย่างไร ”
“ค่ะ ฉันจะไปเดี๋ยวนี้ ” กวนหลิงชานพูดเสร็จก็เดินไปทีสำนักงานทันที
เซี่ยเหล่ยเดินผ่านกลุ่มคนงานในเครื่องแบบของแผนกตรวจสอบคุณภาพของสำนักงานอุตสาหกรรมและเครื่องแบบเชิงพาณิชย์ไปและพูดด้วยรอยยิ้มว่า “สวัสดีครับ ผมคือเซี่ยเหล่ย บริษัทนี้อยู่ภายใต้การดูแลของผม ”
เขาพูดกับผู้ชายคนหนึ่งซึ่งเป็นคนเดียวกับที่กวนหลิงชานเข้าไปเจรจาในครั้งแรกแต่ไม่สำเร็จ “ผมชื่อ ‘เฉียวปิง’ ผมเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์และอุตสาหกรรม ซึ่งผมรับผิดชอบในด้านคุณภาพของสินค้า ”
เซี่ยเหล่ยยื่นมือออกไปและพูดด้วยรอยยิ้มว่า “ก่อนอื่นเลย ต้องขอสวัสดีท่านเฉียว เชิญท่านไปนั่งในห้องรับรองก่อน ”
เฉียวปิงจับมือกับเซี่ยเหล่ยและพูดว่า “ไม่จำเป็นหรอก ผมขอคุยเรื่องนี้ตรงนี้เลย ”
“เชิญท่านพูดก่อนเลย” เซี่ยเหล่ยเจรจาด้วยท่าทีที่สุภาพ
“นี่คือสิ่งที่พวกเราได้รับรายงานมาจากผู้บริโภคบางส่วน สินค้าสเก็ตบอร์ดอัตโนมัติของบริษัทคุณทำให้เด็กหลายคนได้รับบาดเจ็บ พวกเราได้ทดสอบแล้วว่าสเก็ตบอร์ดไฟฟ้าของบริษัทคุณมีปัญหาด้านคุณภาพมีความเสี่ยงด้านความปลอดภัยขั้นร้ายแรง พวกเราจึงมาที่นี้เพื่อขอตรวจสอบ ถ้าหากเป็นความจริงคุณต้องหยุดการผลิตสินค้าในทันทีหากแก้ไขปัญหาเรียบร้อยแล้ว บริษัทของคุณก็สามารถกลับมาผลิตสินค้าได้อีกครั้ง ” เฉียวปิงพูดอย่างเฉยเมยราวกับว่าเขาเตรียมเรื่องที่พูดมาหมดแล้ว
การเจรจาไม่สู้ดีเพราะทั้งสองฝ่ายต่างมีเหตุผล เซี่ยเหล่ยจำได้ว่าบริษัทบีวายดีไม่สามารถจัดส่งอุปกรณ์แบตเตอรี่ให้กับบริษัทของเขาแล้วยังมาเกิดเหตุการณ์ในวันนี้อีก เรื่องทั้งหมดนี้ต้องไม่ใช่เรื่องบังเอิญอย่างแน่นอน…………….
เซี่ยเหล่ยแสดงความบริสุทธิ์ใจต่อสิ่งที่เกิดขึ้นสีหน้าของเขายังนิ่งเฉยในขณะที่เขาพูดด้วยรอยยิ้มว่า “มันเป็นไปไม่ได้หรอกครับ สเก็ตบอร์ดอัตโนมัติของบริษัทเราวางขายในตลาดทั่วยุโรป พวกเราได้รับการตอบรับที่ดีเยี่ยม เรามีการรักษาความปลอดภัยที่ถูกต้องและเหมาะสม ผมไม่ได้รับรายงานเรื่องการร้องเรียนด้านความปลอดภัยที่เกิดขึ้นจากตลาดทางยุโรปเลยนะครับ ปัญหาที่เกิดขึ้นกับสินค้าของบริษัทเราในประเทศจะเกิดขึ้นได้อย่างไร ?”
“คุณหมายความว่าการรักษาคุณภาพด้านความปลอดภัยของสินค้าในจีนมีน้อยกว่าสินค้าที่ส่งออกไปตลาดยุโรปงั้นหรอ?” เฉียวปิงถามด้วยสีหน้าสงสัย
เซี่ยเหล่ยได้ยินเช่นนั้นก็คิ้วขมวดขึ้นมาทันทีและพูดต่อว่า “ท่านเฉียว ผมไม่ได้หมายความว่าแบบนั้น ”
“ผมได้ชี้แจงเรื่องนี้ไปชัดเจนแล้ว คุณต้องให้ความร่วมมือกับเรื่องนี้ ” เฉียวปิงตอบ
เซี่ยเหล่ยให้เจ้าหน้าที่ตรวจสอบคุณภาพกลุ่มอุตสาหกรรมและพาณิชยกรรมที่ได้รับการฝึกอบรมมาแล้วดำเนินการตรวจสอบคุณภาพและความปลอดภัยของคลังสินค้าบริษัท อุตสาหกรรมอาชาสายฟ้าของเขาทันที…….
กวนหลิงชานเดินกลับมาจากตึกสำนักงาน เธอเดินเข้าไปกระซิบข้างหูเซี่ยเหล่ยว่า “ประธานเซี่ย เลขาของนายกเทศมนตรีหู่ฮั่วบอกว่าท่านเดินทางไปต่างประเทศ เราคงไม่มีทางจัดการเรื่องนี้ได้ คุณลองใช้โทรศัพท์ส่วนตัวโทรหาท่านดีมั้ย ? เราอาจจะได้รับการตอบกลับมากกว่าโทรศัพท์ของสำนักงาน ”
“ไม่มีประโยชน์หรอก ผมไม่ต้องการให้ท่านได้รับผลกระทบจากเรื่องนี้ยังไงตอนนี้ก็ช่วยเหลือตัวเองไปก่อนละกัน ” เซี่ยเหล่ยส่ายหน้าก่อนตอบ
“แล้วพวกเราจะทำอย่างไรดี ?” กวนหลิงชานถามด้วยสีหน้าที่กังวลเป็นอย่างมาก
เซี่ยเหล่ยให้กวนหลิงชานโทรหานายกเทศมนตรีหู่ฮั่วเพื่อต้องการมั่นใจอะไรบางอย่าง หู่ฮั่วให้ความช่วยเหลือในสินค้าสเก็ตบอร์ดอัตโนมัติของบริษัทอุตสาหกรรมอาชาสายฟ้า มาตลอด หากแผนกตรวจสอบคุณภาพสำนักงานอุตสาหกรรมและเชิงพาณิชย์ต้องการตรวจสอบบริษัทของเขาจะส่งผลกระทบต่อการหน้าที่การงานของหู่ฮั่วนี่แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนว่าพวกเขาต้องการบีบบังคับบริษัทไม่ให้หู่ฮั่วใช้อำนาจในการช่วยเหลือบริษัทอีก
ในเมืองห่ายจู มีใครที่มีอำนาจมากกว่าหู่ฮั่วอีก?
และชัดเจนว่าคำตอบที่ดีที่สุดคือตระกูลกู๋นั่นเอง
ตระกูลกู๋เป็นมหาอำนาจในเมืองห่ายจูและสถานการณ์ที่เกิดขึ้นดูเหมือนว่าบริษัท อุตสาหกรรมอาชาสายฟ้ากำลังถูกข่มขู่จากตระกูลนี้
เซี่ยเหล่ยรู้สึกโกรธมากแต่เขายังคงต้องแสดงท่าทางที่สงบนิ่งต่อไป “ท่านเฉียว คุณจะดำเนินการอย่างไรต่อ ?”
เฉียวปิงยิ้มอย่างภาคภูมิใจก่อนจะพูดต่อว่า “คุณหมายความว่าอย่างไร? ดำเนินการอย่างไรนั้นหรอ ถ้าสินค้าของคุณมีการรักษาความปลอดภัยที่ดีได้ตามมาตราฐานเราจะไม่ทำอะไรคุณและให้คุณทำการผลิตสินค้าของคุณต่อไปแต่ถ้าหากมีการพบว่าบริษัทของคุณมีการผลิตที่ไม่ได้มาตราฐาน ผมจำเป็นต้องระงับธุรกิจเพื่อแก้ไขและจากนั้นจะต้องได้รับการตรวจสอบ ”
“ใครเป็นคนฟ้องร้องบริษัทของผมหรอ?” เซี่ยเหล่ยถาม
เฉียวปิงให้พนักงานการค้าและอุตสาหกรรมคนหนึ่งหยิบเอกสารในกระเป๋าของเขาออกมาและยื่นใส่มือของเซี่ยเหล่ย
ในเอกสารเป็นรายละเอียดเกี่ยวกับข้อร้องเรียนของสินค้าที่ไม่มีคุณภาพ รวมไปถึงข้อเรียกร้องจากผู้ที่ได้รับบาดเจ็บและรายละเอียดการชดเชยค่าเสียหายที่เหมาะสม
ข้อเรียกร้องดังกล่าวจะเป็นจริงหรือไม่ ไม่ได้สำคัญโลกใบนี้คำพูดของคนสามารถทำให้คนที่บริสุทธิ์กลายเป็นคนที่เลวได้และสามารถทำให้คนที่เลวร้ายกลายเป็นคนที่บริสุทธิ์ได้เช่นกัน เมื่อคนเหล่านี้กล้าที่จะเรียกร้อง ทางบริษัทเองก็ไม่สามารถพิสูจน์ได้ว่าข้อร้องเรียนเหล่านี้เป็นความจริงหรือไม่
เซี่ยเหล่ยอ่านเอกสารอย่างไร้ความกังวลหลังจากนั้นเขาก็ยื่นเอกสารคืนไป
“คุณเข้าใจถึงปัญหาขั้นร้ายแรงนี่ใช่ไหม?” เฉียวปิงถาม
เซี่ยเหล่ยแสดงท่าทีกำลังคิดโดยการกำมือและลูบสันจมูกไปมา
“ผมขอตรวจสอบด้วยครับ” เฉียวปิงยิ้มมุมปากออกมา
เซี่ยเหล่ยรู้ดีว่าผลการตรวจสอบจะออกมาเป็นอย่างไรเขาจึงพูดเพียงว่า “ตอนนี้ผมกำลังรอผลการตรวจสอบของคุณอยู่เลยครับ ”
ติดตามตอนต่อไป…………